ดัชชีแห่งทิศเหนือนั้นเป็นสถานที่ที่ผู้คนไม่อยากเข้าใกล้เพราะมีท่านดยุกผู้เลื่องชื่อเรื่องความเหี้ยมโหดนั้นก็คือ ดยุกเซเกร์ เฮร์ฟ ไมเออร์ หลังจากที่เขาสูญเสียดัชเชสเซเกร์ เฟพาส ไมเออร์ไปก็ได้หันหลังให้กับสงคราม ถ้าพูดถึงสงครามต้องมีชื่อดยุกผู้ลุกขึ้นมาจากความตายนั้นคือ เซเกร์ เฮร์ฟ ไมเออร์ จนทำให้ลูกชายคนโตคือเซเกร์ มาร์ฟ่า ไมเออร์ ศึกษาดูงานการดำรงตำแหน่งว่าที่ดยุกตั้งแต่ยังน้อย ส่วนลูกคนรองเซเกร์ เมฟ ไมเออร์นั้นพลังเวทย์เกินขีดจำกัดเลยถูกท่านดยุกส่งไปหอคอยเคนส์ตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้นหายสาปสูญไป จนท่านดยุกนั้นล้มเหลวกับการหาตัวลูกสาวไปแล้วหลายรอบจนวันหนึ่งท่านดยุกได้ไปตรวจสถานค้าทาสและบริการที่ผิดกฎหมายและได้เจอเด็กที่คาดว่าจะเป็นลูกของเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเหลือเชื่อ แต่เขานั้นสามารถสัมผัสได้ว่าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขานี่แหละเป็นลูกสาวของเขาที่ตามหามาเนิ่นนาน
ณ ดัชชีคฤหาสน์สถานที่กว้างใหญ่มองไปทางไหนก็มีแต่สถานที่สวยงามตั้งแต่ทางเข้า ทางเข้านั้นเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ น้ำพุที่คอยเติมความชุ่มฉ่ำให้แก่ดอกไม้นานาชนิด ทางเข้าคฤหาสน์นั้นเต็มไปด้วยทหารของตระกูลที่คอยคุ้มกันไม่ให้คนที่มีพิษมีภัยเข้ามาดั่งดัชชีสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สูงส่ง ภายในดัชชีตกแต่งไปด้วยของสวยหรูต่าง ๆ มีประดับด้วยดอกไม้สดสวยแสนหอมหวาน มีห้องมากมายห้องฝึกซ้อมไว้ใช้สำหรับทหารที่จะมาฝึก ห้องปฐมพยาบาลไว้ใช้สำหรับรักษา ห้องครัวไว้ใช้สำหรับประกอบอาหาร ห้องนอนที่มีหลายห้อง ห้องน้ำที่อยู่ในตัวของแต่ละห้อง ห้องรับประทานอาหาร ห้องทำงาน ห้องเรียนพิเศษ ดัชชีเป็นที่ที่ไม่ใช่ใครที่ไหนจะเข้ามาได้ นั้นคือดัชชีแห่งทิศเหนือแน่นอนถ้าใครได้ก้าวเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียวก็จะไม่ได้ออกมาเจอกับโลกภายนอกอีกเลย มีทั้งผู้คนที่อยู่ต่างเมืองเล่ากันปากต่อปากทั้งดัชชีเป็นสถานที่โหดร้ายบ้าง ท่านดยุกจับผู้คนไปเข่นฆ่าบ้าง นั้นเป็นความเท็จทั้งหมดเหล่าประชากรในการปกรองของท่านดยุกนั้นล้วนแต่เชื่อใจท่านดยุกว่าในการปกครองท่านดยุกของพวกเขานั้นทำได้ดีไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่งานเดียว ส่วนเรื่องเข่นฆ่าผู้คนนั้นท่านดยุกของพวกเขานั้นได้ทำก็จริง เนื่องจากพวกเขามีความผิดท่าน
ดยุกเลยลงโทษถึงเหล่าประชากรทางทิศเหนือนั้นจะไม่คอยชอบใจที่ท่านดยุกของพวกเขาฆ่าคนแต่มันช่วยไม่ได้ จนถึงทุกวันนี้บ้านเมืองยังสงบสุขดี
ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับดัชชีหนูน้อยก็ได้ตื่นเต้นกับอะไรหลาย ๆ และในระหว่างนั้นท่านดยุกผู้เป็นพ่อได้สอนเวทย์มนต์พื้นฐานไว้ให้ หนูน้อยก็ตั้งใจดูอย่างตั้งใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนพ่อลูกได้คุยกันอย่างสนุกสนาน โดยมีมาเชลและรีย์เชลคอยมองดูห่าง ๆ และยิ้มกันตลอดทางรถม้านั้นได้เดินทางมาถึงดัชชีเป็นที่เรียบร้อยและได้มีผู้คนทั้งดัชชีออกมาต้อนรับการกลับมาของผู้เป็นนายและน้องเล็กสุดของตระกูล ได้มีคุณชายทั้งสองคนได้รีบวิ่งมาคนนึงดูโตอายุสิบแปดปี ส่วนอีกคนร่างเล็กอายุประมาณสิบเอ็ดปีรีบวิ่งมาทันทีที่รถม้านั้นหยุดลง แสดงให้เห็นถึงความดีใจของคุณชายทั้ง สองที่กำลังยิ้มหน้าบานและได้ชวนน้องสาวของเขาคุยเล่นกัน
"หนูน้อย ๆ ชื่ออะไรเอ่ย" ชายที่ดูโตกว่าถามเด็กน้อย
"หนู...เซ...เซเกร์ เมล ไมเออร์" หนูน้อยเมลตอบด้วยท่าทางที่สั่นกลัว
"เป็นชื่อที่ไพเพราะมากเลยนะครับ" เด็กผู้ชายที่ดูโตฉันกว่านิดหน่อยพูดเสริมขึ้น
“สองคนนี้เป็นพี่ชายของลูกนะเมล คนผมสั่นตัวสูงนั่นชื่อมาร์ฟ่า ส่วนคนผมยาวบ่าไหล่นั่นชื่อเมฟ ทำความรู้จักกันไว้ให้ดีล่ะ”
มาร์ฟ่ากับเมฟฝากเมลด้วยเดี๋ยวพ่อจะต้องไปประชุมหารือกับผู้นำตระกูลทั้งสี่ทิศก่อน" ทันทีที่ท่านดยุกพูดจบก็อุ้มเมลแล้วส่งต่อให้กับมาร์ฟ่าทันที
"ผู้นำระกูลไปที่นั่นกันหมดแล้วเหรอ จะไม่ให้ฉันไปแทนแน่นะ ตาแก่พึ่งกลับมาเหนื่อย ๆ ควรพักก่อน"
"ไม่ต้องหรอกเพราะเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวที่ทำให้เฟพาสตาย ฉันจะต้องรายงานให้จักรพรรดิและจักรพรรดินีทราบด้วยตนเอง ลูกนะดูแลเมลกับเมฟไว้ให้ดีก็พอ" หลังจากนั้นท่านดยุกก็ได้ขึ้นรถม้าไปต่อสถานที่แห่งนั้นทันที สถานแห่งนั้นคือ...
ณ พระราชวังจักรวรรดิเดบูเลน จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ได้มีจักรพรรดิและจักรพรรดินีปกครองเมืองมาอย่างสงบสุข โดยมีเหล่าผู้นำตระกูลทั้งสี่ทิศได้ปกครองในแต่ละทิศ โดยทิศเหนือเขตปกรองดยุกเซเกร์ เฮร์ฟ ไมเออร์ ดยุกผู้มาจากความตาย ทิศใต้เขตปกครองดยุกบีลุค แฮลเซส ดยุกแห่งความอมตะ ทิศตะวันออกเขตปกรองดยุกเซอร์ลอง เวลล์ ดยุกแห่งเวทย์มนต์ และทิศตะวันตกเขตปกครองดัชเชสเมเบล ชาริอุส วีรสตรีแห่งสนามรบ ทั้งสี่ระกูลได้ชื่อว่า สุนัขรับใช้ของจักรวรรดิ แน่นอนว่าเหล่าราษฎรพากันพูดปากต่อปากไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ความจริงแล้วจักรพรรดิและจักรพรรดินีกับเหล่าผู้นำตระกูลทั้งสี่นั้นเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนอะเคเดมี่ จักรพรรดิและจักรพรรดินีให้ความช่วยเหลือเรื่องงานไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แต่เมื่อหลายปีก่อนมีการบุกรุกทำลายของหอคอยมืดและได้มีดัชเชสเซเกร์โดนลูกหลงจากการทำลายจักรววรดิ แต่โชคยังดีที่จักรวรรดินั้นไม่เป็นอะไรมาก แต่ดัชเชสนั้นเบี่ยงเบนความสนใจไปที่ตัวเธอเองเธอนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว แต่เธออุ้มท้องสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก เธอนั้นได้สู้อย่างสุดกำลังและอุ้มท้องเด็กหญิงตัวน้อย ๆ นี่ไว้ด้วยและเด็กหญิงได้ถือกำเนิดขึ้นดัชเชสนั้นร่างกายอ่อนแอลงทุกวันหลังจากคลอดเด็กหญิงคนนี้และในที่สุดห้าปีต่อมาเธอก็ได้เสียชีวิตลงในบ้านไม้ที่โทรมเกือบพังโดยมีเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ออกมาข้างผู้เป็นแม่ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตนั้นได้บอกกับเด็กหญิงัวน้อยนี้ว่า
"จงมีชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าท่านพ่อจะหาเจ้าเจอ และเมลเจ้าจงอย่าอ่อนแออ จงอย่าก้มหัวให้ผู้ที่คิดร้าย จงยิ้มรับผู้จิตใจดี แม่จะขอมอบพลังทั้งหมดที่มีให้เจ้า และเจ้าจงเอาไปใช้ในทางที่ถูกต้อง" เด็กน้อยได้แต่พยักหน้าตอบรับไปและเธอก็ได้เสียชีวิตลงในฤดูหนาวแสนหนาวเน็บราวกับหิมะนั้นตกเพื่อเป็นการบอกลาหนูน้อยในวัยห้าปี
และในที่สุดวันนี้ดยุกก็ได้หาลูกสาวตัวน้อยในวัยเจ็ดปีเจอแล้วและเขากำลังเข้าไปรายงานในพระราชวัง
อีกด้านในย่านสลัมข้างโบสถ์เซนต์พอลได้มีเด็กชายอายุประมาณแปดปี ได้กำลังนำยารักษาไปให้น้องสาวที่กำลังป่วยอยู่ในขนาดนี้ เด็กผู้ชายหน้าตาดูมอมแมม ตัวเต็มไปด้วยแผล เส้นผมสีเหลืองทองนัยตาสีฟ้าประกายระยิบระยับ มีรอยคล้ายวงศ์เวทย์ที่ด้านหลัง ส่วนเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่นอนป่วยอยู่มีเส้นผมสีเหลืองทองนัยตาสีฟ้าเป็นประกายราวกับกำลังมองท้องฟ้าที่สดใสอยู่ มีรอยวงศ์เวทย์ที่หัวไหล่ เด็กญิงตัวน้อยได้ลุกขึ้นมาทานยาที่พี่ชายของเธอได้เตรียมเอาไว้ให้
"ซัลเวียเจ้าจะต้องหายในเร็ววันแน่" เด็กชายนั่งกุมมือของน้องสาวที่นอนอยู่บนเตียง
ณ พระราชวังจักรวรรดิเดบูเลน ภายในห้องประชุมส่วนตัวได้มีเก้าอี้ตัวหนึ่งที่เว้นว่างเอาไว้ มีใครผู้นึงถามขึ้นมา
"นี่ เฮร์ฟยังไม่มาอีกหรอปกติจะเห็นมานั่งเป็นคนแรกเลยนี่น่าาา" ชายผู้นึงได้เอ่ยถามขึ้นมา
"ช่วยไม่ได้นี่เพคะฝ่าบาท เฮร์ฟเขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้นะเพคะเราจะไปเร่งเขาก็ไม่ได้นะเพคะ" เสียงหญิงสาวตอบขึ้นมา
"ว่าแต่ตอนที่เดินเข้ามายังไม่เห็นเฮร์ฟเลยนะมีใครเห็นบ้างหรือเปล่าครับ?" ดยุกบีเอ่ยถามทุกคนเผื่อมีใครเห็นชายที่เขาเอ่ยเมื่อข้างต้น
"ไม่เห็นเลยครับ" บางคนพากันส่ายหน้าป็นนัยบอกว่าไม่เห็น
"ไม่ใช่ว่าเฮร์ฟเกิดอุบัติเหตุหรอกนะ งั้นเดี๋ยวเราจะไปบอกหัวหน้าอัศวินให้ประกาศตามหา"
"ฝ่าบาทใจเย็นก่อนเพคะ เรายังไม่ทราบสาเหตุเลยแล้วอีกอย่างนี้ก็พึ่งผ่านไปแค่ยี่สิบนาทีเองเพคะ" หญิงสาวตอบ
"ใช่ นายควรหัดใจเย็นบ้างนะ แอสเตอร์" ชายที่พึ่งเดินเข้ามาทำเอาหลายคนภายในห้องประชุมอดเป็นห่วงไม่ได้ ชายที่พึ่งเข้ามาใหม่เดินไปนั่งก้าอี้ที่วางไว้เพราะเป็นเก้าอี้ประจำตัวของเขานะสิ
"เอาล่ะ ๆ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้วเรามาเริ่มประชุมประจำเดือนกันเลยดีมั้ย" ชายที่นั่งหัวโต๊ะได้ประกาศให้เริ่มประชุมข้างกันจะมีหญิงสาวหน้าตาสวยสดงดงามจะนั่งข้าง ๆ เพราะที่นั่งตรงนั้นจะเป็นที่ของใครไม่ได้คือของจักรพรรดิ และจักรพรรดินี
การนั่งประจำที่จะนั่งเรียงเป็นวงกลมตามโต๊ะโดยจักรพรรดิและจักรพรรดินีจะนั่งตรงหัวโต๊ะขวามือจักรพรรดิเป็นเก้าอี้ของดยุกเซเกร์ ถัดมาขวามือเก้าอี้ดยุกบี ซ้ายมือจักรพรรดินีเป็นเก้าอี้ดัชเชสเมเบล และสุดท้ายซ้ายมือเป็นเก้าอี้ดยุกเวลล์ จากนั้นการประชุมก็ได้เริ่มขึ้นแน่นอนว่าการประชุมครั้งนี้เป็นแค่การชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาค้าทาสและบริการและการเกษตรเพียงเท่านั้นเอง
"การประชุมจบแล้วมีใครจะถามอะไรอีกไหมมม" จักรพรรดิเอ่ยขึ้นถาม
"เราเจอลูกสาวคนเล็กแล้ว และ...เจอศพของเฟพาสแล้วเช่นกัน" จากภายในห้องบรรยากาศที่เคยคึกคักตอนนี้กายเป็นบรรยากาศที่เงียบสงัดภายในชั่วพริบตา
"ละ...แล้วศพของเฟพาสละตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" จักรพรรดินีเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าที่ตกใจ
"ระหว่างที่ฉันมานี้ได้นำร่างของเฟพาสไปฝังไว้ที่สุสานชั้นใต้ดินของตระกูลเรียบร้อยแล้ว" จักรพรรดินีที่มีท่าทีตกใจก็ได้สงบลง
"งั้นไว้คราวหน้าพวกเราไปเยี่ยมเฟพาสกับลูกสาวนายได้ไหมเฮร์ฟ" เฮร์ฟได้ตอบรับด้วยการพยักหน้าเป็นการบอกว่าได้
"จูเลียเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือ" แอสเตอร์ผู้เป็นจักรพรรดิเอ่ยถามเพราะกลัวว่าจูเลียของเขานั้นเป็นอะไรไป
"เปล่าหรอกเพคะฝ่าบาท เราแค่คิดถึงลูกเท่านั้นเองปานนี้ลูกเราทั้งสองคนจะเป็นอย่างไรบ้าง" ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงลูกน้อยสองคนของเขานะ เขาพยายามตามหาแต่ยังหาไม่เจอให้เงาไปตามหาแล้วก็ยังไม่เจอให้ราซไปตามหาแล้วก็ยังไม่เจอขอแค่ปฏิหารเท่านั้นช่วยปกป้องแอสทัสและซัลเวียด้วย
ภายในห้องประชุมที่เงียบสงัดได้ยินเสียงร้องไห้ของจักรพรรดินีดังขึ้นทั่วห้องที่มีจักรพรรดิคอยปลอบ
"เมื่อก่อนเราเคยให้องค์รัชทายาทประกาศตามหาองค์ชายและองค์หญิงใช่ไหมค่ะ งั้นครั้งนี้พวกเราจะเป็นคนช่วยหาทั้งสองพระองค์เอง จูเลียไม่ต้องกังวลไปพวกเราจะพาลูกของเจ้าสองคนกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน" ภายใต้คำบอกของดัสเชสแห่งทิศตะวันตกทุกคนภายในห้องประชุมก็พร้อมที่จะช่วยเหลือตามหาลูกทั้งสองของจูเลียที่หายไป หลังจากการประชุมประจำเดือนได้จบไป เหล่าดยุกและดัชเชสก็แยกย้ายกลับที่พักของตัวเอง
ณ ดัชชีแห่งทิศเหนือ
"นี่เมลให้พี่พาไปดูห้องของน้องมั้ย" มาร์ฟ่าลูกชายคนโตเอ่ยขึ้นถาม
คงจะเป็นห้องเก่า ๆ โทรม ๆ เหมือนชาติก่อนแน่เล - เมลไม่ทันคิดจบมาร์ฟ่าก็ได้พามาในห้องที่ตกแต่งไปด้วยห้องสีชมพูอ่อนที่ดูสวยงามราวกับห้องของเจ้าหญิง
"เป็นไงเมลชอบห้องนี้ไหม" มาร์ฟ่าถามเด็กน้อยที่เขากำลังอุ้มอยู่
"นี่ห้องหนูเหรอคะ" เด็กน้อยถามด้วยความสงสัย
"ใช่ครับ นี่คือห้องของน้อง พวกพี่ได้จัดการตกแต่งด้วยตัวเองหวังว่าน้องจะชอบนะ" เมฟบอกเมลด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายถึงปกติเขาจะไม่ค่อยชอบพูดก็เถอะแต่เพื่อน้องสาวของเขาแล้วเขาก็ยอม มือของเขาลูบหัวเจ้าตัวเล็กด้วยความเบามือ
"อือ หนูชอบมากเลยคะ เอ่อ...คือถ้าหนูเหงาหนูไปนอนกับพวกพี่ได้ไหมค่ะ" ฉันแค่ถามไปแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้หวังตำตอบที่ดีนักหรอก ทำไมมาร์ฟ่ากับเมฟดูท่าทางเครียดจัง
"เอ่อ...ถ้าไม่ได-"
"ได้อยู่แล้วสิ ถ้าเมลเหงาไปนอนกับพวกพี่ได้นะหรือไปนอนกับท่านพ่อก็ได้พี่คิดว่าท่านพ่อต้องดีใจแน่เลยใช่ไหมเมฟ" มาร์ฟ่าตอบฉันและหันไปถามเมฟที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
"ใช่แล้วละน้องไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ เอาละพวกพี่มาส่งน้องถึงห้องแล้วพักตามสบายเลยนะเดี๋ยวตอนเย็นพวกพี่จะพาไปทานอาหาร"
พี่มาร์ฟ่าที่อุ้มฉันไว้ก็ปล่อยลง ฉันก็กำลังเดินเข้าห้องของตัวเอง
"เดี๋ยวก่อนเมลพี่ยังไม่ได้รายเวทย์ให้น้องเลย" รายเวทย์?
"เวทย์หรอค่ะ?" เด็กน้อยหันหลังไปถาม
"ใช่ครับ มันเป็นเวทย์นำทาง ถ้ามีคนไม่ดีเข้ามาแล้วจะทำให้หลงทางในคฤหาสน์แห่งนี้ พวกพี่กับท่านพ่อก็เลยคิดเวทย์นำทางขึ้นมาใช้สำหรับคนในคฤหาสน์มาทางนี้สิ เดี๋ยวพี่จะรายเวทย์ให้" เมฟได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเวทย์มนต์นำทางให้เมล
"ฟิกซ์ อาห์เลอร์ทัส" มีอะไรบางอย่างออกมากจากมือซ้ายของพี่เมฟน่ากลัวยังไงไม่รู้แฮะ
"ไม่ต้องกลัวหรอกครับน้องเมล เวทย์นำทางนี้จะเข้าไปในต้วของน้องจะไม่แทรกแซงหรือทำอันตรายต่อการใช้เวทย์มนต์ในอนาคตของน้องแน่นอนครับ" เมฟได้นำกิ่งไม้ก้านเล็กที่มีบางอย่างคล้ายคลึงกับเปลวไฟสีฟ้าออกมาทาที่หลังข้อมือซ้ายของฉันมันรู้สึกเย็น ๆ แปลก ๆ
"มันเย็นใช่ไหมละครับ เวทย์นี่นะเป็นเวทย์ตัวเดียวกับที่รักษาแผลแต่ปรับเป็นสูตรเย็นเท่านั้นเองเอาล่ะเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ"
"ขอบคุณคะ ท่านพี่เมฟ" หลังจากที่ท่านพี่ทั้งสองออกไปฉันก็ได้เข้ามาในห้องไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ใช้ห้องแบบนี้แถมเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัวด้วยหื้ม...ฉันเดินไปที่เตียงมีหมีตัวใหญ่สีขาววางอยู่และมีจดหมายเขียนเอาไว้ 'ถ้าเมลได้อ่านจดหมายฉบับนี้พวกพี่ทั้งสองคนกับท่านพ่อรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่เมลยังมีชีวิตอยู่ พวกพี่นั้นตามหาเมลมาตลอดเจ็ดปี ในที่สุดวันนี้เมลก็ได้กลับมาพวกพี่นั้นเฝ้ารอยคอยวันที่เมลมาอยู่ในดัชชีแห่งนี้เมลอยากทำอะไรก็ทำเลย อยากวาดรูป อยากทำอาหาร สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านของเมลพวกพี่ขอแค่เมลมีความสุขพวกพี่ก็ดีใจแล้วตุ๊กตาตัวนี้พวกพี่กับท่านพ่อได้เตรียมเอาไว้ให้นะ' เด็กน้อยอ่านจดหมายก็ได้มีน้ำสีใสไหลลงมาอาบแก้มน้อยของเด็กน้อย ฉันตัดสินใจแล้วในชาตินี้จะต้องไม่ตายอีกเหมือนชาติที่แล้ว พวกท่านพี่ทั้งสองใจดีขึ้นเยอะเลย แต่ทำไมในชาติก่อนถึงไม่มองฉันเลยสักครั้งละ เอาเถอะเลิกคิดเรื่องปวดหัวพวกนี้แล้วนอนพักดีกว่า หวังว่าแอสทัสกับซัลเวียจะไม่เป็นไรนะซัลเวียยิ่งป่วยอยู่ด้วย
หลังจากที่มาร์ฟ่าลูกชายคนโตกับเมฟลูกชายคนรองออกมาจากห้องของเมลลูกสาวคนเล็กแล้วก็ได้คุยกันไปเรื่อยเปื่อย
"ท่านพี่คิดว่าน้องได้อ่านจดหมายหรือยังครับ" เมฟเอ่ยถามพี่ชายของเขาที่เดินอยู่ข้าง ๆ
"อื้มมม พี่คิดว่าได้อ่านแล้วนะเมลจะเป็นยังไงนะ" มาร์ฟ่าได้ถามออกมาก่อนที่เมฟชายร่างเล็กจะเปลี่ยนเรื่องคุย
"แล้วท่านพี่ไม่ไปทำงานเหรอครับ ปานนี้องค์รัชทายาทไม่ตามหาหรอครับ" ร่างเล็กเอ่ยถามร่างสูงที่โตกว่า
"หึ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงพี่ลางานมาแล้วปานนี้เจ้าวีนั้นคงสบายเลยแหละไม่ได้มีพี่คอยบ่นมันทุกวัน"
"แต่ก็ส่งจดหมายหาองค์ชายรัชทายาทหน่อยสิครับ เดี๋ยวเขาก็เป็นห่ว-โอ๊ะพูดไม่ทันขาดคำเลยนะครับ" ร่างเล็กของเมฟเอ่ยถามขึ้นแล้วท่าทางตตกใจที่มีบางอย่างเป็นเปลวไฟออกมา
"จะมาโอ๊ะอะไรก็แค่จดหมายธรรมดา" ร่างโตพูดจบก็คว้าจดหมายตรงหน้าและจ้องอะไรบางอย่าง
"จะเป็นจดหมายธรรมดาได้ยังไงละครับท่านพี่ ดูก็รู้จดหมายว่าเป็นจดหมายขององค์ชายรัชทายาทลายลูกไม้สีน้ำเงินแบบนี้ไม่มีทางเป็นของจักรพรรดิหรือจักรพรรดินีหรอกครับท่านพี่" เมฟตอบไป
"แล้วก็ขอบใจมากไวท์เดี๋ยวส่งกลับไปทีหลังนะ" ร่างโตของมาร์ฟ่าตอบไวท์เจ้ามังกรตัวน้อยไปแล้วไวท์มังกรตัวน้อยก็หายไป
"แล้วเนื้อความในจดหมายว่ายังไงหรอครับท่านพี่" ร่างเล็กถาม
"ก็- เฮ้ยแล้วทำไมฉันต้องอ่านให้นายฟังด้วยเนี่ยเมฟ แล้วไม่ไปอะเคเดมี่หรือไง" ร่างโตรีบเก็บจดหมายเข้าไว้ในถุงกางเกงของตัวเองอย่างเร็วรวดเร็ว
"ท่านพี่ลืมแล้วเหรอครับ ว่าอะเคเดมี่ปิดเทอมเปิดเทอมอีกทีก็ฤดูหนาวท่านพี่ก็ยังไปรับผมเลยนี่แถมสาว ๆ ในโรงเรียนพากันกรี๊ดจนหน้าหนวกหูด้วย" เมฟบอกไปอย่างไม่สบอารมณ์เพราะเขานั้นไม่ชอบเรื่องที่วุ่นวายสุด ๆ ไปเลยละ
"งั้นผมไปทบทวนบทเรียนก่อนก็แล้วกันครับ" เมฟตัดบทพูดจบของตัวเองและเดินเข้าห้องของัวเองไปที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องของน้องสาวเขาส่วนมาร์ฟ่าก็เดินตรงมายังห้องทำงานของตัวเองและเปิดจดหมายอ่านที่เขาพึ่งได้รับจากองค์ชายรัชทายาทเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา 'ถึงเซเกร์ มาร์ฟ่า ไมเออร์ ผมขอขอบคุณจากใจจริงที่ช่วยตามหาน้องชายและน้องสาวของผม แต่ต่อไปนี้ผมจะขอเป็นคนหาด้วยตัวเองเพราะว่าผมนั่นก็มีส่วนเกี่ยวที่ทำให้น้องหายไป จากองค์รัชทายาทวีเซอร์ ฟรอเก็ต เดบูเลน' เจ้าบ้าบอกจะเป็นคนหาด้วยตัวเอง ฉันที่เป็นเพื่อนจะทิ้งเอาไว้ ทำไมก็เคยบอกไปแล้วว่าจะช่วยหาแอสทัสกับซัลเวียให้เจอให้ได้แล้วจะพากลับไปอย่างปลอดภัยช่วยกัน ฉันเข้าใจความรู้สึกของเจ้าบ้านั่นดี ความรู้สึกของน้องไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายฉันเคยเจอมาก่อนแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นนายไม่ได้ผิดนะไอวีเจ้าพวกนั่นต่างหากที่จะลักพาตัวน้องของนายไปนี่ก็ผ่านมาสามปีแล้ว งั้นเดี๋ยวรอท่านพ่อมาก่อนดีกว่าเรื่องนี้สำคัญมากจะลงมือสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 12
Comments
ヌッチです〜〜★彡
สงสารแอสเตอร์กับจุเลียอ่ะะขอให้หาเด็กๆเจอนะคะะ แต่อีกคู่เหมือนมาร์ฟ่ากับวีจะมีซัมติงกันอ่ะเปล่าคะแอดด ต่อเร็วนะคะมันค้างคาใจจจ💖💖
2024-10-22
0