ตอนที่ 4 - ฝันร้าย

มิ้นนั่งอยู่ในห้องเรียนของมหาวิทยาลัย แม้ว่าอาจารย์จะกำลังบรรยายเนื้อหาวิชาด้วยเสียงที่ชัดเจนและน่าสนใจ แต่มิ้นกลับรู้สึกเหมือนเสียงนั้นเป็นเพียงเสียงเบาๆ ที่ผ่านเข้าหูเธอไปโดยไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไร

เธอนั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในฝันที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ภาพของหญิงสาวในชุดนอนเดรสสีขาวยังคงติดตรึงในความทรงจำของเธออย่างชัดเจน ความรู้สึกหวาดกลัวและความสงสัยยังคงก้องอยู่ในใจของเธอ

"ฝันนั้นมันดูเหมือนจริงเกินไป" มิ้นคิดในใจ ขณะจ้องมองไปยังหน้าต่างห้องเรียน ภาพของห้องพักที่เปลี่ยนไปเป็นห้องใหม่เอี่ยมสะอาดและภาพหญิงสาวที่หวีผมหน้ากระจกยังคงวนเวียนอยู่ในหัว

หลังจากเลิกเรียน จูนเดินเข้ามาหามิ้นที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะ จูนทักด้วยความเป็นห่วง

"มิ้น เป็นอะไรหรือเปล่า? เห็นเธอดูเหม่อลอยตั้งแต่เช้าแล้ว" จูนถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ

มิ้นสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงจูน เธอหันมองจูนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล

"เรา...เราแค่ฝันแปลกๆ น่ะจูน ฝันมันดูจริงเกินไป"

"ฝันอะไรเหรอ?" จูนถามด้วยความสนใจ "เธอเล่าให้เราฟังได้ไหม?"

มิ้นพยักหน้าและเริ่มเล่า "เมื่อคืนเราฝันว่าอยู่ในห้องพักของเรา แต่มันดูเปลี่ยนไปเป็นห้องใหม่เอี่ยมสะอาด แล้วเราก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนอนเดรสสีขาว เธอกำลังหวีผมอยู่หน้ากระจก มันดูเหมือนจริงมากจนเราตื่นมาแล้วรู้สึกกลัวและสงสัย"

"งั้นวันหยุดเราลองไปทำบุญกันไหม? บางทีอาจจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น" จูนเสนอด้วยน้ำเสียงห่วงใย

"เราว่ามันเป็นความคิดที่ดี ขอบคุณนะจูน ที่อยู่ข้างเราเสมอ" มิ้นยิ้มและจับมือจูนแน่น

"ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนกันนี่นา" จูนยิ้มตอบ

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ จูนบอกกับมิ้นว่าเธอมีธุระที่บ้าน จึงต้องขอตัวกลับก่อน

"มิ้น เราต้องกลับบ้านไปช่วยงานที่บ้านก่อนนะ แต่ถ้ามีอะไรเธอโทรหาเราได้ตลอดเลย" จูนกล่าวพร้อมกับยิ้มอ่อน

"เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะจูน เราจะไปทำการบ้านที่ห้องสมุดต่อ" มิ้นตอบและส่งยิ้มให้

"โอเค ไว้เจอกันนะ" จูนกล่าวลาแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป

มิ้นเก็บของและมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดของมหาวิทยาลัย เมื่อเธอเข้ามาในห้องสมุด บรรยากาศเงียบสงบและเย็นสบายช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เธอเลือกที่นั่งที่มุมหนึ่งและเริ่มเปิดหนังสือเตรียมทำการบ้าน

เสียงกรอบแกรบของหนังสือถูกเปิดจากนักศึกษาคนอื่นๆ ที่กำลังวุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือและทำงานกลุ่ม ทำให้มิ้นรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เสียงพูดคุยเบาๆ ของเพื่อนร่วมชั้นและเสียงพลิกหน้ากระดาษหนังสือเสริมสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้และความร่วมมือ

มิ้นตั้งใจทำการบ้านต่อ แต่ภาพของหญิงสาวในชุดนอนเดรสสีขาวยังคงแว้บขึ้นมาในความคิด เธอพยายามขับไล่ความกังวลออกไปและโฟกัสกับงานตรงหน้า แต่ความคิดของมิ้นกลับลอยไปไกล เธอเปิดสมุดโน้ตเพื่อจดบันทึกบางอย่าง  สมาธิของเธอหลุดลอยไปสู่ความฝันเมื่อคืน

"ทำไมถึงฝันแบบนั้น” เธอถามตัวเองในใจ ความสงสัยที่ไม่ได้รับคำตอบทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งเธอคิดถึงมันมากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

มิ้นพยายามสลัดความคิดนั้นออกไปและหันกลับมาสนใจกับการบ้านที่ต้องทำ แต่ก็รู้สึกยากลำบาก ทุกครั้งที่เธอหลับตาหรือปล่อยใจให้ว่าง ภาพหญิงสาวในชุดนอนเดรสสีขาวก็ปรากฏขึ้นมาในหัวเสมอ

มิ้นนั่งอยู่ในห้องสมุดจนเวลาล่วงเลยไปถึงเกือบหกโมงเย็น นักศึกษาคนอื่นๆ ทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว บรรยากาศในห้องสมุดเริ่มเปลี่ยนจากความวุ่นวายเป็นความเงียบงัน

แสงไฟในห้องสมุดสลัวลง มีเพียงแสงจากโคมไฟบนโต๊ะที่ยังส่องแสงอ่อนๆ บรรยากาศรอบตัวเริ่มดูวังเวง เสียงกระซิบกระซาบของนักศึกษาที่เคยได้ยินเบาๆ ตอนนี้หายไป เหลือเพียงเสียงนาฬิกาแขวนผนังที่เดินเป็นจังหวะ ชวนให้รู้สึกถึงความเงียบอันน่าขนลุก

ห้องสมุดกว้างใหญ่เริ่มกลายเป็นที่ว่างเปล่า โต๊ะและเก้าอี้ที่วางเรียงรายดูเหมือนเงาในความมืด ชั้นหนังสือสูงทึบที่เคยมีผู้คนเดินเลือกหนังสือตอนนี้กลับไม่มีใคร ห้องสมุดดูเหมือนปราสาทเก่าที่ถูกทิ้งร้าง ภายใต้แสงสลัวนั้น เงาของชั้นหนังสือและเฟอร์นิเจอร์ทับซ้อนกันทำให้เกิดภาพลวงตาที่ดูแปลกตา

มิ้นรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากพื้นห้อง เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นแค่เงาตะคุ่มๆ ของเฟอร์นิเจอร์และชั้นหนังสือ เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่เธอ แม้จะไม่มีใครอยู่ในห้องสมุดอีกแล้วก็ตาม

เสียงเหยียบพื้นไม้ดังขึ้นเบาๆ ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด มิ้นสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปมอง แต่ไม่เห็นอะไร ความเงียบงันกลับมาปกคลุมอีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนถูกแยกออกจากโลกภายนอก ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนหยุดนิ่ง

“เราควรกลับได้แล้ว” มิ้นคิดในใจ ขณะเก็บสมุดและหนังสือลงในกระเป๋า แม้จะรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็พยายามทำใจให้สงบ เธอสะพายกระเป๋าขึ้นบ่าและเดินออกจากห้องสมุด ความวังเวงยังคงตามติดอยู่ในใจของเธอ ขณะที่เดินผ่านชั้นหนังสือที่มืดมิดและทางเดินที่เงียบงัน

เมื่อเดินออกจากห้องสมุด เธอหันกลับมามองอีกครั้ง รู้สึกเหมือนมีเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในมุมมืด แต่เมื่อจ้องมองให้ดีๆ กลับไม่เห็นอะไร เธอส่ายหน้าและเดินต่อไป หวังว่าความรู้สึกไม่สบายใจนี้จะหายไปเมื่อเธอกลับถึงห้อง

มิ้นรู้สึกกระหายและเหนื่อยล้าจากการนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด เธอตัดสินใจแวะร้านสะดวกซื้อก่อนกลับหอพัก เมื่อเปิดประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นต้อนรับเธอ บรรยากาศภายในร้านดูสงบ มีเพียงแสงไฟสว่างที่ช่วยขจัดความมืดมิดข้างนอก

ขณะที่เธอเดินไปหยิบขนมปังและนม เธอเหลือบเห็นพนักงานชายที่เคยเจอครั้งก่อน ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ เขาหันมามองมิ้นและยิ้มทักทาย

"สวัสดีครับ” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ดึกแล้วนะครับ ยังไม่กลับหอพักเหรอ”

"สวัสดีค่ะ” มิ้นตอบด้วยเสียงเหนื่อยล้า “แวะมาซื้อของก่อนน่ะค่ะ วันนี้เรียนหนักมาก”

เขาหัวเราะเบาๆ “เข้าใจครับ ผมก็เคยเป็นนักศึกษามาก่อน เรียนหนักก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะครับ อย่าลืมพักผ่อนด้วย”

มิ้นพยักหน้าและยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะกลับไปนอนแล้วค่ะ”

เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชำระเงิน พนักงานหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร ขณะที่สแกนสินค้า

“ผมชื่อแม็กซ์นะครับ ถ้ามีอะไรต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้เลยนะครับ” เขากล่าวพร้อมกับส่งสินค้าคืนให้เธอ

"ขอบคุณค่ะ ฉันชื่อมิ้น” เธอตอบ และรับสินค้ามาจากมือของเขา

"เดินทางกลับดีๆ นะครับ” แม็กซ์กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น

มิ้นออกจากร้านสะดวกซื้อและเดินไปขึ้นรถเมล์ ระหว่างทางเธอเดินผ่านร้านโจ๊กเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนน กลิ่นหอมของโจ๊กทำให้เธอรู้สึกหิวขึ้นมา เธอตัดสินใจแวะซื้อสักถ้วย

"คุณยาย ขอซื้อโจ๊กหมูใส่ไข่หนึ่งถ้วยค่ะ" มิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม

หญิงวัยชราที่กำลังคนหม้อโจ๊กเงยหน้าขึ้นมองมิ้นและยิ้มตอบ "ได้เลยจ้ะ รอสักครู่นะ" เธอตักโจ๊กลงในถุงและเพิ่มไข่ตามที่มิ้นต้องการ

"หนูดูเหนื่อยๆ นะ มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าจ๊ะ?" หญิงชราถามขณะที่เตรียมโจ๊กให้มิ้น

"ก็มีนิดหน่อยค่ะคุณยาย ช่วงนี้รู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง" มิ้นตอบพร้อมกับมีสีหน้ากังวล

"ยายก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่บางครั้งการทำบุญหรือทำสิ่งดีๆ จะช่วยให้ใจเราสบายขึ้นนะ" หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

มิ้นพยักหน้า "ขอบคุณค่ะคุณยาย วันหยุดหนูตั้งใจจะไปทำบุญกับเพื่อนพอดี หวังว่ามันจะช่วยได้"

"ดีแล้วจ้ะ ทำบุญทำใจให้สบาย ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง" หญิงชรายิ้มและกล่าวเพิ่มเติม "เอ้านี่ โจ๊กเสร็จแล้วจ้า ขอให้หนูมีความสุขนะ"

"ขอบคุณมากค่ะคุณยาย" มิ้นกล่าวลาและรับถุงโจ๊กพร้อมกับจ่ายเงิน จากนั้นเธอเดินไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อมิ้นมาถึงหอพัก ตึกค่อนข้างเงียบ อาจเพราะผู้คนในตึกเข้าห้องกันหมดแล้ว เธอเดินขึ้นบันได เมื่อถึงชั้นของตัวเอง เธอได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากห้องหมายเลข 23 ซึ่งเป็นห้องของคู่รักที่เธอเคยเห็นบ่อยๆ

เสียงผู้หญิงดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด "อาทิตย์ ทำไมคุณถึงยังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น! เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้วนะ แต่คุณก็ยังคิดถึงแต่เธอ!"

เสียงผู้ชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่จะลืม และผมก็พยายามลืมแล้ว"

"พยายาม? พยายามของคุณคืออะไร! มองรูปเก่าของเธอทุกวันเหรอ?" ผู้หญิงตัดพ้อด้วยเสียงสะอื้น

"ผมไม่ได้ทำแบบนั้น! ผมพยายามจริงๆ แต่มันต้องใช้เวลา! คุณควรเข้าใจบ้าง" ผู้ชายเถียงกลับ

"ฉันไม่ต้องการความเข้าใจ! ฉันต้องการคนที่รักฉันอย่างเต็มที่ ไม่ใช่คนที่มีใจครึ่งหนึ่งให้คนอื่น!" ผู้หญิงด่าทออย่างโกรธเกรี้ยว

มิ้นหยุดฟังอยู่หน้าห้องเงียบๆ ความรู้สึกสับสนและสงสารเข้ามาในใจ เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เสียงทะเลาะนั้นทำให้บรรยากาศเงียบสงบของหอพักกลายเป็นที่ตึงเครียด เธอจึงรีบเดินผ่านไปยังห้องของตัวเอง

เมื่อเข้ามาในห้อง มิ้นปิดประตูเบาๆ วางถุงโจ๊กลงบนโต๊ะ และนั่งลงที่เก้าอี้ เธอคิดถึงคู่รักห้องหมายเลข 23 และเปรียบเทียบกับความกังวลใจของตัวเอง การฟังการทะเลาะนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าทุกคนมีปัญหาและความท้าทายของตัวเอง และทุกคนต่างก็ต้องหาทางผ่านมันไปให้ได้

เธอแกะถุงโจ๊กและเทลงในชาม กลิ่นหอมของโจ๊กหมูร้อนๆ กับไข่ทำให้เธอรู้สึกหิวขึ้นมา เธอตักโจ๊กเข้าปาก รสชาติอุ่นๆ และนุ่มนวลช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย

หลังจากเก็บชามและล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว มิ้นตัดสินใจอาบน้ำ เธอเปิดน้ำอุ่นและปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกาย ความรู้สึกอบอุ่นของน้ำช่วยให้เธอผ่อนคลายมากขึ้น เสียงน้ำไหลทำให้เธอรู้สึกสงบ และความคิดที่วุ่นวายในหัวเริ่มเบาบางลง

เมื่ออาบน้ำเสร็จ เธอสวมชุดนอนที่นุ่มสบายและเตรียมตัวเข้านอน เธอปิดไฟและนอนลงบนเตียง เปิดโทรศัพท์เช็คข้อความจากจูนอีกครั้ง "พรุ่งนี้เจอกันนะ มิ้น" ข้อความจากจูนทำให้เธอยิ้มและรู้สึกอบอุ่นใจ

มิ้นปิดโทรศัพท์และวางมันลงข้างเตียง เธอหลับตาและปล่อยใจให้สบาย ความหวังและความเชื่อว่าการทำบุญในวันพรุ่งนี้จะช่วยให้เธอพบกับความสงบใจที่ตามหา ในที่สุดมิ้นก็หลับไป

"แอ๊ด...." เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิด พร้อมกับเสียงน้ำไหลจากก๊อกน้ำ มิ้นขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกหงุดหงิด เมื่อถูกรบกวนจากเสียงนั้น เธอหันมองเวลาจากนาฬิกาข้างเตียง เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว เธอคงลืมปิดน้ำ มิ้นคิดในใจ

ปัง ปัง ปัง!! เสียงทุบประตู ทำให้มิ้นสะดุ้งตื่นสุดตัว

เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงและมองไปที่ประตู เสียงทุบประตูเงียบไปแล้ว แต่หัวใจของมิ้นยังคงเต้นระรัว เธอพยายามสงบสติอารมณ์ รวบรวมความกล้าเดินไปยังประตูห้องน้ำเพื่อตรวจสอบ เธอเปิดประตูห้องน้ำ พบว่าน้ำในก๊อกน้ำถูกเปิดทิ้งไว้จริงๆ มิ้นปิดก๊อกน้ำ แล้วกลับมานอนต่อ

ฮือ ฮึก ฮือ...เสียงสะอื้นดังแว่วมาเบาๆ

มิ้นลืมตาขึ้น และมองไปยังต้นทางของเสียง เธอเบิกตากว้าง เมื่อเห็นเงาดำนั่งอยู่ตรงเก้าอี้โต๊ะเขียนหนังสือ เงาดำนั้นดูเหมือนรูปร่างของผู้หญิงในชุดเดรสสีขาวที่เธอเคยเห็นในฝัน

หัวใจของมิ้นเต้นแรง เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก

เงาดำนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น

ฮือ ฮึก ฮือ...เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องโกรธเกรี้ยว

กรี๊ดดดดด!!!" เสียงกรีดร้องนั้นทำให้ห้องสั่นสะเทือน มิ้นรู้สึกว่าทุกสิ่งรอบตัวเหมือนจะพังทลายลง

เธอปิดหู น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความกลัว

"เธอต้องการอะไร! เธอต้องการอะไร!" มิ้นตะโกนเสียงสั่น

พรึ่บ! ทันใดนั้น เงาดำพุ่งเข้าหามิ้นอย่างรวดเร็ว

.

.

Rrrrrrrr.....ครืด...ครืด.....

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้มิ้นสะดุ้งตื่น เหงื่อผุดเต็มใบหน้าและลำตัว 

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "จูน" บนหน้าจอ เธอรีบกดรับสาย

มิ้น: "ฮัลโหล จูน" 

จูน: "มิ้น เธออยู่ที่ไหน?"

มิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง หันมองนาฬิกา พบว่าขณะนี้เวลาเกือบเจ็ดโมงแล้ว

มิ้น: "ฉัน...ฉันอยู่ในห้องพัก" มิ้นตอบ หายใจหอบ

จูน: "เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?" จูนถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย เมื่อได้ยินเสียงหอบเหนื่อยของมิ้นจากปลายสาย

มิ้น: "ฉันไม่เป็นไร" มิ้นพยายามสงบสติอารมณ์ ควบคุมน้ำเสียงให้ปกติที่สุด

จูน: "ตอนนี้ฉันกำลังจะออกจากบ้านแล้ว จะไปรับเธอในอีกครึ่งชั่วโมง เธอเตรียมตัวนะ"

มิ้น: "โอเคจ้ะ"

หลังจากวางสาย มิ้นหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ คิดถึงเหตุการณ์ในฝันที่ยังคงหลอกหลอนเธอ ภาพของหญิงสาวในชุดเดรสสีขาว เสียงกรีดร้องโกรธเกรี้ยว และความรู้สึกหวาดกลัวที่จับใจยังคงชัดเจนในความทรงจำของเธอ "ทำไมฉันถึงฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว" มิ้นคิดในใจ 

มิ้นรีบลุกขึ้นจากเตียง เตรียมตัวอย่างรวดเร็ว ใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ และเหมาะสมสำหรับการไปวัด แล้วหยิบกระเป๋าสะพายออกจากห้อง

ไม่นานนัก จูนก็มาถึง ทั้งสองขับรถไปยังวัดที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย เมื่อเข้ามาในบริเวณวัด ความร่มรื่นและสงบสุขก็โอบล้อมพวกเธอทันที

บริเวณวัดเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ ทำให้บรรยากาศเย็นสบายแม้ในวันที่แดดร้อนจัด ทางเดินปูด้วยอิฐสีแดงทอดยาวเข้าสู่ศาลาใหญ่ ล้อมรอบด้วยสวนหย่อมที่ประดับด้วยดอกไม้หลากสีสัน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และธูปหอมทำให้จิตใจของมิ้นรู้สึกผ่อนคลาย

พระวิหารที่ตั้งอยู่กลางวัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยดั้งเดิม ประดับด้วยลวดลายแกะสลักอย่างวิจิตรบนประตูและหน้าต่าง สีทองอร่ามของหลังคาวัดตัดกับท้องฟ้าสีครามอย่างงดงาม รอบๆ วิหารมีศาลาเล็กๆ หลายแห่งสำหรับนั่งสมาธิและปฏิบัติธรรม บรรยากาศเงียบสงบและเคร่งขรึมช่วยสร้างความสงบในจิตใจผู้ที่มาเยือน

มีบ่อปลาคาร์ปขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างของวัด ปลาคาร์ปหลากสีแหวกว่ายอย่างมีชีวิตชีวา ใกล้ๆ บ่อปลา มีลานหินที่จัดไว้สำหรับการปล่อยนกปล่อยปลา โดยมีกรงนกและถังน้ำสำหรับปล่อยปลาวางเรียงรายอยู่

สายลมอ่อนๆ พัดผ่านใบไม้ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและเสียงระฆังที่ดังแว่วมาเป็นระยะๆ สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและเปี่ยมไปด้วยพลังบวก จูนหันมามองมิ้นแล้วยิ้ม "บรรยากาศที่นี่ทำให้รู้สึกสงบจริงๆ ว่าไหม?"

"ใช่" มิ้นพยักหน้า "ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก"

ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังพระวิหารเพื่อถวายสังฆทานและขอพร เมื่อเข้ามาในพระวิหาร บรรยากาศที่สงบเงียบและศักดิ์สิทธิ์ทำให้จิตใจของมิ้นรู้สึกผ่อนคลายลงทันที

พระวิหารถูกประดับด้วยผ้าแพรสีทองและธูปหอมที่ลอยละล่องในอากาศ ภาพพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ตรงกลางวิหารมีความงดงามและสงบ พระพักตร์ของพระพุทธรูปเต็มไปด้วยความเมตตาและความสงบศานติ รอบๆ พระพุทธรูปมีพระสงฆ์หลายรูปนั่งสมาธิอย่างสงบเรียบร้อย

มิ้นและจูนค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะถวายสังฆทานซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับพระพุทธรูป บนโต๊ะนั้นมีถาดทองคำที่บรรจุด้วยสิ่งของสำหรับการทำบุญ ทั้งสองวางของถวายสังฆทานลงบนถาดอย่างเบามือ พร้อมกับกราบสามครั้งเพื่อแสดงความเคารพ

พระสงฆ์รูปหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ทั้งสอง ยิ้มอย่างเมตตาและกล่าว "สาธุ ขออนุโมทนาบุญ"

จูนกล่าวขึ้นว่า "ขอให้ผลบุญนี้ส่งไปถึงผู้ที่จากไป และขอให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องพบความสงบสุข"

พระสงฆ์รับสังฆทานและเริ่มสวดมนต์ให้พร เสียงสวดมนต์ของท่านดังก้องไปทั่ววิหาร ทำให้มิ้นรู้สึกถึงความสงบและพลังบวกที่ไหลเวียนรอบตัว เมื่อพิธีสวดมนต์เสร็จสิ้น พระสงฆ์พรมน้ำมนต์ให้กับมิ้นและจูน พร้อมกับกล่าวคำอวยพร

หลังจากนั้น ทั้งสองเดินออกจากวิหารและไปที่ลานหินสำหรับการปล่อยนกปล่อยปลา มิ้นถือกรงนกที่มีนกเล็กๆ อยู่หลายตัว จูนมีถังน้ำที่บรรจุปลาตัวเล็กๆ ทั้งสองกล่าวคำอธิษฐานด้วยจิตใจที่ตั้งมั่น

"ขอให้ผลบุญนี้ส่งไปถึงวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือ และขอให้เขาพบทางไปสู่ความสงบสุข" มิ้นกระซิบขณะปล่อยนกออกจากกรง นกบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างอิสระ เสียงปีกของมันดังก้องในความเงียบสงบของวัด

จูนปล่อยปลาในบ่ออย่างเบามือ "ขอให้ทุกชีวิตพบเจอแต่สิ่งดีๆ" เธออธิษฐานพร้อมกับยิ้มให้กับมิ้น

"ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก ขอบใจนะจูน" มิ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"เราเป็นเพื่อนกัน เราต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว" จูนตอบพร้อมกับยิ้มตอบกลับ

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการทำบุญ มิ้นรู้สึกว่าหัวใจของเธอเบาลง ความกลัวและความกังวลที่เคยมีเริ่มจางหาย

ขณะที่มิ้นและจูนกำลังเดินออกจากวัด พวกเธอได้พบกับผู้หญิงที่พักอยู่ชั้นสองตึกเดียวกับมิ้น เธอกำลังยืนอยู่ใกล้ศาลาหลังเล็กๆ ในวัด มิ้นจำเธอได้ทันที ครั้งแรกที่พบกัน มิ้นทักทายเธอ แต่เธอมีท่าทีเย็นชาและรีบเดินหนีมิ้น ครั้งนี้มิ้นตัดสินใจทักทายเธออีกครั้ง 

มิ้น: "สวัสดีค่ะ พี่จำหนูได้ไหม? หนูชื่อมิ้นค่ะ พักอยู่ชั้นสามของหอเดียวกับพี่"

ผู้หญิงคนนั้นหันมามองมิ้น แต่สายตาของเธอกลับมองผ่านมิ้นไปด้านหลัง เธอจ้องมองอะไรซักอย่าง เมื่อมิ้นหันกลับไปมองตามกลับไม่เห็นอะไร

มิ้น: "พี่มองอะไรอยู่คะ?"

ผู้หญิง: "ไม่มีอะไรค่ะ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและมีความลังเล "พี่แค่คิดอะไรเพลินๆ"

จูน: "พี่มาบุญเหมือนกันเหรอคะ?" จูนถามเพื่อคลายความเงียบ

ผู้หญิง: "ใช่ค่ะ"

มิ้น: "พี่ชื่ออะไรคะ เราเจอกันสองครั้งแล้ว ยังไม่รู้จักชื่อเลย"

ผู้หญิง: "พี่ชื่อป่านค่ะ"

มิ้น: "พี่มาวัดนี้บ่อยไหมคะ หนูกับเพื่อนเพิ่งมาครั้งแรก วัดนี้ร่มรื่นเงียบสงบมากเลยนะคะ"

ป่าน: "พี่มาที่นี่บ่อยค่ะ มาทำบุญให้คนสำคัญที่จากไปนานแล้ว" ป่านนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น

ป่าน: "น้องลองสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอนนะ" "ถ้ามีอะไรอยากปรึกษาหรือขอความช่วยเหลือก็บอกพี่ได้ พี่พักอยู่ห้องหมายเลข 16"

มิ้น: "ขอบคุณมากค่ะพี่ป่าน หนูรู้สึกดีขึ้นมากเลยที่ได้คุยกับพี่"

ทั้งสามพูดคุยกันต่อสักพัก หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไป

จูน: "พี่ป่านดูใจดีนะ"

มิ้น: "ใช่ ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้พูดคุยกับพี่เขา"

ทั้งสองขับรถกลับหอพักด้วยความรู้สึกเบาสบายและสุขใจ

ฮอต

Comments

KnuckleBreaker

KnuckleBreaker

มันต้องเป็นอนาคตแล้วที่จะได้อ่านอีก แอดช่วยโปรดอัพเร็วๆน้า

2024-11-08

2

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!