หลังจากคืนที่น่าจดจำที่ร้านกาแฟ หลินรั่วอี๋กลับมาทำงานด้วยความมุ่งมั่นและพลังใจที่เต็มเปี่ยม เธอเริ่มรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญในโปรเจกต์นี้มากขึ้น การทำงานร่วมกับทีมและนักดนตรีที่มีชื่อเสียงทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังเติบโตในเส้นทางที่ถูกต้อง
แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและชูหลิงเซวียนกลับยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเธอ ความสัมพันธ์ที่เริ่มเข้มข้นขึ้นทำให้เธอรู้สึกสับสน เพราะเธอยังไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรต่อเธอ
ในวันถัดมา ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมซ้อมใหญ่ หลินรั่วอี๋รู้สึกตื่นเต้นแต่ก็กังวลอยู่ในใจ บรรยากาศในห้องซ้อมเต็มไปด้วยเสียงดนตรีและความกระตือรือร้นจากทุกคน เธอเห็นชูหลิงเซวียนยืนอยู่ข้างๆ และเขากำลังพูดคุยกับนักดนตรีคนอื่น ๆ
“วันนี้เราจะซ้อมกันให้ดีที่สุดนะ” ชูหลิงเซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “เราไม่เพียงแต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแสดง แต่ยังต้องมั่นใจว่าทุกคนเข้าใจในบทบาทของตนเอง”
หลินรั่วอี๋พยักหน้าอย่างเห็นด้วย และเมื่อเสียงเพลงเริ่มขึ้น เธอก็ปล่อยให้ตัวเองหลุดลอยไปกับจังหวะดนตรี แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความคิดถึงชูหลิงเซวียน
“ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?” เธอคิดในใจ ขณะที่เธอเล่นเพลงด้วยความมุ่งมั่น “เขาเป็นเจ้านาย แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกดึงดูดเขา?”
การซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อถึงช่วงพัก หลินรั่วอี๋ได้ยินเสียงพูดคุยของชูหลิงเซวียนและนักดนตรีคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ๆ
“เราต้องทำให้การแสดงนี้มีความพิเศษมากกว่าที่เคย” เขาพูดอย่างจริงจัง “เราไม่สามารถทำสิ่งที่ซ้ำซากได้ ต้องสร้างสรรค์และแตกต่าง”
หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงความตั้งใจของเขา และมันทำให้เธออยากทำงานร่วมกับเขามากยิ่งขึ้น เธอจึงตัดสินใจที่จะเข้าหาเขาในช่วงพัก
“ท่านประธานคะ” เธอพูดด้วยความมั่นใจ “ฉันมีแนวคิดเกี่ยวกับการแสดงที่อาจช่วยให้มันมีความพิเศษมากขึ้น”
ชูหลิงเซวียนหันมามองเธอด้วยความสนใจ “พูดมาเถอะ”
หลินรั่วอี๋รู้สึกตื่นเต้น “เราสามารถใช้แสงสีและการเต้นรำในการแสดงเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับดนตรีได้ค่ะ”
“น่าสนใจมาก” เขาตอบกลับ “คุณมีแนวคิดนี้มาได้อย่างไร?”
“ฉันเห็นการแสดงที่ใช้แสงและการเคลื่อนไหวช่วยดึงดูดผู้ชม” หลินรั่วอี๋อธิบาย “และฉันคิดว่ามันจะทำให้การแสดงนี้มีเอกลักษณ์”
ชูหลิงเซวียนนั่งฟังอย่างตั้งใจ ก่อนจะยิ้มให้เธอ “ถ้าคุณเชื่อมั่นในไอเดียนี้ ก็แสดงว่ามันมีศักยภาพจริง ๆ”
หลินรั่วอี๋รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุขเมื่อเห็นว่าความคิดของเธอได้รับการตอบรับอย่างดีจากเขา “ขอบคุณค่ะ ฉันจะเริ่มวางแผนการแสดงทันที”
เมื่อเวลาผ่านไป หลินรั่วอี๋เริ่มทำงานอย่างหนักกับการสร้างแนวคิดใหม่ๆ สำหรับการแสดง เธอได้ประชุมกับนักออกแบบแสงและนักเต้นเพื่อทำให้ไอเดียของเธอเป็นจริง
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ยังรู้สึกถึงความตึงเครียดระหว่างเธอและชูหลิงเซวียน เขาเริ่มให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเธอมากขึ้น และเธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังเปลี่ยนไป แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร
คืนหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังทำงานในสำนักงานและมีแค่เธอกับชูหลิงเซวียนอยู่ที่นั่น เขาก็เดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆ เธอ
“คุณทำงานหนักมาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “เห็นได้ชัดว่าคุณมีความหลงใหลในสิ่งที่ทำ”
หลินรั่วอี๋รู้สึกอาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสุข “ขอบคุณค่ะ ฉันแค่ต้องการทำให้โปรเจกต์นี้ประสบความสำเร็จ”
“คุณทำได้ดีมาก” เขาพูด พร้อมกับมองไปที่เอกสารที่เธอทำอยู่ “ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือหรือความคิดเห็นเพิ่มเติม บอกผมได้เลย”
ในขณะนั้น หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงการสนับสนุนจากเขาที่ให้ความสำคัญกับความคิดและความคิดเห็นของเธอ และมันทำให้เธอเริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
“ท่านประธาน… ฉันคิดว่าการแสดงจะต้องมีสิ่งที่โดดเด่น เพื่อดึงดูดผู้ชม” หลินรั่วอี๋เริ่มพูดถึงไอเดียที่เธอมีในใจ “ถ้าเราใช้การเต้นรำร่วมกับดนตรี มันอาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงความรู้สึกได้มากขึ้น”
ชูหลิงเซวียนฟังอย่างตั้งใจ “ผมเห็นด้วยกับคุณ ความร่วมมือระหว่างการแสดงและดนตรีสามารถสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม”
หลินรั่วอี๋รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้เห็นเขาเปิดใจและสนใจในความคิดเห็นของเธอ “ฉันจะจัดทำแผนการแสดงให้เสร็จในเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
เมื่อค่ำคืนดำเนินไป และการสนทนาระหว่างพวกเขาลึกซึ้งขึ้น หลินรั่วอี๋รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังค้นพบบางอย่างในตัวชูหลิงเซวียน เขามีความคิดที่เปิดกว้างและความมุ่งมั่นที่ทำให้เธอรู้สึกประทับใจ
“คุณคิดว่าอนาคตของโปรเจกต์นี้จะเป็นอย่างไร?” เธอถามด้วยความอยากรู้
“ผมเชื่อว่ามันจะเป็นการเริ่มต้นใหม่” เขาตอบ “ไม่เพียงแต่สำหรับเรา แต่สำหรับทุกคนที่มีส่วนร่วม”
หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงความหวังและแรงบันดาลใจเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “ฉันจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อให้มันเป็นจริงค่ะ”
และในที่สุด ความตึงเครียดที่เธอรู้สึกต่อชูหลิงเซวียนเริ่มลดลง เธอเริ่มเข้าใจว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้านายของเธอ แต่เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์และความฝันเหมือนกัน
ขณะที่คืนเริ่มมืดลง หลินรั่วอี๋รู้สึกว่าอนาคตของเธอและความสัมพันธ์กับชูหลิงเซวียนกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป และเธอรู้สึกพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า
เมื่อการซ้อมดำเนินไป หลินรั่วอี๋เริ่มมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เธอพบว่าตนเองสามารถสร้างสรรค์และพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกที่สำคัญของทีม
ในวันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังซ้อมเพลงใหม่ หลินรั่วอี๋ตัดสินใจที่จะเสนอแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการแสดงสด โดยการใช้เลเซอร์และแสงสีในการเพิ่มความน่าสนใจ เธอรู้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามและการทำงานร่วมกันอย่างหนัก แต่เธอเชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้การแสดงเป็นที่จดจำได้
“วันนี้เราจะมีการประชุมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแสดง” ชูหลิงเซวียนประกาศเมื่อการซ้อมเสร็จสิ้น “ใครมีแนวคิดเพิ่มเติมบ้าง?”
หลินรั่วอี๋ตัดสินใจยืนขึ้นและแสดงความคิดของเธอ “ฉันมีไอเดียที่จะใช้เลเซอร์และแสงสีในการแสดงเพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจ เราสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงอารมณ์ของเพลงได้มากขึ้น”
ชูหลิงเซวียนหันมามองเธอด้วยความสนใจ “น่าสนใจมาก คุณมีแผนการอย่างไร?”
“ฉันคิดว่าเราอาจจะทำการทดลองในคืนแสดง เพื่อให้สามารถสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้ชมได้” หลินรั่วอี๋พูดด้วยความมั่นใจ “เราสามารถใช้เสียงเพลงและการเคลื่อนไหวร่วมกันได้”
ทุกคนในห้องซ้อมเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับไอเดียของหลินรั่วอี๋ และมันดูเหมือนว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี หลายคนเห็นด้วยกับการสร้างบรรยากาศใหม่ที่สามารถดึงดูดผู้ชม
“ถ้าเราสามารถทำให้การแสดงนี้มีความน่าสนใจและไม่เหมือนใคร มันจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม” ชูหลิงเซวียนกล่าว “มาเริ่มทำงานกันเลยดีกว่า”
หลินรั่วอี๋รู้สึกว่าตนเองได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างแท้จริง และมันทำให้เธอรู้สึกถึงพลังแห่งความร่วมมือ เธอเริ่มวางแผนการทำงานร่วมกับนักออกแบบแสงและนักเต้นอย่างจริงจัง
ในระหว่างการเตรียมงาน หลินรั่วอี๋ได้ใช้เวลาอยู่กับชูหลิงเซวียนมากขึ้น เขาทั้งช่วยเหลือและเสนอแนวคิดที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“คุณทำได้ดีมาก หลินรั่วอี๋” เขากล่าวเมื่อเธอเสนอแนวคิดในการเคลื่อนไหว “ถ้าคุณเชื่อมั่นในไอเดียของคุณ มันจะต้องสำเร็จ”
หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงความมั่นใจจากคำพูดของเขา และเธอเริ่มรู้สึกว่าชูหลิงเซวียนไม่ใช่แค่เจ้านาย แต่เป็นคนที่มีอิทธิพลในชีวิตของเธอ
คืนหนึ่ง หลังจากการประชุมจบลง หลินรั่วอี๋และชูหลิงเซวียนนั่งอยู่ในสำนักงานด้วยกัน ความเงียบสงบทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่ไม่ได้พูดออกมา
“หลินรั่วอี๋” ชูหลิงเซวียนเริ่มพูด “คุณรู้ไหมว่าคุณมีความสามารถมากกว่าที่คุณคิด?”
เธอเหลือบมองเขา “ฉันไม่แน่ใจค่ะ บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนฉันยังห่างไกลจากการเป็นนักดนตรีที่ดี”
“ความก้าวหน้าไม่ได้มาจากความสมบูรณ์แบบ” เขาพูดต่อ “แต่เป็นการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง”
หลินรั่วอี๋รู้สึกได้รับแรงบันดาลใจจากคำพูดของเขา และมันทำให้เธอเริ่มเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น “ขอบคุณค่ะ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ตามที่คุณเชื่อ”
ชูหลิงเซวียนยิ้มให้กับเธอ “ผมเชื่อว่าเราสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้”
ในขณะนั้น ความรู้สึกระหว่างพวกเขาเริ่มเข้มข้นขึ้น หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงการเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งกับเขา และเธอก็เริ่มเข้าใจว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง แต่เป็นความเชื่อมโยงที่มีความหมายมากกว่านั้น
“ถ้าการแสดงนี้สำเร็จ เราจะทำอะไรกันต่อ?” หลินรั่วอี๋ถามขึ้นอย่างอยากรู้
“ผมคิดว่าเราจะมีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ต่อไป” ชูหลิงเซวียนตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง “และเราจะร่วมงานกันในโปรเจกต์ต่อไป”
หลินรั่วอี๋รู้สึกกระตือรือร้นเมื่อได้ยินคำตอบนั้น เธอรู้สึกว่าการทำงานร่วมกันกับเขาไม่เพียงแต่จะเป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะ แต่ยังเป็นโอกาสในการเติบโตทางอารมณ์และความรู้สึก
ในขณะที่ค่ำคืนเริ่มล่วงเลย หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการเชื่อมั่นในตัวเอง และการมองโลกในแง่บวก
“ฉันพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง” เธอคิดในใจ ขณะที่เธอมองไปที่ชูหลิงเซวียน “และฉันพร้อมที่จะเปิดใจให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ในสำนักงานด้วยกัน หัวใจของหลินรั่วอี๋เต้นแรง เธอรู้สึกว่าตอนนี้คือเวลาที่เธอจะต้องทำการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเธอและความสัมพันธ์กับชูหลิงเซวียน
ในที่สุด เธอรู้สึกว่าเธอพร้อมที่จะเสี่ยงและก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ต้องกลัวที่จะเผชิญกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments