ธันวาใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
ลมหนาวเริ่มพัดผ่านมาบ่อยขึ้นมาก วันนี้ท้องฟ้าค่อนข้างมืดครึ้มกว่าปกติ ตามที่ได้ยินจากเทเรซ่ามาดูเหมือนว่าวันนี้อาจมีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางในบางพื้นที่ พอบวกกับลมหนาวด้วยแล้วนับว่าสภาพอากาศวันนี้เลวร้ายพอสมควรเลย
“พายุดันมาตอนจะเข้าฤดูหนาวซะได้”
กัปตันมองออกไปนอกหน้าต่าง ลมแรงที่ยากจะได้เห็นพัดพาใบไม้พลิ้วไหวอย่างรุนแรงตามกระแสลม วันนี้ไม่มีการเรียนการสอนเพราะพายุรุนแรง
และบาเรียพลังงานของเราถูกปิดลงชั่วคราวเนื่องจากกำลังอยู่ในการซ่อมบำรุงประจำปี และที่ต้องมาทำในช่วงนี้ก็เพื่อความเรียบร้อยของบาเรียก่อนขึ้นปีใหม่ แต่เพราะพายุทำให้ต้องหยุดการซ่อมบำรุงไปก่อนและบาเรียก็ยังไม่สามารถใช้การได้ในตอนนี้เพราะยังซ่อมไปเสร็จ
“เอาเถอะตอนนี้ไม่มีภารกิจอะไรด้วยนับว่าเป็นการดีที่จะพักผ่อน”
กัปตันปิดผ้าม่านและจัดเก็บของบนโต๊ะทำงานของเขาเข้าที่ ก่อนจะปิดไฟและปิดประตูออกจากห้องทำงานของเขาและตรงไปที่ที่หนึ่ง
เขากระชับหมวกให้แน่นเพื่อไม่ให้มันปลิวไปตามลมและเดินไปตามถนนเส้นเล็กในเขตหอพักวาลคิเรีย ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในป่าข้างหอพัก
เขามองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง สาขาตะวันออกไกลมีชื่อเสียงเรื่องยานรบ หากตัดกองบัญชาการหลัก และ Anti-Entropyไป สาขาตะวันออกไกลก็คงเป็นกองกำลังที่มียานรบล้ำหน้าที่สุดในโลกได้เลย
แต่มีเด่นก็ต้องมีด้อย เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของสาขาตะวันออกไกลถูกจัดว่ามีความอ่อนแอสูงเป็นอันดับ 3 นับจากล่างสุด และยังเป็นสาขาที่มากำลังพลวาลคิเรียน้อยและอ่อนแอที่สุดด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่านอกจากยานรบสุดหรูกับโลลิแบกกางเขนแล้ว สาขาตะวันออกไกลของเราแทบไม่มีอะไรดีเลย
ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกแย่ เอาเป็นว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้แล้วดีกว่ากลับมาที่งานของเรากันเถอะ
ในป่านี้เป็นหนึ่งในจุดบอดของระบบรักษาความปลอดภัยของเราเพราะไม่มีกล่องวงจรปิดหรืออุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวก็ไม่มีด้วยเช่นกัน และตอนนี้บาเรียที่เป็นกำแพงป้องกันอย่างเดียวก็ไม่สามารถใช้การได้ กัปตันจึงมาตรวจเช็กบริเวณแถบนี้ด้วยตัวเอง
เพราะวาลคิเรียส่วนใหญ่ถูกส่งไปประจำตามจุดเฝ้าระวังอื่นจนหมดแล้วและการสั่งให้นักเรียนวาลคิเรียทำงานเสี่ยงอันตรายแบบนี้ก็ดูน่าเกลียดเกินไปหน่อย
และต่อให้จะอาสามาเองเขาก็ไม่คิดจะให้ทำหรอก เพราะจุดนี้มันมีความสำคัญกับอีเว้นท์ที่ยังไม่เกิดขึ้นอยู่
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรนะ…”
หลังจากตรวจดูรอบๆ ไปได้สักพักกัปตันก็เลือกที่จะกลับออกไปเพราะเห็นว่าฝนไกลจะตกเต็มทีแล้ว
เปาะ-แปะ…หยดน้ำตกลงบนหมวกของเขากัปตันออกตัววิ่งทันที ด้านหลังก็มีเสียงฝนตกไล่มาติดๆ อีกไกลกว่าจะถึงห้องของเขา
ซ่าาา พายุพัดอื้ออึงเสียเสียงฝนกระหน่ำลงมากอย่างรุนแรงตามลำดับ กัปตันวิ่งช้าลงเห็นทีเขาคงไม่พ้นตัวเปียก เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะหนียังไงเสียในตัวเขาก็ไม่มีอะไรที่จะเสียหายหากโดนฝน
กัปตันถอดหมวกของเขาออกและเดินไปไปยังหอพักของเขาอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร ตรงกันข้ามกลับรู้สึกสนุกอีกต่างหาก อารมณ์เหมือนเด็กเล่นน้ำฝนรึเปล่านะ?
ฮะฮะ เขาหัวเราะให้กับตัวเองที่เล่นอะไรเป็นเด็ก
จะว่าไปเมื่อตอนเด็กๆ เขาก็เคยเดินเล่นกลางสายฝนแบบนี้เหมือนกัน ขณะที่กัปตันกำลังคิดอยู่นั้นเองท่ามกลางสายฝนเขาก็เห็นใครบางคนกำลังยืนหลบฝนอยู่หน้าอาคารที่พักของเขา
ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะเห็นเพียงเลือนรางแต่พอเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ตัวเขาก็มั่นใจว่าคนที่ยื่นอยู่ตรงนั้นคือดูลันดัลที่ตัวเปียกชุ่มอยู่หน้าทางเข้า
“….”
“….”
ทั้งคู่มองหน้ากันราวนาทีนึงได้ก่อนที่จะมีคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ไม่คิดว่าจะมาเจอเธอในสภาพนี้นะเนี้ย”
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะมาเจอนายในสภาพนี้เหมือนกันนั่นแหละ”
ดูลันดัลยิ้มฝืนและผายมือออกโชว์ให้ดูสภาพเปียกโชกของตน กัปตันส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเสนอบางอย่าง
“หึหึหึ ยืนคุยตรงนี้ก็ยังไงอยู่ เอาเป็นว่าฉันพักอยู่ที่นี้ถ้าไม่ติดอะไรจะมาที่ห้องฉันก่อนไหม?”
ดูลันดัลครุ่นคิดพิจารณาคำตอบ เธอมองสอดส่องกัปตันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันกลับมาหาเขาและให้คำตอบ
“อื้มขอรบกวนหน่อยนะ”
จากนั้นกัปตันก็นำดูลันดัลไปที่ห้องของเขา กัปตันเปิดประตูและพาเธอเข้าโดยพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะกับทุกคนที่อาศัยอยู่ที่อาคารนี้เหมือนกับเขา
ทำไมนะเหรอ? ลองนึกดูสิ ถ้าเกิดมีคนเห็นว่าเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับวาลคิเรียอันดับหนึ่งของซิกซอลในห้องปิดละ?
ไอเขานะไม่เท่าไหร่เพราะเรื่องซุบซิบทำนองนี้มีชื่อเขาอยู่ไม่น้อยอยู่แล้ว แต่ดูลันดัลไม่ควรมาเสียชื่อให้ใครบันเทิงปากจริงมั้ย?
กัปตันเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบผ้าเช็ดตัวสองสามผืนโยนให้ดูลันดัล
“เอ้านี้ผ้าเช็ดตัวเอาไปใช้กี่อันก็เชิญเลย”
“ขอบใจนะ”
เธอรับไว้และนำมันไปเช็ดตัวและผมตามลำดับ
ดีที่กัปตันมีผ้าเช็ดตัวอยู่เยอะเพราะได้เป็นของแถมมาบ่อยๆ จากการซื้อของ ไม่คิดว่าวันนี้มันจะมีประโยชน์ขึ้นมา
“อื้ม ไปนั่งที่เก้าอี้ตรงนั้นก่อนสิเดี๋ยวไปหาอะไรอุ่นๆ มาให้”
ดูลันดัลที่เช็ดผมและเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่กัปตันเตรียมไว้ให้โดยไม่พูดอะไรพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่ากัปตันหายไปแล้วและมีเสียงดังมาจากห้องครัวเดาว่าเขาคงไปหาอะไรอุ่นๆ อย่างที่พูดอยู่กระมั้ง?
ระหว่างที่เขาไม่อยู่เธอก็กวาดตามองสำรวจห้องไปเรื่อย ทั้งห้องมีแค่โต๊ะทำงานกับเก้าอี้อย่างละตัวอยู่ข้างเตียงขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักและพวกของตกแต่งอื่นๆ อย่างเช่นชั้นหนังสือที่มีหนังสืออยู่เต็มชั้น นาฬิกาดูเก่าๆ บนผนังนอกนั้นก็เป็นกล่องลังกระดาษหลากหลายขนาดกองสุมกันอยู่ตรงมุมห้อง
‘ห้องผู้ชายเป็นแบบนี้เองเหรอ?’
ดูลันดัลคิด เพราะภาพจำที่วาลคิเรียในหน่วยเธอเคยพูดถึงมันค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ถึงมันจะมีกล่องอะไรไม่รู้กองอยู่ตรงมุมห้องก็จริงแต่ก็ไม่นับว่ารกอะไร เข้าขั้นเป็นระเบียบไปต่างจากห้องของริต้ามากนัก
‘แต่ห้องมันจะเล็กไปหน่อยรึเปล่า?’
และในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเธอเปียกโชกไปทั้งตัวและเธอยังไม่ได้เช็ดตัวหรือจัดการตัวเองเลย เธอก็ลุกจากเก้าอี้ซึ่งประจวบเหมาะกับที่กัปตันเดินออกมาจากครัวพร้อมแก้วน้ำสองใบในมือ
“มีอะไรรึเปล่าเบียงก้า?”
“เปล่าๆ แค่พึ่งนึกได้ว่าตัวฉันเปียกโชกไปหมด จะว่าอะไรไหมถ้าจะขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ?”
เบียงก้าถามด้วยสีหน้าลำบากใจหน่อยๆ กัปตันหันมองนอกหน้าต่าง พายุยังแรงไม่ต่างจากเดิมจะให้เธอฝืนทนก็ดูจะเกินไปหน่อย
“ได้สิแต่ขอหาชุดให้เธอเปลี่ยนก่อนนะ ไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่า”
เบียงก้าตอบรับจากนั้นกัปตันก็หันไปเปิดตูเสื้อผ้าโดยไม่ได้แคร์เลยว่าเบียงก้ายังยืนอยู่ข้างๆ เขา
ภายในตู้เสื้อผ้ามีชุดเครื่องแบบกัปตันสีขาวแขวนเรียงกันราว5ชุดได้ (เดิมทีมันมีมากกว่านี้แต่เก็บใส่กล่องไปหมดแล้ว) และเสื้อเชิ้ตสีขาว ดำ เทา อย่างละ2หรือ3ตัว
“นี้ใช่เสื้อที่เราไปซื้อด้วยกันรึเปล่า?”
“ยังจำได้ด้วยเหรอ?”
เบียงก้าสังเกตเห็นเสื้อตัวหนึ่งถูกแขวนไว้ริมซ้ายสุดของตู้และจำได้ว่ามันเป็นเสื้อเชิ้ตที่เคยเลือกให้เขา กัปตันถามด้วยความแปลกใจ เพราะเรื่องมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว
“แน่อยู่แล้วก็วันนั้นเป็นวันที่นายได้รับตำแหน่งกัปตันนิ”
เธอเอ่ยอย่างภูมิใจ ก่อนจะเอื้อมหยิบเสื้อตัวนั้นออกมาและพูดด้วยท่าทางสบายอารมณ์ “ฉันเอาตัวนี้แหละขอบใจนะ'อัลเลน'”
และเธอก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางเธอจะอารมณ์ดีมากทีเดียว เอาเถอะไหนๆ ก็เจอเพื่อนเก่าทั้งทีถึงจะสงสัยนิดหน่อยว่ามาที่สาขาตะวันออกไกลทำไม แต่ไว้ค่อยถามทีหลังก็ได้
อัลเลน? นี้ก็นานแล้วที่ผมไม่ได้ยินชื่อนี้ถึงมันจะเป็นชื่อของผมเองก็เถอะแต่ผมไม่ค่อยพูดชื่อตัวเองเท่าไหร่เพราะส่วนมากผมมักจะเผลอพูดว่า “เรียกฉันว่ากัปตันก็ได้” และไม่เคยจะบอกชื่อตัวเองเลยสักครั้งและในเวลาเดียวกันทุกคนก็เรียกผมว่ากัปตันจนกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งของผมไปแล้ว
กัปตันหันซ้ายขวามองสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องเล็กน้อย
มีหยดน้ำและรอยเท้าอยู่บนพื้นเต็มไปหมด บางทีเขาควรรีบทำความสะอาดมันก่อนที่เบียงก้าจะอาบน้ำเสร็จ
นั้นคือสิ่งที่เขาคิดและเริ่มลงมือทำมันทันที ในเวลาเดียวกันก็เหลือบมองนอกหน้าต่างเล็กน้อย พายุยังคงรุนแรงเช่นเดิมและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงในเร็วๆ นี้
“อัลเสื้อผ้าฉันวางไว้ในตะกร้านี้ได้มั้ย~?”
เสียงเบียงก้าแว้วมาจากห้องน้ำ กัปตันได้ยินที่เธอพูดชัดเจนทุกคำและตอบกลับไปทันที
“ได้ ว่าแต่ให้เอาไปซักเลยไหม?”
“อื้มฝากด้วยนะ”
เธอตอบรับ กัปตันกุมขมับพยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไป บางทีเขาควรทำฉากกั้นแทนกระจกฝ้าไปเลย
เงาสีนวลของผิวเรียบเสมอกันเป็นรูปร่างอันเลือนรางของหญิงสาวที่กำลังเปลือยกายอยู่หลังกระจกฝ้า…..กัปตันพยายามบอกตัวเองให้หยุดคิดและหันความสนใจมาที่เสื้อผ้าในตะกร้า…
กัปตันหยิบตะกร้าขึ้นมาและเดินตรงไปที่เครื่องซัก ก่อนหน้านี้กัปตันไปเปลี่ยนชุดมาแล้วเพราะงั้นตอนนี้ชุดที่ต้องซักมีชุดของเบียงก้าและชุดของเขาเท่านั้น เขาหยิบผ้าขึ้นมาและโยนเข้าเรื่องไปทีละชิ้นและไปสะดุดเข้ากับบางอย่างที่เขาไม่ควรเห็น….ชุดชั้นในกีฬา สีดำสวยพอคิดว่-
หยุดคิดเถอะ!!!
กัปตันกลั้นใจหยิบขึ้นมาและโยนเข้าเครื่องไป “แม้มเอ่ยพอเจองี้ก็ว้าวุ่นเหมือนกันนะเฟ้ย”
พอภารกิจใหญ่เสร็จสิ้นแล้วเขาก็กลับมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง นมร้อนที่เขาทำใส่แก้วมาเริ่มเย็นหมดแล้วแต่ไว้ค่อยทำใหม่ตอนนี้เบียงก้าอาบน้ำเสร็จแล้วก็ยังไม่สาย
ราว 20นาที หลังจากนั้น
เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลงและเสียงเลื่อนประตูก็ดังขึ้นได้สักพักแล้ว กัปตันจิบนมร้อนและรอคุยกับเบียงก้าแต่ผ่านไปนานสองนานก็ไม่เห็นวี่แววของสาวนางเลย
“เบียงก้าเป็นอะไรรึเปล่า มีปัญหาอะไรไหม?”
กัปตันเอ่ยถามไม่นานเงาของสาวผมบลอนด์ก็ปรากฏให้เห็นที่ขอบประตู
“ทำไมไปเกาะอยู่ตรงนั้น?”
“คือ…ฉันไม่มีท่อนล่างใส่….นะ”
“ห๊ะ?”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments