เมื่อจัดของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มิ้นตัดสินใจออกไปเดินสำรวจรอบตึก เธอเดินผ่านทางเดินยาวที่มีแสงไฟสลัวๆ บางส่วนของตึกดูเก่าและมีคราบรอยของเวลา แต่ก็ยังมีความอบอุ่นในบรรยากาศ
ผนังทางเดินมีรอยแตกร้าวและคราบน้ำที่เป็นรอยแผ่นบางๆ สีของผนังที่เคยขาวสะอาดกลับกลายเป็นสีเหลืองหม่น ประตูบางบานมีรอยขีดข่วนและดูเหมือนจะมีอายุหลายสิบปี หน้าต่างบางบานถูกปิดทึบด้วยม่านหนาๆ ที่ซีดจางและมีรอยขาด
พื้นกระเบื้องที่เคยเป็นเงางามตอนนี้มีรอยแตกร้าวและสกปรก บางจุดมีกระเบื้องหลุดออกและถูกแทนที่ด้วยไม้แผ่นบางๆ ที่ปิดทับไว้อย่างไม่เรียบร้อย ในบางมุมของทางเดินมีฝุ่นเกาะหนาจนเห็นได้ชัดและมีใยแมงมุมปกคลุม
มิ้นเดินผ่านห้องที่มีประตูปิดแน่น แต่เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาคอยมองตาม ทุกครั้งที่เธอเดินผ่านทางเดินแคบๆ และยาวนั้น ความรู้สึกหนาวเย็นก็ปะทะเข้ามา บางครั้งเธอได้ยินเสียงแผ่วเบาที่เหมือนเสียงกระซิบหรือเสียงเท้ากระทบพื้น แม้จะไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
บรรยากาศรอบตัวให้ความรู้สึกเหมือนตึกนี้มีความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ตึกที่เคยเป็นที่พักอาศัยของหลายๆ คน ตอนนี้กลับกลายเป็นที่ที่ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและน่ากลัว แม้จะมีความอบอุ่นจากแสงไฟ แต่เงาที่สะท้อนบนผนังกลับทำให้มิ้นรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในมุมมืดของตึกนี้
ขณะที่มิ้นเดินต่อไปตามทางเดินยาว เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่ แม่บ้านคนนี้ดูเคร่งขรึม ไม่ค่อยพูดและดูเหมือนจะไม่สนใจรอบตัวมากนัก
"สวัสดีค่ะ" มิ้นทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
แม่บ้านหันมามองด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เธอกลับไปทำงานต่อ โดยใช้ไม้ถูพื้นถูไปมาตามพื้นทางเดินที่ดูเก่าและสกปรก
มิ้นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามทำความรู้จัก "พี่ทำงานที่นี่นานหรือยังคะ ?"
แม่บ้านหยุดมือและหันมามองมิ้นอีกครั้ง ก่อนจะตอบเสียงเบา "นานแล้วค่ะ"
"แล้วพี่ชื่ออะไรคะ?" มิ้นพยายามต่อบทสนทนา
"ชื่อพิมพ์ค่ะ" แม่บ้านตอบสั้นๆ แล้วกลับไปทำงานต่อ
มิ้นพยายามหาคำถามที่น่าสนใจ "พี่พิมพ์เคยเจออะไรแปลกๆ ในตึกนี้บ้างไหมคะ ?"
พิมพ์หยุดมือและเงยหน้ามองมิ้น พร้อมถอนหายใจเบาๆ "ตึกนี้มีความลับมากมาย บางคนบอกว่าเคยได้ยินเสียงแปลกๆ บางครั้งก็มีคนเห็นเงามืดที่เดินผ่านไปมาในตอนกลางคืน ถ้าหนูไม่กลัว ก็คงอยู่ได้"
คำตอบของพิมพ์ทำให้มิ้นรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว แต่เธอก็พยายามยิ้มและขอบคุณพิมพ์สำหรับข้อมูล
พิมพ์พยักหน้าแล้วกลับไปทำงานต่อ มิ้นเดินกลับไปที่ห้องของเธอด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นและตื่นเต้น เรื่องราวที่ได้ยินทำให้เธอรู้ว่าตึกนี้ยังคงมีความลับที่ต้องค้นหา และเธอจะต้องเผชิญหน้ากับมันในค่ำคืนที่เงียบสงบและวังเวงนี้
คืนแรกมาถึงอย่างรวดเร็ว มิ้นรู้สึกเหนื่อยล้าจากการย้ายห้อง ทำให้เธอหลับแต่หัววัน หลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว ห้องเงียบสงัดและมืดมิด ทันใดนั้นเอง เธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตูปริศนาที่ไม่คาดคิด
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" "ก๊อก ก๊อก ก๊อก"
เสียงเคาะประตูนั้นไม่ใช่เสียงที่มาจากเพื่อนหรือคนรู้จัก เป็นเสียงที่ไม่สมควรเกิดขึ้นในเวลาดังกล่าว มิ้นรู้สึกหวาดหวั่นขณะลุกขึ้นมาจากที่นอน เธอมองหาเวลาในนาฬิกาข้างเตียง บางทีเธอคิดว่าเสียงนั้นอาจเป็นเพียงฝันร้าย แต่ความรู้สึกของเธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่
เธอลงจากเตียง มุ่งหน้าไปหน้าประตูด้วยความกังวล เธอก้าวเข้าหาประตูช้าๆ โดยการเตือนตัวเองว่าเสียงนั้นอาจมาจากบางสิ่งที่ผิดปกติ แต่เธอก็รู้สึกสงสัยและความหวาดกลัวเริ่มเพิ่มขึ้นในใจ
เธอค่อยๆยื่นหน้าเข้าใกล้ประตู "ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก" หัวใจเธอเต้นเร็วด้วยความตื่นเต้น เธอส่องดูหน้าห้องผ่านตาแมวประตู
แต่เธอไม่พบอะไร ไม่มีแมว ไม่มีสิ่งที่อาจก่อให้เกิดเสียงเคาะประตู มิ้นรู้สึกว่าความกลัวและความกังวลในใจเริ่มคลายลง เธอรู้สึกว่าอาจเป็นเพียงฝันร้ายหรือจินตนาการเท่านั้น เธอจึงกลับไปนอนต่อกับความสงบสุขของห้องนอนใหม่ของเธอ
เช้าวันใหม่....🌄
เช้าวันใหม่มาถึง แสงแดดอ่อนๆ ส่องความสดใสผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของมิ้น เธอรู้สึกตื่นเต้นและกระตือรือร้นที่จะเริ่มต้นวันใหม่ จึงรีบลุกขึ้น อาบน้ำ และแต่งชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกอย่างพร้อม เธอเก็บของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าแล้วออกจากห้องเช่า
ระหว่างเดินลงบันไดจากชั้นสาม เธอได้พบกับผู้หญิงที่พักอยู่ชั้นสอง ซึ่งกำลังจะเดินลงบันไดเหมือนกัน ผู้หญิงคนนั้นมีท่าทางเงียบขรึม มิ้นยิ้มทักทาย
มิ้น: "สวัสดีค่ะ !! เพิ่งมาใหม่ชื่อมิ้นค่ะ"
แต่ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยและรีบเดินผ่านไป
มิ้นรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ใส่ใจมากนัก เธอเดินต่อไปยังป้ายรถเมล์เพื่อรอรถที่จะพาเธอไปมหาวิทยาลัย ขณะที่ยืนรอรถเมล์ ความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว แต่เธอพยายามจะลืมและจดจ่อกับการเรียนในวันนี้
เมื่อถึงมหาวิทยาลัย มิ้นตรงไปยังห้องเรียนทันที วันนี้มีการบรรยายที่สำคัญเกี่ยวกับวิชาที่เธอโปรดปราน หลังจากที่เรียนจนถึงเย็น มิ้นรู้สึกหิวจึงตัดสินใจแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อหาของว่าง
"กริ๊ง กริ๊ง" เสียงกริ่งที่ดังขึ้นเมื่อเธอเปิดประตูทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย บรรยากาศในร้านนั้นเงียบสงัดเกินไป แม้ว่าจะเป็นเวลาเย็นที่ควรจะมีคนมาซื้อของกันมากขึ้น
เธอเดินไปตามทางเดินแคบๆ ที่เต็มไปด้วยชั้นวางสินค้าสูงเสียดเพดาน ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเธอรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมาที่เธอแต่ไม่สามารถหาต้นตอได้ เธอพยายามทำใจให้สงบและเดินไปหยิบน้ำเปล่าและขนมปังที่ตั้งใจจะซื้อ
ขณะที่มิ้นกำลังเลือกขนมอยู่ เธอสังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เขาสูงโปร่ง ผิวขาวเนียน ใบหน้าตี๋และหล่อเหลา อายุราวๆ 30 ต้นๆ ดวงตาของเขาดูสงบนิ่งแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้มิ้นรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้ว มิ้นจึงเดินไปที่แคชเชียร์เพื่อชำระเงิน เมื่อเธอเข้าใกล้ ผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างสุภาพ
พนักงานชาย : "สวัสดีครับ ต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ?"
มิ้น: "ไม่ค่ะ แค่นี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
เสียงของพนักงานทำให้มิ้นรู้สึกผ่อนคลายขึ้นอีกเล็กน้อย เขาเคลื่อนไหวอย่างสง่างามและดูเป็นมืออาชีพ ทำให้เธอลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ
พนักงานชาย: "มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?"
มิ้น: "เอ่อ...ไม่มีค่ะ ขอบคุณค่ะ"
มิ้นรีบชำระเงินและออกจากร้านไป แต่ความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องก็ยังคงติดอยู่ในใจของเธอ ขณะที่เธอกำลังเดินกลับไปยังห้องเช่า เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังตามเธออยู่ เธอเร่งฝีเท้าและพยายามไม่หันกลับไปมอง แต่ความรู้สึกหวาดกลัวก็ยังไม่จางหายไป
เมื่อถึงหอพัก มิ้นเดินเข้าตึกและรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดเกินไป ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่ก็ให้ความรู้สึกวังเวง เธอพยายามทำใจให้สงบและเดินขึ้นบันไดที่มีแสงไฟสลัวๆ ทุกขั้นที่เธอเดินขึ้นไป เสียงฝีเท้าของเธอสะท้อนกลับมา ทำให้ความกลัวในใจเริ่มเพิ่มขึ้น
ขณะที่มิ้นเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม เธอพบกับคู่รักคู่หนึ่ง ยืนอยู่หน้าห้องหมายเลข 23 ผู้หญิงมีผมยาวและดูหน้าตาสวย แต่ท่าทางของเธอเย็นชา ส่วนผู้ชายมีรูปร่างสูงและใบหน้าคมคาย แต่ดูไม่ค่อยเป็นมิตร
มิ้นพยายามส่งยิ้มและกล่าวทักทายเบาๆ "สวัสดีค่ะ"
ผู้หญิงเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่ดูเหินห่างก่อนจะหันไปคุยกับผู้ชายต่อ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรเช่นกัน เขาแค่พยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไร มิ้นรู้สึกอึดอัดและรีบเดินผ่านคู่รักนั้นไป
เมื่อถึงห้องตัวเอง มิ้นรีบเปิดประตูและปิดล็อกทันที เธอพยายามหายใจลึกๆ เพื่อทำใจให้สงบ แต่เสียงฝีเท้าที่ตามหลังมาตลอดทางยังคงดังก้องอยู่ในหู
มิ้นนั่งลงบนเตียง พยายามไม่ให้ความหวาดกลัวครอบงำเธอ แต่ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ปกติในตึกนี้ยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ เธอเปิดไฟทุกดวงในห้อง และเปิดเพลงเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบงันและความกลัว
หลังจากนั้นเธอไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายตัวเอง เมื่อเปิดฝักบัว น้ำเย็นฉ่ำพุ่งออกมา กระทบกับผิวที่อุ่นร้อนจากการเรียนมาตลอดทั้งวัน ความเย็นของน้ำทำให้เธอรู้สึกสะท้านเล็กน้อยในตอนแรก แต่ในไม่ช้าความเย็นนั้นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปชั่วขณะ
เธอหลับตาและยืนใต้สายน้ำ ปล่อยให้น้ำเย็นไหลผ่านเส้นผม ลงมาตามแผ่นหลังและแขน ความเย็นของน้ำทำให้เธอรู้สึกสดชื่นและเบาสบาย ทุกหยดน้ำที่ไหลผ่านผิวกายเหมือนกับล้างความกังวลและความกลัวที่เธอแบกรับอยู่
เสียงน้ำที่กระทบพื้นห้องน้ำสร้างบรรยากาศที่สงบ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ รับความเย็นของน้ำที่กระตุ้นให้เธอรู้สึกตื่นตัวและผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ความเย็นนั้นช่วยบรรเทาความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ และทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าได้ล้างความเหนื่อยล้าและความวุ่นวายทั้งหมดออกไป
หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จ มิ้นรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายขึ้นมาก เธอห่อผ้าขนหนูรอบตัว เดินออกจากห้องน้ำ แต่งตัวด้วยชุดนอนซาตินขายาวสีม่วงอ่อน ซึ่งเป็นชุดโปรดของเธอ แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานเพื่อทำงานต่อจนถึงเวลาห้าทุ่ม
ความเหนื่อยล้าจากการเรียนทั้งวันและการทำงานจนดึกทำให้มิ้นรู้สึกหิว เธอจึงแกะขนมปังที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อออกมากิน ความเงียบสงัดในห้องทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้จะมีเสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลออยู่
ขณะที่เธอกำลังเคี้ยวขนมปัง ความรู้สึกวังเวงเริ่มก่อตัวขึ้น เธอหันไปมองนาฬิกาที่วางอยู่ข้างเตียงนอน มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว เสียงลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ม่านกระพือเบาๆ เงาที่ม่านทิ้งลงบนผนังดูเหมือนจะมีชีวิตชีวาและเคลื่อนไหวตามจังหวะของลม
มิ้นรู้สึกง่วงนอนและเหนื่อยล้า จึงล้มตัวลงบนเตียงและหลับไปในที่สุด แต่ไม่นานนัก เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" "ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ"
เสียงเคาะดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เริ่มจากเบาๆ แล้วค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ
หัวใจของมิ้นเต้นระรัว เธอพยายามทำใจให้สงบและตั้งสติ เสียงเคาะยังคงดำเนินต่อไป เธอหันไปมองที่หน้าต่าง และเห็นเงาดำๆ เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก เธอรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่พยายามทำใจให้สงบ
เธอลุกจากเตียงอย่างช้าๆ และเดินไปยังประตู พยายามไม่ทำเสียงดัง มิ้นหยุดอยู่ที่หน้าประตูและมองผ่านตาแมว แต่กลับไม่พบอะไรนอกจากความมืดมิดของทางเดินภายนอก เธอหันกลับมามองที่หน้าต่าง และเห็นเงาดำนั้นเคลื่อนหายไป
"ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังขึ้นและถี่ขึ้น ราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างต้องการเข้ามาในห้องของเธอ มิ้นรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นด้วยความกลัว เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป ใจหนึ่งอยากจะเปิดประตูออกไปดู แต่อีกใจก็เตือนว่าอย่าทำเช่นนั้น
ในขณะที่เธอกำลังสับสนและหวาดกลัว เสียงเคาะก็หยุดลงทันที ความเงียบงันกลับมาเยือนห้องอีกครั้ง แต่แล้วเสียงดังแกรกๆ ที่หน้าต่างก็ทำให้เธอสะดุ้งอีกครั้ง
"ครูดคราด ครูดคราด" "เเกรก แกรก แกรก"
เธอเดินไปที่หน้าต่างและดึงม่านเปิดออกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่าและความมืดมิดของภายนอก
มิ้นกลับมานั่งที่เตียง หัวใจยังคงเต้นระรัว "ตึกตักๆ ตึกตักๆ" เธอพยายามคิดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นอาจเป็นเพียงความฝันหรือจินตนาการของเธอเอง แต่ความรู้สึกหวาดกลัวก็ยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่
คืนนี้จะเป็นคืนที่ยาวนานและน่ากลัวอีกคืนหนึ่งสำหรับมิ้น ความมืดและความเงียบงันในห้องดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้
มิ้นพยายามหลับตาและหันหลังให้กับความกลัว ความเหนื่อยล้าจากการเรียนและทำงานทั้งวัน ช่วยให้เธอสามารถดิ่งลงสู่ห้วงนิทราได้ในที่สุด แม้จะมีเสียงเคาะประตูและเสียงแกรกๆ ที่หน้าต่างหลอนอยู่ในใจ แต่ความอ่อนล้าก็ครอบงำจนเธอหลับไปอย่างรวดเร็ว
ในห้วงความฝัน เธอเห็นภาพความวังเวงของห้องเช่า เสียงเคาะประตูที่ดังซ้ำๆ ราวกับมีอะไรบางอย่างพยายามเข้ามา เงามืดที่เคลื่อนไหวรอบตัว ความรู้สึกหนาวเย็นที่แทรกซึมเข้ามาในใจ ทำให้เธอตื่นตัวทุกขณะ....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 15
Comments