เมื่อมิ้นรู้ว่าป่านคือพี่สาวของพิมพ์ดาว เธอรู้สึกอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยให้วิญญาณของพิมพ์ดาวได้สู่ที่สงบ เธอจึงตัดสินใจชวนป่านและแม็กซ์ไปทำบุญให้พิมพ์ดาว
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ป่าน มิ้น และแม็กซ์ตัดสินใจไปทำบุญที่วัดใกล้มหาวิทยาลัย พวกเขานัดกันที่หอพักก่อนจะออกเดินทางไปด้วยกัน
แม็กซ์ขับรถมาถึงตึกมณีรัตน์และจอดรถที่หน้าอาคาร เมื่อเขาได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ความทรงจำเกี่ยวกับพิมพ์ดาวก็ผุดขึ้นมาในใจอย่างชัดเจน เขารู้สึกถึงการปรากฏของเธอในทุกมุมของตึก ความทรงจำเหล่านั้นยังคงชัดเจนเหมือนเมื่อวาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวเราะของเธอ รอยยิ้มที่อบอุ่น และช่วงเวลาที่พวกเขาเคยใช้ด้วยกัน
แม็กซ์สูดหายใจลึกเพื่อสะกดกลั้นความคิดถึงพิมพ์ดาว แม้ว่าเขาจะยังคงเจ็บปวดจากการสูญเสีย แต่เขารู้ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป วันนี้เขาและป่านตัดสินใจที่จะทำบุญเพื่อส่งผลบุญให้พิมพ์ดาว เพื่อให้เธอได้ไปสู่สุขคติ
ป่านและมิ้นออกมาจากหอพักและเดินมาหาแม็กซ์ที่รถ
ป่าน: "สวัสดีค่ะแม็กซ์ พี่ป่านนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
แม็กซ์: "สวัสดีครับพี่ป่าน"
มิ้น: "พร้อมแล้วค่ะ ไปกันเถอะ"
แม็กซ์: "โอเคครับ ขึ้นรถเลย พวกเราจะไปทำบุญให้พิมพ์ดาวกัน"
ขณะที่รถกำลังแล่นออกจากตึก แม็กซ์มองเห็นตึกมณีรัตน์ห่างออกไปจากกระจกมองหลัง เขารู้สึกถึงความคิดถึงและความรักที่ยังคงมีต่อพิมพ์ดาว แต่เขาก็รู้ว่าการทำบุญในวันนี้เป็นการให้เกียรติและแสดงความรักที่เขามีต่อเธออย่างแท้จริง
ทั้งสามคนมุ่งหน้าไปที่วัด ขณะที่ขับรถไปตามถนนที่คดเคี้ยวและเงียบสงบ พวกเขาสังเกตเห็นรถยนต์คันหนึ่งประสบอุบัติเหตุอยู่ริมทาง
มิ้น: "นั่น! มีรถชนอยู่ตรงนั้น เราควรหยุดรถลงไปดูนะคะ"
แม็กซ์: "เห็นด้วยครับ เราอาจจะช่วยเหลือพวกเขาได้"
เมื่อทั้งสามคนจอดรถและลงไปดู พวกเขาพบว่าเจน แก้ม และขิมกำลังอยู่ในสภาพงงงวยและดูตกใจ
ป่านเห็นบางอย่างอยู่ท้ายรถที่ชน เป็นเงาดำยืนจ้องพวกเขาอยู่ เมื่อป่านพยายามเพ่งดู เงาดำนั้นก็หายไป
"ทำไมถึงมีเงาดำมาอยู่ตรงรถที่ชน" ป่านพึมพำเบาๆ
"พี่ป่านพูดว่าอะไรนะคะ" มิ้นถามป่าน เพราะได้ยินไม่ชัด ว่าป่านพูดอะไร
"ไม่มีอะไรจ้ะ" ป่านบอกมิ้น เธอไม่สามารถเปิดเผยความลับของตัวเองได้ ว่าเธอมีสัมผัสที่หก
เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มิ้นพบว่ารถคันที่เกิดอุบัติเหตุ คือผู้หญิงที่พักห้องหมายเลข 23
มิ้น: "อ้าวพี่สาว ห้อง 23 เกิดอะไรขึ้นคะ?"
เจน: "เราเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินตัดหน้ารถ เราหักหลบกะทันหัน และชนเข้ากับต้นไม้ แต่พอเราลงมาดู เราไม่เห็นเธออยู่ที่นี่เลยค่ะ"
เมื่อป่านได้ยินที่เจนเล่า เธอนึกถึงเงาดำที่เห็นทันที ความสงสัยก่อเกิดขึ้นในใจ "ทำไมถึงมีบางอย่างตามทำร้ายพวกเขา" ป่านคิดในใจ
มิ้น: "โอ้โห! แล้วพวกพี่บาดเจ็บมากไหม?"
แก้ม: "พวกเราบาดเจ็บเล็กน้อยค่ะ แต่ที่น่าตกใจคือเราไม่พบผู้หญิงคนนั้นเลย"
ขิม: "ใช่ มันเหมือนเธอหายไปในอากาศหลังจากเกิดอุบัติเหตุ"
แม็กซ์: "ทุกคนปลอดภัยไหมครับ?"
เจน: "เราปลอดภัยค่ะ แต่พวกเราไม่เห็นผู้หญิงที่เดินตัดหน้ารถเลย"
แม็กซ์: "โอเค ทุกคนสงบสติอารมณ์ก่อนนะครับ ตอนนี้เราต้องจัดการกับสถานการณ์นี้ก่อน เจ้าของรถต้องโทรแจ้งประกันและรถลากครับ"
ขิม: "ได้เลยค่ะ"
ขิมรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรแจ้งประกันและรถลากทันที ขณะที่แม็กซ์ตรวจสอบสภาพรถและความปลอดภัยของทุกคน
แม็กซ์: "ดูเหมือนว่าไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสนะ รถก็เสียหายไม่มากนัก โชคดีที่พวกคุณหักหลบได้ทันเวลา"
ในขณะที่ขิมโทรแจ้งประกันและรถลาก แม็กซ์และคนอื่นๆช่วยกันจัดการสถานการณ์
หลังจากแจ้งประกันและรถลากเรียบร้อย พวกเขาก็รอให้รถลากมาถึง ขณะที่รอ พวกเขาก็พูดคุยกันเพื่อปลอบใจและให้กำลังใจกัน
มิ้น: "ยังไม่ได้เแนะนำตัวเลย งั้นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ หนูชื่อมิ้นค่ะ นี่พี่ป่าน และก็พี่แม็กซ์"
เจน: "พี่ชื่อเจนค่ะ แล้วเพื่อนพี่สองคน นี่แก้ม และนั่นขิมค่ะ"
แม็กซ์: "พวกคุณกำลังจะไปไหนกันครับ ผมไปส่งพวกคุณได้นะ"
เจน: "เรากำลังจะไปทำบุญที่วัดใกล้ๆมหาวิทยาลัยค่ะ"
มิ้น: "ใช่วัด ศรีวราราม ไหมคะ พวกเราก็กำลังจะไปวัดนี้เหมือนกัน"
แก้ม: "ใช่ค่ะ พวกเรากำลังจะไปวัดนี้"
แม็กซ์: "ถ้าอย่างงั้น ก็ไปพร้อมกับพวกเราเลยครับ"
เจน: " ได้ค่ะ ขอบคุณพวกคุณมากนะคะ"
ไม่นานประกันและรถลากก็มาถึง และช่วยลากรถของขิมไปซ่อม พวกเขาจึงสามารถมุ่งหน้าไปวัดต่อไปเพื่อทำบุญตามที่ตั้งใจไว้
เมื่อเจน แก้ม ขิม มิ้น ป่าน และแม็กซ์มาถึงวัด พวกเขาพบว่าบรรยากาศโดยรอบดูอึมครึมผิดปกติ ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใสกลับมืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว เมฆดำลอยเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณวัด เสียงลมพัดเบาๆ ทำให้ใบไม้ร่วงลงมาจากต้นไม้ เสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสั่น
แม็กซ์: "ฟ้าดูเหมือนจะมืดคล้ายฝนจะตกนะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววเลยว่าจะมีฝน"
ป่าน: "ใช่ค่ะ มันแปลกมาก ฉันไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้ที่วัดนี้เลย"
ทุกคนเดินเข้าไปในวัดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งกังวลและตั้งใจ บรรยากาศรอบวัดเงียบสงบอย่างน่าประหลาด เสียงนกและแมลงที่เคยได้ยินก็เงียบลงอย่างชัดเจน
พวกเขามุ่งหน้าไปยังพระวิหารเพื่อถวายสังฆทานและขอพร เมื่อเข้ามาในพระวิหาร บรรยากาศที่สงบเงียบและศักดิ์สิทธิ์ทำให้จิตใจของทุกคนรู้สึกผ่อนคลายลงทันที
เจน ขิม แก้ม: "พวกเราขออุทิศผลบุญให้พิมพ์ดาว ขอให้เธอได้ไปสู่ที่สงบสุข"
แม็กซ์ มิ้น ป่าน: "ขอให้พิมพ์ดาว สงบสุข ไปสู่ภพภูมิที่ดี"
ทั้งหกคนพูดขึ้นพร้อมกันขณะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล และต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อของคนที่พวกเขาต้องการส่งผลบุญให้คือคนเดียวกัน
พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและสงสัย ความเงียบงันเกิดขึ้นชั่วขณะ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเพิ่ม ทันใดนั้น อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว ลมพัดแรงขึ้นจนทำให้เปลวเทียนลุกไหวและเกือบดับ ฟ้าที่เคยปกคลุมด้วยเมฆครึ้มเริ่มมีเสียงฟ้าร้องเบาๆ
ภายนอกวิหาร ลมกรรโชกอย่างหนัก ใบไม้และเศษฝุ่นปลิวว่อน ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับจะเปิดฟ้าฝนลงมาในทุกขณะ ต้นไม้เอนลู่ตามแรงลม เสียงกิ่งไม้เสียดสีและใบไม้กระทบกันเป็นเสียงที่ฟังแล้วน่าขนลุก
แม็กซ์: "ทำไมอากาศเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ อยู่ดีๆก็เกิดลมแรงขึ้น"
มิ้น: "นั่นสิคะ เกิดอะไรขึ้น"
ป่านที่นั่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ตาจับจ้องมองออกไปนอกวิหาร พลันเธอก็เห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีขาวยืนอยู่ท่ามกลางลมที่พัดกรรโชก สายตาของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทำให้ป่านรู้สึกขนลุกทันที
ป่าน: "พิมพ์ดาว!" ป่านตกใจมาก เธอรีบวิ่งออกไป และตะโกนเรียกชื่อพิมพ์ดาว
"พิมพ์ดาว! นั่นเธอใช่ไหม?"
แม็กซ์และมิ้นหันมองตามเสียงของป่าน พวกเขาเห็นเพียงเงาของป่านวิ่งออกไปยังนอกวิหาร ลมพัดแรงจนเกือบจะพัดป่านล้ม
แม็กซ์: "พี่ป่าน! พี่ทำอะไรน่ะ? กลับมาเดี๋ยวนี้!"
ป่านไม่ฟังเสียงเรียกของแม็กซ์ เธอยังคงวิ่งไปหาพิมพ์ดาวที่ยืนอยู่ห่างออกไป แต่เมื่อเธอใกล้จะถึง ก็เกิดลมหมุนวงใหญ่ ทำให้เธอไม่สามารถวิ่งไปหาพิมพ์ดาวได้
แม็กซ์ และมิ้น ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขารีบวิ่งตามป่านออกไป และมองไปรอบๆ ด้วยความสับสนว่าป่านเรียกหาใคร ในเมื่อไม่เห็นใครอยู่ภายนอกวิหารเลย มีแต่ลมหมุนที่พัดรุนแรง
ป่าน: "พิมพ์ดาว! อย่าไป! กลับมาก่อน!"
เจน ขิม และแก้มที่อยู่ภายในวิหารรีบวิ่งออกมาตามเสียงของป่าน
มิ้น: "พี่ป่าน เกิดอะไรขึ้น? พี่เห็นอะไร?"
ป่านหันมามองเพื่อนๆ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม
ป่าน: "พี่เห็นพิมพ์ดาว เธออยู่ตรงนั้น" ป่านชี้ไปทางที่พิมพ์ดาวยืนอยู่
ขิม: "เธออาจจะมารับผลบุญที่เราทำให้หรือเปล่า?"
ป่าน: "แต่เธอดูโกรธแค้นและไม่มีความสุข"
ลมกรรโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพายุที่กำลังบ้าคลั่ง พัดต้นไม้จนเอนลู่ไปตามแรงลม ใบไม้และกิ่งไม้ปลิวว่อนในอากาศ เศษฝุ่นและทรายที่ลอยขึ้นมากระทบใบหน้าทำให้ทุกคนต้องยกมือขึ้นป้องกัน เสียงลมพัดหวีดหวิวดังขึ้นเรื่อยๆ แทบจะกลบทุกเสียงรอบข้าง
สิ่งของภายในบริเวณวัด เช่น กระถางธูปที่วางอยู่บนแท่นบูชา ก็ถูกลมพัดกระจัดกระจาย ตะเกียงน้ำมันและเทียนที่จุดไว้ต่างก็ดับลงทันทีเมื่อถูกลมพัด ธูปที่เคยจุดอยู่ในกระถางถูกพัดปลิวออกมา เถ้าธูปกระจายไปทั่วบริเวณ
ฟ้าเริ่มครึ้มขึ้นเรื่อยๆ เสียงฟ้าร้องดังสะท้านไปทั่ว เสียงใบไม้เสียดสีกันเป็นเสียงที่ฟังแล้วน่าขนลุก ในบางครั้งก็มีเสียงของกิ่งไม้หักดังกร๊อบแกร๊บ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและน่ากลัว
เจนพยายามตะโกนเพื่อให้ทุกคนได้ยินท่ามกลางเสียงลมกรรโชกแรง
เจน: "เราต้องหาที่หลบก่อน ลมแรงขนาดนี้อันตรายมาก!"
แม็กซ์: "ใช่! รีบไปที่วิหารกันก่อนดีกว่า!"
ทุกคนต่างรีบวิ่งกลับไปที่วิหารเพื่อหาที่หลบภัย เสียงลมที่พัดกระหน่ำทำให้พวกเขาต้องก้มตัวลงเพื่อป้องกันตัวเองจากเศษฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวมากระแทก การเดินทางกลับไปที่วิหารเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่พวกเขาก็พยายามที่จะไปถึงที่ปลอดภัยให้ได้
เมื่อมาถึงวิหาร ทุกคนต่างหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า พวกเขามองหน้ากันด้วยความกังวลใจและสับสน
มิ้น: "นี่มันอะไรกันแน่ ทำไมจู่ๆ อากาศถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้?"
ป่านถูกมิ้นลากเข้ามาในวิหาร ขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอยังคงมองไปที่พิมพ์ดาวอย่างหวาดหวั่นและสิ้นหวัง แม้ว่าจะตะโกนเรียกขนาดไหน พิมพ์ดาวก็ดูเหมือนไม่ได้ยิน ไม่สนใจเสียงของเธอเลย ราวกับว่ามีสิ่งกีดขวางบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สามารถเข้าถึงน้องสาวได้
ทันใดนั้น ท่ามกลางลมที่กรรโชกแรงและเสียงฟ้าร้อง พระรูปหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าวิหาร จีวรของท่านพลิ้วไหวไปตามแรงลม แต่ท่านยังคงยืนอย่างมั่นคงและสงบนิ่ง พระภิกษุผู้มีใบหน้าอ่อนโยนและสงบสุข ท่านเดินเข้าไปหาพิมพ์ดาว ดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและปัญญา
พระภิกษุ: "หยุดเถอะโยม หยุดการกระทำที่ก่อให้เกิดความทุกข์ยิ่งขึ้น โยมต้องปล่อยวางความโกรธแค้นที่มีอยู่"
พิมพ์ดาวในชุดขาวยังคงยืนนิ่ง สายตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความโกรธและเศร้า พระภิกษุเดินเข้าไปใกล้พิมพ์ดาว และกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล
พระภิกษุ: "การที่จิตใจของโยมยังคงยึดติดกับความโกรธแค้นและความทุกข์ในอดีต ทำให้โยมไม่สามารถไปสู่หนทางแห่งความหลุดพ้นได้ ความโกรธแค้นเป็นไฟที่เผาผลาญจิตใจของโยมเอง ทำให้โยมไม่พบความสงบสุข"
พิมพ์ดาว: "แต่ฉัน... ฉันถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยม ไม่ได้รับความยุติธรรม ฉันจะปล่อยวางได้อย่างไร?"
พระภิกษุ: "การปล่อยวางไม่ได้หมายถึงการลืมเลือน แต่หมายถึงการให้อภัยและยอมรับอดีต ในโลกนี้ไม่มีใครที่สามารถหนีจากความทุกข์ได้ แต่การยึดติดกับมันยิ่งทำให้โยมทุกข์ยิ่งขึ้น การให้อภัยทั้งตนเองและผู้อื่น เป็นหนทางที่จะช่วยให้จิตใจของโยมเป็นอิสระ"
พิมพ์ดาวฟังคำพูดของพระภิกษุ น้ำตาเริ่มไหลลงมาที่แก้มของเธอ
พระภิกษุ: "จงเปิดใจรับผลบุญที่เพื่อนๆ และญาติพี่น้องของโยมทำให้ รับรู้ถึงความรักและความปรารถนาดีที่พวกเขามีต่อโยม จงปล่อยวางความโกรธแค้น และหันมาสู่ความสงบสุขในจิตใจของโยมเอง"
พิมพ์ดาวค่อยๆ จางหายไป ท่ามกลางเสียงลมที่เริ่มสงบลง บรรยากาศรอบๆ วิหารกลับคืนสู่ความสงบ สายลมอ่อนโยนพัดผ่านอย่างนุ่มนวล เสียงฟ้าร้องและลมกรรโชกแรงได้หายไปแล้ว ท้องฟ้าค่อยๆ เปิดเผยให้เห็นแสงอาทิตย์อันอบอุ่นที่เริ่มส่องผ่านเมฆหมอก
ทุกคนต่างรู้สึกถึงความสงบและความเบาใจที่เข้ามาแทนที่ความกลัว เจน ขิม แก้ม แม็กซ์ มิ้น และป่านต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
มิ้น: "เราควรไปกราบขอบคุณพระภิกษุท่านนั้นที่ช่วยพวกเรา"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยและเริ่มเดินออกจากวิหารเพื่อหาพระภิกษุรูปนั้น แต่เมื่อพวกเขาออกมาด้านนอก กลับไม่พบพระภิกษุท่านนั้นเลย ท่านหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
แม็กซ์: "แปลกจัง พระภิกษุท่านหายไปไหน?"
ขิม: "เมื่อกี้ยังเห็นท่านอยู่เลยนะ"
เจน: "ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องขอบคุณท่านที่ช่วยให้เหตุการณ์สงบลงได้"
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งหมดได้ร่วมกันกราบไหว้และทำบุญต่อที่วัด ด้วยจิตใจที่สงบ เพื่อส่งผลบุญให้พิมพ์ดาว และเพื่อความสงบสุขในจิตใจของพวกเขาเอง เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็เดินทางกลับบ้าน
ขณะที่อยู่บนรถ บรรยากาศภายในรถยังคงเงียบ แม็กซ์ซึ่งเป็นคนขับ หันมาถามเจน ขิม และแก้มด้วยความสงสัย
แม็กซ์: "พวกคุณรู้จักพิมพ์ดาวด้วยเหรอครับ?"
เจนหันมามองแม็กซ์ ก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เจน: "ใช่ พิมพ์ดาวพักอยู่ชั้นเดียวกันกับฉัน"
ขิม: "เมื่อคืนเราฝันเห็นพิมพ์ดาว เช้านี้จึงตั้งใจมาทำบุญให้เธอ"
แก้ม: "แล้วพวกคุณ รู้จักพิมพ์ดาวด้วยเหรอ?"
ป่าน: "เรื่องมันยาว พวกเราไปคุยกันต่อที่คาเฟ่ ใกล้ๆหอพักไหม"
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย รถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆมุ่งหน้าไปคาเฟ่ ท่ามกลางความเงียบภายในรถด้วยความรู้สึกที่หลากหลายของแต่ละคน
เมื่อมาถึงคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับตึกมณีรัตน์ บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเงียบสงบ กลิ่นหอมของกาแฟและขนมอบใหม่ๆ ลอยกรุ่นในอากาศ เจน ขิม แก้ม แม็กซ์ มิ้น และป่านเลือกนั่งที่มุมหนึ่งของร้าน ซึ่งมีความเป็นส่วนตัว
พนักงานเสิร์ฟยิ้มต้อนรับและนำเมนูมาให้ ทุกคนสั่งเครื่องดื่มและขนมเบาๆ เพื่อให้อารมณ์ผ่อนคลาย หลังจากนั้นพวกเขาก็นั่งลงรออาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบ มีเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ ของลูกค้าคนอื่นๆ
ป่านเริ่มต้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพิมพ์ดาวด้วยน้ำเสียงที่ค่อยๆ แผ่วลงแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก
ป่าน: "พิมพ์ดาวเป็นน้องสาวของฉัน เธอเป็นคนที่จิตใจดีและอ่อนโยน แต่โชคไม่ดีที่เธอต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆ"
แม็กซ์: "เราเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียน พิมพ์ดาวมีความฝันและความหวังมากมาย ก่อนเกิดเรื่องร้าย ผมกับเธอเพิ่งตกลงคบกัน"
เจน ขิม และแก้มฟังอย่างตั้งใจและรับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจของพวกเขา และเจนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้ยินว่าแม็กซ์คือคนรักของพิมพ์ดาว เป็นเรื่องราวที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน เธอคิดว่าพิมพ์ดาวและอาทิตย์แฟนของเธอ จะกลับไปคบกัน แต่เกิดเหตุร้ายขึ้นก่อน
เจน: "แม็กซ์ ...คุณคือคนรักของพิมพ์ดาวเหรอคะ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพิมพ์ดาวมีแฟน"
แม็กซ์: "ใช่ครับ ผมไปส่งเธอที่หอพักบ่อยๆ"
ขิม: "เมื่อคืนเราฝันเห็นพิมพ์ดาว ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเธอต้องการอะไรบางอย่าง"
แก้ม: "และวันนี้พอได้เจอพวกคุณ เรารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมาก เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลายอย่าง"
เจน: "ฉันรู้จักพิมพ์ดาว...เพราะเธอคือคนรักเก่าของแฟนฉันค่ะ เเละคนที่พบร่างเธอ พร้อมทั้งโทรแจ้งตำรวจ คือฉันกับแฟน"
แม็กซ์: "ครับ พิมพ์ดาวเคยเล่าให้ผมฟัง ว่าแฟนเก่าของเธอพักอยู่ตึกเดียวกัน เป็นพวกคุณนี่เอง"
เจน: "ฉันขอโทษนะคะ เวลานั้นฉันยอมรับว่ามีความรู้สึกหึงหวงมาก ฉันรู้สึกไม่พอใจที่เธอมาอยู่ใกล้ๆแฟนฉัน แต่ฉันไม่คิดเลยว่าจะเกิดเหตุร้ายกับเธอ" เจนกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า
แม็กซ์: "ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น"
พนักงานเสิร์ฟนำเครื่องดื่มและขนมมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ทุกคนหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบเบาๆ ความอุ่นของแก้วกาแฟในมือทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นขึ้น ทั้งหกคนแลกเปลี่ยนเรื่องราวและความรู้สึกกันอย่างเปิดเผย ความรู้สึกเศร้าโศกค่อยๆ เบาลง ความเข้าใจและความรักที่มีต่อพิมพ์ดาวก็เพิ่มมากขึ้น
มิ้น: "ตั้งแต่มิ้นเข้าพักที่ห้องพิมพ์ดาว ก็เจอเรื่องราวประหลาดตลอด ทั้งฝันร้าย ทั้งความรู้สึกที่มีบางอย่างจ้องมองตลอดเวลา มิ้นคิดว่าพิมพ์ดาวไม่มีทางสงบสุขได้ หากยังจับฆาตกรที่ทำร้ายเธอไม่ได้
ป่าน: "พี่เคยขอลุงชัยเช่าห้องนั้น แต่ลุงชัยไม่ยอม เพราะไม่อยากให้พี่ทุกข์ใจ ตอนนี้ผ่านมาแปดปีแล้ว พี่อยากเข้าไปในห้องนั้นสักครั้ง" ป่านกล่าวพร้อมมองหน้ามิ้นด้วยความหวัง
มิ้น: "ถ้าพี่ป่านอยากเข้าห้องพิมพ์ดาว ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พี่ป่านไปนอนกับมิ้นไหมคะ" มิ้นบอก พร้อมจับมือให้กำลังใจป่านเบาๆ
ป่าน: "ขอบคุณมากนะมิ้น" ป่านยิ้มด้วยความดีใจ
เจน: "ห้องของฉันอยู่ชั้นเดียวกันกับมิ้น ยังไงคืนนี้พวกเรามาห้องฉันเพื่อปรึกษากันเรื่องพิมพ์ดาวดีไหมคะ วันนี้แฟนของฉันยังไม่กลับ ขิม แก้ม พวกแกนอนกับฉันอีกคืนนะ"
มิ้น: "ได้ค่ะ ดีเลย มิ้นรู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้คุยกับพวกพี่วันนี้"
ขิม: "ได้สิ ฉันไม่ติดอะไรอยู่แล้ว พวกฉันจะนอนเป็นเพื่อนแก จนกว่าอาทิตย์จะกลับมาก็แล้วกัน"
หลังจากที่ทุกคนตกลงกันเสร็จ พวกเขาก็เตรียมตัวออกจากคาเฟ่ บรรยากาศยามเย็นเริ่มเย็นลง ทุกคนขึ้นรถและขับกลับไปที่หอพัก
เมื่อมาถึงหอพัก เจน ขิม และแก้มเดินขึ้นไปที่ห้องของเจน ขณะที่มิ้น ป่าน ไปที่ห้องป่านก่อนเพื่อเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวไปนอนห้องมิ้น ส่วนแม็กซ์ขอตัวกลับก่อน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments