ตอนที่ 4 ลูก

"ใครน- เมล!! เธอจริงด้วย เธอยังชีวิตอยู่ โล่งอกไปทีขอบคุณพระเจ้า" เด็กผู้ชายผมสีเหลืองทองนัยตาสีฟ้าราวกับอัญมณีวิ่งเข้ามากอดฉัน

"ไงแอสทัสสบายดีนะ ว่าแต่ซัลเวียเป็นยังไงบ้างสบายดีหรือเปล่า" 

"ซัลเวียป่วยนะตอนราซอยู่ที่หัวไหล่พวกเชื้อพระวงศ์ก็ต้องรับตราคำสาปแบบนี้กันทุกรุ่นนั้นแหละ"

"ท่านพ่อรู้สึกว่าพวกเราจะไม่ชอบเจ้าเด็กนี่x2"

เมฟกับมาร์ฟ่ามองหน้ากันและปล่อยรังสีอำมหิตออกมา

"ฉันด้วย" ท่านพ่อนั้นปล่อยแรงกว่าอีก ฮืออ

"เอ่อ...แอสทัสปล่อยก่อนเถอะฉันหายใจไม่ออก" รีบปล่อยเร็ว ๆ สิฉันยังไม่อยากตายด้วยน้ำมือของท่านพ่อที่หวงลูกสาวเกินเหตุหรอกนะ ฮือออ

"อะ...ขอโทษ...ไม่เจอกันนานนะครับท่านดยุกเซเกร์" แอสทัสปล่อยฉันเสร็จก็ไปก้มหัวทักทายสวัสดีท่านพ่อ ท่านพ่อก็ก้มกลับเช่นกัน

"เอาล่ะเข้าเรื่องเลยแล้วกันพ่ะย่ะค่ะ ทำไมถึงได้มาอยู่สถานที่แห่งนี้ทำไมถึงไม่ติดต่อนกพิราบของราชวังทำไมถึงไม่มาทูลกระหม่อมว่าพระองค์อยู่ที่นี้องค์ชายลำดับที่สอง แอสทัส ฟรอเก็ต เดบูเลน" มาปุ๊บท่านพ่อก็โยนคำถามใส่แอสทัสเลยเหรอกะจะไม่เขาตั้งตัวก่อนหรือไง

"คุยตรงนี้ไม่สะดวกงั้นเชิญเข้ามาข้างในก่อน เอ่อ...เมลฝากไปดูซัลเวียหน่อยได้ไหมครับ" ไอห่างที่กระดิกกับหูโผล่มาได้ยังไงเนี่ย ละ...แล้วท่านพ่อกับพวกท่านพี่เลิกจ้องจะกินฉันแบบนั้นสักที!!!

"ดะ...ได้สิ" หลังจากนั้นทุกคนก็เข้ามาในบ้านที่ทรุดโทรม ท่านพ่อและพี่มาร์ฟ่านั่งคุยกับแอสทัสที่โต๊ะทานข้าวส่วนพี่เมฟก็มาดูซัลเวียที่นอนป่วยเพราะราซกับฉันที่ห้องนอน

"ตั้งใจจะให้เมลไปดูองค์หญิงเพื่อที่จะได้คุยกันสินะ องค์ชายลำดับที่สองนี่ร้ายไม่เบาเลย" ร้ายเหมือนพี่มันเป๊ะเลย

"อะไรกันครับท่านดยุกก็ให้ลูกคนรองไปดูพร้อมกับเมลเพื่อที่จะไม่ให้ได้ยินเรื่องที่คุยไม่ใช่หรอครับ"

"มาร์ฟ่าถ้าแกพูดมากอีกฉันจะให้แกไปอยู่กับเมล" หน็อยตาแก่!!

"ฉันรู้ว่าแกแอบด่าฉันอยู่ เอาล่ะองค์ชายลำดับที่สองจะตอบคำถามกระหม่อมมาได้หรือยังพ่ะย่ะค่ะ"

"ตายจริงครับท่านดยุกรีบมากเลยหรอครับเนี่ย ทั้งที่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับดัชเชสด้วยแท้ ๆ ก็ได้ผมจะบอกทุกอย่างเท่าที่ผมรู้มาอาจจะเกิดประโยชน์กับพวกคุณไม่มากก็น้อยใจนะครับ ย้อนกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนดัชเชสนั้นกำลังอุ้มท้องเมลอยู่และวันนั้นเป็นเฉลิมฉลองจักรวรรดิมีผู้คนต่างเดินทางมาแสดงความยินดี ไม่เว้นแต่หอคอยมืดในตอนนั้นผมเดินเล่นอยู่ในสวนของพระราชวังก็เลยได้ยินนักเวทย์ของหอคอยมือคุยกันเท่าที่ผมจับใจความสำคัญได้พวกนั้นจะเริ่มแผนการยึดครองจักรวรรดิถ้าคราวนี้ยึดครองไม่ได้พวกนั้นก็จะทำลายทิ้ง ดัชเชสเดินมาได้ยินพอดีและจะรีบวิ่งหนีแต่ไม่ทันโดนเจ้าพวกนั้นร่ายมนต์ดำใส่ร่างซะก่อนแต่ผมนั้นใช้เวทย์ฮีลใส่ดัชเชสไว้ก่อนที่เดินเข้ามาเจอพวกนั้น แค่ช่วยป้องกันไม่ให้มนต์ดำกัดกินร่างกายแต่ไม่ได้ช่วยรักษาร่างกายแล้วเจ้าพวกนั้นก็หนีไปผมว่าจะตามคนมาช่วยแต่ดัชเชสห้ามผมไว้ เพราะดัชเชสบอกว่ามนต์ดำนั้นไม่ได้ลึกมากและโชคดีที่ไม่โดนเมลที่อยู่ในหท้องครับ"

"แล้วองค์ชายพอจะทราบสาเหตุที่ดัชเชสหลบหนีไหมพ่ะย่ะค่ะ"

"ผมเรื่องนั้น ดัชเชสบอกผมไว้ว่าห้ามบอกท่านดยุกครับเรื่องที่ดัชเชสนั้นถูกหอคอยมืดไล่ล่า เธอนั้นได้ออกเดินทางไปโดยไม่ได้บอกลาใครสักคำเธอนั้นอาจจะอยู่วนเวียนแถว ๆ ทิศเหนือก็ได้ ผมสันนิษฐานว่าดัชเชสจะไปในแต่ละเมืองโดยเลี่ยงที่จะไปเข้าโบสถ์และอะเคเดมี่ เพราะทั้งสองแห่งมีที่รวมพลังเวทย์อาจจจะทำอันตรายต่อร่างกาย

ของดัชเชสและเมลก็ได้ครับ ผมรู้ว่าพวกคุณอาจจะรู้อยู่แล้วมนต์ดำไม่ถูกกับพลังเวทย์เป็นต้นเวทย์สี่ตระกูลและราชวงศ์ ได้เวลาเข้าเรื่องของเราแล้วครับท่านดยุก ทำไมผมถึงได้มาอยู่ย่านสลัมเรื่องนั้นย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อนหอคคอยมืดลักพาตัวผมกับซัลเวียมาเพราะคิดว่าเธอรู้เห็นด้วยซัลเวียนั้นไม่ได้รู้เห็นด้วย เจ้าพวกนั้นไท่ได้ฆ่าแต่ปล่อยพวกเราไว้ที่นี้ ทำไมถึงไม่ใช้นกพิราบของราชวัง ก็เพราะว่าเรียกไม่ได้ครับเจ้าพวกนั้นไม่ฆ่าก็จริงแต่สร้างเขตมืดไว้ในสถานที่แห่งนี้พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือก้าวเท้าออกจากย่านสลัมแค่เก้าเดียวตายได้ครับนี่ก็คือเหุผลว่าทำไมผมกับซัลเวียไม่สามารถเรียกนกพิราบกับแจ้งท่านดยุกได้"

"เข้าใจแล้วพะยะค่ะ มาร์ฟ่าส่งจดหมายไปหาองค์ชายรัชทายาทด้วยว่าเราเจอองค์ชายสองและองค์หญิงหนึ่งแล้ว"

"ได้เลยตาแก่" จากนั้นมาร์ฟ่าก็เดินออกไปนอกบ้านเพื่อที่จะเขียนจดหมายหาองค์ชายรัชทายาท

"แล้วพระองค์ส่งมีราซหรือยังพ่ะย่ะค่ะ"

"ผมมีผมสองปีก่อนแต่ซัลเวียพึ่งจะมีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว"

"ตอนนี้พอจะทราบไหมพ่ะย่ะค่ะว่าอาการขององค์หญิงทรงหนักหรือเปล่า"

"ผมไม่ทราบแต่ถ้าให้นักเวทย์ตรวจเช็คดูอาการอาจจะรู้ก็ได้นะครับ"

"ถ้าเป็นนักเวทย์กระหม่อมอาจจะให้เมฟดูให้ได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

"อืม ผมเชื่อใจงั้นเราไปกันเถอะครับท่านดยุก"

แอสทัสและท่านดยุกได้เดินเข้าไปในห้องนอนและตรงไปยังเตียงที่ซัลเวียนอนป่วยอยู่ สภาพที่ทุกคนเห็นในตอนนี้คือซัลเวียนอนป่วยอย่างทรมานด้วยอาการบาดเจ็บของราซพลังเวทย์ของเชื้อพระวงศ์ที่จะมีก็ต่อเมื่อพลังเวทย์ปะทุขึ้นมาแต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลบางคนป่วยขยับตัวไม่ได้หลายสัปดาห์หรือพลังอาละวาดจนควบคุมไม่ได้ ฯลฯ ซึ่งพลังนี้ถ้าควบคมได้ก็ดีไปแต่ถัาไม่...ก็อาจจะอยู่ในสภาพอัมพาตหรือตายได้ในทันที

"ฮือ...ฮือออ...ซัลเวียฟื้นขึ้นมาสิซัลเวียอยากจะไปชมดอกไม้สวย ๆ ด้วยกันไม่ใช่เหรอฮืออออ" ฉันนั่งร้องไห้ข้างเตียงของซัลเวียโดยมีแอสทัสยืนปลอบข้าง ๆ และพี่เมฟกับท่านพ่อยืนแผ่รังสีอำมหิตอยู่ข้างหลัง

"เมลซัลเวียจะต้องไม่เป็นไรแน่ครับ...ผมเชื่อว่าซัลเวียต้องรอด" แอสทัสพูดกับฉันและลูบหลังปลอบไม่รู้สิว่านี้มันเรียกว่าอะไรแตแอสทัสปลอบฉันแล้วรู้สึกว่าจะดีขึ้นเลยแฮะ

"ดูที่จากผมประมวลเบื้องต้นแล้วอาการขององค์หญิงนั้นถึงจะรักษาไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พอที่จะทำให้อาการบรรเทาลงบ้างเล็กน้อยที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับองค์หญิงแล้วว่าจะต่อสู้กับอาการนี้ยังไงพ่ะย่ะค่ะ" เมฟที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันก็เดินเขามาแทรกกลางแล้วมองค้อนใส่แอสทัสเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดอยู่ที่เตียงของซัลเวียยและร่ายวงเวทย์และท่านพ่อก็อุ้มฉันออกมาและจับมือมาร์ฟ่าออกมาด้วย

"อยู่ใกล้มันอันตรายสำหรับคนที่พลังเวทย์น้อยแบบลูก" เฮร์ฟอุ้มเมลมาอยู่ไกล ๆ รัศมีของเวทย์มนต์

"ข้าแต่พระองค์แห่งสัตว์ทั้งป่วงได้โปรดช่วยลดอาการบรรเทาขององค์หญิงลำดับที่หนึ่ง ซัลเวีย ฟรอเก็ต เดบูเลน ด้วยเถิด" 

วิ้งค์ วิ้งค์ แสงประกายสีฟ้าออกมาจากตัวของเมฟและดูเหมือนการรักษาจะเป็นไปด้วยดีสีหน้าที่ทรมานของซัลเวียก็เริ่มลดลงแล้วและซัลเวียก็ลืมตาตื่นขึ้น

"ท่านพี่…นะ…น้ำ"

"ซัลเวียอะ...ค่อย ๆ ลุกแล้วดื่มน้ำก่อนนะ" ฉันพูดกับซัลเวียและหยิบแก้วน้ำให้ดื่ม

อืม...องค์หญิงฟื้นตัวไวมากถ้าเทียบกับการฟื้นตัวของแอสเตอร์รายนั้นใช่เวลาฟื้นตัวเกือบเดือนแต่ก็ดีแล้วละ

"องค์ชายกระหม่อมจะใช้เวทย์ลวงตาเพื่อที่จะช่วยให้พระองค์กับองค์หญิงให้ความร่วมมือได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

"ได้ครับ /คะ" 

"ฟิกซ์อันเชิญผู้คุมกฎแห่งโลกวิญญาณกิม รีฟเชอร์"

ฟึ่บ แสงสีขาวที่มีหญิงสาวปรากฏอยู่ข้างในมีรูปร่างสูงโปร่งมีปีกสองข้างสีดำมีเขาประดับเอาไว้ตรงศีรษะและมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายาวกับหลุดออกมาจากนรก

"นายท่านเรียกใช้หม่อมฉันหรือคะ"

"อืม ช่วยใช้ภาพลวงตาให้หน่อยเอาสักสองวัน"

"รับทราบ ไม่ทราบให้ใช้กับท่านใด" 

"องค์ชายกับองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปพ่ะย่ะค่ะ"

"เวทย์ลวงตานี้จะใช้ได้ทั้งหมดสองวันเวทย์ลวงตาเวทย์นี้จะจดจำใบหน้าเสียงและการดักฟังการดักฟังนี้ถ้าหอคอยมืดมาพูดอะไรก็จะส่งให้เจ้าของร่างเพคะ และหม่อนฉันจะทำการร่ายเวทย์ล่องหนเอาไว้สิบห้านาทีคะหลังจากสิบห้านาทีแล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมและภายในสิบห้านาทีนี้ให้ออกไปไกลที่สุดเพคะ อ๋อหม่อมฉันลืมบอกเวทย์ลวงตาจะดึงการทำงานของทั้งสองพระองค์ทจะใช้ชีวิตปกติแบบทุกวันคะ พูดง่าย ๆ ก็คือเวทย์นี่จะใช้ชีวิปกติแบบที่ท่านทำอยู่ทุกวันเช่นการออกไปทำงานซื้ออาหารเพคะหม่อมฉันอธิบายแค่นี้ก็คงจะเข้าใจ" จากนั้นกิมได้จับมือทั้งสองขึ้นมาและถ่ายโอนพลัง

วิงค์ แสงประกายสีขาวได้ออกมาจากร่างของแอสทัสและซัลเวียและก๊อปปี้ร่างโคลนนิ่งของทั้งสองออกมาและร่างแอสทัสและซัลเวียตัวจริงก็กำลังล่องหนอยู่ พอหมดธุระของกิมแล้วก็ได้กลับเข้าร่างของดยุกไป

หน้าบ้าน

"ฟิกซ์อันเชิญมิงค์" 

วิงค์ ประกายแสงสีขาวได้ปรากฎออกมาจากตัวของมาร์ฟ่าเป็นสัตว์เวทย์กระต่ายที่มีสี่ขามีหูยาวสองข้างมีปากและจมูกเล็กลำตัวสีฟ้าครามราวท้องฟ้าที่สดใสมีห่างสีแดงสดปลายห่างมีรูแครอทสีส้มประดับ

"ไงมิงค์คราวนี้ช่วยส่งจดหมายให้วีหน่อยได้ไหม"

หงิง หงิง มิงค์พยักหน้าและคาบจดหมายในมือของมาร์ฟ่าและหายไป

"รายงานคุณชายใหญ่นี้คือบารอนฟิเซเออร์ ครับ" มาเชลและทหารของระกูลได้มารายงานให้ทราบ

"งั้นเหรอเอาไปรวมตัวกับเครอลที่อนุสาวรีย์"

"รับทราบคุณชายใหญ่" มาเชลได้รายงานสถานการณ์ให้ทางจดหมายที่ส่งให้องค์รัชทายาท

"เดี๋ยว อย่าลืมเรียกประชาชนไปบริเวณนั้นและเตรียมรถม้าไว้ให้เร็วที่สุดด้วย"

"ได้เลยครับ" จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในบ้านและกำลังเห็นการถ่ายโอนโคลนนิ่ง

"ตาแก่ฉันเตรียมรถม้าไว้ให้ตรงอนุสาวรีย์แล้ว"

"ได้ เรารีบออกไปกันเถอะ"

จากนั้นทั้งหกคนก็ได้วิ่งออกไปยังอนุสาวรีย์ที่มีรถม้าของระกูลเตรียมรออยู่ ที่ให้แอสทัสและ

ซัลเวียกับเมฟไปรออยู่บนรถม้าและหลังจากนั้นไม่กี่นาทีเวทย์ล่องหนที่กิมร่ายไว้ก็คลายออก

"พ่อกับมาร์ฟ่าจะไปทำธุระนิดหน่อยเดี๋ยวลูก ๆ รอบนรถม้านี้แหละห้ามลงไปไหนเด็ดขาด...เดี๋ยวเร็นกับกามินค่อยดูเอาไว้ห้ามให้ใครเข้ามาใกล้" ท่านพ่อได้เดินออกไปพวกเราที่อยู่บนรถม้าก็พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันไป

ณ ลานอนุสาวรีย์ข้างโบสถ์เซ็นต์พอล

"จะดีเหรอตาแก่ให้เมลรออยู่บนรถม้านะ ทำไมไม่ให้เมลมาจัดการยัยนั่นเอล่ะ"

"ถ้าให้เมลมาจัดการเองรับรองว่าถ้าโกรธขึ้นมาอนุสาวรีย์คงไม่เหลือเค้าโครงแน่ ๆ แถมโบสถ์ก็จะไปพร้อมกับแรงระเบิดเมื่อกี้แกก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าจิ้งจอกเก้าหางเวอร์บีน่าที่เมลเรียกมานั้นเกือบทำฉันแย่"

"จริงด้วย"

"ดิฉันมารายงานเกี่ยวกับบารอนซิเฟเออร์คะ"

"รีย์เชลเอาประวัติบารอนมาดูหน่อย"

"นี่คะคุณชายใหญ่" พร้อมยื่นเอกสารเกี่ยวกับบารอนให้มาร์ฟ่า

"งบประมาณที่ทางดัชชีส่งมาให้ต่อหมู่บ้านหมู่บ้านล่ะ หนึ่งหมื่นเหรียญทองคะ งบพอที่จะนำไปพัฒนาแต่ล่ะหมู่บ้าน ดิฉันได้ทำการตรวจสอบมาด้วยคะว่า บารอนโกงเงินประชาชนและยังขึ้นภาษีด้วยคะท่านดยุก"

"งั้นเหรอ มีการค้าทาสและซื้อทาสเด็กด้วยใช่ไหม"

"ใช่คะท่านดยุกคุณหนูกับองค์ชายก็โดนคะ แต่องค์หญิงนั้นไม่โดนเพราะพวกนั้นเห็นว่าองค์หญิงป่วยหนักเลยเอามาช่วยอะไรไม่ได้คะ"

"หื้มม...ตาแก่ทำการส่งตัวไปที่พระราชวังเถอะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะ จะมาเล่นกับสี่ตระกูลและเชื้อพระวงศ์ได้ยังไงกัน"

"อย่าพึ่งวู่วามเรานั้นได้แค่ตัวเมลมาแต่องค์ชายสองกับองค์หญิงหนึ่งนั้นตอนนี้อยู่ในสภาพที่จะบอกกับราษฏรไม่ได้เพราะมันเสี่ยงที่จะทำให้ทั้งสองพระองค์ตกอยู่ในอันตรายส่วนการยื่นเรื่องเข้าท้องพระโรงเอาเข้าแค่เรื่องของเมลพอเรื่องนั้นแกจัดการเลย"

"ได้ฉันจะรออยู่ตรงนี้เขียนจดหมายเข้าท้องพระโรง ตาแก่ก็ไปจัดการเรื่องนั้นเอาแล้วกัน"

"ไม่ต้องบอกก็รู้" 

มาจากนั้นร่างสูงของท่านดยุกก็เดินมาพร้อมทหารหญิงประจำตระกูลตรงไปยังอนุสาวรีย์ที่มีประชาชนออกมายืนรอพร้อมกับบารอนและแฟสเซลที่โดนหมัดมือหมัดเท้าอยู่

"เครอลเหนื่อยหน่อยนะกลับเข้าร่างได้แล้ว"

จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ

"รู้แล้ว ๆ ไม่ลืมหรอกอาหารจะเตรียมเอาไว้อย่างดีเลยล่ะ"

จากนั้นเครอลสัตว์เวทก็หายเข้ามาในตัวของท่านดยุก

"ท่านดยุกเรียกพวกเรามารวมตัวกันมีอะไรอย่างนั้นหรือครับ" ชายแก่ผู้นึงเอ่ยถาม

"เราอยากจะขอโทษที่ดูแลประชาชนไม่ทั่วถึง เราจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์โกงเงินประชาชนและจะไม่ขึ้นภาษีเราต้องขอโทษทุกคนด้วย" จากนั้นร่างสูงใหญ่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยก้มหัวให้ใครก็กำลังก้มหัวให้กับประชาชนที่เดือดร้อนของเขาอยู่นั้นเองก่อนที่มือขวาคนสนิทจะพูดขึ้นมาว่า...

"ทางเราจะชดชดเชยเงินภาษีที่เสียไปคืนให้ทุกคนครับ และจะหาผู้ทำหน้าที่คุมกันเขตนี้แทนบารอนซิเฟเออร์ครับนั้นคือ เอิร์ลฟีเรนมาดำรงตำแหน่งแทนครับ เพราะฉะนั้นแล้วทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงแน่นอนครับ ท่านเอิร์ลจะเดินทางมาถึงในวัพรุ่งนี้เช้านะครับ" มาเชลได้พูดขึ้นแล้วทำให้ผู้คนแถวนั้นร้องด้วยความยินดี เพราะพวกเขาได้หลุดพ่นจากบารอนที่เอาแต่กดขี่ข่มเหงประชาชนและขึ้นภาษีประชาชนสูงลิบลิ่วจนประชาชนนั้นอดอยากและต้องทำงานเพื่อแลกกับข้าวน้ำให้มีพอประทังชีวิต

"จะเขียนยังไงดีอืม...อ๊ะ...คิดออกแล้ว...ฟิกซ์อันเชิญมิงค์เอาจดหมายนี้ไปส่งให้มหาดเล็กหน่อยอืม อืม ขอบใจมาก" มิงค์ก็ได้หายไป

"เสร็จธุระแล้วกลับดัชชีกันเถอะตาแก่ปานนี้เจ้านั้นก็กำลังใกล้จะถึงดัชชีแล้วก็ได้"

หลังจากเสร็จธุระกันหมดก็ได้ขึ้นรถม้ากลับดัชชีที่แสนสงบสุขแน่นอนว่าไม่ลืมเอาผู้ต้องขังด้วย

ย้อนกลับไปตอนที่มาร์ฟ่าส่งจดหมายให้วี

พระราชวังจักรวรรดิเดบูเลนห้องทำงานองค์รัชทายาท

"สวัสดีครับมิงค์...หื้มจดหมายของมาร์ฟ่าเหรอครับ"

ชายร่างสูงเส้นผมสีเหลืองทองประกายนัยตาสีฟ้าราวกับอัญมณีกำลังยืนพิงหน้าต่างพล่างคิดถึงใครบางคนอยู่ที่ไกลแสนไกลได้หันไปตอบรับสัตว์เวทย์สี่ขามีหูยาวนั่นคือกระต่ายมิงค์สัตว์เวทย์ของผู้ช่วยเขานั้นเองที่ในปากคาบจดหมายอยู่ฉบับนึงกระต่ายเวทย์ตัวนั้นยื่นซองจดหมายมาที่มือเขาและเขาก็ลูบหัวเพื่อเป็นการขอบคุณและกระต่ายเวทย์ตัวนั้นก็ได้หายไป

"ในจดหมายเขียนว่ายังไงเนี่ยหะ...'เรียนองค์ชายรัชทายาทลำดับที่หนึ่งวีเซอร์ ฟรอเก็ต เดบูเลนกระหม่อมยังไม่ได้ตอบจดหมายฉบับก่อนที่พระองค์ทรงส่งมาให้เลย เขียนแบบนี้เข้าใจยากชะมัดฉันจะเขียนแบบที่ฉันรู้ให้นายเข้าใจแล้วกัน ฉันรู้ว่านายนะคิดถึงน้อง ๆ ของนายฉันก็เคยประสบปัญหาเหมือนกับนาย แต่ตอนนี้ฉันและครอบครัวอยู่ที่ย่านสลัมในทิศเหนือเพื่อมาตามหาน้อง ๆ ของนาย แล้วพวกเราก็เจอแล้วอาจจะกะทันหันไปหน่อยแต่ฉันจะพาน้อง ๆ ของในพักอยู่ในดัชชีก่อนคืนนี้ ถ้านายสะดวกก็มารับเองก็ได้นะอย่าลืมบอกจักรพรรดิและจักรพรรดินีล่ะ แค่นี้ละแล้วเจอกัน จากเซเกร์ มาร์ฟ่า ไมเออร์' ในทีสุดก็เจอตัวแล้วตามหามาตั้งนานโชคดีที่ยังรอดชีวิตอยู่แอสทัสและซัลเวีย ราซออกมามังกรแห่งโลกาเซียร่า​​​​เทเลพอร์ไปห้องทำงานท่านพ่อ"

ราซมังกรแห่งโลกาสัตว์เวทย์ประจำตัวขงองค์ชายรัชทายาทมีรูปร่างเป็นมังกรสีขาวปนแดงเล็กน้อยมีหน้าตาดุร้ายแต่ใจดี เซียร่าได้พาองค์ชายรัชทายาทเทเลพอร์มายังภายในห้องทำงานขององค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีที่ทั้งสองคนกำลังทำงานอยู่และมีผู่ช่วยอีกสี่ถึงห้าคนจักรพรรดิได้เอ่ยถามขึ้น

"ถ้าไม่สำคัญคงไม่พาเซียร่ามาหรอกใช่ไหมองค์รัชทายาท"

"กระหม่อมมีเรื่องทูลเสด็จพ่อและเสด็จแม่พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อน"

"เอ่อ...แต่ว่าองค์ชายเรื่องงาน..." ผู้ช่วยคนนึงพูดขึ้นมา

"เรื่องที่องค์ชายมารายงานอาจจะสำคัญก็ได้พวกเจ้าทั้งหมดนั้นออกไปก่อนถ้าเสร็จธุระแล้วเดี๋ยวเราจะเรียก"

"เพคะองค์จักรพรรดินีถ้างั้นพวกกระหม่อมทูลลา"

"เดี๋ยวเตรียมรถม้าคันใหญ่เอาไว้ด้วย" ผู้ช่วยทั้งห้าคนได้ออกไปจักรพรรดิและจักรพรรดินีก็ได้มานั่งที่โซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้อง

"พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท" หนึ่งในห้าตอบ

"ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว แล้วลูกมีเรื่องอะไรจ๊ะวี" จักรพรรดินีถามด้วยหน้าตาทีหม่นหมอง

"คือผมได้รับจดหมายจากมาร์ฟ่าที่ย่านสลัมกับครอบครัวครับ" ทั้งสองคนมองหน้ากันและพูดว่า...

"ย่านสลัม?"

"ครับมาร์ฟ่าบอกว่าจะอธิบายให้ฟังและถ้าผมว่างให้ผมไปรับน้อง ๆ ครับท่านแม่"

"น้องเหรอแสดงว่าเจอลูก ๆ แล้วใช่ไหมวี" จักรพรรดิถามพร้อมกับเบิกตากว้างโต

"ใช่ครับท่านพ่อถ้าท่านพ่อกับท่านแม่ว่างก็ไปรับน้องกับผมได้นะครับ" ทั้งสองมองหน้ากัน

"ตกลง/จ๊ะ"

"ตอนนี้น่าจะเตรียมรถม้าพร้อมแล้วครับ ถ้างั้นพวกเราไปกันเลยครับ"

จากนั้นทั้งสามได้ขึ้นรถม้าขนาดใหญ่ตรงไปยังดัชชีคฤหาสน์ของดยุกเซเกร์ เฮร์ฟ ไมเออร์และไม่ลืมโยนงานทั้งหมดให้ผู้ช่วยเพราะตอนนี้สิ่งสำคัญคือพวกเขาจะต้องไปรับลูกกับบ้าน

ฮอต

Comments

ヌッチです〜〜★彡

ヌッチです〜〜★彡

คุณพ่อเฮร์ฟหวงลูกมากไม่ให้ใครเข้าใกล้เลย😂

2024-10-24

0

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!