ยาคุโมะสะดุ้งตื่นจากความฝันที่เลือนลาง เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรงของรถไฟรอบตัว แต่สิ่งที่ทำให้เขาหนักใจมากกว่าคือกลิ่นอายปีศาจที่คละคลุ้งในอากาศ ร่างกายของเขาถูกตรึงไว้ด้วยความมืดมิดที่เหมือนเป็นกรงขัง ทุกสิ่งรอบตัวเงียบจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันกลับรู้สึกถึงพลังที่คุกคามอย่างน่ากลัว
"มิสึซากิ..." เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีฟ้าเยือกแข็งของเขากวาดมองไปรอบๆ เขาต้องหามิสึซากิให้เจอ แต่ก่อนที่จะก้าวออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้เขาชะงัก
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำและเย้ยหยันก้องมาจากเบื้องหน้า "หืม... แวมไพร์น่ะเหรอ? น่าสนใจทีเดียวที่เจ้ารอดมาถึงตู้รถไฟนี้ได้"
ยาคุโมะเงยหน้ามองชายผู้ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า ร่างสูงใหญ่ผมขาวยาวสยายของซาตาน ผู้ปกครองแห่งความโกรธแห่งเกเฮนน่ายืนตระหง่านอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะและความเกลียดชังที่ปิดบังไว้ใต้ความเงียบงัน แต่ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจลึกๆ
"ซาตาน..." ยาคุโมะพึมพำอย่างระมัดระวัง ขณะที่เขายืนตัวตรง มือขวาของเขาล้วงไปที่ด้านในเสื้อคลุม พร้อมที่จะหยิบอาวุธที่ซ่อนอยู่หากจำเป็น
"ใช่ ข้าเอง... ปีศาจที่เจ้าต้องการหลีกเลี่ยงที่สุด" ซาตานยิ้มเย็นชา "ข้าไม่ค่อยชอบแวมไพร์แบบเจ้าหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ดื่มเลือดแต่ไม่เคยทำอะไรให้ข้าเกลียดชังเลยจริงๆ มันน่าผิดหวัง" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง
"นายไม่จำเป็นต้องมาขวางทางข้า" ยาคุโมะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ เขารู้ดีว่าซาตานนั้นไม่ใช่ปีศาจธรรมดา เขาคือหนึ่งในเจ็ดกษัตริย์แห่งนรก พลังของเขาสามารถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้ในพริบตา
"เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าแวมไพร์งี่เง่าไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?" ซาตานยิ้มกว้างขึ้น ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ถ้าข้าดื่มเลือดของผู้ที่รักข้า... ข้าจะสามารถเปลี่ยนมันเป็นอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการ แม้กระทั่งเพชรสีเลือด แต่เจ้า... เจ้าไม่มีใครรักเลยใช่ไหม?"
ยาคุโมะนิ่งงันเมื่อได้ยินคำถามนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธที่เดือดพล่านภายในตัวของซาตาน ไม่ใช่แค่พลังปีศาจธรรมดา แต่เป็นความโกรธแค้นที่หมักหมมอยู่ภายในจิตวิญญาณของเขา ยาคุโมะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถสู้กับซาตานด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องใช้ปัญญาเข้าต่อสู้เท่านั้น หากใช้แต่กำลังเขาอาจจะไม่รอดออกไปจากตู้รถไฟตู้นี้แน่ๆ
“ข้าอาจจะไม่มีใครรัก...” ยาคุโมะเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาและแฝงด้วยความมุ่งมั่น “แต่ข้าก็จะไม่ยอมแพ้เจ้าปีศาจที่ลุ่มหลงในความโกรธของตัวเองเช่นเจ้าหรอก”
ซาตานหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนแห่งความบ้าคลั่งและอันตราย เขากระชับค้อนยักษ์ที่เขาถือไว้แน่น “งั้นมาลองดูกันว่าเจ้าจะเอาชีวิตรอดจากความโกรธของข้าได้ไหม...”
ยาคุโมะเตรียมพร้อม ใบหน้าของเขานิ่งสงบ แต่ในดวงตานั้นเปล่งประกายความมุ่งมั่นและกล้าหาญ เขาจะไม่ยอมให้ซาตานหยุดยั้งเขาไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
การเผชิญหน้ากับซาตานแห่งเกเฮนน่าได้เริ่มขึ้นแล้ว...แต่อีกฝั่งของมิสึซากิจะเป็นยังไงบ้างล่ะ?
ในขณะที่ยาคุโมะกำลังเผชิญหน้ากับซาตานทางด้านหนึ่งของรถไฟนรก มิสึซากิกลับถูกทิ้งอยู่เพียงลำพังในความมืดมิดของตู้รถไฟอีกด้าน หลังจากที่ปีศาจแสนน่ากลัวนั่นที่จู่ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เธอสูดหายใจลึก พยายามควบคุมสติเมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองกำลังอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในโลกมนุษย์ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยพลังงานชั่วร้ายที่กดดัน ราวกับจะบดขยี้เธอทุกครั้งที่ก้าวเดิน
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืน รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เสียงครางแผ่วเบาของปีศาจหลายตนดังขึ้นจากทิศทางต่างๆ เธอกระชับมือแน่นที่หัวใจ รู้สึกถึงจังหวะการเต้นที่เร็วขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
“ยาคุโมะ… นายอยู่ที่ไหนกัน?” มิสึซากิพึมพำออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล เธอกัดริมฝีปากข่มความกลัวไม่ให้แสดงออกมา แต่ความเปราะบางในใจนั้นกลับยิ่งชัดเจนเมื่อเธอรู้ว่าตอนนี้เธออาจต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้เพียงลำพัง
“อย่าเพิ่งกลัวไปสิ” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากข้างหลัง มิสึซากิสะดุ้งหันไปมอง เห็นเพียงร่างเล็กๆ ที่ลอยออกมาจากความมืด ร่างนั้นมีใบหน้าเป็นสัตว์คล้ายหมาจิ้งจอก แต่มีแววตาเจ้าเล่ห์แปลกตา
"แกเป็นใคร?" มิสึซากิถามเสียงสั่น แต่พยายามที่จะไม่แสดงความกลัวมากเกินไป
"ข้าเป็นแค่เงา... เงาที่คอยเฝ้าดูพวกที่หลงเข้ามาในที่นี้" ร่างนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริงแต่แฝงความอันตราย "และเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น เด็กน้อย"
มิสึซากิถอยหลังไปเล็กน้อย แต่จิตใจของเธอไม่หยุดทำงาน เธอรู้ว่าเธออาจจะไม่แข็งแรงหรือมีพลังเหมือนยาคุโมะ แต่เธอรู้ว่าต้องหาทางออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้
"ข้าจะพาเจ้าไปหา 'เขา' " เงานั้นเอ่ยขึ้นพลางยิ้มกว้าง "เจ้าอาจจะชอบก็ได้... ท่านลูซิเฟอร์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนรก เขาจะสนใจเจ้าแน่"
"ไม่!" มิสึซากิปฏิเสธทันที รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงในใจ ความคิดที่ว่าถูกจับตัวไปยังที่ที่ยิ่งอันตรายกว่านี้ทำให้เธอยิ่งหวาดกลัว แต่ในเวลาเดียวกัน เธอตระหนักได้ว่าต้องเข้มแข็ง
เธอคิดถึงยาคุโมะ คนที่เธอแอบรักมาเนิ่นนาน และคิดว่าเขาคงจะพยายามตามหาเธออยู่เช่นกัน มิสึซากิสูดหายใจลึกและกล่าวเสียงแข็ง "ฉันไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร! ฉันจะหาทางออกไปเอง!"
ร่างเงาหัวเราะเบาๆ แต่แฝงด้วยความเยาะเย้ย "แล้วข้าจะรอดู... ว่าเจ้าจะรอดจากปีศาจ 72 ตนที่อยู่รอบๆ นี้ได้ยังไง"
คำพูดนั้นทำให้มิสึซากิใจเต้นแรงขึ้นอีก แต่เธอก็ไม่ถอย "ข้าอาจจะอ่อนแอ... แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้!" เธอเอ่ยด้วยความมุ่งมั่น ดวงตาของเธอเป็นประกายสู้
ร่างเงาจางหายไปกับความมืด เหลือไว้แต่เสียงหัวเราะเย้ยหยัน และทิ้งมิสึซากิให้ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดที่ยังคงรอท้าทายเธออยู่ แต่ในใจของเธอนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้น เธอรู้ว่าเธอจะต้องต่อสู้และเดินไปจนถึงตู้รถไฟสุดท้าย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
แต่หลังจากที่เงานั้นหายไป...มิสึซากิรู้สึกถึงแรงดึงที่ไม่อาจต้านทานได้ ร่างกายของเธอเหมือนถูกควบคุมโดยพลังบางอย่างที่ลึกลับ มืดมน และน่ากลัว ทุกครั้งที่เธอพยายามจะขัดขืน เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดราวกับเข็มเล็กๆ ที่ทิ่มแทงลงไปในทุกส่วนของร่างกาย แสงสลัวรอบๆ ถูกกลืนกินโดยความมืดราวกับเธอกำลังถูกดูดเข้าไปในเหวลึก
ทันใดนั้นเธอก็ปรากฏตัวในห้องที่หรูหราแต่น่ากลัว ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความน่าสะพรึงกลัว ที่กลางห้องมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ เขามีผมสีทองอ่อน ดวงตาสีซีดเหมือนกับน้ำแข็งที่ถูกปกคลุมด้วยเงาของความบ้าคลั่ง เสื้อผ้าของเขาดูสง่างาม แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาและอันตราย ด้านหลังของเขามีปีกที่ขาดรุ่งริ่ง ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของบางสิ่งที่เคยงดงามแต่ถูกทำลายไปแล้ว
“ลูซิเฟอร์...” มิสึซากิพึมพำออกมา เธอจำได้จากคำบอกเล่าของเงาว่านี่คือหนึ่งในเจ็ดปีศาจร้ายแห่งนรก ผู้ครอบครองความหยิ่งทระนง
ลูซิเฟอร์ยิ้มบางๆ แต่แววตาของเขากลับไม่มีความเมตตาใดๆ “ช่างน่ารักเสียจริง... เจ้ากล้าขึ้นมาที่นี่ด้วยตัวคนเดียวงั้นหรือ?”
มิสึซากิพยายามจะก้าวถอยหลัง แต่ขาของเธอเหมือนจะไม่ยอมเชื่อฟัง เธอรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่ที่ตรงนั้น สายตาของลูซิเฟอร์เต็มไปด้วยความสนใจอย่างประหลาด
"น้ำตาของเจ้า... ช่างบริสุทธิ์เสียจริง" ลูซิเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเย้ายวน เขาก้าวเข้ามาใกล้ ก่อนจะก้มลงมาใกล้หน้าของเธอ "ข้าจะทำอย่างไรให้เจ้า... ร้องไห้ดีล่ะ?"
มิสึซากิรู้สึกถึงความหวาดกลัวในใจอย่างสุดขีด มือของเธอสั่นไปหมด เธอรับรู้ได้ถึงพลังชั่วร้ายที่ไหลผ่านร่างของเขา ความสามารถที่สามารถทำให้เธอหวาดกลัวได้ในทุกวิถีทาง
“อย่ากลัวเลย” ลูซิเฟอร์ยิ้มและเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของเธอเบาๆ "ข้าแค่ต้องการ... สัมผัสรสชาติของน้ำตาที่มาจากความเจ็บปวดของเจ้า"
มิสึซากิรู้ว่าการต่อสู้กับเขานั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงพยายามจะไม่ยอมแพ้ ดวงตาของเธอแฝงไปด้วยความดื้อรั้นแม้ว่าร่างกายจะสั่นไหว “ข้าไม่กลัวเจ้า...”
ลูซิเฟอร์หัวเราะเบาๆ “กล้าหาญดี... แต่ข้าสงสัยว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน”
เสียงของเขาทำให้มิสึซากิรู้สึกเหมือนถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขาแค่รอเวลาที่เธอจะพังทลาย แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกถึงแสงริบหรี่ในใจ เป็นความหวังเล็กๆ ว่ายาคุโมะจะมาหาเธอ ไม่ว่าจะช้าแค่ไหนก็ตาม
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments