พอกินข้าวกันเสร็จ
เราก็พากันออกมา เดินจนมาถึงลานจอดรถ ฉันที่กำลังจะตรงไปหามอไซค์ตัวเอง แต่ก็โดนดึงเอาไว้
เอซ
: ไปไหน?
ข้าวผัด
: ไปเอามอไซค์ไง
เอซ
: ไปด้วยกัน เดี๋ยวค่อยกลับมาเอา
ข้าวผัด
: อ่าวก็..
เอซ
: ตามนี้
ก็จะบอกว่าไปกันหลายคน
จะไปยังไงกัน แต่ก็นะ โดนลากจนมาถึงรถเขาแล้ว
เอซ
: ขึ้นรถ..
พี่เอซก็ดันฉันมารถของเขา
เปิดประตูแล้วจับฉันยัดลงในรถ รถก็ต่ำอะไรขนาดนี้กัน แทบจะนั่งกับพื้น
“พวกเราจะไปยังไงอ่ะคะ?”
เอ้า..
ตอนมามายังไงกันแม่คุณ นั่งรถเมล์ไปมั้ยลุถ้าจะถามแบบนี้ล่ะนะ
“พี่เอซ..
พี่ซีโร่คะ..”
ซีโร่
: ถามไอ้พวกนั้นมันดูละกัน..
“ไปกับพี่ไม่ได้หรอคะ..”
ซีโร่
: รถเต็ม..
“คะ?”
ซีโร่
: รถพี่มีสองที่นั่งครับ พี่ไปกับไอ้ภูเขา
“พี่เอซล่ะคะ?”
ซีโร่
: ดูรถมันด้วย ยิ่งกว่ารถพี่อีก เต็มแล้วเหมือนกันมันไปกับแฟนมันไม่เห็นหรอ?
เดี๋ยวนะ..
แฟน? เราเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนไหนล่ะ
ฉันเป็นแฟนเขาโดยที่ไม่รู้ตัวอยู่หรอตอนนี้??
“แฟน? หรอ..”
ซีโร่
: ครับ
ผู้หญิงคนที่นั่งจ้องฉันตอนกินข้าวนั่นแหละที่ถามขึ้นมา
พี่เอซก็ไม่ขึ้นรถมาซักที
ซีโร่
: ไปสิ.. ยืนบื้ออะไรตรงนี้มึงจะให้น้องเค้าติดรถไปหรอ?
“ได้มั้ยพี่เอซ..”
เอซ
: ได้นะ ถ้าจะเกาะหลังคาไป แต่อย่าเลยนะอันตรายเกินไปนะพี่ว่า
กวนตีนเขาแหละถูกมะ?
แล้วพี่เอซก็เดินขึ้นรถมา ขึ้นมาก็มานั่งจ้องฉัน แล้วก็ส่ายหัวเบาๆแล้วอยู่ๆก็เอื้อมมาคว้าสายเบลท์ของฉันไป
ข้าวผัด
: ทำเองได้..
เอซ
: ไม่ทันละ.. ตั้งนานละทำไมไม่ทำ?
ไม่ทันจริงๆแหละ
คาดเสร็จแล้วหนิ หลังจากนั้นก็พากันมาถึงห้าง พี่เอซก็พาเดินตรงมาที่โรงหนังเลย..
เอซ
: อยากดูเรื่องอะไร?
นั่นไง..
เรื่องอะไรล่ะ ตกลงอิข้าวต้องอยากดูเรื่องอะไร??
ข้าวผัด
: มะ..
เกรซ
: นี่ไง.. เรื่องนี้ อิข้าวมันอยากดู
เอซ
: เค..
พี่เอซก็หันไปคุยกับพี่ซีโร่
พี่ๆเขาก็ออกไปซื้อตั๋วกัน พวกเราก็นั่งรอจนถึงเวลา ก็เข้าโรงกันฉันก็ต้องนั่งติดพี่เอซนั่นแหละ
แต่นั่งดูไปสักพัก ทำไมตรงนี้มันหนาวจังวะ หนาวมากอ่ะ ใครเลือกที่ตรงนี้ให้ฉันนั่ง
เอซ
: หนาวหรอ?
เขาคงเห็นฉันลูบแขนตัวเองอยู่
ฉันก็ได้แต่พยักหน้าตอบไป
เอซ
: เสื้อคลุมก็ถอดไว้ในรถ แล้วใครมันเลือกที่นั่งตรงแอร์ลงตรงนี้วะ
ก็เมื่อกี้มันร้อนนี่นาก็เลยถอดไว้ในรถ
แล้วอยู่ดีๆพี่เอซก็เอาแขนมาโอบฉันเอาไว้..
ข้าวผัด
: อะไร?
เอซ
: อยู่นิ่งๆ เงียบด้วยนี่โรงหนังนะ เดี๋ยวก็อุ่นเอง
แล้วเขาก็ขยับตัวมาใกล้ฉันเข้าไปอีก
ไม่พอแค่นั้นยังจับฉันไปซบที่ไหล่เขาเอาไว้อีกด้วย มืออีกข้างของเขาก็เอื้มมากอดฉันเอาไว้
ตอนนี้ตัวฉันมันต้องเย็นมากแน่ๆเพราะเขาใช้มือลูบๆแขนฉันให้มันอุ่นอยู่ ก็คือถ้าจะนั่งดูหนังในท่านี้ก็คงหลับแหละนะ
อิข้าวสบายไปมีที่ซบด้วย มีคนกอดเข้าไปอีก อุ่นเลยทีนี้ ก็นั่งกันแบบนี้จนหนังจบ
เอซ
: ก็นึกว่าหลับไปซะละ
ข้าวผัด
: เกือบไปแล้ว
เอซ
: ป่ะ
ออกมาจากโรงหนังกัน
พี่ๆเขาก็พาไปกินของหวานกันต่อ ก็พี่ซีโร่นั่นแหละเป็นคนเสนอ
มานั่งในร้านก็ทำการสั่ง พี่ซีโร่เขาจะเลี้ยง
ซีโร่
: เหมือนเห็นมีคนกอดกันกลมเลยในโรงหนัง
เอซ
: เออใช่ไอ้เหี้ย! ใครเลือกที่ตรงนั้นให้ข้าว?
ซีโร่
: อย่ามามอง มึงหยิบไปเอง ไม่ดูล่ะ?
เอซ
: มึงนี่นะ
ซีโร่
: ไม่เกี่ยว
เกรซ
: ตกลงใครกอดกัน?
ข้าวผัด
: เผือก..
เกรซ
: ก็ยังดีไม่มีส.เสือ ออกมา
พวกเราก็นั่งกินไปคุยกันไป
พี่ซีโร่มากกว่าแหละที่จะคุยเยอะสุดในนี้ ก็แซวพี่เอซแหละเยอะมาก ฉันก็นั่งเขินเงียบๆไปสิ
มันกระทบฉันไปด้วยหนิ แต่อยู่ๆเขาก็เงียบไป เหมือนมีคนโทรหาเขาแล้วเขาก็มองหน้าพี่เอซ
ก่อนจะรับโทรศัพท์
ซีโร่
: ครับป๋า.. / อยู่ห้างครับ มาดูหนังกัน /
อยู่ครับ.. / มัน.. ก็ปกติ / ก็ดีครับ.. /
ป๋าคงไม่คิดจะทำอีกใช่มั้ย? / ครับ สวัสดีครับ..
ทำไมดูหน้าเครียดๆแล้วอยู่ๆพี่เอซก็วางช้อนลง
พร้อมกับถอนหายใจออกมา
เอซ
: รู้แล้วสินะ
ซีโร่
: ไม่มีอะไรหรอก มึงอย่าคิดมากดิ ป๋าบอก ไม่ทำก็คือไม่ทำ
เอซ
: ทำไมต้องมาวุ่นวายกับชีวิตของกู
ซีโร่
: อย่าพูดแบบนั้นกับป๋า นั่นป๋านะ
เอซ
: มึงไม่เป็นกู มึงไม่รู้หรอก!
ซีโร่
: ไอ้เอซ!
บทสนทนาก็ถูกตัดจบแค่นี้
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย แล้วพี่เอซก็เงียบไปเลย เขาดูเครียดและก็หันมามองหน้าฉันเป็นพักๆ
ไม่รู้เขาเป็นอะไรและคิดอะไร ฉันก็เลยเอื้อมมือไปจับมือเขาเอาไว้เผื่อมันอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง
เขาหันมามองหน้าฉันแล้วก็จับมือที่ฉันจับเขาเอาไว้อยู่แน่นมาก
เอซ
: อิ่มยัง?
ข้าวผัด
: ค่ะ
เอซ
: งั้นกลับกันนะ
ข้าวผัด
: คะ?
ยังไม่ได้คำตอบอะไร
พี่เอซก็ดึงฉันออกมาจากร้าน ไม่รอใครเลย ไม่รู้เขาโกรธอะไรใครอยู่ ตอนนี้ไม่รู้เลยจริงๆเพื่อนๆฉันมันก็งงกันแหละ
ก็มีเรียกฉันบ้าง แต่พี่ซีโร่ห้ามเอาไว้ พวกมันเลยเงียบ เขาพาฉันมาจนถึงรถของเขา
แล้วก็จับฉันยัดเข้าไปในรถ แล้วเขาก็ขึ้นมานั่งที่ของเขา พี่เอซนั่งเงียบไปซักพัก
แล้วอยู่ๆเขาก็ทุบพวงมาลัยรถเสียงดัง
ข้าวผัด
: พี่เอซ..
เขาหันมามองหน้าฉันอีกครั้ง
อยู่ๆก็โผลเข้ามากอดฉันเอาไว้ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นอะไร แต่ที่รู้เขากำลังรู้สึกไม่ดีอยู่แน่ๆฉันเลยเอามือไปลูบหลังเขาเบาๆ
เอซ
: ขอโทษ.. ขอโทษที่ดึงเราเข้ามา
ข้าวผัด
: ข้าวไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร ไม่รู้พี่คิดอะไรอยู่ แต่ข้าวอยู่กับพี่ตรงนี้นะ
จะอยู่ข้างๆแบบนี้ถ้าพี่ต้องการ ข้าวไม่เป็นไร
เอซ
: ทำไมวะ ทำไมพี่ต้องเกิดมาในที่แบบนี้ด้วย ทำไม.. ต้องเกิดมาเป็นลูกของคนแบบนั้น
เขากอดฉันแน่นกว่าเดิม
และอยู่แบบนั้นสักพัก ฉันก็ไม่ได้ห้ามอะไร เขาเป็นอะไรฉันยังไม่รู้เลย แต่มันก็คงจะแย่สำหรับเขามาก
ไม่งั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก ฉันก็ได้แต่คอยลูบหลังให้เขาเบาๆ จนเขารู้สึกดีขึ้น เขาค่อยๆปล่อยกอดออก
แต่ก็ยังคงมองหน้าฉันอยู่
และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
อยู่ๆก็กดปากของเขา เข้ามาที่ปากของฉัน แรกๆก็ตกใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนเขาหรอก ฉันเลยหลับตาลงแทนปล่อยให้เขาทำไป
มันอาจจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นก็ได้ พี่เอซเอามือมาวางที่แก้มฉันข้างหนึ่ง แล้วเขาก็ลูบแก้มฉันเบาๆปากก็ยังคงจูบกันอยู่
เขาดันลิ้นเขาเข้ามาในปากของฉัน นี่มันเป็นจูบครั้งแรกของฉัน ฉันไม่รู้หรอก
ว่ามันต้องทำยังไง ก็ปล่อยเขาเป็นคนทำไป แล้วแต่เขาจะทำ เขาก็เล่นลิ้นในปากฉันไปเรื่อยๆ
ไม่มีทางว่าจะหยุดมันเลย จนไม่รู้ว่าตัวเอง เอามือไปคล้องคอเขาไว้ตอนไหน
ฉันก็ยังคงหลับตาพริ้ม
มือพี่เอซอีกข้างก็ลูบๆตามแผ่นหลังของฉัน รู้สึกว่ามันเริ่มมีเสียงออกมาจากเราทั้งสองแล้ว
เพราะมันรู้สึกลื่นไหล ไม่มีอะไรสะดุดเลย พี่เอซก็ยังไม่คิดจะหยุดมันง่ายๆฉันก็เริ่มที่จะใช้ลิ้นเป็นแล้ว
ก็ส่งลิ้นเข้าไปหาเขาไปบ้าง ไม่รู้ว่ามันนานแค่ไหน รู้สึกแต่ว่า ฉันหายใจไม่ทัน พี่เอซเลยหยุดมันลง
กัดปากฉันเบาๆก่อนจะปล่อยออกจากกัน เขาเอาหน้าผาก มาแตะหน้าผากฉันเอาไว้ ฉันเลยลืมตามองเขา
เอซ
: ขอโทษนะ
ข้าวผัด
: อืม..
เขาเข้ามากดจูบลงที่ปากฉันแรงๆอีกครั้ง
จนมันมีเสียงดัง จ๊วบ!แล้วเขาก็ผละตัวออกจากฉันไป ก่อนที่จะหันไปขับรถ
ฉันไม่รู้ว่าคนที่เขายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำแบบนี้กันได้มั้ย แต่เขารู้สึกไม่ดี
ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกแบบนั้น มันอาจจะช่วยให้เขาดีขึ้น ฉันเลยยอม และนี่
เราก็อยู่กันในห้าง มันไม่มีอะไรเกินเลยแน่นอน
พี่เอซขับรถมาส่งฉันที่มหาลัย แล้วก็ลากันแค่นี้ เขาก็ขับรถออกไป
มันคืออะไรนะที่อยู่ในใจเขาตอนนี้ มันเกี่ยวกับครอบครัวเขาหรอ เพราะเขาบอก.. เขาไม่อยากเกิดมาเป็นลูกคนแบบนั้น
มันคืออะไรกันแน่?
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 65
Comments