เมื่อมาถึงห้องน้ำ ตูนรู้สึกโล่งใจที่เห็นห้องสุดท้ายมีคนเข้าอยู่ ภายในห้องนั้นมีเสียงเปิดน้ำดังออกมาเบาๆ ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นที่รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องน้ำนี้ เขาหัวเราะเล็กน้อยกับความคิดของตัวเอง รู้สึกว่าคืนนี้มีแต่ความคิดบ้าๆ เต็มไปหมด
ตูน: (พูดกับตัวเองเบาๆ) “นี่แหละนะ…คนเราพอมาอยู่ในที่มืดๆ ก็พากันคิดอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อย”
เขาเดินไปเลือกห้องน้ำห้องที่สองจากซ้าย ปิดประตูและจัดแจงทำธุระ ขณะนั้น เสียงเปิดน้ำจากห้องสุดท้ายยังคงดังอยู่ สร้างความรู้สึกสบายใจให้เขา อย่างน้อยก็รู้ว่ายังมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ กัน
ตูนนั่งทำธุระในห้องน้ำด้วยความสบายใจ แถมยังรู้สึกขำกับตัวเองที่เพื่อนๆ กลัวเรื่องไร้สาระพวกนั้น จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เขาได้ยินเสียงเรียกแผ่วๆ มาจากหน้าห้องน้ำ เสียงนั้นเบาแต่ชัดเจน เป็นเสียงของเพื่อนสนิทอย่างอาร์ตที่เรียกชื่อเขา
เสียง: “ตูน… ตูน…”
เสียงเรียกดังขึ้นแค่สองครั้ง ก่อนจะเงียบหายไปในความเงียบ ตูนฟังแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าอาร์ตคงตามมาเข้าห้องน้ำด้วย เขายิ้มมุมปาก ขยับตัวเล็กน้อยแล้วพูดกับตัวเอง
ตูน: “สงสัยจะทนกลัวไม่ไหว ถึงตามมานี่ซะเอง”
เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป คิดว่าเดี๋ยวอาร์ตคงเข้ามาเอง จึงทำธุระต่ออย่างไม่เร่งรีบ แต่แล้วความเงียบก็ค่อยๆ กลับมาเยือนอีกครั้ง ไม่มีเสียงฝีเท้าของอาร์ต ไม่มีเสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำอื่นๆ มีเพียงเสียงน้ำจากห้องสุดท้ายที่ยังคงเปิดอยู่
เวลาผ่านไปสักครู่ เขาเริ่มรู้สึกว่ามันเงียบเกินไป ความรู้สึกไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว ตูนจึงตัดสินใจรีบทำธุระให้เสร็จเพื่อจะออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ตูน: (พูดกับตัวเอง) “หรือจะกลับกันไปหมดแล้ว…”
เขานั่งนิ่งอีกครู่หนึ่ง รอฟังว่าจะมีเสียงอะไรหรือเปล่า แต่ไม่มีแม้กระทั่งเสียงของอาร์ตที่ควรจะอยู่หน้าห้องน้ำ...
เมื่อตูนทำธุระเสร็จและเปิดประตูออกจากห้องน้ำ เขากวาดตามองห้องน้ำข้างๆ ทันทีเพื่อดูว่าอาร์ตอยู่ไหน แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นห้องน้ำที่ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเหล่านั้นเลย
แม้กระทั่งห้องสุดท้ายที่เมื่อครู่เขายังได้ยินเสียงน้ำเปิดอยู่ ตอนนี้กลับเงียบสนิท ราวกับไม่เคยมีใครอยู่ที่นั่นมาก่อน
ตูนรู้สึกขนลุกเล็กน้อย แต่พยายามไล่ความคิดไร้สาระออกไปจากหัว เขาเดินกลับไปที่เต็นท์อย่างไม่สนใจและบอกตัวเองว่า เพื่อนๆ คงกลับไปกันหมดแล้ว หลังจากเดินผ่านป่ามืดๆ เพียงลำพังจนกลับมาถึงเต็นท์ ตูนเห็นทุกคนนั่งอยู่รอบกองไฟอย่างเงียบๆ
เขาตรงเข้าไปหาอาร์ตและถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
ตูน: “เฮ้ย! อาร์ต ทำไมไม่รอกูที่ห้องน้ำล่ะ? เรียกกูไว้แป๊บเดียวก็หายไปเลย”
อาร์ตเงยหน้ามองตูนด้วยสีหน้างุนงงอย่างเห็นได้ชัด
อาร์ต: “มึงพูดถึงอะไร? กูนั่งอยู่ตรงนี้ตลอดไม่ได้ไปไหน”
ตูน: (ทำหน้างง) “อะไรกัน? กูได้ยินเสียงมึงเรียกกูอยู่หน้าห้องน้ำแน่ๆ เรียกสองครั้งแล้วก็เงียบไปเลย”
อาร์ตขมวดคิ้วและหันไปมองเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงอยู่รอบกองไฟ ทุกคนต่างทำหน้าสงสัยและมองหน้ากัน
อิง: (เสียงสั่นเล็กน้อย) “ไม่มีใครตามมึงไปหรอกนะตูน…พวกเรานั่งอยู่ที่นี่กันหมดตั้งแต่ที่มึงเดินไปห้องน้ำแล้ว”
แป้ง: (กระซิบ) “หรือว่าอาร์ตจะได้ยิน…อะไรที่ไม่ใช่พวกเรา?”
บรรยากาศรอบกองไฟเงียบลงอย่างน่ากลัว ตูนยืนอึ้ง รู้สึกเหมือนหัวใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขามองหน้าทุกคนด้วยความรู้สึกสับสน แต่ลึกๆ แล้วเริ่มรู้สึกได้ว่าบางอย่างไม่ปกติเกิดขึ้นกับเขาและเพื่อนๆ ในค่ำคืนนี้
หลังจากเหตุการณ์ที่ตูนเล่าถึงเสียงเรียกปริศนาที่ไม่มีใครอธิบายได้ ทุกคนก็เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากความมืดรอบตัว อากาศเริ่มเย็นลงจนพวกเขารู้สึกได้ ราวกับความหนาวเย็นนั้นกำลังบอกใบ้ถึงบางสิ่งที่มองไม่เห็นในป่ารอบตัว ทำให้ทุกคนไม่สบายใจที่จะนั่งอยู่นอกเต็นท์อีกต่อไป
นัท: (พูดขึ้นเพื่อคลายบรรยากาศ) “มันดึกแล้ว พวกเราควรเก็บของแล้วไปนอนกันดีกว่า”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ ช่วยกันเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดและดับกองไฟ บรรจุสิ่งของให้เรียบร้อยโดยไม่พูดอะไรมากนัก ความรู้สึกหวาดกลัวที่ค่อยๆ ก่อตัวในใจทำให้พวกเขาตกลงใจนอนรวมกันในเต็นท์เดียวกัน แม้จะเบียดเสียดไปบ้าง แต่ความอุ่นใจจากการได้อยู่ด้วยกันทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัยขึ้น
เมื่อทุกคนเข้าไปนอนในเต็นท์ เสียงหายใจและเสียงกระซิบเบาๆ สะท้อนในความเงียบของค่ำคืน พวกเขานอนเรียงกันจนแน่นเต็มพื้นที่เล็กๆ ในเต็นท์ ความเงียบปกคลุมไปทั่ว เหลือเพียงเสียงลมพัดผ่านต้นไม้และเสียงใบไม้เสียดสีกันเบาๆ รอบๆ บริเวณ
โชค: (กระซิบเบาๆ) “คืนนี้…มีใครรู้สึกแปลกๆ บ้างไหม?”
แป้ง: (ตอบด้วยเสียงแผ่ว) “เราก็รู้สึกนะ…เหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่รอบๆ เรา”
อาร์ต: (พูดเบาๆ ให้เพื่อนๆ ได้ยิน) “อย่าคิดมากน่า มันก็แค่บรรยากาศของป่า คงไม่มีอะไรหรอก”
อิง: (เสียงสั่น) “แต่เราเล่นผีถ้วยแก้วไปแล้ว…ถ้าเกิดเราเชิญอะไรเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะ?”
ทุกคนเงียบลงอีกครั้ง คำพูดของอิงทำให้ใจพวกเขากระตุก ราวกับความมืดภายนอกกำลังโอบล้อมและจับจ้องพวกเขาอยู่ ในที่สุด ด้วยความเหนื่อยล้าและอากาศเย็น ทุกคนค่อยๆ เคลิ้มหลับไปทีละคน
เมื่อเวลาผ่านไป หลายชั่วโมงในยามค่ำคืนที่เงียบสงัดและมืดมิด ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง เสียงลมหยุดพัด มีเพียงความเงียบกริบที่ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจ จนกระทั่ง...
เสียงกรอบแกรบของใบไม้ที่ถูกเหยียบเบาๆ ดังมาจากนอกเต็นท์ เสียงนั้นค่อยๆ ขยับใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่ละก้าวที่ดังแว่วๆ มา ราวกับมีใครบางคนกำลังเดินวนรอบเต็นท์ของพวกเขา เสียงดังเป็นจังหวะเบาๆ เหมือนจะเดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ แล้วก็หายไป ก่อนจะกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง
ตูนซึ่งนอนอยู่ใกล้ขอบเต็นท์พลิกตัวและลืมตาขึ้นช้าๆ เขาจ้องมองไปในความมืด ด้วยความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสียงฝีเท้าหนักๆ ยังคงวนอยู่รอบๆ เต็นท์ แต่ในขณะที่เขาพยายามตั้งใจฟัง เสียงนั้นก็หายไปอย่างกระทันหัน
ตูน: (กระซิบเบาๆ) “ใครอยู่ข้างนอก…?”
ไม่มีเสียงตอบกลับ ตูนรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นแปลกๆ ที่แผ่ซ่านเข้ามาจนเขาขนลุก ไม่ทันไร อิงซึ่งนอนอยู่ด้านในขยับตัวแล้วพึมพำออกมาเบาๆ ท่าทางเหมือนเธอกำลังฝันร้าย
อิง: (เสียงแผ่วสั่น) “ใคร…อยู่ตรงนั้น…”
เสียงพึมพำของอิงทำให้เพื่อนๆ ที่นอนอยู่ใกล้ๆ ขยับตัวตาม พวกเขาลืมตาขึ้นในความมืด และจ้องมองไปยังหน้าของอิงที่ซีดขาว เธอหายใจถี่และแสดงสีหน้าหวาดกลัว จนทุกคนเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
ทันใดนั้น เสียงขูดขีดเบาๆ ดังขึ้นที่ผ้าเต็นท์จากด้านนอก ราวกับมีบางอย่างกำลังลากกรงเล็บแหลมไปตามผืนผ้า จนเกิดเสียงที่ทำให้ทุกคนขนลุก
แป้ง: (เสียงสั่น) “ทุกคน…ได้ยินเสียงนั้นมั้ย?”
โชค: (กระซิบด้วยความหวาดกลัว) “มันคืออะไร…ใครกำลังเล่นอะไรกับเรากันแน่?”
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าขยับออกไปดูด้านนอกเต็นท์ เพราะรู้ดีว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้อยู่ตรงนั้น เงามืดนอกเต็นท์ดูเหมือนจะเคลื่อนเข้าใกล้ทีละน้อย ราวกับกำลังแทรกซึมเข้ามาในอากาศรอบตัวของพวกเขา
นัท: (พยายามกลบเกลื่อนความกลัว) “เราต้องนิ่งไว้ อาจเป็นแค่สัตว์อะไรบางอย่างก็ได้…”
แต่เสียงนั้นกลับค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ราวกับสิ่งที่อยู่นอกเต็นท์กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขา และค่อยๆ กดน้ำหนักลงบนเต็นท์ด้านหนึ่งจนผ้าเต็นท์เบี้ยวเข้ามา
ความเงียบที่กดดันและเสียงขูดขีดจากด้านนอกเต็นท์ทำให้ทุกคนจมอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขานอนนิ่งราวกับไม่กล้าหายใจ เสียงฝีเท้าปริศนาเดินวนรอบเต็นท์ช้าๆ ราวกับว่ามันกำลังค้นหาทางเข้ามาใกล้พวกเขา ทุกคนต่างลืมหายใจ ความกลัวทวีขึ้นราวกับถูกพันธนาการด้วยความมืดมิดของป่า
จู่ๆ เสียงขูดขีดที่เคยลากกรงเล็บแหลมไปตามผ้าเต็นท์ก็หยุดลง เหลือเพียงความเงียบที่หนาวเหน็บ เมื่อทุกคนเริ่มรู้สึกโล่งใจ เสียงกระซิบแผ่วเบา เสียงเหมือนใครสักคนกำลังกระซิบเรียกชื่อพวกเขาทีละคนช้าๆ
เสียงกระซิบ: “นัท…อาร์ต…โชค…”
เสียงนั้นแผ่วเบาราวกับมาจากที่ไกลๆ แต่ก็ชัดเจนพอที่จะได้ยิน แม้แต่เสียงหายใจของตูนก็สั่นสะท้านจากความกลัวที่กำลังบีบคั้นหัวใจ ทุกคนต่างรู้ว่าไม่มีใครในกลุ่มเล่นตลกกัน แต่พวกเขาไม่อาจหยุดเสียงกระซิบปริศนานี้ได้
อิง: (กระซิบเสียงสั่น) “เสียงนั้น…มันเรียกชื่อเราได้ยังไง…”
ความหวาดกลัวค่อยๆ กัดกินจิตใจของทุกคน ราวกับมีบางสิ่งอยู่ตรงหน้าพวกเขา และเฝ้าจับจ้องอยู่ไม่ให้พวกเขาหนีไปไหน ทุกคนพยายามข่มใจและกุมมือกันไว้อย่างแน่น ความอบอุ่นจากการจับมือช่วยให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กน้อย แต่เสียงกระซิบปริศนานั้นยังคงลอยวนอยู่รอบๆ เต็นท์ ไม่หายไป
ในที่สุด นัทที่เป็นคนใจแข็งที่สุดในกลุ่มตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดไฟฉาย พยายามรวบรวมความกล้าเพื่อตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับสิ่งที่อยู่ข้างนอก แต่ทันทีที่แสงไฟฉายสาดส่องออกไปนอกเต็นท์ ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ความมืดนอกเต็นท์เงียบสนิทราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความสับสนและกลัว เสียงหัวใจเต้นแรงและเสียงหายใจที่เริ่มสงบลงเมื่อพบว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นจริงๆ
ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้งหลังจากเสียงกระซิบปริศนาและความหวาดกลัวที่ทำให้ทุกคนเครียดจนแทบไม่หลับตา แต่ในที่สุด พวกเขาก็ค่อยๆ ข่มตาหลับไปอีกครั้ง บางคนหลับไปอย่างหมดแรง บางคนยังคงรู้สึกถึงความกังวลที่สะสมอยู่ในใจ...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments