เพลิงบุปผากำเนิดฟ้า
...บทที่ 1 ...
...เพลิงแห่งการแก้แค้น...
แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องสว่างไปทั่วทั้งหุบเขา ให้ความรู้สึกเย็นย่ำลงมาอย่างเงียบสงบ แต่ในค่ำคืนที่ดูสงบเช่นนี้ กลับมีเงาร่างหนึ่งกำลังหลบซ่อนอยู่ในเงามืด เซี่ยหลัน หญิงสาวในชุดดำที่กลมกลืนไปกับความมืด กำลังซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เธอจ้องมองไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาเบื้องล่าง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความแค้นอันร้อนแรงที่ถูกสะกดไว้ในใจมานานหลายปี
เสียงกระซิบกระชากใจของอดีตดังก้องอยู่ในห้วงคำนึงของเธอ ภาพความทรงจำของคืนที่เธอถูกลอบสังหาร ความเจ็บปวดและความโดดเดี่ยวที่เธอเคยประสบ ล้วนแต่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจ และเป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อมา
ในคืนวันนั้น เธอถูกทรยศจากคนที่เธอไว้ใจ ถูกทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ด้วยความโชคดีหรืออาจเป็นโชคชะตา เธอได้รับพลังจากบุปผาเพลิงที่แฝงอยู่ในร่าง ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้ และได้รับพลังที่ไม่ธรรมดา พลังที่สามารถเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้ได้ในพริบตา
คืนนี้เป็นคืนที่เธอจะชำระแค้น เซี่ยหลันสูดลมหายใจเข้าลึก เธอรู้ดีว่าการกระทำของเธอในคืนนี้จะไม่มีทางย้อนกลับ เธอใช้เวลาเตรียมการและรอคอยโอกาสนี้มาเป็นเวลานาน ถึงเวลาที่เธอจะปลดปล่อยไฟแห่งความแค้นที่ร้อนแรงออกมา
ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและเงียบเชียบ เซี่ยหลันกระโจนลงจากต้นไม้ ร่างกายของเธอพริ้วไหวเหมือนสายลมที่ผ่านไปเบื้องหน้าของเหล่าทหารที่ยืนเฝ้า เธอเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่วไปยังบ้านที่มีแสงสว่างเล็กน้อยที่ส่องผ่านหน้าต่างออกมา
ภายในบ้านหลังนั้น ชายผู้ทรยศที่เคยทำร้ายเธอในอดีตยังคงนอนหลับใหลโดยไม่รู้ชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง เซี่ยหลันแสยะยิ้ม มือของเธอยกขึ้นอย่างช้า ๆ เปลวไฟสีแดงลุกโชนขึ้นที่ปลายนิ้วของเธอ เพลิงบุปผากำเนิดฟ้าเริ่มทำงาน ปลดปล่อยพลังอำนาจที่เธอเก็บซ่อนไว้ในตัว
“ข้าจะทำให้เจ้ารับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ข้าเคยประสบ” เสียงของเธอกระซิบเบา ๆ แต่เต็มไปด้วยความแค้นที่มีอยู่เต็มอก เปลวไฟลุกลามไปทั่วทั้งบ้านอย่างรวดเร็ว เสียงร้องโหยหวนของชายผู้ทรยศดังก้องขึ้นกลางดึก เซี่ยหลันก้าวออกมาจากบ้านที่กำลังจะมอดไหม้ในไม่ช้า ราวกับเทพธิดาแห่งไฟที่ลงมาชำระล้างบาปในโลกมนุษย์
แต่ในระหว่างที่เธอกำลังรู้สึกความสะใจจากการแก้แค้นนั้น ความว่างเปล่ากลับค่อย ๆ กัดกินจิตใจของเธอ ความรู้สึกที่เคยทำให้เธอมีชีวิตต่อมา กลับกลายเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจทิ้งไปได้ เธอจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ต่อไป และหาคำตอบให้กับชีวิตที่เหลือของเธอ
เมื่อไฟมอดดับลง เศษซากของหมู่บ้านเหลือเพียงเถ้าถ่านและความเงียบงัน เซี่ยหลันเดินทางต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงด้วยความแค้นที่ยังไม่มอดไหม้ เซี่ยหลันหยุดพักริมธารน้ำเล็ก ๆ ในป่า เธอมองลงไปในน้ำใสที่สะท้อนใบหน้าของเธอกลับมา ใบหน้าที่เคยไร้เดียงสาและอ่อนโยน บัดนี้เต็มไปด้วยความเข้มแข็งและความเงียบเหงาที่ซ่อนอยู่ในดวงตา “มันจบแล้ว หรือข้ายังต้องทำอะไรอีก” เธอพึมพำกับตัวเอง มือข้างหนึ่งลูบผ่านปลายน้ำเย็นเฉียบ เหมือนจะชำระล้างความรู้สึกหนักอึ้งในใจ
ในขณะเดียวกันที่เซี่ยหลันกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ปรากฏเป็นเงาร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นจากความมืดรอบข้าง แต่เซี่ยหลันกลับไม่รู้สึกหวาดกลัว ใครก็ตามที่คิดจะมาเล่นงานเธอ จะต้องรู้ว่ากำลังเจอกับอะไร “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ สาวน้อย” เสียงเย็นยะเยือกถามขึ้น ชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดตา ปรากฏตัวออกมาจากความมืด ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ดวงตาคมกล้าแฝงด้วยความลึกลับ
เซี่ยหลันยืนขึ้น เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ออร่าพลังรอบตัวเขาทำให้เธอรู้สึกได้ถึงอันตราย “เจ้าเป็นใคร” เธอถามกลับอย่างเยือกเย็น มือข้างหนึ่งเริ่มส่องประกายด้วยเปลวไฟอ่อน ๆ เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก “ข้าคือ ไป๋หาน ศิษย์จากสำนักเพลิงวิญญาณ ข้าได้ยินมาว่ามีผู้ใช้พลังไฟคนหนึ่งที่เผาหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านเมื่อคืนนี้ เจ้าคงไม่ใช่คนที่ข้ากำลังตามหาอยู่หรอกนะ”
เซี่ยหลันมองเขาอย่างประม่า “แล้วถ้าเป็นข้าล่ะ เจ้าจะทำอะไร”
ไป๋หานหัวเราะเบา ๆ “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะต่อสู้กับเจ้า แต่ข้ามาที่นี่เพื่อถามว่าทำไม เจ้าเลือกที่จะเดินทางนี้ พลังที่เจ้าใช้ไม่ใช่พลังธรรมดา เจ้าอาจจะไม่รู้ตัว แต่เจ้าได้ปลุกบางสิ่งขึ้นมาพร้อมกับเพลิงบุปผาแล้ว” คำพูดของไป๋หานทำให้เซี่ยหลันชะงัก เธอไม่เคยคิดว่าพลังที่เธอได้รับมาจะมีผลกระทบมากมายขนาดนั้น “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่า พลังของเจ้าไม่ได้มีแค่การทำลายล้าง แต่มันยังดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่เชื่อมโยงกับไฟ เข้ามาหาเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหรือไม่ก็ตาม” ไป๋หานตอบเสียงเรียบ ดวงตาของเขาจ้องมองเธอราวกับจะมองลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเธอ
เซี่ยหลันรู้สึกถึงความหวาดกลัวเล็ก ๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ แต่เธอไม่แสดงออกมาให้ไป๋หานรู้ “ถ้าข้าต้องรับผิดชอบ ข้าก็จะรับมัน”
ไป๋หานพยักหน้าอย่างพอใจ “เช่นนั้นก็ดี ข้าคิดว่าเราอาจจะได้พบกันอีก เจ้าอาจจะต้องการความช่วยเหลือในการควบคุมพลังนั้น และข้าอาจเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเจ้าได้”
เซี่ยหลันไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงแค่เฝ้ามองไป๋หานเดินหายไปในความมืด เธอรู้ว่าคืนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ความจริงที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับพลังของเธอและชะตากรรมที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เซี่ยหลันยืนอยู่ท่ามกลางป่าทึบ ความเงียบสงัดที่โอบล้อมกลับทำให้เธอรู้สึกถึงความเปลี่ยวเหงาที่ไม่เคยจางหายไปจากจิตใจ แม้ว่าเธอจะเผชิญกับความอันตรายหลายครั้งแล้วในชีวิต แต่การพบกับไป๋หานในคืนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่ลึกลับยิ่งกว่าความแค้นที่สุมอยู่ในใจของเธอเอง เธอหันไปมองเส้นทางที่ไป๋หานเพิ่งหายลับไป ความเงียบของเขาทำให้เธอต้องไตร่ตรองถึงคำพูดที่เขาทิ้งไว้
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะต่อสู้กับเจ้า แต่ข้ามาที่นี่เพื่อถามว่าทำไม เจ้าเลือกที่จะเดินทางนี้” เสียงของไป๋หานยังดังก้องอยู่ในหัวเธอ “เพราะอะไรนะ ข้าเลือกทางนี้ เพราะอะไร” เซี่ยหลันกระซิบถามตัวเอง มือของเธอเริ่มสั่นเล็กน้อย ความคิดที่เคยมั่นคงกลับเริ่มสั่นคลอน เธอเคยคิดว่าการแก้แค้นคือสิ่งเดียวที่เธอต้องทำ แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจอีกต่อไป “ข้าต้องทำสิ่งนี้ ข้าไม่มีทางเลือก” เซี่ยหลันพยายามปลอบตัวเอง แต่คำพูดเหล่านั้นฟังดูไร้ความหมายในหัวใจของเธอ
“จริงหรือที่เจ้าไม่มีทางเลือก” เสียงแผ่วเบาและเย็นยะเยือกดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ ทำให้เธอสะดุ้งเฮือก เซี่ยหลันหันกลับไปอย่างรวดเร็ว และพบว่าชายแก่ในชุดสีเทาคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขามีใบหน้าที่แห้งกร้านและตาเล็กแหลมคมเหมือนนกอินทรี
“เจ้า เจ้าคือใคร” เซี่ยหลันถามเสียงสั่น เธอไม่รู้ว่าเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร
“ข้าเป็นเพียงผู้เฝ้าดู” ชายแก่ตอบด้วยน้ำเสียงสงบ “ข้าเฝ้าดูเจ้ามาตั้งแต่วันที่เจ้าได้รับพลังนั้น ข้าเห็นความแค้นในหัวใจของเจ้า และเห็นเจ้าเผาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ข้าสงสัยว่าเจ้าจะสามารถทนรับผลที่ตามมาของการกระทำเหล่านั้นได้หรือไม่”
“ข้าไม่ต้องการคำสอนจากเจ้า” เซี่ยหลันสวนกลับ ดวงตาของเธอเริ่มส่องประกายด้วยความโกรธ “ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร และข้าจะรับผิดชอบต่อมันเอง!”
“ความโกรธของเจ้าเปรียบเสมือนเพลิงที่ลุกโชน” ชายแก่กล่าวช้า ๆ “แต่มันสามารถเผาผลาญตัวเจ้าเองได้หากเจ้าไม่รู้จักควบคุม ข้าขอถามเจ้าหนึ่งคำถาม ถ้าเจ้ามีพลังที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เจ้าจะเลือกทำลายอะไร”
เซี่ยหลันชะงักไป คำถามนี้สะท้อนเข้ามาในใจของเธออย่างลึกซึ้ง “ข้าไม่รู้ บางทีข้าอาจจะทำลายทุกอย่างที่เคยทำร้ายข้า”
ชายแก่พยักหน้าเบา ๆ “แล้วหลังจากนั้นล่ะ เจ้าจะเหลืออะไรให้ตัวเอง”
เซี่ยหลันนิ่งเงียบ คำพูดของชายแก่ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามผลักไสมันออกไป แต่ความจริงก็ยังคงอยู่ เธอไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น “ข้าจะไปจากที่นี่” เซี่ยหลันพูดออกมาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะหันหลังให้ชายแก่ เธอไม่อยากฟังคำพูดที่ทำให้เธอต้องคิดถึงสิ่งที่เธอไม่อยากเผชิญหน้า
“ข้าจะไป ทำไม” เสียงของชายแก่ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่คำถาม แต่เป็นเสียงก้องในความคิดของเธอเอง
เซี่ยหลันเดินออกไปจากที่นั่น รู้สึกเหมือนทุกก้าวที่เธอเดินนั้นหนักขึ้น ความคิดที่เคยมั่นคงกลับกลายเป็นเมฆหมอกที่พยายามบดบังความจริง เธอเคยคิดว่าการแก้แค้นคือคำตอบสำหรับทุกอย่าง แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งที่เธอ
ต้องการจริง ๆ หรือไม่ เมื่อเธอเดินมาได้ไกลพอสมควร เซี่ยหลันหยุดยืนท่ามกลางป่าทึบ ดวงจันทร์ยังคงส่องแสงลงมา แต่ครั้งนี้แสงจันทร์นั้นไม่สามารถปลอบประโลมเธอได้ เธอหันไปมองทางที่เธอเพิ่งจากมา แต่เธอรู้ว่าการกลับไปจะไม่ช่วยอะไร
ตอนนี้เธอต้องเดินทางต่อไป ค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพลังที่เธอมีอยู่ หรือชะตากรรมที่รอคอยเธออยู่ข้างหน้า เซี่ยหลันสูดหายใจลึก ก่อนจะเริ่มก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่ไม่รู้จบ และในใจของเธอมีแต่คำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ เธอจะใช้พลังที่ได้รับมาอย่างไร และท้ายที่สุดแล้วเธอจะเป็นคนเช่นไร
ในขณะที่เธอคิดถึงสิ่งเหล่านั้น เงาร่างของไป๋หานปรากฏขึ้นในความคิดของเธออีกครั้ง เขาเป็นใครกันแน่ และทำไมเขาถึงสนใจเธอมากขนาดนั้น “เราอาจจะได้พบกันอีก” คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหัวของเธอ เซี่ยหลันรู้ว่าการเดินทางของเธอจะไม่ง่ายดาย และเธอจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความลึกลับที่เธอยังไม่รู้ หรือการต่อสู้ที่เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
เซี่ยหลันเดินทางต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถามและความกังวลที่ถาโถมเข้ามา ความแค้นที่เคยเป็นดั่งไฟลุกโชนในหัวใจของเธอเริ่มค่อย ๆ มอดลง แต่ก็ไม่อาจดับสนิท เหมือนกับไฟที่คอยคุกรุ่นอยู่ใต้เถ้าถ่าน หลังจากที่เดินทางผ่านป่าทึบมาหลายวัน เซี่ยหลันก็ได้มาถึงเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในหุบเขา เมืองนี้มีชื่อว่า จิ้งเจา เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการค้า แต่สิ่งที่ทำให้เซี่ยหลันต้องมาที่นี่คือข่าวลือเกี่ยวกับ “พยัคฆ์วายุ” นักรบผู้ทรงอิทธิพลที่ครอบครองพลังแห่งสายลม เขาเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเธอเข้าใจและควบคุมพลังของเธอได้มากขึ้น
เซี่ยหลันเดินเข้าไปในเมือง ผู้คนรอบข้างต่างพากันหลีกเลี่ยงเธอ พวกเขารู้สึกได้ถึงออร่าแห่งความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากตัวเธอ แต่เซี่ยหลันไม่ได้สนใจ เธอมุ่งหน้าไปยังตลาดกลางเมือง ที่นั่นคือสถานที่ที่เธอได้ยินข่าวว่าพยัคฆ์วายุมักจะปรากฏตัว
ในขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ในตลาด เธอก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่คอยจับจ้องมาที่เธอ สายตาที่ไม่ธรรมดา เหมือนกับว่าใครบางคนกำลังทดสอบหรือสำรวจเธอ “เจ้าคงเป็นคนที่มองหา พยัคฆ์วายุ อยู่ใช่ไหม” เสียงนุ่มนวลแต่แข็งแกร่งดังขึ้นจากข้างหลัง เซี่ยหลันหันกลับไปและพบกับชายหนุ่มในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อน เขามีใบหน้าคมคายและดวงตาที่แฝงไปด้วยความลึกลับ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 24
Comments