ห้องทำงานเฮร์ฟ
เฮร์ฟได้พาแอสเตอร์มาคุยที่ห้องทำงานเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ให้เด็ก ๆ รู้
“นั่งก่อน” แอสเตอร์ได้นั่งที่โซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้อง
“แหม ไอของที่ตกแต่งด้วยของน่ารักนี้มันอะไรเนี่ย คนอย่างนายไม่น่าจะตกแต่งอะไรแบบนี้ได้เลยนะ”
แอสเอร์ได้มองรอบห้องที่เต็มไปด้วยของตกแต่สีชมพูหวานแหวว
“ก็เมลมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องฉันประจำก็เลยเผลอซื้อของพวกนี้มาไม่รู้ตัว”
“หึ นายนะเปลี่ยนไปนะเฮร์ฟหลังจากที่เฟพาสหายไปก็หันหลังให้กับสงครามตลอดเลยนิ”
“งั้นเหรอ เข้าเรื่องกันเถอะ”
“นายบอกว่าไปเจอลูกฉันที่ย่านสลัมหลังจากพามาที่นี้เด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนคนนั้นทำร้ายทำลูกนาย แล้วนายมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติ่มไหม”
“บารอนอาของยัยเด็กนั้นทำการค้าทาสและนำเด็กไปทดลองโกงเงินประชาชนอีกเยอะเลย ฉันให้มาร์ฟ่าส่งเรื่องร้องเรียนประหารไปให้มหาดเล็กแล้ว ฉันจะให้เมลเดินทางไปเป็นพยานแน่นอนว่าพวกฉันก็จะไปด้วย ฉันส่งเรื่องไปแค่ของเมล ข้อหาทำร้ายร่างกายสี่ตระกูลใหญ่และเชื้อพระวงศ์ก็โดนประหารแล้ว ส่วนลูกชายนายนะจะจัดการยังไง"
"ยัยเด็กนั้นมีส่วนทำให้ลูกชายกับลูกสาวฉันเกือบตายฉันจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ แล้วเรื่องเฟพาสละเห็นลูกสาวนายไปเจอมาไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ เฟพาสบอกว่าผนึกพลังเวทย์เมลไว้ และจะต้องให้กิมเป็นคนฝึกให้ พระราชวังมีการป้องกันแน่นหนาฉันก็น่าไว้ใจได้ที่จะให้เมลไปฝึกอีก
อย่างนายกับจูเลียก็อยู่ด้วยฉันก็วางใจได้"
"หนูเมลยังไม่เคยไปเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้จะให้พักอยู่ที่บ้านพักคนเดียวหรือไง"
"ไม่มันเสี่ยงเกินไปที่จะมีหนูลอบกัดฉันจะให้เมลไปพักที่ราชวังกับนายแน่นอนฉันจะจ้างครูสอนพิเศษกับครูสอนมารยาทมาด้วย ฉันอยากจะให้เมลเข้าเรียนที่อะเคเดมี่"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉันก็จะจ้างครูสอนพิเศษมาให้ลูกฉันเหมือนกัน ฉันอยากให้หนูเมลเรียกฟันดาบเพื่อเป็นการป้องกันตัวนายจะว่าอะไรไหม ถ้าจะเข้าอะเคเดมี่ก็ต้องอายุสิบเอ็ดปีเหมือนเมฟไหนจะต้องเรียนอีกแปดปี"
"ฟันดาบก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เมฟก็ไม่ค่อยจะได้ออกมาด้วยนอกจากใกล้เรียนจบ
เหมือนมาร์ฟ่ากับวีหรือใกล้ปิดเทอม"
"นายไม่ต้องห่วงหรอกฉันกับจูเลียจะดูแลให้อีกอย่างพวกฉันก็เป็นผู้ชายฉันก็อย่างให้ลูกสาวฉันมีเพื่อนวัยเดียวกันด้วย ถ้านายว่างก็ไปเยี่ยมเธอบ้างก็ได้"
"หึ ฉันขอฝากด้วยนายจะกลับพระราชวังพรุ่งนี้เลยไหม"
"ใช่ จะให้มหาดเล็กเพิ่มข้อหาเรื่องร้องเรียนคดีนี้ ก็จะเปิดตัวแอสทัสในชั้นศาลแต่สภาพนี้ซัลเวียมาให้การไม่ได้หรอกเพราะราซยังไม่หาย"
"เหรอ คืนนี้นอนนี้ก่อนแล้วกันอย่าลืมไปทำอาหารให้จูเลียทานละยัยนั้นยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่ตอนเย็นไม่ใช่เหรอ"
"อืม ยื่มใช้ห้องครัวหน่อย"
หลังจากที่แอสเตอร์ออกไปเฮร์ฟก็ได้ออกจากห้องไปอาบน้ำนอน
ห้องครัว
สับ สับ สับ สับ สับ ฉ่า ฉ่า ฉ่า ฉ่า เสียงสับเนื้อหมูและนำหมูไปผัดในกระทะ
ปิ๊ง เสียงหม้อหุงข้าวดังให้สัญญาณว่าข้าวนั้นสุกแล้ว
ฟึ่บ ฟึ่บ แอสเตอร์ได้ตักข้าวใส่จานแล้วนำผัดหมูเมื่อกี้เทลงใส่จานทำให้มีกลิ่นหอมทั่วห้องครัวจนพ่อครัวต้องออกมาดูด้วยตาตนเอง
"องค์จักรพรรดิทำไมไม่ให้กระหม่อมเป็นคนทำให้เสวยละพ่ะย่ะค่ะ"
"มันดึกแล้วเราเลยไม่อยากรบกวนพวกเจ้านะ อีกอย่างอาหารก็ทำเสร็จแล้วด้วยพวกเจ้ากลับไปนอนเถอะ"
"รับทราบพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมทูลลาอาทิตย์แห่งแสงสว่าง"
แอสเตอร์ได้เดินออกไปพร้อมในมือถือจานข้าวสองจานไปยังหน้าห้องของตัวเอง จูเลียและซัลเวียจะต้องชอบเป็นแน่เลย อ๊ะวีกับแอสทัสนี่นา
"วี เจ้าจะไปไหนหรือ"
"กำลังจะกลับห้องนะครับท่านพ่อแล้วนี่อาหารของเสด็จแม่กับซัลเวียเหรอครับ"
"ใช่มือเจ้าว่างเปิดประตูให้หน่อยสิ"
"เฮ้อ จริงเลยเสด็จพ่อ"
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งและมีคนเดินมาเปิด
แอ๊ดด
"อ้าว ฝ่าบาทเองเหรอเพคะ เข้ามาก่อนอาบน้ำอาบท่าก่อน วีลูกก็ไปนอนได้แล้วจ๊ะ"
"ราตรีสวัสดิ์ครับเสด็จแม่"
"จูเลียข้าวางจานข้าวของเจ้ากับซัลเวียไว้บนโต๊ะนะถ้าเจ้าหิวก็ทานได้เลยเดี๋ยวข้าไปอาบน้ำก่อน"
...----------------...
แอสเตอร์ได้ถอดเสื้อท่อนบนออกเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องเต็มไปด้วยซิกแพคเป็นหมัด ๆ ท่อนล่างใส่กางเกงไว้และเดินเข้าไปอาบน้ำ ทำให้หญิงสาวเกิดอาการหน้าแดงจัดคล้ายไข้ขึ้นและได้ปลุกลูกสาวตัวน้อยมาทานข้าวและยาเสร็จก็หลับต่อ ส่วนเธอนั้นก็ทานข้าวที่พระสวามีทำมาให้ทานจนหมด
"ทานหมดแล้วอร่อยไหม"
สภาพที่แอสเตอร์ชายร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำนั้น ผมเปียกน้ำเล็กน้อยท่อนบนไม่ได้ใส่อะไรเผยให้เห็นกล้ามแขนทั้งสองข้างและหน้าท้องเต็มไปด้วยซิกแพค ท่อนล่างนั้นได้มีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบตัว ยิ่งทำให้ร่างเล็กของหญิงสาวหน้าแดงขึ้นไปอีก จนทำให้แอสเตอร์เดินมาดูว่าจูเลียภรรยาของเขาเป็นอะไรหรือเปล่า
"จูเลียนี่เจ้าหน้าแดงหมดแล้วไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า" ฉ่า หน้าของจูเลียแดงขึ้นใครกันที่ไม่สบายก็ท่านแต่งตัวแบบนี้ออกมาข้าจะไหวเหรอ
"เอ๊ะ...เปล่าเพคะ ข้าสบายดี"
"งั้นหรือดีแล้ว วันมะรืนเจ้าจะต้องขึ้นศาลตัดสินเรื่องหนูเมลกับแอสทัสพร้อมข้าเจ้าพร้อมหรือเปล่า"
"พร้อมเพคะฝ่าบาท แต่ว่าทำไมพระองค์ทรงไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเพคะ" จูเลียเบี่ยงหน้ามองไปทางอื่น
"เจ้าไม่ชอบหรือองค์จักรพรรดินี หื้มมม" หน้าเจ้ามันฟ้องหมดแล้วนะจูเลีย คิคิ แกล้งเจ้านี่สนุกจังแฮะ
"ฝ่าบาทลูกทรงบรรทมอยู่เพคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกจะมีลูกอีกสักคนจะเป็นไรไป ไม่ได้ให้นางสนมเลี้ยงสักหน่อย"
"พอเถอะฝ่าบาทหม่อมฉันไปจะบรรทมแล้ว ทรงไปแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยเพคะ" เฮ้อ...ฝ่าบาทขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ยังไงเนี่ย
หมับ! มือใหญ่ได้ไปคว้าข้อมือเล็กของหญิงสาวที่ตนรัก ปากของทั้งสองได้ประกบกันลิ้นสากได้ไล่ต้อนลิ้นเล็กเข้าไปช่องปากเล็กที่เก็บตักตวงความหวานเอาไว้
"อื้ออ...อือออ"
"อืมมม...ยังหวานเหมือนเดิมเลยนะจักรพรรดินี" หญิงสาวในตอนนี้สมองขาวโพลนไปหมด หน้าแดงระเรือเป็นมะเขือเทศอีกครั้งหลังจากที่แอสเตอร์มอบจูบที่เร้าร้อนให้
"เอาทายาทอีกสักคนสองคนไหมซัลเวียจะได้มีเพื่อนเล่น"
"พอเลยเพคะ แค่นี้ข้าก็จะไม่ไหวแล้ว" เจ้างอนข้าไปเรียบร้อยแล้วสินะ
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้เข้านอน
...----------------...
ห้องนอนวีและแอสทัส หลังจากที่ทั้งสองอาบน้ำเสร็จก็ได้มาคุยตามประสาพี่น้องที่เตียงใหญ่
"เสด็จพี่มีคนรักหรือยังครับ"
พรวด แค่ก แค่ก แค่ก วีที่ดื่มน้ำอยู่ก็ได้สำลักน้ำเพราะความที่แอสทัสถามหรืออะไร
"เสด็จพี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" แอสทัสรีบลุกจากเตียงมาดูพี่ชายของตัวเองที่สำลักน้ำกับคำถาม (?) แค่นี้
"ไม่หรอกเจ้ากลับเตียงเถอะ" วีวางแก้วน้ำแล้วเดินไปที่เตียงใหญ่
"แล้วเรื่องที่ผมถามเมื่อกี้ละครับ" จะตอบว่าไงดีละ เรื่องนี้ตอบยากด้วย
"อืม...จะว่ามีก็ยังไม่มีหรอกแต่ก็เร็ว ๆ นี้ก็ไม่แน่"
"ใครหรือครับผมรู้จักหรือเปล่าเสด็จพี่ชอบผู้หญิงหรือผู้ชายครับ" รู้สึกว่าความอยากรู้อยากเห็นนี่ (?) เหมือนใครเลยวะเนี่ย
"ตอนนี้กฎหมายสมรสอย่างเท่าเทียมยังไม่ออกมาเจ้าคิดว่าอย่างไรกับกฎหมายสมรสเท่าเทียมนี้"
"ข้าคิดว่าดีออกนะครับ คนเราไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงเสมอไป ถ้าใจชายรักชายหรือหญิงชอบหญิงก็ไม่เห็นจะผิด ถ้าพวกเขารักกันชอบกันแต่ไม่มีกฎหมายรับรองให้พวกเขาแต่งงานกันแบบนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะมีผลอะไรล่ะ จริงไหมครับ"
"ข้าเห็นด้วยนะเดี๋ยวข้าจะเอาเข้าที่ประชุมขุนนางกับสี่ตระกูลใหญ่เดือนนี้แล้วกัน ข้าว่ากฎหมายนี้จะต้องผ่านแน่ เพราะกฎหมายแค่นี้พวกตาเฒ่าหัวโบราณก็จะดิ้นรนหาข้ออ้างมาอธิบายไม่ได้แล้ว" โห้...อายุแค่นี้มีความคิดดีกว่าพวกตาเฒ่าขุนนางอีก
"ดิ้นรนหรือครับ"
"ใช่พวกขุนนางหัวโบราณนั้น แก่แล้วตามยุคสมัยไม่ทันหรอกตอนที่ข้าประชุมครั้งก่อนก็มีคนเสนอเรื่องสมรสเท่าเทียมขึ้นมาก็ถูกปัดตกไปเพราะไม่มีข้อโต้แย้งและข้อเสนอที่ดีกว่าแล้วเจ้าคิดว่ากฎหมายถูกตั้งขึ้นมาเพื่ออะไรละ"
"อืม...กฎหมายมีทั้งถูกตั้งมาใช้ในข้อหาต่าง ๆ เช่นกฎหมายอย่าร้าง กฎหมายคุ้มครองแม่และเด็ก กฎหมายพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์อย่างพวกเราใช้ชีวิตแบบตามกฎหมาย
กฎหมานก็มีทั้งดีและไม่ดีเช่นกฎหมายทารุณกรรมผู้กระทำผิด อันนี้ข้าเห็นด้วยครับเราจะปล่อยให้ผู้กระทำผิดลอยนวลงั้นหรือก็ไม่ใช่ถึงการประหารจะรุนแรงไปแต่ถ้าผู้กระทำผิดหนักอันนี้ก็สมควรโดนอย่างสาสมแล้วครับ"
"โห...ข้าอึ้งตั้งแต่เจ้าตอบกฎหมายสมรสเท่าเทียมแล้ว หันหลังให้ข้าหน่อยข้าจะใช้เวทย์รักษากับเจ้า" แอสทัสได้หันหลังให้วี ว่าแต่เสด็จพี่รู้ได้ไงว่าเรามีแผล
วีได้เอาฝามือไปแตะที่หลังของแอสทัสและร่ายเวทย์รักษา
"ฌาร่า ฌาร่า "
วิ้งค์ ประกายแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น
"อะ อึก เย็นจังครับ"
"คิคิ เวทย์ฌาร่านะเป็นเวทย์สมานแผลชนิดเย็นถ้ากลับถึงบ้านแล้วข้าจะพาเหมาเหมามารักษาให้เจ้านะ"
"เหมาเหมาหรือครับ"
"ใช่หมอคนเก่งของวัง เอาเถอะวันนี้เจ้าเหนื่อยแล้วก็นอนเถอะข้าจะทบทวนบทเรียนนิดหน่อยก่อนนอน"
"ราตรีสวัสดิ์ครับเสด็จพี่"
ฟรึ่บ มือใหญ่ลูบหัวน้องชายตัวเล็ก (?) ที่กำลังหลับอยู่ส่วนตัวเขาก็ได้ดับเทียนพร้อมกับออกไปนอกห้องและไม่ลืมยิบชีทเรียนออกมาทบทวน
...----------------...
และที่เขาไปทบทวนบทเรียนนั่นคือสวนดัชเชสปกติท่านลุงก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาหรอกนอกจากคนในครอบรัวและสี่ตระกูลใหญ่กับพวกเขาและคนดูแลสวน ได้มีชายร่างสูงนั่งอ่านหนังสือใจจดใจจ่อเขาคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนคือมาร์ฟ่านั้นเอง
แกร๊ก เสียงเหยียบกิ่งไม้แถวนั้นดังสนั่นอาจเพราะเป็นช่วงเวลากลางคืนทำให้ดังไปทั่ว
"นั้นใคร !! ถ้าไม่ออกมาแกได้เละไปคุยกินดินแถวนั้นแน่"
"ใจเย็นก่อนสิครับมาร์ฟ่าคุณจะฆ่าผมแล้วหรือ"
"แล้วไปก็นึกก็ว่าใครที่แท้องค์ชายวีเซอร์นี้เอง"
"เรียกผมหรือประชดครับนั่น ผมนั่งด้วยคนสิ"
"เชิญ ว่าแต่ดึกดื่นคุณชายวีเซอร์อย่างนายทำไมมาอ่านหนังสือได้ละปกติเห็นอ่านแค่ตอนเช้า นายบอกเองนะว่าอ่านตอนเช้ามืดสมองจะได้แล่น"
"ผมเคยพูดด้วยเหรอเนี่ยจำไม่เห็นได้เลยครับ"
"แต่ฉันจำได้!!" ท่าทีการตอบโต้ของมาร์ฟ่าเปลี่ยนไป เขามานั่งอ่านหนังสือนะไม่ได้มาทะเลาะเพื่อน (เมีย)
"ครับ ๆ คุณนี้ความจำแม่นจังเลยนะครับไม่น่าละสอบได้ที่สองตลอด"
"หึ นี่นายแอบหลอกด่าฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย"
"หลอกด่าอะไรกันละครับ มาอ่านหนังสือเถอะครับเดี๋ยวเปิดเทอมฤดูหนาวไปก็สอบแล้ว" ระหว่างทั้งสองคนคุยกันก็อ่านหนังสือไปด้วย
"แต่งานกาลา กาล่า ให้บุคคลภายนอกร่วมได้ไหมนะฉันอยากให้เมลเห็นฉันในชุดห้องเรียนพิเศษจัง"
"เห็นว่าให้แต่ครอบครัวของเด็กในสถาบันเข้าร่วมได้นะครับ ส่วนแขกที่มาก็จะเข้าร่วมงานเต้นรำที่จัดในพระราชวังคืนที่สามเอานะครับ"
"หื้อ...นายรู้เรื่องแบบนี้ด้วยเหรอปกติอยู่ที่อะเคเดมี่ไม่เห็นจะพูดสุงสิงกับใครเลยนี่" มาร์ฟ่าเอามือท้าวค้างและทำหน้าทำตาสงสัย
"ผมรู้ครับ ก็เหมือนคุณนั้นแหล่ะควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเลยในแต่ละวัน" จึก เจ็บเลยแฮะทำไมต้องย้ำด้วย
"รู้ไหมครับว่าพวกผู้ชายตั้งฉายาให้คุณครับว่าเพลย์บอยตัวพ่อเลยนะครับเพราะควงสาวไม่ซ้ำหน้ากันเลยในแต่ละวัน" ฮึก แย่ละกั้นไว้ไม่ไหว ทำไมหมอนี้พูดเราถึงได้ร้องไห้ได้ล่ะ
"ฮึก...ฮึก ฮึอ ฮือ ก็ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงนี่นาฮึก ฮือออ" ระ ร้องไห้อยู่เหรอแล้วจะต้องปลอบยังไงเนี่ย ผมปลอบผู้ชายไม่เป็นด้วย
"เอ่อ...ผมขอโทษเมื่อกี้ผมก็พูดแรงไปจริง ๆ คุณจะให้อภัยผมหรือเปล่าครับ" อะไรเนี่ยเหมือนเห็นหูกับห่างโผล่มาจากตัวของหมอนี่เลย
วีได้เดินมาตรงเก้าอี้ที่มาร์ฟ่านั่งแล้วคุกข่าคุยเนื่องจากเขาปลอบผู้ชาย (?) ไม่เป็นเลยไม่รู้ว่าจะต้องปลอบยังไงเขาก็พูดตามที่เขารู้
"ก็ได้...นายช่วยฉันติวจนกว่าจะเปิดเทอมภาคฤดูหนาวได้หรือเปล่า"
"ได้สิครับไม่มีปัญหา" ผมรู้สึกดีซะอีกที่คุณไม่โกรธผมไปมากกว่านี้
"เอาเวลากลางคืนนะครับมันรู้สึกสงบดี"
"ได้เอาติวที่ห้องนายนะ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม" ห้องผม หึหึคงต้องเก็บทำความสะอาดครั้งใหญ่แล้วละครับ
"ไม่มีปัญหาครับเริ่มสัปดาห์หน้านะครับครั้งนี้พักก่อน"
"วิชาที่เราจะสอบมีอะไรบ้างนายจำได้หรือเปล่า"
"มีห้าวิชาครับ ประวัติศาสตร์ เวทย์มนต์ภาคทฤษฎี เวทย์มนต์ภาคปฏิบัติ การต่อสู้แบบคู่ และวิชาสุดท้ายคือการป้องกันครับ"
"การต่อสู้แบบคู่ต้องสู้กับห้องอื่นไหม"
"ใช่ครับจับคู่ในห้องของตัวเองและวันจริงขึ้นสนามไปสู้กับห้องอื่น"
"เหรอ...นายมีคู่หรือยัง เอ๊ะแต่คนอย่างนายน่าจะมีคู่แล้วนะคู่กับองค์หญิงเมืองข้าง ๆ อะไรนั้นใช่ไหมล่ะ" นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ยเหมือนฉันกำลังน้อยใจอยู่งั้นแหล่ะ
"ยังครับองค์หญิงบรีทอะไรนั้นนะ เคยมาขอให้ผมเป็นคู่ให้อยู่หรอก แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะเวทย์ของผมกับเธอมันต่างกัน"
"เวทย์ของนายเป็นการโจมตีเพราะงั้นก็เลยต้องหาเวทย์ป้องกันกึ่งโจมตีใช่ไหมล่ะ"
"ใช่ครับ เพราะผมเจอแล้วละคนที่จะป้องกันหลังให้ผม" วีมองมาหน้าตาจริงจังทำให้มาร์ฟ่ารู้ว่าเขานั้นแหล่ะคือคนที่จะมาป้องกันหลังให้วี
"เอ๊ะ ฉันแต่ยัยองค์หญิงนั้นจะยอมเหรอตื้อนายไม่เลิกขนาดนั้นยัยนั้นชอบนายด้วยไม่ใช่หรือไง"
"ใช่ครับ ตามตื้อไม่เลิกแต่ผมไม่ได้ชอบเธอสักหน่อย" รอก่อนเถอะถ้าผมยื่นกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่าน พิธีกาลา กาล่าผมจะขอคุณแต่งงานแน่
"วันนี้พอแค่นี้เถอะพรุ่งนี้นายจะต้องกลับแล้วไม่ใช่เหรอเดี๋ยวพรุ่งนี้นายก็ตื่นสายหรอก"
"ผมก็ไม่เคยตื่นสายหรอกครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ"
"หึ ราตรีสวัสดิ์"
ทั้งสองคนได้แยกย้ายกลับห้องของตัวเองเพราะใกล้จะถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว ความมืดมิดและความเงียบสงัดก็เกิดขึ้น ภายในสวนที่พวกเขานั่งอ่านหนังสือกันอยู่ได้มีเงาของหญิงสาวผมขาวยาวนัยตาสีส้มอำพันมองดูอยู่ตลอดเวลานั้นไม่ใช่ใครที่ไหนคือเฟพาส อดีตดัชเชสที่ได้เสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อนเพราะมนต์ดำของหอคอยมืด
"ข้าอยากเห็นจริง ๆ เลยนะความรักของเจ้ากับวีจะออกมาเป็นแบบไหนกันนะ\~ใช่ไหมคิริว"
กร๊าววว สิงโตตัวน้อยสัตว์เวทย์ของเฟพาสสิงโตทำลายคิริว มีพลังการทำลายสูงกว่ามังกรโบราณโพไซดอนของแอสเตอร์เสียอีก
"ได้เวลากลับไปทำงานแล้วสินะ ไปกันเถอะคิริว" เฟพาสพูดเสร็จก็ได้หายไปพร้อมกับคิริวคู่หูตัวน้อย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 12
Comments
ヌッチです〜〜★彡
แอสเตอร์นี่ดุเดือดเหมือนกันนะคะเนี่ย
2024-10-26
0