(1วันก่อนเหตุการณ์ในตอนที่11)
“ทำไมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ….” กัปตันเอ่ยขึ้นขณะนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของตนตามปกติ สัญชาตญาณกำลังบอกบางอย่างกับเขาแต่เขาไม่รู้ว่ามันกำลังเตือนอะไรอยู่จึงเลิกสนใจมัน
มือขวาเอื้อมหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม และหันมองออกไปนอกหน้าต่าง อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้ว คงเพราะใกล้ถึงธันวาแล้วด้วยละมั้งอากาศเลยเริ่มหนาวตามฤดูของมัน
จะว่าไปพวกเคียน่าก็ใกล้เรียนจบปี1แล้วด้วยสิ เวลานี้มันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะเนี้ยแป๊บๆ ก็จะปิดเทอมแล้ว
สาขาตะวันออกไกลมีระบบการฝึกวาลคิเรียที่แตกต่างจากสาขาหลักอย่างสิ้นเชิงถ้าให้เปรียบเทียบละก็สาขาหลักจะมีการฝึกอบรมอย่างหนักในรูปแบบของทหารประจำการ แต่เซนต์เฟรย่าของเราเหมือนโรงเรียนเตรียมทหารธรรมดาๆ ความเข้มงวดไม่ได้สูงขนาดนั้น ซ้ำระบบการเรียนการสอนยังเหมือนกับโรงเรียนธรรมดาๆ อีกด้วย จึงมีช่วงปิดเทอมและกิจกรรมพิเศษบางอย่างที่โรงเรียนปกติเขาจัดการ
แต่ไม่สามารถจัดบ่อยๆ ได้เพราะปัญหาด้านการเงินที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งเพราะเสียไปกับค่าซ่อมบำรุงและงบประมาณสำรองสำหรับเหตุฉุกเฉินต่อปีเองก็ไม่ได้มีเยอะอะไรมากแค่สร้างไฮเปอร์เรี่ยนได้อีกลำก็เท่านั้น
ย้ำว่างบฉุกเฉินทั้งปีมีแค่สร้างไฮเปอร์เรี่ยนใหม่ได้อีกแค่ลำเดียวซึ่งในหนึ่งปีไฮเปอร์เรี่ยนมีการใช้งานอย่างน้อยที่สุดก็20ครั้ง และมักได้รับความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ทุกครั้งไป
งบประมาณดังกล่าวจึงนับว่าน้อยมากแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถเข้าใจได้
ค่าบำรุงการศึกษา ค่าอุปกรณ์สำหรับวาลคิเรีย ค่าบำรุงระบบรักษาความปลอดภัย เงินเดือนบุคลากรและค่าใช้จ่ายยิบย่อยอื่นๆ อีกมากมาย และส่วนใหญ่ก็หมดไปกับค่าซ่อมบำรุงยานกับสถานที่ภายในที่มักจะพังเสียหายบ่อยๆ จากการฝึกสอนวาลคิเรีย
….
หรือบางทีที่เงินมันน้อยกว่าปีที่แล้วจะเพราะ
“neko charm!!!”
เสียงประกาศกร้าวก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีของเคียน่าแล่นเข้ามาในหัวอย่างฉับพลัน กัปตันสับหัวไล่ความคิดนั้นออกไป
“ไม่ไม่ๆ เราไม่ควรโยนความผิดทั้งหมดไปที่เคียน่าสิ เราเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบแล้วควรคิดอะไรที่มันมีเหตุมีผลมากกว่าสิ” บางทีอาจมีการยักยอกก็ได้คงต้องตรวจสอบเรื่องนี้สักหน่อย
กัปตันคิดและตัดสินใจเริ่มตรวจสอบเรื่องนี้คร่าวๆ เพราะเลือกที่จะลองเชื่อในตัวเคียน่าและนักเรียนวาลคิเรีย
โดยเขาไม่ได้รู้เลยว่าเขาเลือกเชื่อผิดคนเข้าเสียแล้ว
“ฮา-ฮัดจิ้ว~!”
เคียน่าจามเสียงเล็กก่อนจะเกาหัวเบาๆ
“เป็นหวัดเหรอเคียน่าจัง?”
เมย์เดินผ่านมาพอดีจึงถามด้วยความเป็นห่วงแต่เคียน่าส่ายหัว
“ไม่หรอกพี่เมย์ บางทีคงมีใครพูดถึงฉันมากกว่า~”
“เคียน่าโง่และยังหลงตัวเองอีก โบรเนียรับไม่ได้”
เคียน่าตอบสีหน้าภูมิใจ เดาว่าคงมีคนกำลังชื่นชมเธออยู่เป็นแน่ โบรเนียที่รับไม่ได้ก็พูดออกมาตามความรู้สึกก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันอีกครั้ง เมย์หัวเราะแห้งๆ ให้กับทั้งคู่ก่อนจะเข้าไปห้ามพวกเธอและกลับไปทำนั่งที่เพราะใกล้จะเริ่มเรียนวิชาต่อไปแล้ว
.
.
.
ณ หอพักวาลคิเรีย เย็นวันต่อมา (เหตุการณ์นี้จะอยู่ในวันเดียวกับตอนที่ 11)
“เดี๋ยวพี่จะไปซื้อวัตถุดิบก่อนนะ” เมย์เอ่ยบอกขณะกำลังสวมรองเท้าและเตรียมเปิดประตู
“ค้าา~ ไปดีมาดีนะคะพี่เมย์~ แล้วก็แน่ใจนะว่าไม่ให้หนูไปด้วย?”
“ไปดีมาดี โบรเนียจะเฝ้าไม่ให้เคียน่าทำอะไรโง่ๆ เอง”
เคียน่าและโบรเนียขานตอบก่อนที่ทั้งคู่จะแซะกันไปมาอีกครั้ง เมย์ถอนหายใจเบา และตอบคำถามของเคียน่าก่อนจะเปิดประตูออกไป
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่ไปคนเดียวได้ร้านเองก็ไม่ได้อยู่ไกลมากด้วย”
.
.
.
ประมาณนี้คงพอแล้วละมั้ง?
เมย์คิดขณะมองถุงวัตถุดิบในมือ เพราะวันนี้ค่อนข้างสายเคียน่าและทุกคนน่าจะหิวกันแล้วเลยตั้งจะทำเยอะกว่าปกติและซื้อเผื่อในส่วนของพรุ่งนี้เช้าไปด้วยเลย
“อืมม~ วันนี้ได้เนื้อลดราคามาเยอะเลยแฮะ” ระหว่างทางกลับก็คิดไปด้วยว่าจะทำเมนูอะไรดี
“อ๊ะกัปตันนิ?”
ห่างออกไปราวสองช่วงตึกเมย์เห็นเงารางๆ ของกัปตันกำลังเดินมาทางนี้ เธอรีบหลบโดยไม่รู้ตัว
“แล้สเราจะหลบทำไม….” เธอแอบมองไปทางเขาอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะมาคนเดียว
เมย์คิดในใจเกิดลังเลว่าจะเข้าไปทักดีมั้ย? เธอจ้องมองไปที่ใบหน้าของกัปตันและเกิดนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เมื่อวานตอนเช้า
“งายย~ กัปตัน ขอขนมหน่อย”
“หวัดดีเคียน่าวันนี้มาเช้าจังนะตื่นเร็วเหรอ?”
ระหว่างกำลังไปเรียนตามปกติพวกเราพบกับกัปตันโดยบังเอิญ เคียน่าวิ่งตรงไปหาเขาและใช้หัวโคกไปที่ไหล่เขาด้วยท่าทางสนุกสนาน กัปตันหันมากล่าวทักทายและยื่นขนมให้เธอตามที่ขอ
“อรุณสวัสดิ์คะกัปตัน”
“อรุณสวัสดิ์”
ฉันกับโบรเนียเดินไปหาเขาเช่นกันและกล่าวทักทาย
“อื้มอรุณสวัสดิ์นะโบรเนีย” เขาลูบหัวโบรเนียก่อนที่จะยื่นขนมให้เธอ โบรเนียรับและกล่าวขอบคุณจากนั้นเขาก็หันมาฉัน
“อรุณสวัสดิ์นะไรเดน วันนี้ก็พยายามเข้านะ^^”
พอว่าจบเขาก็ขอตัวไปทำงานต่อทันที
…
…
‘เคียน่า’ … ‘โบรเนีย’ ….แล้วทำไมมีแค่ฉันที่เป็น ‘ไรเดน’
ทำไมมีแค่เราที่ถูกเรียกด้วยนามสกุลละ
เมย์ก้มหน้าด้วยความผิดหวังก่อนจะหันไปเห็นโบรเนียกำลังกินขนมที่กัปตันให้ไปอย่างเอร็ดอร่อย
แล้วทำไมมีแค่เราที่ไม่ได้ขนม….
เมย์ยิ่งรู้สึกผิดหวังหนักกว่าเก่ามากเป็นเท่าตัว ทำไมมีแค่เธอที่ได้รับการปฏิบัติต่างจากคนอื่น
ไม่….วันนี้แหละ
วันนี้แหละจะต้องทำให้กัปตันเรียกชื่อเราให้ได้! เมย์ตัดสินใจก่อนจะคิดหาวิธี ยังมีเวลาอยู่นิดหน่อยก่อนที่เขาจะมาทางนี้
.
.
“สวัสดีค่ะกัปตัน ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่”
ในขณะที่กัปตันกำลังเดินคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นเองก็มาเจอเมย์เข้าพอดี ดูจากของที่เธอถืออยู่นั้นน่าจะกลับจากการซื้อวัตถุดิบสำหรับมือเย็น
“เหมือนกันเลย แล้วที่ถืออยู่นั้นของสำหรับทำมื้อเย็นเหรอเยอะจังนะ” กัปตันถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ แน่ละก็ฉันไปซื้อมาเพิ่มนิคะกัปตัน^^
“อ๋อไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ พอดีห้องเรามีคนกินจุอยู่ด้วยประมาณนี้กำลังพอดี” อีกอย่างมีคนเพิ่มก็ต้องซื้อของเพิ่มด้วยถูกมั้ยคะ? เมย์คิดในใจโดยไม่ได้พูดออกไป
“จริงสินะพวกเธออยู่ห้องเดียวกันนิแล้วมาคนเดียวเหรอ?”
กัปตันถามและหันซ้ายขวามองรอบๆ บางทีเขาอาจจะมองหา'คนอื่น'อยู่สินะ
“ไม่ต้องมองหาหรอกค่ะ ฉันมาคนเดียว ว่าแต่กัปตันเถอะคะ นี้ก็เย็นมากแล้วจะไปไหนเหรอคะ?”
เมย์ตอบคลายข้อสงสัยของกัปตันก่อนที่เธอจะถามบ้าง ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ถามเขา
“ว่าจะไปอะไรกินหน่อยนะ” อื้มๆ อย่างที่คิดไว้เลยเขากินของแบบเดิมแทบทุกวัน คงจะรู้สึกเบื่อแล้วนี้แหละที่เราต้องการ
“งั้น….กัปตันมาทานมื้อเย็นกับพวกเราไหมคะ?”
“ห๊ะ?”
กัปตันอ้าปากค้างไปเลย คงอึ้งกับคำเชิญของเรา แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิดสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“เอ่อ….ไม่ดีกว่า พอดีฉันเกรงใจ….”
ท่าทางลำบากใจนั้นมันอะไรกันคะ? หรือว่าจะกังวลเรื่องความเห็นของคนอื่นๆ อยู่? จริงด้วยสิ เขาเป็นคนรอบคอบและมีเหตุผล ฉันควรให้เหตุผลกับเขาสักหน่อย
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เคียน่ากับโบรเนียจังเองก็คงไม่ว่าอะไร พันตรีฮิเมโกะก็คงไม่ต่างกัน”
“แต่ฉันว่า”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
กัปตันพยายามปฏิเสธแต่น่าเสียดายข้ออ้างของเขาฉันไม่อนุมัติแน่นอนคะ
พอข้ออ้างหมดลง กัปตันยิ้มแห้งและยอมตกลงในทันที ขั้นตอนแรกสำเร็จทีนี้ก็ไปขั้นต่อไป
“…โอเคโอเค ในเมื่อเธอว่างั้น งั้นเดียวฉันช่วยถือให้แล้วกัน”
กัปตันเอื้อมมือหาฉัน ดูเหมือนเขาจะอยากช่วยฉันเลยเอาถุงวัตถุดิบในมือซ้ายให้เขาไปช่าง เป็นสุภาพบุรุษซะจริงเชียว ฉันควรพูดอะไรสักหน่อยเป็นการขอบคุณ
“ช่วยได้มากเลยค่ะกัปตัน”
จากนั้นพวกเราทั้งคู่ก็เดินกลับไปที่เซนต์เฟรย่าด้วยกัน ระหว่างทางกัปตันชวนฉนคุยเป็นระยะ ดูเหมือนเขาไม่จะไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบเหงาเกินไปสินะ ฉันเลยตอบเขาตามที่เขาถาม
“เรื่องเรียนเป็นไงบ้าง?”
“ก็ดีค่ะ ตอนแรกอาจยากนิดหน่อยแต่นานวันเข้าก็เริ่มคุ้นชินแล้วตอนนี้เลยไม่มีปัญหาอะไร”
“อื้มมมม อย่างนี้นี่เองสมกับเป็นไรเดน ฉลาดและยังเรียนรู้เร็วจริงๆ ถ้าเป็นคนปกติที่พึ่งเป็นวาลคิเรียละก็ ใช้เวลาเป็นปีเลยนะกว่าจะคุ้นชินกับการฝึกของที่นี่ได้”
“……”
…
อีกแล้ว…
ทำไมถึงเป็น ‘ไรเดน’
“กัปตันคะ…”
“ครับ?”
เมย์หยุดเดินและหันกลับมาหากัปตัน
“ลองเรียกชื่อต้นของฉันหน่อย…ได้รึเปล่าคะ”
ใบหน้าของเธอไม่ได้แสดงความเขินอายเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับมั่นคงแลจริงจัง
“…เห้อ~ นึกว่าอะไรซะอีก”
“เมย์”
กัปตันถอนหายใจ และเอ่ยชื่อของฉัน
เขาเอ่ยมันออกมาง่ายๆ ฉันดีใจที่เขายอมเรียกชื่อแล้วก็จริงแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่ฉันหวังไว้เลยแม้แต่น้อย
แทนที่จะดีขึ้นฉันกลับรู้สึกผิดหวังยิ่งกว่าเดิม มากจนฉันรู้สึกเจ็บ
“กัปตันคิดว่านี้เป็นเรื่องตลกเหรอคะ….”
น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความโกรธอันเบาบาง ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้คิดร้ายอะไรแต่….
“…ขอโทษด้วยจริงๆ นะแต่ฉันไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร”
“…..”
“….ไม่มีอะไรคะกัปตัน…เรารีบกลับกันเถอะค่ะ…เคียน่าจังคงหิวแย่แล้ว”
งั้นเหรอ….ไม่เข้าใจว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร ?
ฮะฮะ.....คนโกหก ผู้ชายมันก็เหมือนๆ กันหมดจริงๆ นั้นแหละ เสแสร้งไม่มีความจริงใจเลยสักนิด.....
ฉันเห็น
ฉันรู้สึกได้ จากสายตาที่เขามองมาที่ฉัน เขารู้ว่าฉันหมายถึงอะไร เขาเข้าใจอย่างแน่นอน แต่ทำไมถึงต้องปฏิเสธ?
หรือเพราะฉันเป็นแฮชเชอร์ใช่มั้ยคุณถึงทำแบบนี้....พอคิดแล้วก็สมเหตุสมผล
แฮชเชอร์คือตัวอันตรายอย่างแท้จริงต่อโลกและผู้คนจำนวนมาก
เพื่อให้สะดวกต่อการเฝ้าสังเกตุการณ์ คุณเลยทำดีกับฉัน….คอยแนะนำการใช้ชีวิตในเซนต์เฟรย่า คอยสอนการทำงานของวาลคิเรีย....ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นที่คุณแสดงให้ฉันและทุกคนเห็น
บอกฉันทีว่าคุณไม่ได้เสแสร้งและหวังใช้ประโยชน์จากฉัน...จากพวกเรา
เธอก้มหน้า หันหลังและเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน!”
“!!”
กัปตันคว้าแขนของฉันไว้ก่อนฉันหันกลับมองเขาด้วยความตกใจ
“ที่ก่อนหน้านี้เอาแต่เรียก'ไรเดน'ความจริงแล้วชั้นแค่ไม่รู้ว่าตัวเองเหมาะที่จะเรียกชื่อของเธอรึเปล่า…”
“….”
“ถ้าไม่ว่าอะไร….ฉันขอเรียก'เมย์'เหมือนที่คนอื่นเรียกได้ไหม?”
น้ำเสียงของเขายังมีความลังเลอยู่แต่ท่าทางของเขานั้นบอกได้ว่าเขาจริงจัง
เมย์มองเข้าไปเห็นถึงความเป็นห่วงที่มองมายังเธอ พริบตานั้นเธอรู้สึกภาพมันเบลอไปหมดและมีบางอย่างไหลออกมาจากดวงตาของเธอ แต่ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่มันเลย เธอยิ้มด้วยความดีใจและกล่าวตอบเขา
“แน่นอนว่าได้อยู่แล้วคะ”
“ขอโทษนะ”
กัปตันเอื้อมมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของฉันและเช็ดน้ำตาของฉัน ในตอนนั้นฉันถึงรู้สึกตัวฉันกำลังร้องไห้อยู่ ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพอกัปตันนำมือออกไปแล้วฉันก็รีบหันหนีทันที
“ม-ไม่เป็นไรค่ะ”
“งั้นเรารีบกลับกันจริงๆ เถอะ ไม่งั้นเคียน่าได้หิวข้าวตายก่อนจริงๆ แน่”
“น-นั้นสินะคะ!”
ฉันพูดตอบเขาไปเสียงดังจากนั้นเราทั้งคู่ก็รีบสับเท้าตรงกลับไปที่หอพักในทันที ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็มาถึงหอพักวาลคิเรียได้ เพราะระยะทางจากตรงนั้นมาที่หอพักนั้นไม่ได้ไกลเท่าไหร่ ด้วยความเร็วของทั้งคู่แค่รีบเดินหน่อยก็ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
ถึงจะผิดจากที่คิดว่ามากก็ตามแต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ฉันตั้งใจไว้ในตอนแรกและผลลัพธ์ที่ได้เองก็ไม่แย่เลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments