หลังพบวัตถุที่อาจเป็นอาวุธที่ใช้ทำร้ายพิมพ์ดาว ทุกคนไม่สามารถนอนต่อได้อีก ทั้งหมดกลับไปนั่งในห้อง และพูดคุยกันกับสิ่งที่พบ ความรู้สึกหวาดกลัวและความสับสนอบอวลอยู่ในบรรยากาศ
ป่าน: "เราต้องทำอะไรสักอย่าง พี่คิดว่าเราไม่ควรเก็บมันไว้"
มิ้น: "พรุ่งนี้เช้าเราจะโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ แต่คืนนี้เราต้องอยู่ด้วยกัน ฉันไม่อยากให้ใครอยู่คนเดียว"
แก้ม: "จริงด้วยค่ะ เราควรเฝ้าระวังและอยู่ด้วยกันจนกว่าตำรวจจะมา"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งหมดนั่งล้อมวงกันในห้อง ใช้เวลาไปกับการพูดคุยเพื่อให้ความกลัวลดลงเล็กน้อย แต่บรรยากาศยังคงเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่แน่นอน
เจนนั่งเงียบในมุมห้องด้วยความกังวล ใบหน้าของเธอเคร่งเครียดและซีดเซียว เธอไม่สามารถเสนอความคิดเห็นใดในสถานการณ์นี้ได้ มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่พยายามเก็บความคิดที่ปั่นป่วนนั้น
ในขณะที่เพื่อนๆกำลังวิเคราะห์ถึงผู้ต้องสงสัย เจนก็ครุ่นคิดย้อนกลับไปถึงคืนที่เกิดเหตุร้ายกับพิมพ์ดาว เธอจำได้ว่าคืนนั้นเธอทะเลาะกับอาทิตย์อย่างหนัก เสียงตะโกนและคำพูดที่โกรธเคืองยังคงก้องอยู่ในหัวของเธอ อาทิตย์หายออกไปนานหลายชั่วโมง ทำให้เธอกังวลและสับสน เมื่อเขากลับเข้าห้องในตอนดึก สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดและเงียบขรึมผิดปกติ
เจนคิดถึงท่าทีของอาทิตย์ในช่วงเวลานั้น เขาดูเหมือนมีบางอย่างในใจที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เธอเริ่มสงสัยและกลัวว่าอาทิตย์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพิมพ์ดาว ความคิดนี้ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น
เจนสบัดหัวไปมาให้หยุดคิด เธอไม่อยากเชื่อว่าอาทิตย์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
แก้ม: "เจน แกไม่ต้องกังวลนะ พวกฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแก จนเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลาย"
เจนพยักหน้าเล็กน้อย "ขอบคุณมากนะแก้ม"
พรึ่บ ! ทันใดนั้นไฟทั้งตึกก็กลับมาสว่างเหมือนเดิม ทุกคนรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อยที่ไม่ต้องอยู่ในความมืดแล้ว
.
รุ่งเช้า มิ้นรีบโทรหาแม็กซ์ทันทีเพื่อแจ้งเรื่องที่พบ
มิ้น: "พี่แม็กซ์ เราพบมีดที่น่าสงสัยในห้องของพี่เจน มันอาจเกี่ยวข้องกับคดีของพิมพ์ดาว เราควรทำยังไงดี?"
แม็กซ์: "ใจเย็นๆ มิ้น เราต้องแจ้งตำรวจทันที และอย่าแตะต้องมีดอีก มันอาจเป็นหลักฐานสำคัญ"
มิ้น: "โอเค มิ้นจะโทรหาตำรวจเดี๋ยวนี้"
หลังจากวางสาย มิ้นโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบที่หอพัก
มิ้น: "สวัสดีค่ะ ฉันอยากแจ้งความเรื่องการพบอาวุธต้องสงสัยที่หอพักของพวกเราค่ะ อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีของพิมพ์ดาว"
ตำรวจตอบรับอย่างรวดเร็วและรับแจ้งเรื่องจากมิ้น หลังจากนั้นมิ้นก็หันมาหาทุกคนที่ยังคงอยู่ในห้องด้วยความกังวล
มิ้น: "ตำรวจจะมาถึงในไม่ช้านี้ค่ะ"
เจนพยักหน้ารับและพยายามควบคุมความวิตกกังวลในใจ จากนั้นมิ้นก็โทรแจ้งลุงชัย ผู้ดูแลหอพักให้ทราบเรื่องนี้
มิ้น: "สวัสดีค่ะ ลุงชัย มิ้นเองนะคะ พวกเราเพิ่งพบอาวุธต้องสงสัยในห้องพักค่ะ คิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีของพิมพ์ดาว"
ลุงชัยฟังอย่างตั้งใจและตกใจเล็กน้อยกับข่าวที่ได้ยิน
ลุงชัย: "ว่าไงนะ... พวกเธอเจออะไรในห้องนะ?"
มิ้น: "เป็นมีดค่ะ ลุงชัย เราพบมันอยู่ในฝ้าเพดานห้องน้ำ และมีคราบเลือดเก่าอยู่ด้วยค่ะ"
ลุงชัย: "เข้าใจแล้ว ลุงจะรีบไปที่หอพักเดี๋ยวนี้ พวกเธออย่าเพิ่งไปไหนนะ รอตำรวจก่อน"
หลังจากวางสายจากลุงชัย ทุกคนในห้องก็รู้สึกถึงความจริงจังของสถานการณ์นี้ พวกเขารู้ว่าการค้นพบนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายคดีที่ยังไม่คลี่คลายของพิมพ์ดาว
เจนรีบโทรหาอาทิตย์ด้วยเช่นกัน น้ำเสียงของเธอสั่นด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวล
เจน: "อาทิตย์! ฉันพบมีดที่น่าสงสัยในห้องของเรา มันอาจเกี่ยวข้องกับคดีของพิมพ์ดาว คุณต้องรีบกลับมานะ"
อาทิตย์: "ใจเย็นๆ เจน ผมกำลังจะกลับไปเดี๋ยวนี้ คุณอยู่กับคนอื่นๆ ใช่ไหม? อย่าอยู่คนเดียวนะ"
เจน: "ใช่ ฉันอยู่กับทุกคน พวกเรากำลังรอตำรวจมาตรวจสอบ คุณรีบกลับมาเร็วๆ นะ"
อาทิตย์: "โอเค ผมกำลังจะออกเดินทางกลับแล้ว คุณดูแลตัวเองดีๆ นะ"
หลังจากวางสาย เจนกลับมานั่งกับเพื่อนๆ ในห้อง ทุกคนดูหวาดกลัวและวิตกกังวล
ป่าน: "เจน เธอโอเคไหม?"
เจน: "ฉันไม่เป็นไรค่ะ อาทิตย์กำลังจะกลับมาแล้ว เรื่องทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย ฉันเชื่อแบบนั้น"
แก้ม: "เราต้องอยู่ด้วยกันและช่วยกันผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย บรรยากาศในห้องยังคงตึงเครียด เจนพยายามหันเหความคิดของตัวเองและเพื่อนๆ ด้วยการจัดเตรียมพื้นที่ให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบเมื่อมาถึง มิ้นและป่านช่วยกันเก็บกวาดเศษแก้วและจัดที่นั่งให้ทุกคนนั่งรอในห้อง
ไม่นานนัก แม็กซ์ก็มาถึง เขารีบขึ้นมาที่ห้องของเจนทันทีที่มาถึง
แม็กซ์: "เป็นยังไงบ้าง? ทุกคนโอเคไหม?"
มิ้น: "ทุกคนโอเคค่ะ ขอบคุณที่รีบมานะคะ เราพบมีดนี้ในฝ้าเพดานห้องน้ำ"
แม็กซ์: "ดีแล้วที่พวกคุณโทรแจ้งตำรวจ เราต้องให้พวกเขาตรวจสอบและเก็บหลักฐานให้เรียบร้อย"
แม็กซ์รับมีดที่มีผ้าห่อไว้มาดูด้วยความระมัดระวัง คราบสกปรกบนมีดมีลักษณะเหมือนคราบเลือดที่แห้งมานานมากแล้ว เมื่อสัมผัสกับมีดเล่มนี้ เเม็กซ์เริ่มน้ำตาคลอเบ้า ภาพความทรงจำเกี่ยวกับพิมพ์ดาวผุดขึ้นมาในใจเขาอย่างชัดเจน
ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอพิมพ์ดาว เขามาส่งเธอที่หอพัก และนัดกับเธอว่าจะมารับแต่เช้า ถ้าหากเขารู้ว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้าย เขาจะตามเธอขึ้นไปบนห้อง เขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ ไม่ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว
แม็กซ์: "พิมพ์ดาว... เราจะตามหาฆาตกรที่ทำร้ายเธอให้ได้" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนในห้องรู้สึกเศร้าสลดและหดหู่ใจ มิ้นมองไปที่แม็กซ์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ เธอเดินเข้าไปใกล้เขาและวางมือเบา ๆ บนไหล่เพื่อให้กำลังใจ
มิ้น: "พี่แม็กซ์ เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ความจริงปรากฏ และให้พิมพ์ดาวได้รับความยุติธรรม"
ป่านนั่งเงียบอยู่ข้าง ๆ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ ป่านรู้สึกว่าความโศกเศร้ากำลังท่วมท้นในใจ เหมือนคลื่นความทรงจำที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
ป่าน: "พิมพ์ดาว น้องไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปแล้ว...เราจะทำให้เธอได้พักผ่อนอย่างสงบ"
เจน ขิม และแก้มต่างก็รู้สึกเจ็บปวดในใจเช่นกัน พวกเขามองไปที่มีดเล่มนั้นด้วยความเศร้า ความทรงจำและความเจ็บปวดของพิมพ์ดาวยังคงหลอกหลอนพวกเขา
บรรยากาศในห้องเงียบและตึงเครียด ทุกคนต่างนั่งอยู่ในความคิดและความรู้สึกของตนเอง
จนกระทั่งเสียงไซเรนดังขึ้นภายนอก ตำรวจมาถึงและเริ่มตรวจสอบทุกมุมของสถานที่ด้วยความระมัดระวัง ตรวจสอบวัตถุที่พบอย่างละเอียด เพื่อหาข้อมูลและหลักฐานที่สามารถใช้เพื่อการสอบสวนต่อไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจ: "ขอบคุณสำหรับความร่วมมือครับ เราจะเก็บหลักฐานนี้ไปตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป"
แม็กซ์: "ขอบคุณครับ ขอให้พวกคุณทำเต็มที่เพื่อไขความจริงให้กระจ่าง"
เจ้าหน้าที่ตำรวจ: "เราจะทำให้ดีที่สุดครับ"
มิ้น: "เราทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่รอผลการตรวจสอบจากตำรวจ"
ป่าน: "หวังว่าพวกเขาจะเจออะไรที่ทำให้เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพิมพ์ดาว"
ในช่วงบ่าย อาทิตย์กลับมาถึงห้องด้วยความรีบร้อนและวิตกกังวล เมื่อเขามาถึง เห็นสีหน้าของทุกคนในห้องที่ดูเคร่งเครียด เขาก็รู้ทันทีว่าสถานการณ์รุนแรงกว่าที่คิด
อาทิตย์: "พวกเธอโอเคไหม? ได้รับแจ้งจากตำรวจแล้วใช่ไหม?"
เจนพยักหน้าและบอกอาทิตย์เกี่ยวกับการค้นพบมีดที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีพิมพ์ดาว
เจน: "ตำรวจมาตรวจสอบสถานที่และเก็บรายละเอียดไปแล้ว เราอาจต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ"
ขณะเดียวกัน โทรศัพท์ของมิ้นดังขึ้น ตำรวจได้โทรมาแจ้งให้ทุกคนเตรียมตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำ
ตำรวจ: "สวัสดีครับ นี่ตำรวจนะครับ เราอยากขอให้พวกคุณมาที่สถานีตำรวจเพื่อสอบปากคำเกี่ยวกับการพบมีดต้องสงสัยในห้องพัก"
มิ้น: "ได้ค่ะ เราจะไปที่นั่นทันที"
เมื่อวางสาย ทุกคนในห้องต่างมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ พวกเขารู้ว่านี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการคลี่คลายคดีที่ค้างคา
อาทิตย์: "เอาล่ะ พวกเราเตรียมตัวไปที่สถานีตำรวจกันเถอะ"
ทุกคนเก็บข้าวของและเตรียมตัวออกเดินทางไปที่สถานีตำรวจ บรรยากาศภายในห้องเงียบงัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทุกคนจมอยู่ในความคิดของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
มิ้นและป่าน นั่งรถไปกับแม็กซ์ ส่วนเจน ขิมและแก้ม นั่งรถไปกับอาทิตย์ ในขณะที่ทุกคนออกเดินทางไปยังสถานีตำรวจ ทุกคนรู้สึกถึงความจริงจังของสถานการณ์นี้ การค้นพบนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายคดีที่ยังไม่คลี่คลายของพิมพ์ดาว
เมื่อทุกคนมาถึงสถานีตำรวจ พวกเขาได้รับการต้อนรับจากตำรวจที่มีสีหน้าจริงจัง ทางตำรวจแจ้งว่าวันนี้นอกจากจะสอบปากคำแล้ว จะมีการเก็บ DNA ด้วย
ตำรวจได้แยกแต่ละคนออกไปสอบปากคำในห้องแยก การสอบปากคำเป็นไปด้วยความละเอียดและความระมัดระวัง ทุกคนต้องอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการค้นพบมีดและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ทุกคนรู้สึกเหนื่อยล้าจากการสอบปากคำ แต่พวกเขาก็รู้ว่าการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยตำรวจคลี่คลายคดีนี้
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง การสอบปากคำก็เสร็จสิ้นลง อาทิตย์และแม็กซ์ออกมาจากห้องสอบสวนพร้อมๆ กัน ทั้งสองต่างมีสีหน้าที่แสดงถึงความเหนื่อยล้า แต่ก็โล่งใจที่ได้ผ่านกระบวนการนี้ไป
อาทิตย์: "คุณคงเป็นแม็กซ์ใช่ไหม? ผมอาทิตย์ครับ แฟนของเจน"
แม็กซ์: "ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับอาทิตย์ ผมเป็นเพื่อนของพิมพ์ดาว"
อาทิตย์ยิ้มเล็กน้อยและยื่นมือไปจับมือกับแม็กซ์ ทั้งสองจับมือกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งโล่งใจและความหวังว่าคดีนี้จะได้ข้อสรุปในที่สุด
อาทิตย์: "ขอบคุณที่ช่วยเหลือและมาให้ปากคำครับ เรื่องนี้มันคงสำคัญมากสำหรับทุกคน"
แม็กซ์: "ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยากให้เรื่องนี้จบลงอย่างถูกต้อง"
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เจน ขิม แก้ม ป่านและมิ้นก็เดินออกมาจากห้องสอบสวน ทั้งหมดต่างดูเหนื่อยล้าแต่ก็โล่งใจที่ได้ผ่านการสอบปากคำมาได้
เจน: "นี่คืออาทิตย์ค่ะ เขาพึ่งกลับมาจากบ้านที่ต่างจังหวัด"
อาทิตย์: "ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ หวังว่าเราจะสามารถช่วยกันคลี่คลายคดีนี้ได้"
มิ้น ป่าน: "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ"
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นมิตรและความมุ่งมั่นที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ พวกเขาตัดสินใจว่าจะกลับไปพักผ่อนกันก่อน และค่อยวางแผนกันต่อว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เมื่อเจนและอาทิตย์มาถึงห้อง เธอไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ในใจได้อีกต่อไป
เจน: "อาทิตย์ คืนนั้นที่เราทะเลาะกัน แล้วคุณออกจากห้องไปหลายชั่วโมง คุณไปไหนมา"
อาทิตย์: "เจน ....คือผม" อาทิตย์อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะอธิบายให้เจนฟังอย่างไร
เจน: "คุณบอกมาเถอะ ฉันอยากรู้จริงๆว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น"
อาทิตย์นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดแผ่วเบา
อาทิตย์: "หลังจากเราทะเลาะกัน ผม....ผมไปหาพิมพ์ดาวที่ห้อง"
สิ่งที่ได้ยินจากอาทิตย์ ทำให้เจนตกใจเป็นอย่างมาก
เจน: "คุณว่ายังไงนะ ...คืนนั้นคุณอยู่กับพิมพ์ดาวที่ห้องเหรอ?" เจนถามด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
อาทิตย์: "เจน ...ฟังผมก่อน คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด หลังจากที่เราทะเลาะกัน ผมรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ผมยอมรับว่าในตอนนั้นผมสับสนเรื่องของความรู้สึกที่มีให้กับพิมพ์ดาว แต่ผมมั่นใจว่าผมยังรักคุณอยู่ คืนนั้นผมจึงไปหาพิมพ์ดาวที่ห้อง เพื่อให้แน่ใจอะไรบางอย่าง"
เจนนิ่งเงียบฟังอาทิตย์เล่า เธอสับสนในใจ ความรู้สึกหลากหลายที่ไม่สามารถอธิบายได้ท่วมท้นอยู่ในใจ
เมื่อเห็นเจนเงียบ อาทิตย์จึงเล่าต่อ
อาทิตย์: "ผมไปถามพิมพ์ดาวว่า ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงกับผม ความผูกพันธ์ที่เราคบกันมาหลายปี ทำให้ผมคิดไปเองว่าผมยังรักเธออยู่ ....แต่คืนนั้นพิมพ์ดาวบอกผมว่า เธอคิดกับผมแค่เพื่อน และเธอมีแฟนที่เพิ่งตกลงคบกันแล้ว ผมคิดว่าตัวเองจะผิดหวังที่รู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากได้คำตอบ ผมจึงออกจากห้องพิมพ์ดาว"
เจน: "ถ้าคุณออกจากห้องพิมพ์ดาวแล้ว คุณหายไปไหนตั้งหลายชั่วโมงก่อนจะเข้าห้อง"
อาทิตย์: "ผมคิดว่าคุณยังโกรธผมอยู่ จึงไม่กล้ากลับห้อง ผมเลยออกไปดื่มที่ผับ รอจนดึกคิดว่าคุณน่าจะหลับแล้ว จึงกลับเข้าห้อง"
หลังจากฟังอาทิตย์เล่าเหตุการณ์ในคืนนั้นจนจบ เจนจึงถามอีกหนึ่งข้อที่เธอสงสัย
เจน: "ยันต์อักขระ ท้าวเวสสุวรรณที่ติดอยู่หน้าประตูห้อง ....คุณเป็นคนเอามาติดหรือเปล่า?"
อาทิตย์: "ผมเป็นคนเอามาติดไว้เอง" อาทิตย์ตอบเสียงเรียบ
เจน: "คุณมีเหตุผลอะไร ทำไมคุณถึงเอามาติดไว้ ....อาจเป็นเพราะสิ่งนี้ พิมพ์ดาวถึงเข้าห้องของเราไม่ได้ ทำให้หลักฐานที่ใช้ทำร้ายเธอ ซ่อนในห้องนี้มานานถึงแปดปี!"
เจนน้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่สามารถระงับอารมณ์ความรู้สึกได้อีกต่อไป เธอไม่รู้ว่ายังเชื่อใจอาทิตย์ได้ไหม แม้ว่าจะอยากเชื่อมั่นในแฟนของเธอ แต่เหตุการณ์หลายอย่างมันดูน่าสงสัยไปหมด
เมื่ออาทิตย์เห็นเจนร้องไห้ เขารีบดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน เขารู้ว่าความรู้สึกของเจนในตอนนี้ พร้อมที่จะไปจากเขาได้ทุกเมื่อ เขาจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
อาทิตย์: "หลังพิมพ์ดาวเสียชีวิต ในตึกก็เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดหลายอย่าง เราสองคนก็ยังเคยไปทำบุญใหญ่ให้เธอ เพราะต้องเจอเรื่องหลอนหลายครั้ง จนทำให้นอนไม่ได้ แม่ของผมเป็นห่วงพวกเรา จึงไปบูชายันต์ท้าวเวสสุวรรณจากวัดดัง ให้ผมเอามาติดหน้าห้อง เพื่อคุ้มครองและป้องกันภัย"
เมื่อเจนได้ฟังดังนั้น เธอพยักหน้าเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ปรับความเข้าใจกัน และรอคอยผลการตรวจสอบจากตำรวจ เพื่อปลดปล่อยเรื่องที่ค้างคาในใจ
.
วันถัดมา ตำรวจได้เรียกลุงชัย คนดูแลห้องพัก และผู้เช่าทั้งหมดในตึกไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ การเรียกตัวครั้งนี้ทำให้ทุกคนในตึกมีความกังวลและสงสัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ลุงชัยเป็นคนแรกที่ถูกเรียกตัวไปสอบปากคำ เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ ลุงชัยมีสีหน้าตึงเครียดแต่ก็พยายามรักษาความสงบไว้ เขาเล่าถึงการทำงานในตึกและความสัมพันธ์กับผู้เช่าทุกคนให้ตำรวจฟังอย่างละเอียด
ตำรวจ: "ลุงชัยครับ เราต้องการเก็บลายนิ้วมือและ DNA ของลุงชัยด้วยครับ เพื่อเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ"
ลุงชัย: "ได้ครับคุณตำรวจ ผมพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง"
หลังจากลุงชัยเสร็จสิ้นการสอบปากคำ ผู้เช่าคนอื่นๆ ก็ถูกเรียกตัวเข้ามาทีละคน พวกเขาต่างให้ความร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูลและการเก็บลายนิ้วมือและ DNA อย่างเต็มที่
หนึ่งในผู้เช่าที่ถูกเรียกตัวมาคือคุณลุงสมชาย ซึ่งเป็นผู้เช่าเก่าแก่ที่สุดในตึก เขามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ตอบคำถามของตำรวจอย่างตรงไปตรงมา
ลุงสมชาย: "ผมอยู่ที่นี่มานานแล้วครับ ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย"
ตำรวจ: "ขอบคุณครับลุงสมชาย เราต้องการเก็บลายนิ้วมือและ DNA ของคุณเพื่อการตรวจสอบเพิ่มเติมครับ"
ลุงสมชาย: "ได้ครับ ผมยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง"
ผู้เช่าคนอื่นๆ ก็มาถึงสถานีตำรวจในช่วงเวลาต่างๆ ของวัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความสงสัย ทุกคนต่างรู้สึกไม่สบายใจและหวังว่าจะสามารถหาข้อมูลที่ช่วยในการคลี่คลายคดีได้
คุณดาว ผู้เช่าคนหนึ่งกล่าวกับตำรวจ: "ฉันไม่เคยรู้จักพิมพ์ดาวเป็นการส่วนตัว แต่ได้ยินเรื่องของเธอจากคนอื่นๆ ค่ะ มันเป็นเรื่องน่าเศร้า"
ตำรวจ: "ขอบคุณครับ เราต้องการเก็บลายนิ้วมือและ DNA ของคุณเช่นกัน เพื่อการตรวจสอบเพิ่มเติมครับ"
คุณดาว: "เข้าใจค่ะ ฉันยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง"
หลังจากการเก็บลายนิ้วมือและ DNA เสร็จสิ้น ตำรวจก็ได้ข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อการตรวจสอบ พวกเขาหวังว่าจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ และหาตัวคนร้ายที่แท้จริงได้ในที่สุด
ในขณะที่การสอบปากคำและการเก็บหลักฐานกำลังดำเนินไป ผู้เช่าหลายคนในตึกเริ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความเป็นไปได้ต่างๆ พวกเขาต่างหวังว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงด้วยดี และความสงบสุขจะกลับคืนมาในที่สุด
ทางตำรวจพยายามทำคดีนี้อย่างหนัก เพราะเป็นคดีที่ปิดไม่ได้มาถึงแปดปี ทุกวันนักสืบและเจ้าหน้าที่ต่างทุ่มเททรัพยากรและเวลาในการวิเคราะห์หลักฐานและสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเวลาเจ็ดวันที่ผ่านไปนี้ ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอย่างมากในหมู่ผู้เช่าและผู้ดูแลห้องพัก
ในที่สุด ผลดีเอ็นเอที่ได้จากการเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานก็ออกมา พบผู้ต้องสงสัยหนึ่งคนที่เป็นผู้เช่าในตึกมณีรัตน์ ลายนิ้วมือและคราบเลือดที่อยู่บนมีดตรงกับดีเอ็นเอของเขาอย่างชัดเจน
ตำรวจจึงรีบดำเนินการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปที่ตึกมณีรัตน์เพื่อจับกุมตัว ผู้ต้องสงสัยอยู่ในห้องพักของเขา ไม่แสดงอาการตกใจหรือหลบหนีใดๆ เขาถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม
ที่สถานีตำรวจ ผู้ต้องสงสัยนั่งอยู่ในห้องสอบสวน มือของเขาถูกใส่กุญแจมือและสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
นักสืบ: "คุณรู้ไหมว่าทำไมเราถึงต้องการตัวคุณ?"
ผู้ต้องสงสัย: "ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร"
นักสืบ: "เรามีหลักฐานดีเอ็นเอที่ตรงกับลายนิ้วมือและคราบเลือดที่อยู่บนมีดในคดีการเสียชีวิตของพิมพ์ดาว คุณมีอะไรจะพูดไหม?"
ผู้ต้องสงสัยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า: "ผมไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้น"
นักสืบ: "เราจะให้โอกาสคุณพูดความจริง คุณควรใช้โอกาสนี้ให้ดี"
ในขณะเดียวกัน ผู้เช่าและผู้ดูแลห้องพักในตึกมณีรัตน์ต่างรู้สึกตกใจและหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นหนึ่งในพวกเขาเอง บางคนแสดงความไม่เชื่อถือ ขณะที่บางคนเริ่มย้อนคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เวลาการสอบสวนผ่านไปถึงสามชั่วโมง แต่ผู้ต้องสงสัยก็ยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเด็ดขาด นักสืบพยายามใช้ทั้งการชักจูงและการสร้างแรงกดดันเพื่อให้เขายอมรับสารภาพ แต่ก็ไม่เป็นผล
นักสืบ: "คุณคิดว่าคุณจะหนีความจริงได้เหรอ? หลักฐานทั้งหมดชี้มาที่คุณ!"
ผู้ต้องสงสัย: "ผมบอกแล้วว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!"
นักสืบรู้ว่าต้องใช้วิธีการที่แข็งกร้าวมากขึ้นเพื่อทำให้ผู้ต้องสงสัยเปิดปาก
นักสืบ: "เรามีเวลาทั้งคืน แต่คุณจะทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้นสำหรับตัวเองได้โดยการพูดความจริง"
นักสืบเดินออกจากห้องและกลับเข้ามาพร้อมกับแฟ้มที่มีภาพถ่ายและหลักฐานต่างๆ ของคดี เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดัง
"ปัง!" ทำให้ผู้ต้องสงสัยสะดุ้ง
นักสืบ: "ดูนี่สิ! นี่คือชีวิตของพิมพ์ดาวที่คุณทำลาย! เรารู้ว่าคุณเป็นคนทำ และเราจะไม่หยุดจนกว่าคุณจะยอมรับ!"
ผู้ต้องสงสัยดูเหมือนจะเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย แต่นักสืบยังไม่พอใจ เขาเรียกชื่อผู้ต้องสงสัยด้วยเสียงดังและแข็งกร้าว
นักสืบ: "คุณ ...ธนู! บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้!"
เสียงเรียกชื่อดังสะท้อนในห้องสอบสวนทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ผู้ต้องสงสัยเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก และเขาดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย
นักสืบ: "คิดถึงครอบครัวของพิมพ์ดาว! คิดถึงความเจ็บปวดที่พวกเขาต้องทนทุกข์ตลอดแปดปีที่ผ่านมา!"
ความกดดันจากนักสืบทำให้ผู้ต้องสงสัยเริ่มมีน้ำตาคลอ แต่เขายังพยายามคงความนิ่ง
ธนู: "ผม... ผมแค่..."
นักสืบ: "ใช่ คุณแค่ทำอะไร? บอกเรามาเดี๋ยวนี้!"
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ในที่สุดธนูก็เริ่มพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
ธนู: "ผมไม่ได้ตั้งใจ... มันเป็นอุบัติเหตุ... ผมแค่..."
นักสืบ: "พูดมาให้หมด เราอยากได้ความจริงทั้งหมด!"
ธนู: "พิมพ์ดาว... เราทะเลาะกัน... ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้..."
น้ำตาของธนูไหลลงมา และเขาเริ่มสารภาพถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างละเอียด นักสืบฟังด้วยความตั้งใจและบันทึกข้อมูลทุกอย่าง
ในที่สุด คดีการเสียชีวิตของพิมพ์ดาวก็เริ่มมีความกระจ่างมากขึ้น และความยุติธรรมที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็ใกล้จะมาถึงในที่สุด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments