ตอนที่ 11 - วัตถุน่าสงสัย

ป่านรู้สึกใจเต้นแรงขณะกำลังเดินไปห้องมิ้น นี่เป็นครั้งแรกในรอบแปดปีที่เธอจะได้เข้าไปยังสถานที่ที่พิมพ์ดาว น้องสาวของเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาในใจทั้งความคิดถึงและความเจ็บปวด

เมื่อเข้ามาถึงห้องของพิมพ์ดาว ป่านหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูสักครู่ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ และเปิดประตูเข้าไป ห้องนี้ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี สะอาดและเป็นระเบียบเหมือนกับที่พิมพ์ดาวเคยชอบจัดเอาไว้

มิ้นมองดูป่านด้วยความห่วงใย เธอรู้ดีว่าการเข้ามาในห้องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ยากสำหรับป่าน แต่ก็หวังว่าการเผชิญหน้ากับความทรงจำนี้จะช่วยให้ป่านสามารถปลดปล่อยความเจ็บปวดในใจได้

มิ้น: "พี่ป่าน ถ้าพี่รู้สึกไม่ไหว เรากลับไปที่ห้องพี่ก่อนก็ได้นะคะ"

ป่าน: "ไม่เป็นไรจ้ะมิ้น พี่จะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้"

ป่านมองไปรอบๆ ห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของพิมพ์ดาว ห้องนี้ยังคงรักษาความเป็นตัวตนของพิมพ์ดาวไว้ได้อย่างครบถ้วน แม้จะผ่านมาแปดปีแล้วก็ตาม ผนังห้องทาสีขาวสะอาด โต๊ะทำงานของพิมพ์ดาวยังคงถูกจัดไว้ที่มุมเดิมอย่างเป็นระเบียบ เตียงนอนยังคงถูกจัดไว้ตรงกลางห้อง

มุมหนึ่งของห้องมีตู้เสื้อผ้า พร้อมกระจกเงาสะท้อนภาพของป่านที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าพิมพ์ดาวยังอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้จากไปไหน

 ป่านเดินเข้าไปนั่งบนเตียง ความรู้สึกอบอุ่นและเศร้าสร้อยปะปนกันอย่างบอกไม่ถูก

เสียงลมที่พัดผ่านหน้าต่างทำให้ผ้าม่านสีขาวพริ้วไหวไปมา ราวกับจะพยายามบอกอะไรบางอย่างให้ป่านรับรู้ ป่านหลับตาลง สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้ใจสงบ และพยายามเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ในใจ

มิ้นนั่งอยู่ข้างๆ ป่านด้วยความห่วงใย เธอเข้าใจว่าป่านกำลังเผชิญกับความรู้สึกมากมายขนาดไหน

มิ้น: "พิมพ์ดาวคงดีใจมากที่รู้ว่าพี่ยังคิดถึงเธออยู่ พี่ควรได้พักผ่อนเต็มที่คืนนี้"

ป่านพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย

ป่าน: "มิ้น ขอบใจเธอมากนะ"

มิ้น: "ไม่เป็นไรค่ะพี่ป่าน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกัน"

ป่านและมิ้นช่วยกันจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ เรียงเสื้อผ้าของป่านและจัดของใช้ส่วนตัวให้เรียบร้อย ป่านหยิบผ้าห่มและหมอนเสริมมาวางบนเตียง การจัดของทำให้ทั้งคู่ผ่อนคลายมากขึ้น 

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ป่านและมิ้นผลัดกันไปอาบน้ำ ป่านเข้าห้องน้ำก่อน เธอเปิดฝักบัว น้ำอุ่นทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและสงบลง หลังจากที่ล้างหน้าล้างตัวจนรู้สึกสดชื่น ป่านก็ออกมาให้มิ้นเข้าไปอาบน้ำต่อ

ขณะที่รอมิ้นอาบน้ำ ป่านมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง ภาพความทรงจำกับพิมพ์ดาวยังคงวนเวียนในหัว แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกเบาขึ้น ราวกับว่าการทำบุญและการได้กลับมาที่ห้องนี้ช่วยให้เธอรู้สึกใกล้ชิดกับน้องสาวอีกครั้ง

เมื่อมิ้นอาบน้ำเสร็จ ทั้งสองคนก็พร้อมที่จะไปหาเจนที่ห้อง

มิ้น: "พร้อมแล้วนะคะพี่ป่าน ไปกันเถอะ"

ป่าน: "พร้อมแล้วจ้ะ"

ทั้งสองเดินออกจากห้อง ป่านล็อกประตูแล้วเดินไปพร้อมกับมิ้น พวกเธอเดินไปที่ห้องของเจนที่อยู่ชั้นเดียวกัน เมื่อมาถึงหน้าห้องเจน ขณะที่มิ้นกำลังจะเคาะประตู

"อ๊บแอ่ อ๊บแอ่ อ๊บแอ่"

ปรากฏว่ามีตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่บนคานประตู มิ้นร้องเสียงดังด้วยความตกใจ

มิ้น: "กรี๊ดดดดดด!!"

เสียงร้องของมิ้นทำให้ขิม แก้ม และเจนที่อยู่ในห้องตกใจรีบออกมาดู

เจน: "เกิดอะไรขึ้น?"

มิ้น: "มีตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่บนคานประตูค่ะ!"

ขิมมองเห็นตุ๊กแกแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะรีบหาไม้กวาดมาเขี่ยตุ๊กแกออกไป

ขิม: "ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง"

ขิมใช้ไม้กวาดเขี่ยตุ๊กแกเบาๆ จนมันตกลงมาจากคานและวิ่งหนีไปทางบันได ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

มิ้น: "ขอบคุณค่ะ พี่ขิม มิ้นตกใจแทบแย่"

ทันใดนั้น มีบางอย่างปลิวลงมาจากคานประตู ตกลงมาตรงหน้าป่าน ป่านก้มลงหยิบดู พบว่าเป็นยันต์อักขระท้าวเวสสุวรรณที่มีสภาพเก่าและสีซีดลงไปตามกาลเวลา

ป่าน: "นี่มัน...ยันต์ท้าวเวสสุวรรณ"

เจน: "ใครเอามาติดไว้กันนะ?"

แก้ม: "อ้าว ไม่ใช่แกหรืออาทิตย์เอามาติดเหรอ แต่เหมือนว่ามันจะหล่นลงมาตอนที่เราทำตุ๊กแกตก"

ขิม: "แล้วมันหมายความว่ายังไง?"

ป่าน: "ท้าวเวสสุวรรณเป็นเทพผู้คุ้มครองและป้องกันภัย ไม่แน่ว่ามีคนเคยติดไว้เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี"

มิ้น: "อาจเป็นไปได้ แต่ตอนนี้หล่นลงมาแบบนี้แล้ว เราควรทำยังไงดี?"

เจน: "ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเอามาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อหล่นลงมาแล้วก็ช่างมันเถอะ"

ทุกคนพยักหน้าและเดินตามเจนเข้าไปในห้อง เจนจัดที่นั่งให้ทุกคนรอบโต๊ะกลางห้อง บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นขึ้นเมื่อทุกคนได้มานั่งรวมกัน แต่ยังคงมีความเงียบงันปะปนกับความรู้สึกกังวล

เจนหันมามองหน้าทุกคนก่อนจะเริ่มพูด

เจน: "พิมพ์ดาว...เธอถูกแทงเสียชีวิตในห้องของเธอเอง คืนนั้นฝนตกหนัก เลยไม่มีใครได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติ"

ป่านน้ำตาคลอ: "ใครกัน...ใครเป็นคนทำแบบนี้กับน้องของฉัน?"

ขิม: "ตอนนั้นฉันได้ยินข่าวมาบ้าง แต่ไม่มีรายละเอียดมาก ตอนนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้เลยเหรอ?"

เจน: "ใช่ ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้เลย ตำรวจพยายามสืบสวน แต่ก็ไม่พบหลักฐานเพียงพอ"

แก้ม: "แล้วพวกเรา...จะช่วยอะไรได้บ้างไหม?"

มิ้น: "เธอถูกฆาตกรรม มันไม่ยุติธรรมที่ยังจับตัวคนที่ทำร้ายเธอไม่ได้"

ป่านเช็ดน้ำตาและพยายามสงบสติอารมณ์: "เราอาจจะช่วยเธอได้ ถ้าเรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ วันนั้น"

เจน: "ใช่ เราต้องหาความจริงและนำคนร้ายมาลงโทษ เพื่อให้พิมพ์ดาวได้สงบสุข"

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ทุกคนตัดสินใจร่วมมือกันหาความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพิมพ์ดาว ไม่เพียงแต่เพื่อความยุติธรรม แต่เพื่อให้วิญญาณของเธอได้พักผ่อนอย่างสงบสุข

ป่าน: "พรุ่งนี้เราจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากตำรวจ และคุยกับเพื่อนบ้านที่อาจจะรู้เรื่องอะไรบ้าง"

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยและต่างก็เริ่มวางแผนว่าจะทำอะไรกันต่อไป

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างลื่นไหล ทันใดนั้นไฟทั้งตึกก็ดับลงอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกอย่างมืดมิดในทันที เสียงพูดคุยเงียบลงทันทีด้วยความตกใจ

ขิม: "เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?"

เจน: "ไฟดับหรือ? แต่ว่าตึกนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับนี่นา"

เสียงลมภายนอกยังคงพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำให้บรรยากาศดูวังเวงผิดปกติ เสียงกิ่งไม้เสียดสีกันในความมืดเพิ่มความขนลุก

แก้ม: "เจนมีไฟฉายไหม?"

เจน: "มีๆ รอเดี๋ยวนะ" เจนเดินไปหยิบไฟฉายจากลิ้นชักตู้และเปิดไฟฉาย ทำให้เห็นแสงสว่างเล็กน้อยในห้อง

ป่าน: "เราไปเช็คข้างนอกไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?"

ขิม: "เราออกไปดูกันเถอะ"

ทุกคนพยักหน้าและเริ่มเดินตามแสงไฟฉายของเจน ขณะที่พวกเขาเดินผ่านโถงทางเดินที่มืดมิด เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังก้องไปทั่วตึก ทันใดนั้นก็มีเสียงกระซิบแผ่วเบาจากที่ไหนสักแห่ง

เจน: "พวกเธอได้ยินเสียงอะไรไหม?"

แก้ม: "ไม่ได้ยินอะไรนะ"

ขิม: "ฉันก็ไม่ได้ยินอะไรเหมือนกัน"

พวกเขาเดินลงไปยังชั้นล่างสุดอย่างระมัดระวัง ขณะที่เสียงลมยังคงพัดผ่านและความมืดมิดรอบตัวทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวขึ้นทุกที ความรู้สึกขนลุกและความกังวลเริ่มเข้ามาในใจของทุกคน 

เมื่อมาถึงชั้นล่างสุด พวกเขาไม่พบผู้เช่าในตึกคนอื่นเลย

เจน: "โทรถามลุงชัยไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น"

มิ้น: "เดี๋ยวมิ้นโทรเองค่ะ"

มิ้นพยายามโทรหาลุงชัยอย่างเร่งด่วน แต่โทรศัพท์ของเธอไม่มีสัญญาณ โดยอาจเป็นเพราะความมืดที่ทำให้สัญญาณสื่อสารกับภายนอกมีปัญหา

จากนั้นเจน ขิม แก้มและป่าน ต่างก็ผลัดกันโทร แต่โทรศัพท์ของทุกคนก็ไม่มีสัญญาณเหมือนกัน

เมื่อไม่สามารถติดต่อลุงชัยได้ ทุกคนจึงตัดสินใจกลับขึ้นไปบนห้องของเจน ในสถานการณ์เช่นนี้ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าควรจะอยู่เกาะกลุ่มกันดีที่สุด มิ้นและป่าน ตัดสินใจไปเอาไฟฉายที่ห้องมิ้นเพื่อมาเพิ่มแสงสว่างที่ห้องของเจนอีกหน่อย

กระทั่งเวลาล่วงเลยถึงห้าทุ่ม ไฟดับยังไม่มีทีท่าว่าจะถูกแก้ไข มิ้นและป่านเริ่มง่วงแล้ว จึงขอตัวกลับห้องก่อน

มิ้น: "คืนนี้ดึกแล้ว มิ้นและพี่ป่านขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ"

ขิม: "แต่บรรยากาศคืนนี้ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ แล้วฝนข้างนอกก็กำลังจะตกแล้วด้วย" ขิมพูดพร้อมกับลูบแขนตัวเองด้วยความรู้สึกขนลุก

แก้ม: "ใช่ค่ะ คืนนี้มิ้นกับพี่ป่านนอนด้วยกันที่นี่ได้ไหม แก้มรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครมองพวกเราตลอดเวลา"

เจน: "พวกแกสองคนเป็นอะไร เมื่อคืนก็ยังนอนกันได้เลย"

"แต่พวกฉันถูกผีหลอก !!" ขิม และแก้มพูดขึ้นพร้อมกัน ด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว

เมื่อเจนได้ยินเพื่อนสองคนบอกแบบนั้น ได้แต่ยิ้มอ่อน ในใจเข้าใจเพื่อนดี เพราะที่ผ่านมาเธอก็โดนเหมือนกัน

มิ้น: "เอายังไงดีคะพี่ป่าน"

ป่าน: "เรานอนที่นี่ก็ได้จ้ะ อยู่เป็นเพื่อน เจน ขิมและแก้ม จนกว่าไฟจะมา"

ขิม แก้ม: "ขอบคุณนะคะมิ้น พี่ป่าน" ทั้งสองยิ้มดีใจที่ป่านและมิ้นอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น

เจนเดินไปหยิบผ้าห่ม หมอนและที่นอนเสริมมาจัดพื้นที่นอนให้ทุกคน ป่านและมิ้นนอนบนเตียง ส่วนเจน แก้มและขิม นอนที่นอนเสริมที่ปูบนพื้น

บรรยากาศข้างนอกฝนเริ่มตกหนักขึ้น ทำให้อากาศเย็นสบายแม้ไฟจะดับ ความมืดมิดและเสียงฝนที่กระทบหลังคาสร้างบรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน

ทุกคนพูดคุยกันต่อเรื่องพิมพ์ดาวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและความทรงจำที่เจ็บปวดถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงฝนตกหนักข้างนอกช่วยทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

เวลาเที่ยงคืนกว่า เสียงพูดคุยค่อยๆ เบาลง และในที่สุดทุกคนก็ตัดสินใจที่จะนอน ทุกคนค่อยๆ ปิดตาลง ท่ามกลางเสียงฝนที่ยังคงตกหนักและลมที่พัดแรงผ่านหน้าต่าง

ความเงียบสงบคืนมาอีกครั้งในห้อง แม้จะมีความมืดและฝนที่กระหน่ำตกลงมา ความเหนื่อยล้าจากวันยาวนานทำให้ทุกคนค่อยๆ ผล็อยหลับไปทีละคน เสียงฝนและลมกลายเป็นดนตรีกล่อมที่ช่วยให้ทุกคนเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างช้าๆ

"แอ๊ดดดด..." เสียงประตูห้องดังขึ้น และถูกเปิดออก

มิ้นลืมตาขึ้นมอง แต่พบว่าประตูห้องไม่ได้ถูกเปิดแต่อย่างใด เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพียงฝันหรือจินตนาการของเธอเอง เธอจึงหลับตาลงและนอนต่อ

ขิมรู้สึกตัวตื่นขึ้น เมื่อสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ที่ปลายเท้า เธอเห็นเงาดำเดินผ่านช้าๆไปทางห้องน้ำ เธอคิดว่าอาจเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ

"แอ๊ดดดด....."เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิด และมีเสียงน้ำไหลจากก๊อก

ผ่านไปสักพัก เสียงน้ำจากก๊อกยังคงไหลอยู่ และไม่มีเสียงว่ามีใครออกจากห้องน้ำ ขิมลุกขึ้นเพื่อดูว่าใครไปเข้าห้องน้ำ แต่กลับพบว่า เจน แก้ม มิ้นและป่าน ยังคงนอนอยู่

ขิมรู้สึกประหลาดใจ แต่คิดว่าตัวเองอาจจะฝันหรือจินตนาการไปเอง และอาจมีใครลืมปิดน้ำ ขิมจึงลุกขึ้นเดินไปปิดน้ำในห้องน้ำ

ทันทีที่ขิมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไฟฉายในมือของเธอส่องไปที่ก๊อกน้ำ เธอค่อยๆ เอื้อมมือไปปิดก๊อกน้ำที่ยังคงไหลอยู่ แต่ก่อนที่เธอจะสัมผัสก๊อกน้ำ เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นใกล้ๆ หู

"ขิม...ช่วยฉันด้วย..."

ขิมสะดุ้งเฮือก หันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใครเลย ความเงียบสงัดและความมืดมิดทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัว ขิมพยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อทำใจให้สงบ และรีบปิดก๊อกน้ำ

ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง ขิมหันไปมองอีกครั้ง และเห็นเงาดำเคลื่อนไหวผ่านกระจกเงาที่อยู่เหนืออ่างล้างหน้า ขิมตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่พยายามรวบรวมความกล้ากลับไปที่นอน

เมื่อกลับมาถึงที่นอน ขิมพบว่าเพื่อนๆ ยังคงหลับอยู่ เธอพยายามไม่ให้เสียงฝีเท้าของเธอทำให้ใครตื่น ขิมค่อยๆ นอนลง และดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว ใจเต้นระรัวกับสิ่งที่เธอได้เจอเมื่อครู่

ในความมืด ความเงียบสงบกลับมาอีกครั้ง แต่ภายในใจของขิม ความหวาดกลัวและความสับสนยังคงตีกันอยู่ เธอพยายามหลับตาลงอีกครั้ง แต่ภาพของเงาดำนั้นยังคงตามหลอกหลอนในความคิดของเธอ

ฝนยังคงตกหนัก เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาดังเป็นจังหวะไม่ขาดสาย ลมแรงพัดผ่านหน้าต่างที่ไม่ได้ปิดสนิท ทำให้ผ้าม่านปลิวไหวไปมา เสียงหวีดหวิวของลมแทรกเข้ามาภายในห้องเพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก

"ครืด...ครืด..." เสียงฝ้าเพดานเสียดสีกันดังขึ้นมาอย่างน่าขนลุก เหมือนกับจะถล่มลงมา

ขิมนอนตัวแข็ง รู้สึกถึงความเย็นของลมที่พัดเข้ามาภายในห้อง ทำให้เธอหนาวสั่น เธอหันไปมองเพื่อนๆ ที่ยังคงหลับอยู่ แต่ความรู้สึกไม่สบายใจและความหวาดกลัวยังคงเกาะกุมจิตใจของเธอ

"ตึก...ตึก..." เสียงเหมือนบางอย่างตกลงมาบนหลังคาดังขึ้นทุกขณะ ทำให้ขิมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้น เธอพยายามห่มผ้าให้แน่นขึ้น แต่ความกลัวยังไม่จางหาย

"ครืด...ครืด..." เสียงฝ้าเพดานยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับมันจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ ขิมหันไปมองมิ้นที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของมิ้นยังคงนิ่งสนิทเหมือนกับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย

ขิมรู้สึกตัวอีกครั้งว่าภายในห้องนี้มีเพียงเธอที่ตื่นอยู่ เธอพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง เสียงลมและฝนที่กระหน่ำยังคงดังต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัวขึ้นทุกที

ขณะที่ขิมพยายามจะข่มตาหลับอีกครั้ง เสียงฝ้าเพดานที่เสียดสีกันก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ดังมากกว่าครั้งก่อน จนขิมต้องหันไปมองเพดานอีกครั้ง ความกลัวที่เกาะกุมใจเธอเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอยังคงพยายามปลอบใจตัวเองว่า ทุกอย่างอาจจะเป็นเพียงเสียงจากลมและฝนที่พัดผ่าน

"เคร้งงงง....." เสียงกระทบกันของวัตถุหนักดังขึ้นจากห้องน้ำ ทำให้ทุกคนสะดุ้งตื่น

เจนรีบลุกขึ้นนั่ง พลางหันไปมองหน้าขิมที่นอนข้างๆด้วยความตกใจ

เจน: "เมื่อกี้เสียงอะไรน่ะ?"

ขิม: "ฉันไม่รู้ แต่ฟังดูเหมือนมีอะไรหล่นในห้องน้ำ"

แก้ม: "หรือว่าเป็นของที่เราลืมเก็บเมื่อเย็นนี้?"

มิ้นที่นอนอยู่บนเตียงกับป่าน ก็ดูมีท่าทีไม่สบายใจ เธอรีบลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงพร้อมกับป่าน

มิ้น: "เดี๋ยวฉันไปดูเองค่ะ"

แต่ป่านจับมือมิ้นไว้และพูดขึ้นมา

ป่าน: "ไม่ต้องไปคนเดียวหรอก เราไปด้วยกันดีกว่า"

เจน ขิม แก้ม มิ้น และป่าน เดินไปที่ห้องน้ำด้วยความระมัดระวัง แสงไฟจากไฟฉายที่มิ้นถืออยู่ส่องไปข้างหน้า เมื่อไปถึงห้องน้ำ พวกเขากลับไม่พบอะไรที่ทำให้เกิดเสียงจากการหล่นลงมาเลย

ขณะที่ทุกคนกำลังจะกลับไปที่นอน มิ้นเงยหน้าขึ้นมองเพดานและสังเกตเห็นว่าแผ่นฝ้าเพดานแผ่นหนึ่งถูกเปิดอยู่

มิ้น: "ดูนั่นสิ! แผ่นฝ้าเพดานเปิดอยู่"

เจน: "อาจเป็นเสียงลมพัดแรงก็ได้"

ขิม: "ลมแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? ฝ้าห้องเราปิดสนิทมาตลอด"

แก้ม: "ใครจะไปเปิดมันขึ้นมาได้?"

ป่าน: "หรือว่า...จะมีใครบางคนอยู่บนนั้น?"

ความคิดนี้ทำให้ทุกคนยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้น แม้จะพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ไม่ดี แต่บรรยากาศรอบข้างทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดและหวาดกลัวมากขึ้น

เจนพยายามทำตัวใจเย็นและพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ

เจน: "เราไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้ แต่ที่แน่ๆ เราควรอยู่ด้วยกันและระมัดระวังตัวเองไว้ก่อน"

มิ้นส่องไฟฉายไปทั่วห้องอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นๆ ก่อนที่ทุกคนจะค่อยๆ เดินกลับไปที่ที่นอนของตัวเอง

บรรยากาศภายนอกยังคงมืดครึ้ม ฝนตกหนัก และลมพัดแรง แต่ทุกคนพยายามสงบใจและข่มตาหลับ แม้จะยังคงมีความกังวลใจอยู่ในใจลึกๆ 

"เคร้งงงง....." เสียงดังจากห้องน้ำดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทุกคนสะดุ้งตกใจตื่น ไม่สามารถหลับลงได้อีก พวกเขามองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว

เจน: "ได้ยินเสียงอะไรไหม?"

ขิม: "ได้ยินสิ มันดังมาจากห้องน้ำอีกแล้ว"

แก้ม: "เราควรไปดูกันไหม?"

ป่าน: "ฉันว่าเราไปดูกันดีกว่า จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"

พวกเขาเกาะกลุ่มกัน เดินไปที่ห้องน้ำอย่างระมัดระวัง มือของขิมถือไฟฉายส่องไปข้างหน้า เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออก พวกเขาพบว่า กระจกที่แขวนอยู่บนผนังตกลงมาที่พื้น แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

มิ้น: "นี่มันแปลกเกินไปแล้ว ลมไม่น่าทำให้กระจกตกลงมาได้ขนาดนี้"

เจน: "เราต้องทำอะไรสักอย่าง อาจเป็นเพราะอะไรบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ"

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน เสียงลมภายนอกยังคงพัดแรง ฝนตกหนัก และเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นเป็นระยะๆ บรรยากาศทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นในห้องนี้

มิ้นยังคงสงสัยว่าเหตุใดฝ้าเพดานถึงเปิดออก ลมไม่น่าจะพัดเข้ามาในห้องน้ำแรงขนาดนั้น เธอจึงเสนอความคิดว่า

มิ้น: "หลังจากเก็บเศษแก้วกระจกเรียบร้อยแล้ว เราควรปิดฝ้าด้วยดีไหม?"

ทุกคนเห็นด้วยกับข้อเสนอของมิ้น เจนและขิมช่วยกันเก็บเศษแก้วกระจกอย่างระมัดระวัง โดยใช้ผ้าขนหนูหนาๆ ห่อเศษแก้วไว้เพื่อไม่ให้บาดมือ ขณะที่เก็บเศษแก้ว ทุกคนรู้สึกเหมือนมีสายตาจับจ้องมาจากมุมมืดของห้อง

เจน: "พอเก็บเศษแก้วเสร็จแล้ว เราควรรีบปิดฝ้าทันที เผื่อมีอะไรอยู่ข้างบน เราจะได้ไม่ต้องกังวลอีก"

เมื่อเก็บเศษแก้วกระจกเสร็จ ทุกคนจึงเตรียมตัวไปปิดฝ้า ขิมปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ที่นำมาจากห้องนอนของเจน เพื่อลองปิดฝ้า

ขณะที่ขิมกำลังพยายามปิดฝ้าเพดาน เจนถือไฟฉายส่องให้เห็นชัดเจน มิ้นและแก้มคอยจับเก้าอี้ให้มั่นคง

ขิม: "ดูเหมือนมีอะไรขวางอยู่ข้างในฝ้า ลองดูก่อนว่ามันคืออะไร"

ขิมใช้มือสอดเข้าไปในช่องเปิดของฝ้า และพบว่ามีบางอย่างขวางอยู่ เธอพยายามดึงมันออกมา เป็นวัตถุเก่าๆ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าเก่าคร่ำคร่า

เจน: "นั่นมันอะไร ขิม?"

ขิม: "ฉันไม่แน่ใจ แต่มันดูเก่ามาก เดี๋ยวฉันจะดึงลงมา"

เมื่อขิมดึงวัตถุออกมาและลงมาจากเก้าอี้ ทุกคนต่างมองดูด้วยความอยากรู้ว่ามันคืออะไร ขิมค่อยๆ แกะผ้าเก่าออก

....พบว่ามันคือมีดทำครัวด้ามแหลมคม มันถูกปกคลุมด้วยฝุ่นและคราบสกปรกเกรอะกรัง....

ป่าน: "นี่มันอะไรกัน? ของใคร ทำไมมาอยู่บนนี้?" ป่านพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

มิ้น: "ดูเหมือนมันถูกซ่อนเอาไว้ แต่อยู่ตรงนี้มานานแล้ว"

เจน: "ฉันไม่เคยเห็นมีดนี้มาก่อน มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? หรือว่า... มันเกี่ยวข้องกับพิมพ์ดาว?"

ขิม: "มันเป็นไปได้ไหมที่คนร้ายซ่อนมันไว้ที่นี่หลังจากก่อเหตุ?"

แก้ม: "เราต้องแจ้งตำรวจเพื่อให้พวกเขามาตรวจสอบสิ่งนี้แล้วล่ะ"

มิ้น: "ใช่ มันอาจเป็นหลักฐานสำคัญที่จะไขปริศนาคดีของพิมพ์ดาว"

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ใจเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนกและความสงสัย ความมืดมิดและความเงียบสงบที่ตามมาทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัวขึ้น

แก้ม: "ถ้ามันคืออาวุธที่ใช้ทำร้ายพิมพ์ดาว เราต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" แก้มมองไปที่เจนด้วยความรู้สึกห่วงใยเพื่อน

เจนใจเต้นแรงด้วยความกังวล ไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร วัตถุที่เห็นอาจเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตของพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในห้องของเธอได้อย่างไร

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!