พฤศจิกายน ปี2014
ในเช้าของวันใหม่พายุฝนสงบลงแล้วและได้ทิ้งความเสียหายเล็กน้อยๆ ไว้มากมายพอเห็นแล้วก็รู้เลยว่าจะต้องมีเอกสารกองสูงอยู่บนโต๊ะอีกเป็นแน่
ตั้งแต่เช้ามากัปตันยังไม่ได้เหยียบเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองเลยแม้แต่ก้าวเดียว ไม่สิ จะให้ถูกเลยคือไม่ได้เหยียบเข้าไปในตึกศึกษาเลยถึงจะถูก เขาวิ่งวุ่นตั้งแต่เช้าเพราะมีแจ้งมาว่าท่าจอดยานได้รับความเสียหาย
เขาจึงวิ่งแจ้นไปจัดการ พอเรื่องตรงนั้นเสร็จก็ต้องวิ่งไปที่หน่วยซ่อมบำรุงเพื่อเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อ ซ้ำยังต้องวิ่งไปที่คลังเพื่อไปเบิกอะไหล่มาเปลี่ยนนั้นนี้อีก และก็ต้องไปตรวจดูการซ้อมบาเรียอีกว่าเป็นยังไงบ้าง
มีงานกองเป็นภูเขาเลยให้ตายสิ
ก่อนไปคลังกัปตันก็ไปตรวจเช็กไฮเปอร์เรี่ยนก่อน ไม่ได้จะว่า ว่ายานมันเปราะโดนแค่พายุนิดๆ หน่อยๆ ก็พังหรอกนะแต่มันชอบนั้นนี้เสียเวลาจะใช้งานบ่อยๆ เลยระแวงไว้ก่อน
….
และก็เป็นจริงๆ ซะด้วย พอมองขึ้นไปบนดาดฟ้าของยานไฮเปอร์เรี่ยนก็เห็นความผิดปกติได้ชัดเจนชนิดที่ว่าไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์ใดๆ ในการตรวจสอบเลยด้วยซ้ำ
“ทำไมมันงองั้นฟระนั้น\=\=”
ปากกระบอกปืนเรลกันแสนรุนแรง บิดงอผิดรูปโดยไม่ทราบสาเหตุไปแล้ว กัปตันกุมขมับด้วยอาการปวดหัวหน่อยๆ ไม่เข้าใจว่าปืนที่มีโครงสร้างละเอียดอ่อนเช่นเรลกันมันงอแบบนั้นได้ยังไง
เอาเป็นว่าได้ของที่ต้องไปเบิกจากคลังเพิ่มอีกหนึ่งอย่างแล้ว
จากนั้นกัปตันก็ไปที่คลังเพื่อเบิกอะไหล่และวัสดุจำเป็นมาเพื่อซ่อมยานที่พังแบบโคตรจะประหลาด แต่ทำไงได้เพราะพายุเมื่อคืนทำให้ระบบไฟในแถบนี้มีปัญหาและกล้องไม่สามารถใช้การได้ทำให้ต้องสรุปไปว่าเป็นความเสียหายจากภัย"ธรรมชาติ"
กัปตันหาวยาวก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคืนยิ่งนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ด้วยเลยมีอาการง่วงนิดหน่อย บางทีอาจจะต้องหากาแฟกินสักแก้วก่อนจะเคลียร์งานอื่นๆ ต่อ
ไม่ทันไรก็ปาเข้าไป11โมงเกือบเที่ยงแล้ว เวลามันผ่านไปไว้จนน่ากลัวจริงๆ เมื่อเช้าตอนไปส่งเบียงก้าที่ห้องยังรู้สึกเหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้เอง
ถ้าเวลาป่านนี้แล้วเธอกับริต้าน่าจะถึงสาขาหลักในอีกประมาณ2ชั่วโมงถ้าไม่มีปัญหาอะไรระหว่างทาง
“เหนื่อยหน่อยนะกัปตัน”
“ผู้อำนวยการ?”
ในขณะที่กัปตันกำลังกลับไปที่ท่าจอดยานก็เผอิญเจอเทเรซ่าเข้าพอดิบพอดี ทั้งคู่กล่าวทักทายพอเป็นมารยาทและพูดคุยกันเล็กน้อยและเธอได้มอบหมายภารกิจหนึ่งในเขาทำ ซึ่งเธอบอกว่า
“จะเอาไฮเปอร์เรี่ยนไปใช้ก็ได้นะ”
กัปตันจึงสวนกลับทันทีว่า “มันพังแล้ว”
“เอ๋?”
“ใช่ท่าน มันพังแล้วดูเหมือนว่าพายุฝนเมื่อวานจะแรงเกินไป ไฮเปอร์เรี่ยนทนไม่ไหวเลยตัวแตกไปก่อน ตอนนี้กำลังเร่งซ่อมอยู่”
เทเรซ่าอึ้งจนอ้าปากค้างทั้งน้ำตา เสียหน้าไม่เท่าไหร่เสียเงินนี้เรื่องใหญ่ เธอใช้เวลาทำใจอยู่ราว2นาทีก่อนจะกลับมาเป็นปกติได้
“เอาเป็นว่ามีภารกิจให้นายทำหน่อย มันเป็นงานไม่ได้ใหญ่แต่ใช้อุปกรณ์หลายอย่างหน่อยเลยว่าจะให้เอาไฮเปอร์เรี่ยนไป แต่คราวนี้มันดันพังซะได้ แล้วจะทำไงดีละทีนี้?”
เทเรซ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่คิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“เอาเป็นว่าผมจะทำแล้วกันส่วนเรื่องยานและอื่นๆ ผมจะหาวิธีเอาทีหลังเพราะงานตอนนี้ขอรายละเอียดงานหน่อยครับ”
กัปตันเสนอ เทเรซ่าแหงนหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม ดีจริงๆ ที่โตมาพึ่งพาได้ ถ้าหลานสาวเธอเชื่อฟังแบบนี้บ้างละก็คงดีไม่น้อย
“ไม่รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่ แต่ช่วยอย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับใครมั่วซั่วจะได้ไหมครับ”
“เปล่าสักหน่อย!”
พอตกลงกันได้แล้วเทเรซ่าก็เริ่มอธิบายรายละเอียดของภารกิจให้ฟัง กัปตันก็รับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
พอทราบข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว กัปตันก็ขอตัวไปจัดการงานของเขาต่อโดยก่อนไปได้บอกเทเรซ่าว่าวางใจได้เลย
เขาใช้เวลาราว1ชั่วโมงในการเคลียร์งานที่เขาทำอยู่ในตอนแรกทั้งหมดและอีก1ชั่วโมงในการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่เทเรซ่าบอก
.
.
.
บนยานขนส่งความเร็วสูง กัปตันจ้องหน้าจอที่แสดงระบบนำทางอยู่ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย หลังจากขึ้นยานมาก็ผ่านไปเกือบ2ชั่วโมงแล้ว กัปตันเปิดระบบขับขี่อัตโนมัติและนั่งทบทวนสิ่งที่ต้องทำ ไม่นานหลังจากนั้นยานเริ่มลดความเร็วลงก่อนจะหยุดนิ่ง กัปตันมองจอแสดงภาพภายนอก
เรามาถึงที่หมายแล้ว
ป่าแห่งหนึ่งในไซบีเรีย
กัปตันนำยานลงจอดและเริ่มวัดค่าพลังงานฮงไกในพื้นที่นี้ก่อนเป็นอันดับแรก
“28HW” ตัวเลขไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ กัปตันเก็บเครื่องวัดพลังงานฮงไกแบบพกพาเข้ากระเป๋า และเปิดใช้เครื่องตรวจจับพลังงานฮงไกขนาดใหญ่ที่นำขึ้นยานมาด้วย
พลังงานฮงไกโดยเฉลี่ยในพื้นที่ 5กิโลเมตร มีอยู่ที่ 32HW
ด้วยค่าประมาณนี้ไม่น่าอันตรายอะไร
“งั้นต่อไปก็ต้องใช้เจ้านี้สินะ” กัปตันเปิดเครื่องมือบางอย่างบนยาน มันคืออุปกรณ์ตรวจจับประเภทหนึ่ง และมันเอาไว้ตรวจหาความผันผวนของ'ปริภูมิ-เวลา'
ผมจะสรุปภารกิจให้ฟังคร่าวๆ
จากที่เทเรซ่าบอกมา เธอได้รับรายงานมาว่าตรวจพบความผันผวนของพลังงานฮงไกอย่างแปลกประหลาด เธอบอกว่าค่าพลังงานพุ่งสูงหลายร้อยหน่วยเมื่อคืนนี้ แต่พอเช้ามาเราได้ลองตรวจดูอีกครั้งผลก็คือ พลังงานฮงไกในพื้นที่มีค่าเท่ากับที่ระบุไว้ในฐานข้อมูล
มันไม่ใช่ ศูนย์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่เสี่ยงต่อการเกิดการปะทุ เป็นค่าปกติที่มันควรจะเป็น เพราะที่นี่เคยเป็นสนามรบในสงครามฮงไกครั้งที่2 และผลกระทบจากสงครามยังคงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน
“แล้วความผันผวนของ'ปริภูมิ-เวลา'นี้มันยังไงกันฟระ…”
กัปตันเกาหัวด้วยความไม่เข้าใจ เขาเปิดใช้งานเรื่องมือต่างๆ บนยานจนหมด ไม่ว่าจะเครื่องตรวจสนามพลังงาน หรืออะไรก็ตามที่เขาพกมาด้วย ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เลย
พอคิดๆ ดูแล้วในเมื่อที่นี่เคยเป็นสนามรบในสงครามฮงไกครั้งที่2 ซึ่งเป็นการปะทะกับแฮชเชอร์แห่งมิติมืดที่สามารถเล่นกับมิติได้ดั่งใจ บางทีความผันผวนของ'ปริภูมิ-เวลา'ที่เทเรซ่าตรวจพบอาจเป็นผลกระทบที่เหลืออยู่เหมือนกันก็ได้
แต่มันผ่านมาเป็น10ปีแล้วนะ ทำไมพึ่งจะมามีผลกระทบเอาป่านนี้?
คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ
“คอสมิคจักเกอร์น็อต”
หัวรถจักรที่ถูกเรียกว่า Key of Infinity ปรากฏขึ้นเหนือยานขนส่งด้วยขนาดของมันทำให้ไม่สามารถวางลงบนพื้นได้ กัปตันเลยเลือกที่จะเรียกมันออกมาและบังคับให้มันลอยอยู่อย่างนั้น เขาเข้าไปหัวรถจักรและทำบางอย่าง
Cosmic Juggernaut เป็นกุญแจสวรรค์ที่สร้างจากคอร์ของแฮชเชอร์แห่งมิติมืด ความสามารถของมันจึงมีความใกล้เคียงกับแฮชเชอร์แห่งมิติมืด
กัปตันจึงคิดจะใช้มันในการตรวจหาความผันผวนของ'ปริภูมิ-เวลา'ในพื้นที่แถบนี้ดู หากไม่พบอะไรเขาก็จะกลับไปรายงานในทันที
“ดันมีซะด้วย…”
กัปตันยกมือขวาขึ้นมากุมคางใช้ความคิดเล็กน้อยถึงปานกลาง ในหัวเขามีแค่ว่าถ้าไม่มีก็กลับ แต่ถ้ามีขึ้นมาละก็ค่อยคิดที่หลังว่าจะทำยังไงต่อ และมันก็ดันมีจริงๆ ซะด้วย กัปตันจึงใช้ Cosmic Juggernaut ในการพาตัวเองไปยังสถานที่ที่ตรวจพบความผิดปกติ
พอไปถึงกัปตัน,กัปตันก็ลงไปสำรวจบนพื้นทันที สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงกองหิมะกับต้นไม้ที่เต็มไปด้วยหิมะ ไม่ได้แตกต่างจากที่อื่นเลย เขานำยานของเขามาด้วยและเปิดใช้อุปกรณ์ตรวจจับแต่ผลก็ไม่ได้ต่างจากเดิม เพียงแต่ Cosmic Juggernaut สามารถตรวจจับความผิดปกติได้ซึ่งกัปตันเชื่อในวิทยาการกุญแจสวรรค์มากกว่า
จากการตรวจสอบด้วยกุญแจสวรรค์ พบว่ามีร่องรอยการเชื่อมต่อพื้นที่ผ่าน'ปริภูมิ-เวลา'ซึ่งไม่ใช่ว่าไก่กาที่ไหนก็ทำได้ กัปตันเลยเลือกที่จะตรวจสอบเพิ่มเติม เพราะเขาแน่ใจว่าในเวลานี้ไม่มีใครในโลกที่สามารถเดินทางผ่านมิติได้ เว้นออตโต้ไว้คนหนึ่งเพราะชายคนนั้นศึกษาข้อมูลของกุญแจสวรรค์และแฮชเชอร์มาอย่างยาวนานเป็นร้อยๆ ปี แต่เท่าที่จำได้เขามั่นใจว่าออตโต้ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องมาที่ไซบีเรียแห่งนี้อีก
กัปตันติดต่อหาเทเรซ่า รายงานว่าพบร่องรอยนิดหน่อยแต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้และจะขออยู่ต่ออีก1-2วันเพื่อตรวจสอบและหาข้อสรุปต่อไป
“อื้ม ยังไงก็ฝากด้วยนะ….ว่าแต่นายไปคนเดียวเหรอ?”
เทเรซ่าถาม เนื่องจากเป็นการสื่อสารแบบวิดีโอคอล จึงสามารถสังเกตรอบข้างผ่านหน้าจอได้ เธอเห็นว่ารอบๆ เขามีแต่อุปกรณ์อะไรไม่รู้เต็มไปหมดและไม่เห็นใครนอกจากเขาเลย
“ครับผมมาคนเดียว แต่ผมมีเหตุผลรองรับนะครับ”
จากนั้นกัปตันก็อธิบายไปว่ายานขนส่งลำที่เขาใช้อยู่นั้นมีขนาดเล็กแค่ของที่นำมาด้วยก็เต็มลำแล้ว จึงไม่มีพื้นที่ให้ใครขึ้นมาเพิ่ม และตัวเขาเองก็มีความรู้ในด้านนี้อยู่พอสมควรจึงเลือกที่จะมาคนเดียว
แต่เทเรซ่าดูเหมือนจะยังไม่ค่อยพอใจกับคำอธิบายเท่าไหร่ เธอถามว่าไม่มียานลำอื่นแล้วรึไงทำไมต้องเป็นลำนี้?
กัปตันตอบทันที
“ไฮเปอร์เรี่ยนยังซ่อมไม่เสร็จ ผมถามหน่วยซ่อมบำรุงแล้วคิดว่าน่าจะเสร็จภายในวันพรุ่งนี้ และยานลำอื่นก็มีตารางการใช้งานสำหรับภารกิจอื่นอยู่แล้ว จะเหลือก็แค่ยานขนส่ง และในหมู่ยานขนส่ง ยานที่ผมใช้นั้นเร็วกว่ายานขนส่งทั่วไปถึงห้าเท่าและสามารถบรรทุกพวกของที่จำเป็นต้องใช้ได้อย่างครบถ้วน”
“แต่แลกกับที่นายไปได้แค่คนเดียว?”
เทเรซ่าพูดขึ้น หลังจากฟังคำอธิบายของเขามาพอประมาณแล้ว
“ตามนั้นครับ”
“โอเค ยังไงก็ระวังด้วยล่ะ ที่นั่นเคยเป็นศูนย์กลางของการ'ปะทุ'มาก่อนไม่รู้ว่าจะมีอันตรายแบบไหนเหลืออยู่บ้าง”
“ครับผมจะระวัง”
พอเกลี้ยกล่อมเทเรซ่าสำเร็จกัปตันก็กลับมาสนุกกับการสำรวจร่องรอยประตูมิติต่อ น่าแปลกที่เขายิ้มเกือบตลอดตอนที่เห็นผลลัพธ์ต่างๆ บนหน้าจอ ความไม่สมเหตุสมผลและปริศนาที่เขาไม่เข้าใจทำให้เขารู้สึกสนุกที่จะหาคำตอบ
บางทีเขาชอบอะไรพวกนี้ก็ได้ กัปตันหัวเราะในลำคอ เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หากรู้สึกว่าไม่ควรทำต่อเขาก็จะหยุดมันทันที
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments