เมื่อซิปเต็นท์ถูกเปิดออก ภาพของอาร์ตที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างในทำให้ทุกคนโล่งใจและพร้อมใจกันตะโกนสุดเสียง
"ไอ้อาร์ต! มึงไปอยู่ไหนมา!" นัทพูดพลางก้าวเข้าไปหาอาร์ต น้ำเสียงผสมระหว่างความดีใจและหงุดหงิด
อาร์ตเงยหน้าขึ้นมา หน้าเขาดูซีดเซียวและเหนื่อยล้า ท่าทางเหมือนผ่านอะไรมามากมาย
"ใจเย็นๆ ทุกคน...กูไปเข้าห้องน้ำ แล้วอยู่ดีๆ กูก็เห็นเด็กคนหนึ่งเดินผ่านหน้า กูคิดว่าเป็นใครบางคนในหมู่นักท่องเที่ยวเดินละเมอเข้าป่า เลยวิ่งตามไปหวังจะช่วย"
แป้งขมวดคิ้ว หรี่ตามองอาร์ตด้วยความงุนงง "เด็ก? กลางดึกเนี่ยนะ? แล้วทำไมไม่เรียกพวกเราไปด้วยกันล่ะ"
อาร์ตถอนหายใจเหมือนเหนื่อยล้าเกินกว่าจะอธิบาย
"มันเหมือนเขาเดินช้าๆ ไปเรื่อยๆ แค่ลำพังเดินตามก็ใช้เวลามากแล้ว กูเลยคิดว่าจะรีบช่วยแล้วกลับมาเร็วๆ แต่เด็กคนนั้น...เขาเดินลึกเข้าป่าไปเรื่อยๆ จนกูหลงทางอยู่ในความมืด"
อิงยกมือปิดปากตนเอง ดวงตาเบิกกว้าง "เด็กคนนั้น...อาจจะไม่ใช่เด็กธรรมดาก็ได้นะ พวกเขาว่ากันว่าป่าแบบนี้มักมีวิญญาณหรือสิ่งลึกลับอยู่"
โชคได้ยินก็ขนลุกชัน "โถ่เว้ย! พวกเราก็แค่เจอเด็กหลงป่าไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเป็นผีเป็นปีศาจด้วย!"
นัทขัดจังหวะก่อนที่โชคจะพูดต่อ "ยังไงก็แล้วแต่ ต่อจากนี้ไป เราจะไม่แยกกันอีก มันอันตรายเกินไป แล้วไอ้อาร์ต...ตอนนั้นเด็กคนนั้นไปไหนต่อ?"
อาร์ตนิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังพยายามรวบรวมความคิด
"เขาหายไป...เหมือนละลายไปกับความมืดต่อหน้าต่อตากู กูยังไม่ทันจะเรียกก็หายไปเลย ตอนนั้นทั้งกลัวทั้งสับสน เลยพยายามหาทางกลับมา"
เสียงลมพัดผ่านต้นไม้รอบๆ บรรยากาศยิ่งน่ากลัวขึ้น ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่อิงจะพูดขึ้นอีกครั้ง
"ถ้าเขาไม่ใช่เด็กธรรมดาล่ะ...ถ้าเขาเป็นบางสิ่งที่ต้องการให้เราหลงป่านี้ไปทีละคน?"
บรรยากาศเงียบงันเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ทุกคนสบตากันด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
"ถ้างั้น...เรายิ่งต้องรีบออกจากที่นี่" นัทพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เมื่อทุกคนเก็บของเสร็จ พวกเขารีบออกจากแคมป์ทันที ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจของแต่ละคน จนทุกก้าวที่เดินเต็มไปด้วยความกังวล
"ทำไมรู้สึกเหมือนป่านี่มันเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เรามอง"
แป้งพูดขึ้นพลางหันมองรอบๆ เธอรู้สึกว่าเส้นทางที่พวกเขาเดินผ่านดูแปลกไป ต้นไม้สูงทึบขึ้น และบรรยากาศรอบๆ ก็เงียบจนผิดปกติ
"เราก็รู้สึกแบบนั้น" อิงพูดเสียงสั่น "เหมือนตอนที่เราเดินเข้ามา มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนี้ แต่ว่าตอนนี้...ทุกอย่างดูเหมือนป่าร้าง ไม่มีร่องรอยใครผ่านมาเลย"
"อาจจะเพราะพวกเรากลัวเกินไปเลยคิดไปเองก็ได้" โชคพยายามปลอบใจตัวเอง แต่สีหน้าของเขาก็แสดงความไม่สบายใจอย่างชัดเจน "แต่...กูเองก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกๆ เหมือนกัน"
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงสำนักงานไม้เก่าๆ ที่ควรจะมีคนคอยดูแลในช่วงกลางวัน พวกเขากลับพบว่าอาคารดูร้างไร้ชีวิต สำนักงานนั้นปกคลุมด้วยเถาวัลย์และมอสจนเหมือนมันถูกทิ้งไว้นานแรมปี บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินแค่เสียงลมพัดและเสียงใบไม้เสียดสีกัน
"นี่มันอะไรกัน… ตอนที่เรามาถึง ที่นี่ไม่ใช่แบบนี้นี่" นัทพูดเบาๆ ความสับสนและตกใจปรากฏในน้ำเสียงของเขา "ที่นี่มันเหมือนถูกปล่อยร้างมานานแล้ว"
อาร์ตจ้องไปที่สำนักงานด้วยสีหน้าไม่สบายใจ "หรือเราเข้ามาในที่ที่ไม่ควรจะมา หรือบางที…ที่นี่อาจจะไม่ใช่ที่ของคนเป็นก็ได้"
อิงตัวสั่น ยืนใกล้ๆ กับแป้งพลางกระซิบ "เรา...เรายังมีหวังจะออกไปจากที่นี่ได้ใช่ไหม?"
"เราจะออกไปได้" นัทตอบเสียงหนักแน่น แม้ตัวเขาเองจะรู้สึกไม่มั่นใจ "แต่เราต้องใจเย็นและตั้งสติ ถ้าเรากลัวมากไป มันจะทำให้เราหาทางออกไม่ได้"
หลังจากเดินมานานกว่าสองชั่วโมง โดยที่ทิศทางดูไม่คุ้นตา ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้า บรรยากาศอึดอัดและเงียบสงัดของป่าทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกสูบพลังไปทุกย่างก้าว
“นี่มันอะไรกันแน่? ตอนเข้ามาไม่ได้ไกลขนาดนี้นี่!” ตูนบ่นอย่างหงุดหงิด เขาถอนหายใจหนักพลางหยุดเดินพักข้างต้นไม้ใหญ่
"มึงก็ใจเย็นหน่อยเถอะ" นัทพยายามพูดปลอบเพื่อน “ถ้าเราเริ่มหงุดหงิดแบบนี้ มันจะทำให้เราหาทางออกไม่เจอ”
“แต่ตอนนี้กูเริ่มหมดแรงแล้วนะ มันไม่ไหวแล้ว!” ตูนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ตอนนี้ทึบด้วยกลุ่มเมฆดำเหมือนใกล้จะมืดลงอีกครั้ง บรรยากาศดูเหมือนอึมครึมขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใจเขาหนักหน่วงกว่าเดิม
โชคเองก็หอบอย่างเหนื่อยล้า พยักหน้าเห็นด้วย “กูไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราถึงยังไม่เจอทางออกอีก ปกติเราควรจะกลับถึงที่จอดรถแล้วสิ”
อิงเริ่มเสียงสั่นเมื่อเธอเอ่ยขึ้น “หรือว่า...ป่ามันพาเราหลง? เราเคยได้ยินว่าที่บางแห่งมีอาถรรพ์ ทำให้คนหลงวนไปมา”
คำพูดของอิงทำให้ทุกคนเงียบลงไปชั่วขณะ ความคิดเรื่องอาถรรพ์และวิญญาณเริ่มทำให้แต่ละคนจิตตก แป้งที่ยืนเงียบมาตลอดเริ่มรู้สึกหนาวเย็นจับใจ เธอกอดตัวเองแน่น สบตากับอาร์ตที่ดูครุ่นคิดเช่นกัน
"พวกมึง… กูว่าป่านี้อาจจะไม่ใช่แค่ป่า" อาร์ตพูดเบาๆ “มันเหมือนกำลังเล่นอะไรบางอย่างกับพวกเราอยู่”
นัทพยายามรวบรวมกำลังใจ แม้ภายในใจของเขาจะสั่นคลอน "เราจะไม่ปล่อยให้ความกลัวควบคุมเรา...ลองสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินต่อเถอะ เราต้องเจอทางออกแน่ แค่ต้องตั้งสติให้ดี"
ทุกคนพยักหน้าด้วยความรู้สึกที่ยังไม่มั่นคง แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเดินต่อไปข้างหน้า ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัวและปริศนาที่ลอยอยู่ในอากาศ....
เมื่อพวกเขาเดินต่อไปได้อีกพักหนึ่ง เส้นทางค่อยๆ ปรากฏสิ่งปลูกสร้างข้างหน้า ทุกคนค่อยๆ หยุดเดิน มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
"บ้านร้างอีกแล้วเหรอ?" โชคพูดเบาๆ ท่ามกลางความเงียบ จนเสียงของเขาดังก้องในป่า
นัทส่ายหน้า รู้สึกเหมือนเลือดในกายเขาเย็นเยียบลง "ไม่ใช่บ้านร้าง...นี่มัน...สำนักงานแคมป์ที่เราเพิ่งเดินผ่านออกมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน"
ทุกคนตกตะลึง อิงถึงกับทรุดลงไปนั่งกับพื้น ใบหน้าซีดเผือดก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
"ทำไมเป็นแบบนี้… ทำไมเราเดินกลับมาที่เดิม ทั้งๆ ที่เราพยายามออกไปแล้ว…พวกเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้เหรอ"
แป้งย่อตัวลงข้างๆ อิง พยายามปลอบเพื่อนด้วยเสียงสั่นๆ
"ไม่เป็นไรนะ เราจะหาทางออกได้…มันต้องมีทางออกสิ มันแค่...หลงทาง เดี๋ยวเราก็หาทางออกจากป่านี่ได้"
“นี่มันไม่ใช่การหลงทางธรรมดาแล้วนะ!”
ตูนตะโกนด้วยเสียงหงุดหงิดและความกลัวที่สะสม เขากำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ
“เราเดินตรงมาตลอด ไม่มีทางที่มันจะพาเรากลับมาที่เดิมแบบนี้ได้ มันต้องมีบางอย่างที่ทำให้เราเดินวน”
นัทกลืนน้ำลาย มองไปรอบๆ อย่างหนักใจ
"ใจเย็นๆ ก่อน เราทุกคนต้องตั้งสติ แม้มันจะดูเหมือนเรากำลังถูกอะไรบางอย่างเล่นงาน แต่มันอาจจะเป็นแค่การหลอกให้เรากลัวก็ได้"
อาร์ตยืนนิ่ง มองสำนักงานเก่าอย่างไม่ละสายตา เขากล่าวเบาๆ ราวกับพูดกับตัวเอง
"หรือว่านี่เป็นกับดักของป่า…ที่ล่อให้คนที่เข้ามาออกไปไม่ได้?"
โชคหันมองไปรอบๆ อย่างไม่มั่นใจ "หรือเราควรจะลองพักก่อนดีไหม เดินมานานแล้ว และเราก็ดูจะไม่มีทิศทางที่ชัดเจนด้วย"
นัทพยักหน้า แม้ภายในใจจะกังวล แต่เขารู้ว่าพวกเขาคงเดินต่อไปไม่ไหวในตอนนี้
"เอาอย่างนี้...เราจะพักสักครู่ ตั้งสติก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีว่าเราจะทำยังไงต่อไป"
ขณะที่พวกเขานั่งลงข้างสำนักงาน บรรยากาศเริ่มทึมทึบขึ้นอีกครั้ง ความเงียบของป่าทำให้ทุกคนได้ยินเสียงหายใจและเสียงสะอื้นเบาๆ ของอิง ขณะที่ความกลัวและความสิ้นหวังค่อยๆ คืบคลานเข้ามากัดกินใจพวกเขาทีละนิด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments