บทที่ 2: พรหมลิขิตที่ต่อเนื่อง

เช้าวันรุ่งขึ้น หลินรั่วอี๋ตื่นขึ้นมาจากการนอนที่ไม่สงบ ตลอดทั้งคืนหัวใจของเธอหมุนเวียนไปกับคำพูดของชูหลิงเซวียน “พรุ่งนี้เช้า มาที่บริษัทของผม ผมมีข้อเสนอที่คุณน่าจะสนใจ” คำพูดนี้วนเวียนในหัวของเธอ ทำให้เธอนอนไม่หลับ

เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าชีวิตของเธอจะเกี่ยวพันกับประธานบริษัทใหญ่โตอย่างชูกรุ๊ป และยิ่งไม่คาดคิดว่าเขาจะมีข้อเสนอให้กับเธอ เธอเต็มไปด้วยความสงสัยและความกังวล แต่ในขณะเดียวกันก็รู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตที่เธอไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

เมื่อคิดเช่นนั้น หลินรั่วอี๋จึงตัดสินใจที่จะไปที่บริษัทของเขา เธอตื่นเช้ากว่าปกติ เลือกชุดที่สุภาพเรียบร้อยที่สุดเพื่อให้ตัวเองดูดี ทว่าในใจก็ยังคงตื่นเต้นและกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

เช้านั้นอากาศเย็นสบาย แสงอาทิตย์ส่องอ่อน ๆ ผ่านต้นไม้ที่ริมถนน หลินรั่วอี๋ยืนอยู่หน้าอาคารสูงระฟ้าของชูกรุ๊ป บริษัทใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าเธอเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอำนาจและความสำเร็จ ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังกระจกที่สะท้อนแสงอาทิตย์ เธอสูดหายใจลึกและเตรียมพร้อมก้าวสู่สถานที่ที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เธอเดินเข้าไปในห้องโถงต้อนรับของบริษัท ซึ่งกว้างใหญ่และสวยงามจนเธอรู้สึกตื่นตาตื่นใจ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเรียบหรูและมีระดับจนทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา

“สวัสดีค่ะ ฉันมาพบกับท่านประธานชู เมื่อคืนท่านนัดฉันไว้ค่ะ” หลินรั่วอี๋กล่าวกับพนักงานต้อนรับอย่างสุภาพ

พนักงานต้อนรับยิ้มอย่างเป็นมิตร เมื่อได้ยินชื่อของท่านประธาน พนักงานก็ยิ่งแสดงท่าทีที่นอบน้อม “คุณหลินใช่ไหมคะ ท่านประธานชูกำลังรอคุณอยู่ค่ะ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องทำงานของท่าน”

หัวใจของหลินรั่วอี๋เต้นระรัว เธอรู้สึกตื่นเต้นจนมือเย็น พนักงานพาเธอขึ้นไปยังชั้นบนสุดของอาคาร โดยใช้ลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหาร ขณะที่ลิฟต์ขึ้นไป ความตึงเครียดในใจของเธอก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ที่นั่น ชั้นบนสุด คือที่ที่ชูหลิงเซวียนรอคอยเธออยู่

เสียง "ติ๊ง" ของลิฟต์ดังขึ้นเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินรั่วอี๋เดินตามพนักงานไปยังประตูบานใหญ่ของห้องทำงานพิเศษของท่านประธาน พนักงานเคาะประตูเบา ๆ และผลักบานประตูให้เปิดออก

ภายในห้องทำงานใหญ่โตของชูหลิงเซวียน อากาศเย็นสดชื่นและเต็มไปด้วยแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ห้องทำงานถูกตกแต่งอย่างมีรสนิยม ข้างหนึ่งเต็มไปด้วยชั้นหนังสือและเอกสารมากมาย ส่วนอีกฝั่งเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายแต่ทรงอำนาจ

ที่โต๊ะทำงาน ชูหลิงเซวียนนั่งอยู่ เขาเงยหน้ามองมาที่เธอ ดวงตานิ่งลึกอย่างเยือกเย็น เขายังคงมีลักษณะนิ่งขรึมแบบเมื่อคืน สวมสูทสีดำอย่างเรียบร้อย ร่างกายของเขาตรงแน่ว ราวกับว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาด้วยความเคารพและเกรงขาม

"นั่งลงสิ" เขากล่าวสั้นๆ พลางชี้ไปที่เก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะทำงาน

หลินรั่วอี๋รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่าง เธอค่อยๆ เดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างเรียบร้อย รู้สึกเหมือนว่าทุกการกระทำของเธอกำลังถูกจับตามอง เธอนั่งนิ่ง รอให้เขาพูดก่อน เพราะเธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคำพูดอย่างไร

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ชูหลิงเซวียนก็พูดขึ้น “คุณคงสงสัยว่าทำไมผมถึงเชิญคุณมาที่นี่”

หลินรั่วอี๋พยักหน้าเล็กน้อย เธอยังคงหลบตาไม่กล้าสบกับดวงตาที่เย็นชาแต่ทรงพลังของเขา ความสงสัยยังคงเต็มหัวใจ

“เมื่อคืนคุณเล่นดนตรีได้ดีมาก” ชูหลิงเซวียนกล่าวต่อ เสียงของเขาเรียบๆ ไม่แสดงอารมณ์ “ผมมีโปรเจกต์หนึ่งที่ต้องการคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีมาร่วมงาน และผมคิดว่าคุณเหมาะสม”

"โปรเจกต์?" หลินรั่วอี๋พูดเบาๆ ด้วยความสงสัย "โปรเจกต์อะไรคะ?"

ชูหลิงเซวียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาของเขามีความลึกลับ “เป็นโปรเจกต์แลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมด้านดนตรีระดับนานาชาติ ผมต้องการคนที่มีมุมมองและทักษะเฉพาะตัวมาช่วย ผมเห็นว่าคุณมีศักยภาพ”

คำพูดนั้นทำให้หลินรั่วอี๋อึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีโอกาสเข้าร่วมโครงการที่ใหญ่โตขนาดนี้ และยิ่งไม่นึกฝันว่าจะมีคนอย่างเขามองเห็นศักยภาพของเธอ

“ทำไมต้องเป็นฉัน?” เธอถามอย่างไม่มั่นใจ “ฉันรักดนตรีจริงค่ะ แต่ฉันไม่เคยมีผลงานที่โดดเด่นอะไรเลย”

ดวงตาของชูหลิงเซวียนเปล่งประกายเล็กน้อย ราวกับกำลังจับตามองเธออย่างละเอียด “บางครั้งคนที่ยังไม่ถูกค้นพบมีพื้นที่ในการพัฒนาและสร้างสรรค์มากกว่าคนที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ผมไม่ได้สนใจแค่ฝีมือของคุณเท่านั้น แต่ผมสนใจในความเข้าใจของคุณต่อดนตรี”

หลินรั่วอี๋นิ่งคิด โอกาสนี้มาเร็วเกินไป จนเธอแทบไม่ได้เตรียมตัว แต่ในใจเธอก็รู้ดีว่านี่อาจเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

“ฉันยินดีลองดูค่ะ” ในที่สุดเธอก็ตอบเสียงเบา

ชูหลิงเซวียนพยักหน้าเล็กน้อยอย่างพอใจ “ดีมาก พรุ่งนี้คุณมาที่บริษัทอีกครั้งเพื่อเซ็นสัญญา หลังจากนั้น เราจะเริ่มเตรียมงาน”

หลินรั่วอี๋พยักหน้ารับ แม้ว่าในใจยังคงมีความสงสัยมากมายที่ไม่ได้รับคำตอบ เธอรวบรวมความกล้าถามคำถามหนึ่งที่วนเวียนในหัว “ท่านประธานชูคะ ทำไมท่านถึงเลือกที่จะดูแลโปรเจกต์นี้ด้วยตัวเอง?”

ดวงตาของชูหลิงเซวียนไหวเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ เขาเงียบไปสักครู่ก่อนจะตอบด้วยเสียงต่ำ “เพราะโปรเจกต์นี้มีความหมายพิเศษสำหรับผม”

แม้คำตอบนี้จะทำให้เธอรู้สึกถึงความลึกลับบางอย่าง แต่หลินรั่วอี๋ก็ไม่ได้ถามต่อ เธอรู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะเปิดเผยความรู้สึกได้ง่ายๆ

หลังจากออกจากชูกรุ๊ป หลินรั่วอี๋ยืนอยู่หน้าอาคารที่สูงเสียดฟ้า มองขึ้นไปยังยอดตึกที่แตะขอบฟ้า ใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ความตื่นเต้นผสมผสานกับความกลัวและความสงสัย ทั้งหมดนี้แทรกซึมเข้ามาในหัวใจของเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

โอกาสนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน แต่เธอรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ชัดเจนในการที่ชูหลิงเซวียนเลือกเธอ ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการดนตรี

"ทำไมถึงต้องเป็นฉัน?" เธอพึมพำกับตัวเอง เดินไปตามถนนที่พลุกพล่านของเมือง เสียงของรถและผู้คนรายล้อม แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนอยู่ในความเงียบที่ล้อมรอบตัวเอง เธอไม่อาจปล่อยความคิดนั้นให้หลุดไปได้ง่ายๆ การที่ชูหลิงเซวียนพูดถึงโครงการที่มีความหมายพิเศษสำหรับเขา ทำให้เธอรู้สึกว่ามีเรื่องราวบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ไม่ใช่แค่โอกาสในงานที่มาถึงอย่างกะทันหัน แต่ความลึกลับในตัวชายคนนี้ต่างหากที่คอยกวนใจเธอ ชูหลิงเซวียนผู้ชายที่มีอำนาจและดูเย็นชาจนยากที่จะเข้าใจ ความเงียบสงบที่เขาแสดงออกนั้นดูเหมือนจะซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่สามารถตีความได้ ความเฉยชาของเขาราวกับเป็นหน้ากากที่ใช้ปิดบังตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้

หลินรั่วอี๋ถอนหายใจ เธอตัดสินใจที่จะเดินเล่นสักครู่เพื่อลดความกังวลใจ ขณะที่เธอเดินผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ เธอก็หยุดลงข้างม้านั่ง สายลมเย็นๆ พัดผ่านมากระทบใบหน้า ร่างกายของเธอค่อยๆ ผ่อนคลายลง

“ฉันจะทำได้ไหมนะ…” เธอพึมพำ พลางนึกถึงโปรเจกต์ที่ชูหลิงเซวียนพูดถึง การเข้าร่วมโครงการระดับนานาชาติไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และเธอก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมหรือไม่ที่จะก้าวเข้าสู่โลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

เธอวางมือลงบนกระเป๋าของเธออย่างเบา ๆ ราวกับสัมผัสกับโน้ตเพลงที่เธอเตรียมไว้เมื่อคืน ความรักที่เธอมีต่อดนตรีนั้นลึกซึ้ง แต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้ อาจจะเป็นการทดสอบจิตใจของเธอมากกว่าแค่ทักษะทางดนตรี

ในขณะที่หลินรั่วอี๋คิดลึกลงไปในความกังวล เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอดังขึ้น เธอรีบดึงมันออกมาดู หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมกับชื่อที่ทำให้เธอต้องหยุดหายใจครู่หนึ่ง ชูหลิงเซวียน

นิ้วของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอกดรับสาย

“หลินรั่วอี๋,” เสียงทุ้มต่ำของชูหลิงเซวียนดังมาจากอีกฝั่งหนึ่ง “พรุ่งนี้ตอนเช้า เตรียมตัวให้พร้อม ผมจะส่งคนไปรับคุณเพื่อพาคุณไปดูสถานที่ที่จะใช้สำหรับโปรเจกต์ คุณพร้อมหรือยัง?”

เสียงของเขายังคงนิ่งและเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด ซึ่งทำให้เธอรู้สึกถึงแรงกดดันทันที เธอหายใจเข้าลึกก่อนตอบ “ฉัน...ฉันพร้อมแล้วค่ะ”

“ดี” เขาตอบกลับสั้นๆ ก่อนวางสายอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธอยืนอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

หัวใจของหลินรั่วอี๋ยังคงเต้นแรงหลังจากการสนทนาสั้นๆ เธอยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมชูหลิงเซวียนถึงดูเร่งรีบและมุ่งมั่นกับโปรเจกต์นี้ขนาดนั้น แต่เธอก็รู้สึกได้ว่ามันมีความสำคัญสำหรับเขามากกว่าที่เขาแสดงออกมา

คืนนั้น หลินรั่วอี๋กลับมาถึงบ้านแล้วนั่งลงที่เปียโนของเธอ เธอวางมือบนแป้นคีย์เบา ๆ ปล่อยให้เสียงดนตรีเบาๆ ผ่อนคลายความตึงเครียดในใจ เสียงดนตรีนั้นเป็นเหมือนการพูดคุยที่ไร้คำพูด ทำให้เธอได้กลับมาสู่ความสงบที่เธอคุ้นเคย

แต่ในขณะเดียวกัน ใจเธอยังคงเต็มไปด้วยคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง ความลึกลับของชูหลิงเซวียน ความกดดันที่เริ่มก่อตัว และเส้นทางใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะนำเธอไปสู่จุดไหน

คืนนี้เธอนอนไม่หลับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือกังวล หากแต่เป็นเพราะความตื่นเต้นที่ก่อตัวขึ้นในใจ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!