ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อเรื่องมันจะดีแล้วจริงๆนะเหรอ
แบบนั้นคือเส้นทางที่ดีที่สุดแล้วใช่มั้ย?
ถ้านั้นคือเส้นทางที่ดีที่สุดและทำไมเราถึงไม่อยากให้มันเกิดขึ้นละ? แรกเริ่มเดิมทีผมมองว่าโลกนี้เป็นเพียงแค่เกม เหตุการณ์เป็นไม่ต่างจากฉาก คำพูดเป็นเพียงตัวอักษร และบุคคลเป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงของผู้เล่น
ผมมองว่ามันเป็นเพียงบทละครหรือเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อความบันเทิงซึ่งผ่านการคัดกรองมาเป็นอย่างดีแล้วจึงเผยแพร่สู่สาธารณะ
เพราะงั้นเลยเชื่อว่า'เรื่องราวดั่งเดิม'คือเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว….นั้นคือความคิดของผมตอนที่มาโลกนี้ใหม่ๆและความคิดนั้นก็ยังฝังลึกอยู่ในหัวผมตลอดจนถึงตอนนี้
แต่เวลาทำให้ความคิดของผมค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆโดยไม่รู้ตัว
ตามเนื้อเรื่องฮิเมโกะจะต้องตายในการปะทะกับแฮชเชอร์แห่งมิติมืด
ตอนแรกผมไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับเรื่องนี้เพราะเข้าใจดีว่ามันเป็นการเสียสละที่จำเป็น แต่หลังจากที่ได้รู้จัก พูดคุย การใช้เวลาและทำหลายๆอย่างรวมกันเป็นเวลานาน
3ปีที่เซนต์เฟรย่า แม้จะมีหลายอย่างทำให้รู้สึกปวดหัวอยู่บ่อยๆ แต่ก็เป็นความทรงจำที่มีค่ามากๆ พอมาคิดดีๆแล้วบางทีนี้อาจเป็นความผูกพันก็ได้ละมั้ง? เอาเถอะจะใช่หรือไม่ใช่ก็ชั่ง
สุดท้ายก็กลายเป็นว่าผมไม่สามารถปล่อยให้่ทุกอย่างเป็นไปตาม'เรื่องราวดั่งเดิม'ได้อีกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ด้วยว่าจะทำยังไงต่อไปดี
สิ่งที่ผมรู้ในตอนนี้คือ มันโล่งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนยกถูเขาออกจากอก
กัปตันยิ้ม วันนี้ทำงามหน้าไว้ด้วยสิน่าอายชะมัด.. พอนึกถึงเรื่องเมื่อเย็นก็ทำเอาอายจนอยากจะมุดดินหนีจริงๆ
“รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้ไปหาซื้อไวน์ดีๆอีก” กัปตันยกหมอนขึ้นมาปิดตา ไม่กี่นาทีเขาก็หลับไป
.
.
.
ณ ห้องพักของกัปตัน
ในเช้าวันใหม่ยามค่ำคืน….ฮะฮะ แน่ละ ตอนนี้มันตี3 ฟ้ายังไม่ทันสว่างเลยด้วยซ้ำ
ปกติกัปตันจะลุกจากเตียงก็6โมงโน้น
“ฮาา~ รู้สึกสดชื่นสุดๆ!”
กัปตันวางแก้วน้ำลงก่อนจะหันไปแต่งตัว พออาบน้ำเสร็จตามด้วยน้ำเย็นๆสักแก้วนี้มันช่วยให้รู้สึกสดชื่นไม่เบาเลย
เครื่องแบบของกัปตัน นั้นคือชุดปกติที่เขาใส่เพียงแต่วันนี้เขาไม่ได้ใส่เต็มยศเหมือนทุกที มีแค่เสื้อกัปตันที่่ใส่ทับเสื้อเชิ้ตสีดำกัปกางเกงสีเดียวกัน
วันนี้เป็นวันแรกที่อยากจะลองแต่งตัวตามใจตัวเองจริงๆดูบ้าง
แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าดูกลับมาแต่ชุดเครื่องแบบของกัปตันเรียงรายเต็มตู้ไปหมด กว่าจะหาชุดนี้ได้ก็นานเอาเรื่องเลย
“โอ็ะ? เกือบลืมแล้วไหมละ”
กัปตันเอื้อมหยิบหมวกบนโต๊ะและเดินออกจากห้องตรงไปที่ห้องทำงานของเขา กว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็ปาเข้าไปตี4แล้วถึงในเวลานี้คงยังไม่มีใครมาทำงานกันหรอกกัปตันคิดแบบนั้น
“กัปตัน?”
“ฟูกะ?”
ขอถอนคำพูด เวลานี้คงเป็นเวลาตื่นสำหรับบางคน
ขณะที่กำลังเดินไปที่ห้องทำงานอยู่นั้น กัปตันจำเป็นต้องเดินผ่านเขตหอพักนิดหน่อย และเขาก็มาพบกับฟูกะที่กำลังวิ่งออกกำลังกายอยู่พอดี เธอหอบหายใจนิดหน่อยดูแล้วน่าจะพึ่งเริ่มวิ่งได้ไม่นานนัก
“อรุณสวัสดิ์ฟูกะ วันนี้ก็ฟิตร่างกายเหมือนเดิมเลยนะ”
“อรุณสวัสดิ์เช่นกันคะกัปตัน แล้วก็ในฐานนะวาลคิเรียการฝึกฝนและเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่ควรทำ”
พอฟังเธอพูดจบกัปตันก็นึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้
“ครั้งสุดท้ายที่ประมือกับเธอก็นานมาก….แล้วว่าไหมฟูกะ”
ฟูกะดันแว่นของเธอเล็กน้อยก่อนที่มุมปากของเธอจะปรากฏกรอยยิ้ม
“มันก็นานมากแล้วจริงๆนั้นแหละคะ”
ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ ฟูกะเข้าใจที่กัปตันต้องการจะสื่อเธอตอบตกลงและหาสถานที่ที่เหมาะสม
“ที่นี่น่าจะได้”
ฟูกะพากัปตันมายังลานกว้างในสวนหลังหอพักซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอใช้ฝึกซ้อมเป็นประจำ
“มันก็ที่เดิมไม่ใช่รึไง” กัปตันถอดหมวกและเสื้อคลุมวางไว้ตรงทางมุมหนึ่งและกลับมาหาฟูกะ
ทั้งคู่ไม่พูดอะไร เพียงแค่ตั้งการ์ดในแบบของตน ไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณหรือคำบอกกล่าวประกาศเริ่ม
กัปตันออกแรงส่งตัวเองไปด้านหน้าย่นระยะห่างก่อนจะออกหมัดซ้ายเล็งไปที่ฝั่งซ้ายของใบหน้า แต่ฟูกะยกแขนขึ้นมารับหมัดไว้ได้และปล่อยหมัดซ้ายสวนกลับไป
กัปตันยกแขนชึ้นมารับไว้และกระโดดถอยกลับไปหลบการเตะของฟูกะได้หวุดหวิด
แต่ฟูกะไม่อยมง่ายๆ เธอเข้าประชิดกัปตันด้วยวิธีเดียวกันก่อนจะวาดขาเตะใส่อย่างรุนแรง กระบวนท่าของเธอถูกใช้อย่างต่อเนื่องและลื่นไหล สิ่งที่ฟูกะมีไม่ใช่แค่กำลังแค่กำลังและความเร็วเท่านั้นแต่เป็นความพลิ้วไหว
กัปตันกลายเป็นตั้งรับโดยสมบูรณ์ ไม่มีจังหวะให้สวนกลับเลยแม้แต่น้อย
กัปตันกระโดดถอยหลังสูงแต่ก็ตามคาดฟูกะตามมาได้ทันที และออกหมัดต่อยเขาอีกครั้ง
“ได้โอกาสละ!”
กัปตันรับหมัดนั้นไว้และจับมือเธอไว้แน่นก่อนจะออกแรงเหวี่ยงเธอจนลอยออกไป
“ไม่เลว- !!”
ฟูกะหมุนตัวกลางอากาศและลงถึงพื้นอย่างนุ่มนวล ในเวลาเดียวกันกัปตันก็เข้าประชิดเธอได้อีกครั้งและออกหมัดต่อยไปด้วยความเร็วสูง ฟูกะรู้ว่าไม่สามารถหลบได้ เธอเลยยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ดไว้แต่หมัดนั้นก็มีพลังมากพอจะทำให้ฟูกะปลิวถอยหลังไปอีกฝั่งของสวนได้
“ฮู้ววว…..ไม่คิดว่าจะตึงงี้นะเนี้ย แปลว่าฉันเก่งขึ้นมาหน่อยแล้วใช่มั้ย?”
“ฮึฮึๆ กัปตันหมัดหนักขึ้นมากทีเดียวเมื่อเทียบกับเมื่อไม่กี่เดือนก่อน”
ฟูกะกล่าวชมก่อนจะตั้งท่าอีกครั้ง
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง….”
กัปตันพูดตอบและตั้งท่าอีกครั้งเช่นกน
ทั้งคู่เข้าปะทะกันอีกครั้ง กำปั้นเปล่าๆที่ปะทะกันสร้างคลื่นกระแทกและเสียงดังสนั่นกระจายไปทั่วทั้งสวน แม้ภายนอกดูเหมือนจะสูสีแต่ความจริงแล้วกัปตันเป็นนต่อฟูกะเรื่องความเร็วอยู่มาก
การประลองของพวกเขาดำเนินต่อไปอยู่นาน สุดท้ายกัปตันก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ไป พอดีกับที่ดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏให้เห็น
“เดาว่ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นใช่รีเปล่า”
“ทำไมคิดงั้นละ”
ฟูกะถามหลังจากที่ดื่มน้ำและวางขวดลง กัปตันเลิกคิ้วด้วยความสงสัย และฟูกะก็ตอบกลับมาในทันที
“คุณดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย”
“เปลี่ยน?”
ทั้งคู่พูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่ฟูกะจะนึกได้ว่าน่าจะใกล้ได้เวลาไปเรียนแล้วและหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา
“ตายจริงป่านนี้?”
“งั้นวันนี้พอเท่านี้ก่อน ไว้โอกาสหน้าเรามาประมือกันอีกนะฟูกะ”
ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง ฟูกะเก็บของและกลับไปห้องของเธอเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในฐานะหัวหน้าห้องเธอไม่คิดที่จะไปสายอยู่แล้ว ส่วนกัปตันนั้นเดินไปหยิบเสื้อเสื้อคลุมและหมวกของเขาขึ้นมาสวมแล้วตรงไปที่ห้องทำงานของเขาพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
โดยไม่รู้เลยว่ากระประลองของทั้งนั้นอยู่ในสายตาของคนกลุ่มหนึ่ง
“สุดยอดเลย กัปตันเก่งพอๆกับหัวหน้าห้องเลยไม่ใช่เหรอ!”
“พึ่งเคยเห็นกัปตันต่อสู้จริงจังๆเป็นครั้งแรกเลย….”
“ถึงจะเป็นต่อนิดหน่อยแต่ก็นับว่าอยู่ในระดับเดียวกัน โบรเนียตกใจกับสิ่งนี้”
เคียน่าเมย์และโบรเนีย ทั้งสามถูกปลุกด้วยเสียงดังสนั่นจากการประมือกันระหว่างฟูกะและกัปตันและทั้งสามก็มารวมตัวกันที่ระเบียงและแอบดูทั้งสองคนจนทั้งคู่แยกย้ายกัน
“ถ้าฉันเอาจริงละก็สักวันจะต้องเก่งกว่าสองคนนั้นแน่ คอยดูได้เลย!”
“ทูน่าโง่เกินไป ไม่มีทางชนะกัปตันได้ โบรเนียมั่นใจหมื่นล้านเปอร์เซ็นต์”
“หาาาา! ว่าใครโง่กันยะ!”
“ทูน่าโง่”
“ฉันไม่ใช่ทูน่าสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้โง่ด้วย!”
“ทั้งสองคนใจเย็นๆกันก่อนนะ”
ไม่ทันไรเคียน่ากับโบรเนียก็ทะเลาะกันอีกครั้งจนเมย์ต้องเข้ามาปรามทั้งสองคนโดยสายตาของเธอนั้นแอบมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 20
Comments