บทที่3 ราตรีและชะตากรรม

ยามราตรีคลี่คลุมไปทั่วเมืองเอลเดรีย ที่ราบกว้างใหญ่ส่องสว่างใต้แสงจันทราที่เจิดจรัส ท้องฟ้าราวกับถูกห่มคลุมด้วยผืนกำมะหยี่สีดำสนิท ตัดกับแสงระยิบระยับของดวงดาวนับพัน อาเธน่าเดินทางออกจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ มุ่งหน้าสู่ป่าลึกดั่งที่เสียงลึกลับได้กระซิบสั่งให้เธอไป การเดินทางครั้งนี้เป็นดั่งคำท้าทายจากชะตากรรมที่รอคอยให้เธอเผชิญหน้า

ท้องฟ้าดูเงียบสงบ แต่ภายในหัวใจของอาเธน่านั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัย และความระแวดระวังในทุกย่างก้าวที่เดินผ่านทางมืดมิด เสียงของใบไม้และกิ่งไม้ที่เสียดสีกันทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่ากลัว เธอสามารถสัมผัสถึงบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในเงามืดรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวหรือพลังงานลึกลับที่คอยติดตามเธอ

เมื่อเธอเดินลึกเข้าไปในป่ามากขึ้น สายลมก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ลมหายใจของป่าลึกนั้นเย็นเยียบผิดธรรมชาติราวกับจิตวิญญาณของดวงวิญญาณที่สูญสลายไปแล้ว อาเธน่าหยุดยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบอันลึกล้ำ ดวงตาของเธอมองรอบตัวด้วยความระแวดระวัง

“เจ้ามาที่นี่เพื่อพบกับชะตากรรมของเจ้าใช่หรือไม่?” เสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ ทว่าเปี่ยมด้วยพลังลึกลับ

อาเธน่าหันกลับไปพบกับเด็กสาวคนเดิม ร่างของเธอส่องแสงราง ๆ ภายใต้แสงจันทร์ เด็กสาวมีเรือนผมยาวสีขาวราวกับเกล็ดหิมะ ใบหน้าของเธอประดับไปด้วยความบริสุทธิ์อันสงบนิ่ง แต่แฝงด้วยความเศร้าและความลึกลับ

“เจ้าเป็นใคร?” อาเธน่าถาม ขณะจ้องมองเด็กสาวอย่างรอบคอบ ดวงตาของเธอฉายแววสงสัย

เด็กสาวยิ้มเล็กน้อย “ข้าคือส่วนหนึ่งของชะตากรรมของเจ้า ข้าคือผู้ซึ่งถูกส่งมาเพื่อชี้นำทางแห่งเงา เจ้าจักต้องเผชิญหน้ากับมัน หากเจ้ายังปรารถนาที่จักปลดปล่อยโลกนี้จากเงามืด”

อาเธน่าขมวดคิ้ว แต่เธอรู้ว่ามีบางสิ่งที่ลึกซึ้งในคำพูดนั้น เธอเริ่มรู้สึกถึงแรงดึงดูดแปลก ๆ จากเด็กสาวผู้นี้ บางสิ่งที่เชื่อมโยงเธอกับชะตากรรมที่ยังมิอาจคาดเดาได้

“เงาแห่งราชันย์ เจ้าเป็นผู้ชี้ทางใช่หรือไม่?” อาเธน่าถามอีกครั้งด้วยเสียงเคร่งขรึม เธอพยายามค้นหาความจริงในดวงตาของเด็กสาว

เด็กสาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “เงานั้นกำลังรอคอย เจ้าเป็นผู้ที่จะเปิดเผยมัน พลังแห่งเงามืดและแสงสว่างต่างแฝงอยู่ในทุกสิ่ง ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะเลือกเดินทางใด”

อาเธน่ารู้สึกถึงความกดดันที่หนักอึ้งในหัวใจของเธอ คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งและมืดมิด เธอไม่สามารถถอยกลับได้อีกต่อไปแล้ว ทุกก้าวเดินล้วนพาเธอเข้าใกล้ความจริงที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น

“แล้วเจ้าจักพาข้าไปสู่เงานั้นหรือ?” อาเธน่าถามขึ้น พร้อมกับจับด้ามดาบไว้แน่น

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ดวงจันทราเหนือหัวเจิดจ้าเป็นประกาย “ไม่ ข้าจักมิได้เป็นผู้พาเจ้า แต่เจ้าเองจักต้องก้าวสู่เงานั้นด้วยตัวเจ้าเอง หากเจ้าปรารถนาที่จะครอบครองพลังแห่งเงาราชันย์”

อาเธน่าเงียบไปครู่หนึ่ง คำตอบนั้นชัดเจน เธอไม่สามารถพึ่งพาผู้อื่นได้อีกต่อไป เธอจะต้องยืนหยัดและเผชิญหน้ากับเงามืดที่กำลังรออยู่

“ข้าจักไป แต่ข้าจักถามคำถามสุดท้าย” อาเธน่ากล่าว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “เจ้าจักเป็นมิตรหรือศัตรูของข้า?”

เด็กสาวยิ้มอย่างมีนัยยะ “ข้าจักเป็นทั้งมิตรและศัตรู ทั้งเงาและแสง เจ้าจักต้องเรียนรู้และยอมรับสิ่งนั้น หากเจ้าต้องการปลดปล่อยโลกนี้”

อาเธน่าไม่กล่าวอะไรต่อ แต่เธอรู้ว่าการเดินทางนี้ยังอีกยาวไกล ชะตากรรมที่รออยู่เต็มไปด้วยปริศนา แต่เธอมีเพียงสิ่งเดียวที่เธอต้องทำ คือการก้าวต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

ภายในห้องพักเล็ก ๆ ณ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ แสงจากคบไฟส่องสว่างเลือนลาง เงามืดพาดผ่านผนังหินเย็นยะเยือก อาเธน่าและเด็กสาวผู้ลึกลับที่เธอได้พบในป่าเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองใหญ่บนที่ราบกว้างขวางแห่งเอลเดรีย แม้ภายนอกจะดูสงบสุข ทว่าภายในใจของอาเธน่ากลับเต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่อาจระงับได้

"เจ้าบอกข้ามาเถิด" อาเธน่ากล่าวขึ้น เสียงเคร่งเครียดสะท้อนในความเงียบ "เงาแห่งราชันย์คือสิ่งใดกันแน่? เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับข้าและเจ้า? และด้วยเหตุอันใดโลกนี้ถึงได้ตกสู่หายนะเช่นนี้?"

เด็กสาวมองหน้าอาเธน่าด้วยดวงตาที่แฝงเร้นด้วยความลึกลับ นางนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะขยับเอ่ยวาจาที่ฟังดั่งเสียงของทวยเทพก้องผ่านผืนฟ้า

"เงาแห่งราชันย์.." เด็กสาวกล่าวอย่างช้า ๆ "คือผู้ที่ถูกเลือกมาเพื่อควบคุมพลังแห่งความมืดและแสงสว่าง ผู้ซึ่งอยู่เหนือกฎแห่งมนุษย์และเทพเจ้า ทั้งยังเป็นผู้ปกครองโชคชะตาของสรรพสิ่ง"

อาเธน่าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "และทำไมข้าต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? ข้ามิใช่ผู้ใดที่มีอำนาจเช่นนั้น"

"หาได้เป็นเพียงอำนาจไม่" เด็กสาวตอบ "เงาแห่งราชันย์มิได้หมายถึงผู้ที่แข็งแกร่งเพียงร่างกาย แต่คือผู้ที่จิตใจแข็งแกร่งเหนือสิ่งใด ชะตากรรมของเจ้าถูกผูกพันกับเงานี้ ตั้งแต่ก่อนที่เจ้าจะลืมตาดูโลก เจ้าไม่อาจหลบหนี หรือหลีกเลี่ยงมันได้"

อาเธน่าหายใจลึก รู้สึกถึงแรงกดดันที่ไม่อาจต้านทานได้ถาโถมใส่ "โลกนี้จะต้องเผชิญสิ่งใดอีก? เหตุใดจึงตกสู่อันตรายเช่นนี้?"

เด็กสาวเงยหน้ามองเพดานของห้อง แสงจันทร์สีซีดส่องผ่านหน้าต่างน้อย ๆ สะท้อนเป็นแสงแผ่วเบาบนผิวหน้าอันซีดขาวของนาง

"เหล่าเทพเจ้าต่างขัดแย้งกันด้วยเหตุที่ไม่อาจเข้าใจได้" นางกล่าวเสียงเศร้าสร้อย "การต่อสู้ระหว่างแสงและเงาได้ทำให้ทุกสิ่งที่เราเคยรู้จักกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน หากเงาแห่งราชันย์ไม่ถูกค้นพบ โลกทั้งใบนี้จะจมดิ่งสู่ความมืดชั่วนิรันดร์"

อาเธน่ามองเด็กสาวอย่างไม่เชื่อสายตา แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ ร่างของเด็กสาวก็เริ่มเปล่งแสงแปลกประหลาด สะท้อนออกมาเป็นแสงสีดำเงามืด วาววับดั่งแสงจันทร์ที่ล่มสลาย

"เจ้า เจ้าเป็นอะไรไป?" อาเธน่าถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว หัวใจเธอเต้นรัวด้วยความตกใจ ขณะเด็กสาวค่อย ๆ เลือนหายไป ร่างกายของนางค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นดาบเล่มหนึ่ง ดาบที่ทั้งดำสนิทและเปล่งประกายราวกับแสงแห่งจันทราอันมืดมิด

"ดะ ดาบสีดำจันทรา?" อาเธน่าตกตะลึง เธอถอยหลังอีกครั้งจนชนเข้ากับประตูห้อง เสียงดังสะท้อนเบา ๆ ในความเงียบ ดาบสีดำลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับมีพลังลึกลับควบคุมมัน

ก่อนที่อาเธน่าจะทันได้ทำอะไร ดาบสีดำนั้นพลันพุ่งเข้าหาเธอด้วยความเร็วที่ไม่อาจคาดเดาได้ เธอยกมือขึ้นป้องกัน แต่ดาบนั้นกลับพุ่งทะลุผ่านมือเธอราวกับเป็นเงา และในวินาทีนั้น ดาบสีดำก็หายไปในตัวของเธอเอง

อาเธน่าทรุดลงกับพื้น รู้สึกถึงพลังที่ราวกับดั่งน้ำวนอันทรงพลังที่หมุนเวียนอยู่ในร่างกายเธอ ดาบสีดำจันทราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเธอ ความรู้สึกอันหนักอึ้งเข้ามาแทนที่ความตกใจ มันมิใช่เพียงแค่ดาบ แต่มันคือคำสาป คำสาปที่ถูกผูกพันด้วยเงาแห่งราชันย์

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!