ทั้งหกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนเวลาล่วงเลยถึงห้าทุ่ม อากาศเริ่มเย็นเยือกขึ้น ชวนให้รู้สึกถึงความลึกลับของป่า
อิง: (ยิ้มๆ) “เพื่อนๆ! ทำไมเราไม่ลองเล่นผีถ้วยแก้วกันล่ะ? มันสนุกมากเลยนะ!”
อาร์ต: (เลิกคิ้ว) “ผีถ้วยแก้ว? กูไม่อยากให้เรานึกถึงเรื่องน่ากลัวในคืนนี้หรอกนะ”
นัท: (เป็นผู้นำ) “แต่ก็น่าสนใจนะ อิง ถ้าทุกคนโอเค เราลองดูก็ได้”
ตูน: (หัวเราะ) “กูไม่เชื่อเรื่องผีอยู่แล้ว ถ้าจะให้เล่น ผีถ้วยแก้วมันก็แค่เกม ไม่มีอะไรจริงจังหรอก”
โชค: (ตาโต) “แต่ถ้าเกิดว่ามันจริงล่ะ? กูไม่อยากเจออะไรแปลกๆ นะเว้ย”
แป้ง: (นั่งอ่านหนังสือที่ถืออยู่) “มันเป็นแค่การตั้งคำถามกับสิ่งที่เราไม่เข้าใจ แต่ถ้าทุกคนเห็นพ้องกัน เราก็ยินดีที่จะลอง”
อิง: (ยิ้มกว้าง) “ดีมาก! งั้นเราจัดโต๊ะกลางกองไฟกันเถอะ”
กลุ่มเพื่อนเริ่มจัดเตรียมโต๊ะด้วยแก้วน้ำสี่ใบ และตั้งมันท่ามกลางความมืด เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยเริ่มสงบลง เมื่อทุกคนตั้งใจฟังอิงอธิบายวิธีการเล่น
อิง: “เราจะวางนิ้วชี้ไว้บนแก้ว แล้วถามคำถาม เมื่อคำถามถูกถาม แก้วจะเคลื่อนที่ถ้า...”
ตูน: (ขัดขึ้น) “ถ้าผีมีอยู่จริงไง? เอาสิ ถ้าแก้วไม่เคลื่อนก็พิสูจน์ได้ว่ามันไม่มีจริง!”
นัท: “ก็ลองดูนะ ถ้ามันไม่เคลื่อนก็ถือว่าเราไม่ต้องกลัวกัน!”
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จ อิงเริ่มถามคำถามแรกอย่างตื่นเต้น ในขณะที่ทุกคนจับมือกันรอบแก้วด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าอาร์ตจะยังรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับการเล่นในคืนที่มืดมิดนี้
อิง: “ถ้ามีใครอยู่ที่นี่ โปรดแสดงตัว!”
ในช่วงแรก แก้วไม่เคลื่อนที่ แต่ทันใดนั้น เสียงลมพัดผ่านทำให้ไฟในกองไฟสั่นไหว ทั้งหกคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ขณะที่ตูนยังคงทำเป็นไม่เชื่อ แต่ก็เริ่มมีอาการกระวนกระวายใจ
โชค: (เสียงสั่น) “หวังว่าวันนี้มันจะไม่เกิดอะไรแปลกๆ นะ?”
นัท: “เรามาที่นี่เพื่อผจญภัย และนี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน!”
ความเงียบปกคลุมรอบกองไฟ ทุกคนยังคงจับมือกันไว้บนแก้วอย่างตั้งใจ จ้องมองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะด้วยความคาดหวัง แต่เวลาเคลื่อนผ่านไปก็ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แก้วยังคงนิ่งสนิท
ตูน: (ยิ้มมุมปาก) “หรือว่าผีเขาไม่รู้ว่าเราเชิญเขาน่ะสิ? ถ้างั้นเรามาระบุตัวกันไปเลยดีกว่า....เชิญผีที่เคยตายในป่าแห่งนี้มาแทนสิ!”
โชค: (ตาโตทันที) “เฮ้ย! อย่าเล่นแบบนี้สิ มันอาจจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ก็ได้นะ!”
แป้ง: (พูดเบาๆ) “บางทีตูนอาจจะพูดถูกนะ บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าเรากำลังติดต่ออยู่”
อิง: (ตื่นเต้น) “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นเราจะลองเจาะจงถามนะ”
ทุกคนพยักหน้าและก้มหน้าลง ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกังวลเล็กน้อย พวกเขาค่อยๆ หลับตาเพื่อสร้างสมาธิขณะที่อิงเริ่มตั้งจิตและถามอีกครั้งด้วยเสียงอันจริงจัง
อิง: (เสียงแผ่วเบา) “ถ้าผู้ใดที่เคยล่วงลับในป่าแห่งนี้ยังคงอยู่ โปรดแสดงตัว”
ทันใดนั้น สายลมเย็นยะเยือกพลันพัดมาวูบหนึ่ง ใบไม้ไหวกรอบแกรบอย่างน่าขนลุก ทำให้หลายคนรู้สึกถึงความผิดปกติในทันที และแม้แต่ตูนที่เคยยิ้มล้อเลียนก็ดูเงียบลง
นัท: (เสียงสั่นเล็กน้อย) “หรือว่า…มันอาจจะมีอะไรจริงๆ?”
อาร์ต: (ทำหน้าจริงจัง) “ถ้ามีอะไรอยู่จริง ก็อย่าเพิ่งเข้ามาหลอกพวกเราได้ไหม?”
บรรยากาศรอบตัวพวกเขายิ่งเงียบลง เหมือนทุกเสียงได้หายไปจากรอบกองไฟ ทันใดนั้น แก้วที่ทุกคนวางนิ้วลงค่อยๆ เคลื่อนไปทางด้านขวาช้าๆ ทุกคนเบิกตาโตด้วยความตกใจ ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร ทุกสายตามองตามการเคลื่อนที่ของแก้วที่ดูเหมือนจะถูกบางสิ่งบังคับให้ขยับไป
โชค: (กระซิบด้วยเสียงสั่น) “ตะ…แต่พวกเรายังไม่ถามอะไรเลยนะ…”
ตูน: (ตื่นตระหนกเล็กน้อยแต่พยายามทำใจกล้า) “หรือว่าเขา…ตอบรับคำเชิญของเราแล้ว?”
ทันใดนั้น อิงเอ่ยคำถามต่อด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะที่มือยังจับแก้วไว้แน่น
อิง: “คุณเป็นใคร? คุณต้องการอะไรจากพวกเราหรือเปล่า?”
แก้วนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนไปช้าๆ เป็นวงกลม เหมือนกับว่ามันกำลังสร้างแรงสะกดให้ทุกคนจดจ่อมองอย่างไม่สามารถละสายตาได้
มือของทั้งหกคนยังคงแตะที่แก้วอย่างไม่ลดละ ขณะที่แก้วเริ่มเคลื่อนไปทีละน้อย ผ่านตัวอักษรทีละตัว แต่ละตัวอักษรที่ถูกเลือกปรากฏเป็นคำราวกับมีใครบางคนกำลังสะกดข้อความให้พวกเขาอ่าน
แป้ง: (กระซิบเบาๆ) “มัน…มันเขียนว่าอะไรน่ะ?”
ทุกคนค่อยๆ อ่านตัวอักษรที่แก้วเลื่อนไป สะกดจนได้คำว่า “พ-ว-ก-มึ-ง-ต้-อ-ง-อ-ยู่-ที่-นี่”
ทันทีที่ข้อความชัดเจน จบลงด้วยคำว่า “ที่นี่” ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เสียงลมพัดกรอบแกรบในป่าดังขึ้นอีกครั้ง สร้างบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก
ตูน: (โวยวาย) “ใครสักคนในพวกเราขยับแก้วแน่ๆ กุไม่เล่นแล้ว มันไม่ตลกเลยนะทำแบบนี้!”
อาร์ต: (ตอบกลับด้วยเสียงแข็ง) “ไม่มีใครขยับแก้วหรอก กูรู้สึกได้ว่ามันเคลื่อนเอง กูก็แค่จับเบาๆ เท่านั้น”
นัท: (พยายามปลอบใจ) “ใจเย็นๆ ตูน เราไม่มีใครคิดจะเล่นตลกแน่”
โชค: (เสียงสั่น) “ถ้ามันไม่ใช่พวกเราที่ขยับ แล้วมันคืออะไรล่ะ?”
แป้ง: (กระซิบเสียงแผ่ว) “นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว…”
ท่ามกลางความเงียบที่ชวนให้ขนลุก อิงหันไปมองตูนด้วยสีหน้าจริงจัง สายตาเธอเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและเตือนเขาเสียงสั่น
อิง: “ตูน! มึงห้ามปล่อยมือออกจากแก้วเด็ดขาดจนกว่าเราจะเชิญวิญญาณออกจากแก้ว ไม่งั้นเราอาจจะทิ้งอะไรไว้ในนี้ก็ได้!”
ตูน: (โวยวาย) “กูไม่เชื่อเรื่องพวกนี้! นี่มันแค่เกมไร้สาระ และกูไม่อยากเล่นต่อแล้ว!”
นัท: (พยายามเกลี้ยกล่อม) “ใจเย็นๆ ตูน เรามาเล่นกันแล้วก็ต้องเล่นให้จบ ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมาจริงๆ เราทุกคนจะเดือดร้อนกันหมดนะ”
ตูนถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด และจำใจวางนิ้วบนแก้วอย่างไม่เต็มใจ ระหว่างที่มือของทุกคนแตะอยู่ที่แก้ว แก้วนั้นค่อยๆ เคลื่อนที่ไปอีกครั้ง ช้าๆ และแน่นอน…มันสะกดตัวอักษรทีละตัวเหมือนเดิม
แป้ง: (กระซิบ) “มัน…มันกำลังสะกดคำว่าอะไรอีกแล้ว…”
ทุกสายตาจ้องมองแก้วที่ขยับไปตามตัวอักษรทีละตัว โดยไม่ละสายตา ความตึงเครียดในบรรยากาศยิ่งเข้มข้นขึ้น เมื่อคำที่ถูกสะกดออกมาค่อยๆ ชัดเจนขึ้นจนสามารถอ่านได้เต็มคำว่า “พ-ว-ก-มึ-ง-ต้-อ-ง-อ-ยู่-ที่-นี่”
โชค: (เสียงสั่น) “มันเขียนเหมือนเดิมเลย…เหมือนมันกำลังย้ำกับเรา!”
อาร์ต: (เริ่มรู้สึกหวาดกลัว) “พวกเราต้องอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? นี่มันหมายความว่ายังไง?”
ทันใดนั้น เสียงแปลกๆ ดังขึ้นจากรอบข้าง เหมือนเสียงกระซิบเบาๆ ที่ลอยมาตามสายลม ทุกคนต่างหันไปมองรอบๆ แต่สิ่งที่เห็นมีเพียงความมืดมิดและเงาอันน่าหวาดกลัวของต้นไม้รอบตัว ทำให้บรรยากาศเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
อิง: (กระซิบเสียงแผ่ว) “หรือว่านี่คือคำเตือน…ให้พวกเราอย่าออกจากที่นี่?”
ความเงียบและความกลัวปกคลุมอยู่รอบกองไฟ ทุกคนยังคงมองดูแก้วที่ขยับไปมาบนโต๊ะอย่างเงียบงัน ใจของพวกเขาเต้นแรง และรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเฝ้ามองอยู่จากเงามืด ทันใดนั้น ตูนที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและไม่อาจทนต่อไปได้ ก็ถอนมือออกจากแก้วอย่างฉับพลัน
ตูน: (โวยวาย) “พอแล้ว! กูทนไม่ไหวแล้ว เรื่องพวกนี้มันไร้สาระ! แค่แก้วที่ขยับไปตามแรงมือพวกเราเองนั่นแหละ!”
ทุกคนต่างตกใจและหวาดกลัวในสิ่งที่ตูนทำ แต่ละคนพยายามกล่อมให้เขาใจเย็นลง
อิง: (เสียงสั่น) “ตูน! มึงห้ามปล่อยมือออกจากแก้วแบบนี้นะ มันจะทำให้เราไม่สามารถเชิญวิญญาณออกไปได้!”
นัท: (พยายามเกลี้ยกล่อม) “อย่าทำแบบนี้เลยตูน ถ้ามึงไม่เชื่อก็ปล่อยให้พวกเราจบเกมก่อนดีกว่า…”
แต่ตูนกลับยิ่งโกรธมากขึ้น เขายืนขึ้นและตะโกนเสียงดังท้าทายออกไปในป่ามืดรอบตัว ขณะที่เพื่อนๆ จ้องมองด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ตูน: “ถ้าผีมันมีอยู่จริง ก็มาเลยสิ! กูจะรอดูว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง! ถ้ามาได้ กูจะตบมันให้ดู ให้รู้ว่าไม่ได้กลัวมันหรอก!”
คำพูดท้าทายของตูนทำให้บรรยากาศรอบกองไฟเงียบงันอย่างน่ากลัว ทุกคนต่างจ้องมองไปในความมืดลึกของป่าด้วยความตื่นตระหนก สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านราวกับมีใครบางคนตอบรับคำท้าทายของเขา เงาของต้นไม้ไหวตามลม ทำให้รอบๆ เต็นท์มืดลงจนดูเหมือนเป็นเงาร่างบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหว
โชค: (เสียงสั่น) “ตูน…อย่าพูดแบบนี้เลยนะ เราไม่รู้หรอกว่ามีอะไรอยู่ในป่าจริงๆ หรือเปล่า…”
แป้ง: (กระซิบด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว) “ตูน…คำพูดของมึงอาจทำให้เราต้องเจออะไรบางอย่างที่เราไม่อยากเจอก็ได้นะ…”
แต่ตูนยังคงทำเป็นไม่เชื่อเรื่องผี เขายิ้มเยาะและเดินออกไปจากวงของเพื่อนๆ ที่กำลังนั่งอยู่รอบกองไฟ
อาร์ต: (มองตามตูน) “ตูน! อย่าเดินไปไหนไกลนะ มึงไม่รู้หรอกว่าป่านี้น่ากลัวแค่ไหนในตอนกลางคืน”
ตูนเดินออกจากวงเพื่อนด้วยท่าทางหงุดหงิดและไม่เชื่อในสิ่งที่เพื่อนๆ ทำ เขาส่ายหัวกับความเชื่อเรื่องผีและสิ่งลี้ลับที่เขามองว่าเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ ขณะเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ความเงียบของป่ารอบตัวเริ่มทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แต่เขายังคงพยายามไม่ใส่ใจ
ระหว่างทาง ตูนสังเกตเห็นว่าบรรยากาศรอบๆ แคมป์เงียบผิดปกติ เต็นท์ของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ต่างปิดไฟและเข้านอนกันหมดแล้ว เหลือเพียงเต็นท์ของเขาและเพื่อนๆ ที่ยังคงนั่งล้อมวงข้างกองไฟอยู่ท่ามกลางความมืด เขาคิดในใจว่าพวกนั้นคงกำลังนั่งตัวสั่นด้วยความกลัวในสิ่งที่ไม่มีจริง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments