3 ความทรงจำเกี่ยวกับทะเล

หลังจากนั้นหลายอาทิตย์ต่อมา ฉันก่อวีรกรรมโดยการเล่นละครค้นหาคนใช้ที่ขัดขวางการเจริญเติบโตที่ดีของฉัน แล้วทำให้พ่อต้องไล่ออก ฉันจะให้พี่เลี้ยงคนใหม่ของฉันที่ชื่อพี่มะลิอุ้มฉันไปที่ห้องทำงานของพ่อ(เดินเองมันเหนื่อย) หลังจากนั้นก็จัดการฟ้องด้วยการแร๊ป เอาจริงๆ ฉันก็แค่พูดคล่องแต่ติดไม่ชัดจนเกือบต้องพึ่งล่ามแปลภาษาก็เท่านั้นเอง จนตอนนี้เริ่มมีข่าวลือจากพวกคนใช้ว่าคุณนิธิศจะไล่ทุกคนที่ไม่ถูกใจฉันออก ไม่จริงสักหน่อย.. กว่าจะไล่ให้ออกได้ฉันต้องหาหลักฐาน อย่างคนใช้คนล่าสุดที่เพิ่งไล่ออก ซักเสื้อผ้าของฉันไม่สะอาด(คราบโจ๊กบนเสื้อยังเกาะอยู่เป็นอาทิตย์) ฉันเลยแกล้งเอาผ้าขี้ริ้วมาห่มตัวเพื่อเรียกร้องความสนใจ พลางบอกพ่อไปว่าผ้าขี้ริ้วนี้ยังสะอาดกว่าเสื้อผ้าในตู้ฉันอีก

ส่วนพี่มะลิก็คือดีมาก ซับพอร์ตฉันในทุกเรื่อง ฉันอยากกินอะไร อยากไปที่ไหน เธอจัดให้ฉันได้หมด ถึงจะรู้ว่าเธออายุแค่สิบเก้าก็เถอะ.. แต่พอเปิดเทอมเธอก็ต้องกลับไปเรียนไม่ใช่หรือยังไง เพราะงั้นก่อนที่การเปิดเทอมจะพรากพี่เลี้ยงแสนดีของฉันไป ฉันต้องทำให้คนใช้คนอื่นเกรงกลัวและเคารพฉันในฐานะคนในตระกูลนี้ ต่อให้จะลือว่าเป็นลูกชู้แต่มีหลักฐานหรือเปล่าล่ะ

ขณะที่ความคิดพวกนี้ทำให้อารมณ์มันเดือดปุดๆ พี่มะลิก็ดันอุ้มฉันมาไว้บนเก้าอี้ของโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อหวีผม แต่นั่นกลับทำให้ฉันมองเห็นหลักฐานที่ว่านั่นในกระจก นัยน์ตากลมโตของฉันเป็นสีดำขลับ ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้เหมือนพ่อกับแม่และพวกพี่ๆ เส้นผมสีดำเองก็ควรจะตรงหน้าเหมือนอย่างพี่น้องคนอื่น แต่มันกลับหยักศกอย่างเห็นได้ฉัน อย่างไรก็ตาม.. อาจเป็นยีนจากรุ่นก่อนๆ ก็ได้ใครจะไปรู้ และเพราะต่อให้ฉันจะเป็นลูกชู้จริงๆ หรือไม่ใช่ ทุกคนก็ตราหน้าว่าฉันเป็น รวมถึงคนเป็นพ่อด้วย..

"ทำไมคุณหนูทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะคะ เดี๋ยวเราทำผมเสร็จแล้วไปหาไอศกรีมทานกันไหม"

"พี่มะยิ.."

พี่เลี้ยงของฉันทำสีหน้าเป็นเชิงถาม ก่อนจะคิดว่าไม่ควรจะพูดอะไรให้เธอคิดมาก ยังไงเธอก็ทำงานนี้เพราะหน้าที่

"ไม่มีอาใย.."

เราสองคนเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาไอติมกินกัน แต่กลับเจอกับร่างสูงโปร่งของคนเป็นพี่คนโต หรือก็คือพี่ธันที่ไม่ใช่แค่นิสัยที่เหมือนพ่อ แต่หน้าตาเองก็คล้ายกันอย่างกับแกะ พี่มะลิทำตัวสงบเสงี่ยมมากขึ้น เธอคงจะแปลกใจว่าคุณธันเข้ามาทำอะไรในห้องครัวสำหรับคนใช้แบบนี้ ฉันเองก็งงเหมือนกันเลยกอดอกเงยหน้าขึ้นมองแล้วถามออกไป

"เข้ามาตำไม?"

"พูดให้ชัดก่อนเถอะยัยฟ้าใหม่"

หน็อย.. เถียงไม่ออกเลยว่ะ งั้นเอาเป็นว่าทำเป็นไม่สนใจไปก่อนก็แล้วกัน ฉันหันไปเร่งให้พี่มะลิไปเอาไอติมในตู้เย็น ขณะที่จ้องร่างสูงโปร่งเขม็ง อีกฝ่ายเองก็จ้องหน้าฉันอยู่เหมือนกัน

"ได้ยินว่าเธอทำให้คนใช้โดนไล่ออกไปสามคน"

ฉันทำเป็นไม่ได้ยินแล้วมองไปยังตู้เย็นแทน แต่อิพี่ธันกลับย่อตัวลงนั่งยองให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันมากขึ้น มองทำไมนักหนา เดี๋ยวก็เอามือจิ้มตาซะเลย

"รู้ไหม-"

"ไม่ยู้!" ฉันตอบอย่างกวนประสาทก่อนที่คนเป็นพี่จะพูดจบ พลันเห็นเรียวคิ้วที่กระตุกนั่นแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา

"กวนโอ๊ยนะเรา ปั้นหนึ่งยังนิสัยดีกว่าเลยมั้ง"

ไอติมถูกยื่นมาให้ฉันที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ ขณะที่พี่มะลิทำตัวเกร็งๆ และประหม่าว่าจะยื่นไอติมอีกแท่งไปให้พี่ธันดีไหม และสุดท้ายเธอก็ยื่นไปให้จนได้ แต่เพราะฉันไวกว่า ฉันจึงฉกไอติมที่อีกฝ่ายกำลังจะรับมาได้! ว้ายๆ เป็นไงล่ะโดนเด็กสามขวบแย่งไอติม นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้คล้ายจะคุกรุ่นอย่างเก็บอาการ ฉันทำเพียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับไอติมสองแท่งในมือ วินาทีที่จะโดนแย่งคืนฉันก็รีบเลีย ไม่วายยื่นคืนไปให้อย่างใจดี

"เอาไปจิ"

ธันทำสีหน้าบอกบุญไม่รับกับไอติมที่ถูกเลียไปต่อหน้าต่อตา ฉันรีบวิ่งออกจากห้องครัวไปด้วยความรู้สึกสะใจ แกล้งสนุกดีจริงๆ ไว้วันหลังไปกวนตีนอีกฝ่ายเล่นดีกว่า วันนั้นภาพที่ฉันกินไอติมสองแท่งอย่างตะกละตะกามในวัยสามขวบถูกถ่ายเอาไว้อย่างไม่ยินยอมโดยยัยพี่รินที่เดินออกมาจากห้องซ้อมดนตรีพอดี และเพราะพี่มะลิวิ่งตามไม่ทัน ฉันจึงนั่งกินไอติมสองแท่งอยู่คนเดียว เนื้อตัวนี้เหนียวเหนอะหนะ ไม่ต้องจินตนาการก็พอจะเดาออกว่ารูปจะออกมาทุเรศขนาดไหน

"ยัยมอมแมมกินไอติมหรืออาบไอติมกันแน่เนี่ยฮ่าฮ่าๆๆ "

ร่างบางที่สูงกว่าหัวเราะจนไหล่สั่น ฉันร้องโวยวายวิ่งไล่เธอที่ปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้วแต่ก็ยังเล่นเป็นเด็กๆ และเพราะขาสั้นเกินไปเลยวิ่งไล่ไม่ทัน ไม่วายตะโกนด่าฉันว่าเป็นเด็กป่าเถื่อนอีก ฝากไว้ก่อนเถอะยัยพี่ริน! ฉันจะต้องลบรูปนั้นแล้วทวงคืนศักดิ์ศรีของเด็กสามขวบกลับมาให้ได้เลย!

พอพี่มะลิมาเห็นสภาพฉัน เธอก็แทบจะเป็นลม

"ฮื่อคุณหนูไปอาบน้ำกันเถอะค่ะ แล้วทีหลังก็อย่าวิ่งหนีพี่มะลิแบบนี้นะคะ มันอันตราย"

"โอเช แต่หนูจาไปเย่นที่น้ำพุก่อน" สิ้นเสียง ฉันก็วิ่งปร๋อเหมือนเด็กดีดน้ำตาลไปยังน้ำพุในสวนหลังคฤหาสน์ ตอนเด็กๆ อยากลงไปเล่นนานแล้วแต่ไม่กล้า ตอนนั้นแค่เอามือจุ่มลงไปก็นิดเดียวก็กลัวจะโดนดุ และเพราะพ่อไม่ได้สร้างสระน้ำเอาไว้ในบ้านจึงไม่มีสิทธิมาตีเด็กสามขวบที่อยากเล่นน้ำ

พี่มะลิวิ่งตามมาติดๆ พร้อมกับร้องห้ามเสียงดังว่าอย่าวิ่งๆ ทันทีที่บ่อน้ำพุที่ทำจากหินอ่อนงดงามตาอยู่ตรงหน้า ฉันก็ปีนขึ้นไปมองดูน้ำใสข้างใน ก่อนจะค่อยๆ หย่อนเท้าลงไป เพราะบ่อน้ำพุค่อนข้างลึกสำหรับเด็กสามขวบ ฉันเลยค่อยลงไปนอนแช่อย่างระมัดระวังในท่าปลาดาวหงาย ดีที่น้ำพุไม่ได้เปิดเอาไว้ ฉันจึงนอนชิลมองท้องฟ้าเบื้องบนโดยมีพี่มะลิยืนมองน้ำตาไหลพรากถึงตาตุ่ม เพราะหูอยู่ในน้ำฉันจึงไม่ได้ยินเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ก้อนเมฆขาวลอยผ่านท้องฟ้าสดใส ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางขอบคุณชีวิตที่สงบสุขในตอนนี้

จู่ๆ ความทรงจำหนึ่งก็ฉายเข้ามาในหัว เป็นความทรงจำในชีวิตก่อน ฉันจำได้ว่าอยากไปทะเลมากๆ เพราะได้ยินจากเพื่อนร่วมห้องที่ไปเที่ยวทะเลมาอวดให้ฉันฟังว่าน้ำทะเลมันเค็มมาก ตอนนั้นฉันไม่เคยไปทะเลเลยสักครั้งในชีวิต ก็เลยคาดหวังว่าสักวันพ่อจะพาฉันกับพวกพี่ๆ ไปเที่ยวทะเล และวันนั้นก็มาถึง มันไม่เชิงว่าเป็นการทริปเที่ยวอย่างเป็นทางการ ก็แค่บัตรเชิญงานเลี้ยงของพวกคนใหญ่คนโตที่บังเอิญจัดที่ทะเลก็เท่านั้น ฉันในวัยหกขวบตื่นเต้นมาก.. แต่กลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไป ทำไมน่ะเหรอ.. เพราะฉันเรียนมารยาทบนโต๊ะอาหารไม่ผ่านยังไงล่ะ

แต่หมอนั่นน่ะ.. พอรู้ว่าฉันไม่เคยไปทะเลก็เก็บเปลือกหอยมาให้ที่โรงเรียน นิสัยน่ารักขนาดนี้แล้วจะไม่ให้รักได้ยังไงล่ะ ฉันคิดถึงนายจัง.. น้ำอุ่นๆ ไหลลงข้างตา เพราะเปียกชุ่มไปทั้งตัวอยู่แล้วจึงดูไม่ออกว่ากำลังร้องไห้

ฉับพลัน ฉันก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ก็มีมือใหญ่ของใครไม่รู้เข้ามาดึงฉันขึ้นจากน้ำ การถูกวางลงบนพื้นอย่างกระทันหันทำให้ทรงตัวไม่อยู่และล้มก้นจ้ำเบ้า ก่อนจะได้สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ที่ฉายชัดให้เห็นถึงความโกรธ พี่มะลิที่ปรี่ตัวเข้ามาดูฉันกำลังสั่นกลัวร่างสูงใหญ่ที่เล็งเธอแทน

"เป็นพี่เลี้ยงภาษาอะไรถึงไม่ห้ามเด็ก ดูก็รู้ว่าน้ำพุนี่ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กเล่น"

"ข..ขอโทษค่ะนายท่าน" พี่เลี้ยงของฉันกำลังคุกเข่าตัวสั่นหงึกอยู่ข้างกาย เพราะความดื้อดึงของฉัน พี่มะลิถึงโดนตำหนิ ทั้งที่คนที่ควรโดนดุจริงๆ คือฉันที่ตั้งใจลงไปเล่นในนั่นมากกว่า และเพราะเธอมักจะใจอ่อนกับฉัน จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยระวังอยู่ไม่ห่างกาย ฉันตัดสินพาร่างเล็กๆ ของตัวเองไปบังพี่เลี้ยงไว้ ก่อนจะพูด

"ถ้าจาดุก็ดุหนูเถอะ พี่มะยิไม่เกี่ยว"

ร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามของคนเป็นพ่อเดินเข้ามาใกล้ตัวฉันมากขึ้น และฉันก็ไม่ถอยห่างและทำสีหน้าให้ดูนิ่งที่สุดแต่จริงๆ แล้วกำลังเก็บความหวาดหวั่นเอาไว้ ชีวิตที่แล้วฉันเป็นเด็กดีมากก็เลยไม่เคยโดนตีเลยสักครั้ง แต่ชีวิตครั้งนี้ฉันคิดไว้แล้วว่าโดนตีก็ไม่เป็นไร ดีกว่าต้องใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองไม่ต้องการ เจ้าของใบหน้าดุดันค่อยๆ ถอนลมหายใจออกมา

"ยังไงก็ตามห้ามให้เห็นว่าเล่นน้ำในนี้อีก ไม่งั้นฉันจะไล่พี่เลี้ยงคนนี้ออกซะ"

ฉันได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดเป็นไก่ต้มเล็กน้อย ก่อนจะจำใจพยักหน้าตกลง คิดว่าต่อจากนี้หากทำอะไรให้ไม่พอใจ พ่อจะต้องขู่โดยการใช้พี่มะลิของฉันแน่ ไม่ได้เด็ดขาดเลย.. คนในบ้านนี้นอกจากพี่มะลิแล้วก็ไม่มีใครดีกับลูกชู้แบบฉันเลยสักคน

แม้แต่คนตรงหน้าเองก็ด้วย..

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!