Throne Of Emptiness
สายลมลูกใหญ่พัดผ่านจากท้องนภาสูง หอบลมหนาวตามฤดูกาลกระทบสรรพสิ่งใต้ท้องนภา ทุ่งหญ้าสีเขียวพริ้วไหวตามสายลมล้มลงคล้ายคลื่นทะเลตามชายหาดทะเล
ความหนาวเหน็บยังคงเพิ่มพูนตามลมหนาวที่พัดพา แม้จะมีอาทิตย์อัสดรมอบแสงแดดยามสุดท้ายทั่วท้องทุ่งหญ้าของมันให้เหล่าชีวิตใต้ธรณี
แต่หากไม่ใช่เพราะแสงสนธณายามฤดูหนาวนั้นอ่อนแอแต่แรกฤดูนี้คงไม่เกิดขึ้นมา
กระทั่งลมหนาวกระทบต้นไม้ใหญ่โดดเดียวบนเนินเขา กิ่งก้านเพียงแกว่งไปมาเล็กน้อย มอบความหนาวเย็นให้บริเวณนั้นแทบจะในทันที
หากมีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ใต้ต้นไม้นั้นพวกมันคงสั่นด้วยความหนาวเหน็บ แต่ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่ง กลับยังคงหลับตาอย่างสงบและฝ่ามือสองข้างพนมมือไว้บนหน้าอก
เขายังยืนอย่างสงบ ไม่ขยับไปไหนตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยามรุ่งสาง ดวงอาทิตย์กึ่งกลางศรีษะ และดวงอาทิตย์ยามสนธยา เปร่งแสงยามสุดท้ายของวันจนย้อมทุกสิ่งเป็นสีส้มแสด
จนกระทั่งสายลมลูกใหญ่พัดผ่านกระทบร่างในชุดสูทสีดำ ใต้เสื้อโค้ทตัวใหญ่ เปลือกตาสองชั้นขยับเปิดในตาสีฟ้าสดใส
ในตาดูพร่ามัวเล็กน้อย ก่อนเพ่งสายตาจ้องมองวัตถุเบื้องหน้า
เป็นก้อนหินสีขาวรูปลักษณ์สถานปัตยกรรมเป็นไปในรูปแบบประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นลักษณะคล้ายเจดีย์แต่มีความเป็นเหลี่ยมมากกว่า โดยสลักอักษรภาษาไทยหนึ่งก้อนและภาษาแถบชนชาติยุโรปอีกหนึ่ง โดยมีแปรงดอกไม้ดูแลอย่างดีหลากสีสันห้อมล้อม ลักษณะอาจแปลกประหลาด แต่หากทราบถึงตัวตนจะรู้ว่ามันคือ..
สุสาน!
สุสสนอันใส่อัฐิของผู้เป็นที่รักของตนไว้ ยามนี้คนทั้งสองที่เคยรักกัน ได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบ ดังความปรารถนาของสองคน ที่เคยให้ไว้ในยามชีวายังไม่มอดดับลง และคนทั้งสองคือผู้สำคัญคุณที่สุดในชีวิตของตนเช่นกัน
เขาเพียงจ้องมองอย่างสงบไปยังสุสานทั้งสองอันถูกย้อมด้วยแสงสนธณาสีส้ม ก่อนนั่งลงวางขาแนบชิดติดกัน ฝ่ามือคู่นั้นนำมาประกอบลงกันอีกครั้ง ก่อนก้มลงกราบด้วยท่วงท่าสง่างามสามครั้ง
"ขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอดครับ"
เขากล่าวเสียงเรียบนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ก่อนลุกขึ้นจากพื้นปูก้อนหิน หันสายตามองต่ำยังขั้นบันไดปูหิน ก่อนกล้าเดินไปตามทางปูหิน
ลมหนาวยังคงพัดผ่าน มันพัดผ่านจนทุกสิ่งพริ้วไหวตามแรงลม ความหนาวเย็นยามสนธณานับว่า เย็นเสียจนยามเที่ยงวันเทียบไม่ได้เลย แม้อาจยังน้อยกว่ายามรุ่งสางก็ตาม
แต่เขากลับยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สั่นคลอน ท่าทีอาจเป็นไปอย่างสบายๆ แต่เขายังคงเร่งความเร็วรีบกลับเข้าไปในบ้านของตนโดยเร็ว
ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกหนาวเย็นมากนัก แต่เพื่อเตรียมการสำหรับการมาถึงของแขกรับเชิญที่จะมาถึงในยามค่ำคืน จากสถานะปัจจุบันของบุคคลดังกล่าวเห็นทีการไม่เตรียมการสิ่งใดเลยคงเป็นสิ่งเสียมารยาท
เพียงจากการคาดคะเนในระยะสายตาของเขา การเตรียมการที่เขาคิดจะทำและความเร่งรีบในเวลานี้คงไม่จำเป็นอีกแล้ว
"อรุณสวัสดิ์ คุณวันเพ็ญ"
เสียงเรียกจากตัวตนที่เขาค้อนข้างรู้จักดีทั้งจากในสื่อสังคมออนไลน์ โทรทัศน์ โปรเตอร์ นิตยสาร หนังสือ ฯลฯ แม้จะไม่เคยเจอตัวเป็นๆ แต่รับรู้ตัวตนนั้นเป็นที่แน่ชัดของคนส่วนใหญ่ของสังคมอย่างชัดเจน เพราะเธอผู้นี้คือ..
"อรุณสวัสดิ์ยามเย็น มาดาม.ควีน - ลูนาเลีย"
เขาโค้งคำนับเล็กน้อย กล่าวเสียงเป็นมิตร โดยมีรูปลักษณ์ของสตรีคนดั่งกล่าวในดวงตาสีฟ้าคราม
สตรีผมเงินยาวสลวย เธองกงามแบบสง่างาม เธอมีใบหน้าเรียวบางผิวขาวน้ำนม ตาสีฟ้าใสเกินปกติราวกับทะเลสาบใสสะอาดบนที่ราบสูง จมูกโด่งเป็นทรงสวย ริมฝีปากไม่หนาหรือบางเกินไป รูปลักษณ์ของเธอโดดเด่นและสง่างาม มีลักษณะคมกริบแปลกประหลาด เป็นลักษณะของ..ของความขี้เล่นของเด็กสาว?
เธอยิ้มกระจ่างใส เหมือนตามสื่อที่มีภาพเด่นชัดของเธอ
"คุณไม่จำเป็นต้องโค้งคำนับฉันอย่างนั้นก็ได้ ในวันนี้ฝ่ายที่ดูเหมือนต้องมารบกวนดูท่าจะเป็นทางฝั่งนี้มากกว่า"
เขาพยักหน้ารับ ก่อนกล่าวถึงสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ
"ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าคุณต้องการพูดคุยเกี่ยวกับรัฐบาลและอีกหลายฝ่าย สำหรับการขอทำการเปิดตัวสำหรับโครงการธุรกิจที่จะกระทำไม่ใช่หรือ? แถมหลังจากนั้นคงมีนัดกับอีกหลายฝ่าย การจะมาหาฉันหลังจากนี้ยามดึกหรืออีกวันก็ย่อมเป็นไปได้ไม่ใช่หรือ?"
ควีนยิ้มกว้างเผยลักยิ้ม ดวงตาคล้ายส่องประกายเล็กน้อยในความรู้สึกของเขา แม้ถูกเสียงสนธยาสีส้มเข้มปิดทับเป็นฉากหลัง
"อืม เรื่องนั้นฉันสามารถบอกได้ เพียงแต่.."
ลมหนาวลูกใหม่ซัดกระทบร่างของบุคคลทั้งสองผู้กำลังสนทนากัน มันสามารถสร้างการสั่นไหวบนร่างของสตรีผู้ร่ำรวยที่สุดบนโลกคนปัจจุบันได้ แม้สวมโค้ทตัวหนาแล้วก็ตาม
"เรามาคุยในสถานที่อื่นเถอะ"
ดวงตาคู่นั้นเพียงจดจ้องดอกไม้ ต้นหญ้า วัชพืช และต้นไม้อันสั่นไหวจากแรงลมหนาว โดยมีฉากหลังเป็นแสงสนธยา
เขาเองก็ต้องการให้เป็นแบบนั้นเช่นกัน เพียงกล่าวว่า "ตามผมมา" ก่อนเดินข้างควีนแล้วนำหน้า ให้เธอและเหล่าบอดี้การ์ดชุดดำตามเข้าบ้าน
....
"นี้ครับ" เขาวางแก้วกาแฟดำราคาแพงสุดๆ จากต่างประเทศที่ถูกนับว่าเป็นของชั้นยอด
แน่นอน ถ้าถามว่าความแพงกาแฟในประเทศไทยก็มีสิ่งที่นับว่าแพง แถมยังแพงที่สุดบนโลกนี้ด้วย เพียงแต่การให้ของแบบนั้นกับเธอมันอาจเป็นสิ่งไม่สมควรเท่าไหร่นัก จากวิธีการทำของมันก็..
"ขอบคุณ" เธอเพียงหยักหน้าก่อนถือเเก้วกาแฟไปดื่ม ท่าทางเป็นไปอย่างเงียบง่าย
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจับจ้องไปที่สตรีเบื้องหน้าอย่างไม่กระพริบ แต่มิได้รู้สึกกดดันกับสิ่งใดมาก เพราะอย่างไรเสียการมานั่งคิดวิเคราะห์ถึงสาเหตุการนักพบตนอย่างผิดวิสัย คงเป็นที่เธอต้องบอกในธุระครั้งนี้ และถ้านั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับข่าวลือที่ตนได้ยินมาตลอด ก็สามารถคาดเดาได้สาเหตุอย่างแน่ชัด แต่ถึงอย่างนั้นการได้ฟังมาจากปากโดยตรงแทนการได้ฟังจากข่าวลือ คำบอกเล่าของผู้อื่น หรือสิ่งที่ตนคิดไปเอง ย่อมเป็นการดีกว่าและเป้าหมายก็มิได้ยากเย็นอาจมากแค่รอฟังจากปากโดยตรง
แต่ผิดคาด การดื่มด่ำกับกาแฟของเธอกับยาวนาน ถ้าให้แน่ชัดคือไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่นั่งแล้วแอบจับจ้องอีกฝ่าย เธอเองก็กำลังทำการดื่มกาแฟอย่างช้าๆ แล้วมองตนด้วยแผ่วตาครุ่นคิดเช่นกัน
แม้เขาจะรู้สึกว่าพฤติกรรมของควีนนั้นแปลกประหลาด เพราะฝ่ายที่ควรมานั่งพิจารณาถึงเป้าหมายของอีกฝ่ายนั้นคือ ตน ไม่ใช่! เธอ ระหว่างสงครามสายตาที่กำลังดำเนินไปเป็นเวลานานผิดปกติ
แก้วกาแฟถูกวางลงบนจานเล็กๆ ฝ่ามือสองข้างวางลงบนโต๊ะ ก่อนวางคางลงบนฝ่ามือที่ประสานกัน
"ขอบคุณสำหรับกาแฟ คุณวันเพ็ญ"
พริบตานั้นบรรยากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงไป หากก่อนหน้า ควีนคือสตรีผู้มีบรรยากาศรอบตัวดูอบอุ่นอ่อนโยน และเข้าถึงง่าย บรรยากาศของเธอปัจจุบันกลับดูเป็นหยิ่งผยอง ขี้เล่น และแสดงท่าทีเหนือกว่าเต็มประดา
แต่เขากลับเพียงเพ็งมองด้วยแผ่วตาและสีหน้าสงบ โดยยังคงยิ้มให้เธอ
"มาดามควีนผู้โด่งด่งมาทำอะไรที่นี้มิทราบ?"
เขาเพียงถามเข้าตรงประเด็น เหมือนดั่งหมัดเด็ดตรงประเด็นเข้าไปยังคางคู่ต่อสู้ ป้องกันไม่ให้ควีนทำเสียเวลาเรื่องใดเพิ่มเติม
"ฉันมาหาคุณ แค่นั้นแหละ" พริบตานั้นบรรยากาศตัดเข้าสู่ความเงียบงัน
วันเพ็ญมองควีน
....
ควีนมองวันเพ็ญ
....
ท่ามกลางบรรยากาศห้องรับแขก เวลาไหลผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์และเงียบงัน
เริ่มมีบุคคลทนไม่ไหวและเปิดปากพูดออกมา เป็นบุคคลที่สามที่ได้อยู่ในห้อง
เธอกระแอมสองหน หันหน้าจ้องมองสตรีผมเงินตรงเก้าอี้ไม้และกล่าว
"ท่านประธาน ดิฉันว่ามิสเตอร์วันเพ็ญ มีบ้างสิ่งที่ต้องการคำยืนยั่นจากคุณนะคะ"
ฟู่ว..วันเพ็ญถอนหายใจเงียบงัน
มันเองก็สงสัยเหตุผลที่ควีนทำเรื่องเสียเวลาแบบนี้ไปทำไม
ควีนเพียงหันสายตาไปมองยุนนาฮีน ก่อนพยักหน้า และกล่าวเสียงเรียบ
"ฉันคงทำเรื่องไร้สาระจริงๆ ละนะ ในมุมมองคุณ"
เธอเปล่งประโยคมีความหมายแฝง ก่อนชูกำปั้นข้างขวาขึ้นมา ก่อนชูนิ้วมือขึ้นมาหนึ่งนิ้ว
"1.ฉันต้องการให้คุณกลับมาเร็วเกม VR ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่ช้า 2.ฉันต้องการใครบ้างคนมาเล่นโค้ตเบต้าก่อนตัวเกมเปิดออกมา 3.ฉันต้องการให้บางคนมาโปรโมทเกมที่กำลังจะออกมาใหม่ ทั้งยังต้องมีชื่อเสียงโด่งดังมากพอ 4.ฉันแค่อยากมาให้คู่มือเกมบ้างอย่างกับคุณ ออ..ใช่และอย่างสุดท้ายสำคัญที่สุด.."
นิ้งแล้วนิ้วเหล้าถูกยกขึ้น ก่อนนิ้วโป้งถูกยกขึ้นกลายเป็นห้านิ้ว
"5.ฉันแค่อยากมาเจอคุณนะ"
จันทร์เพ็ญเหลือบมองควีนสองวิ ก่อนกล่าว
"ถ้าเป็นปัญหาในข้อ 1-3 ฉันพอเข้าใจ เพราะข่าวลือนับว่าหนาหูมากกับการเปิดตัวเกมใหม่ของพวกคุณ ทั้งการหาคนมาพรีเซ็นเตอร์ให้เหมาะสมกับงานก็นับเป็นตัวช่วยในการโปรโมทที่ยอดเยี่ยมหากปล่อยสู่สาธารณชน โดยเฉพาะการชักชวนอดีตโปรแกรมเมอร์อันดับ 1 ของโลกอย่างฉันมาแล้วด้วย เรื่องนั้นคงสามารถให้พวกสื่อเล่นตามได้ไม่ยาก เพียงแต่.."
เขาเว้นวรรค
"ข้อ 4 กับ 5 นี่มันอะไรของคุณ!" เขากล่าวเสียงดังด้วยน้ำเสียงสงบ
"ออ! เรื่องนั้น" เธอพูดจนมีนิ้วมือสองข้างกางออก ปกปิดปากที่เปิดออก ท่าทางเป็นไปอย่างเกินจริงไปมาก
"เรื่องนั้นฉันจะบอกให้แบบฟรีๆ เลยก็ได้ เพียงแต่อย่าเอาไปบอกใครต่อล่ะ"
ศอกซ้ายวางลงบนโต็ะ ก่อนใช้เป็นที่พิงศีรษะ ส่วนมือขวาขยับเล่นหมุนวนกลางอากาศ เธอกล่าว
"คู่มือเกมที่ว่ามันเป็นหนังสือที่ฉันได้รับมาจากตาแก่ดื้อรั้น เอาแต่ใจ และหัวหมอคนหนึ่ง โดยสิ่งนั้นมันกลับไม่ได้มีประโยชน์มากมายอะไรกับฉันแล้ว การเก็บไว้คงมีแต่วางไว้ตรงมุมห้องปล่อยให้ฝุ่นเกาะ ซึ้งพอคิดอย่างนั้นฉันก็เสียดายมากมากมากมากและมาก เพราะในอดีตก็เคยใช้งานมาอยู่เช่นกัน"
เธอเปร่งประโยคท้ายบทอย่างเสียงดัง
"โดยถ้าเป็นแบบนั้นฉันขอเอาไปให้คนอื่นเพื่อก่อประโยชน์จะไม่ดีกว่าเหรอ? ดั่งสำนวนที่ว่า 'ของไร้ประโยชน์สำหรับบางคน อาจจะมีประโยคยิ่งกว่าสิ่งมีค่าที่สุดที่บุคคลนั้นทิ้งมาก็ได้' เพราะฉะนั้นฉันเลยเลือกคุณยังไงล่ะ ถือเป็นของสินบนสำหรับการร่วมงานของพวกเรา"
ควีนเว้นวรรค
"โดยเหตุผลข้อที่ห้านั้นคือ..." เธอกล่าวพร้อมกับลากเสียงยาว วางมือสองข้างลงบนโต๊ะ พร้อมกับหันศีรษะมองตรงมาทางตน ทำให้ดวงตาสองคนนั้นสบกันอย่างมิอาจเลี่ยง
"ฉันแค่ชอบคุณ และเป็นแฟนคลับด้วย"
เธอรีบกลับประโยคหลังเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
"อะแฮ่ม ว่าไงดีละ ถ้าจะให้พูดก็คงเป็น.."
วันเพ็ญจดจ่ออยู่กับประโยคถัดไป จากปากของควีน
"ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในช่วงประวัติศาสตร์ มีสื่อบันเทิงมากมายหลากหลายเรื่อง และช่วงก่อนการทำลายล้างอารยธรรมจากภัยพิบัตินั้นด้วย เพียงแต่การได้เห็นคุณแสดงความนิยมชมชอบอย่างซื่อตรง ในสื่อบันเทิง อนิเมะ นิยาย หนัง ในช่วงเวลาที่คนอื่นอาจหาว่าโบราณและลืมเลือนไปแล้ว แต่คุณยังคงชอบมันต่อไป โดยแม้ฉันจะเสพสื่อมามากมาย แต่ความทรงจำนั้นยังคงเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของฉัน... คุณมีความชื่นชอบต่อสิ่งนั้นและการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นอีก ฉันจึงชอบคุณมากเลยละ"
ดวงตาของควีนหันเหออกไปเพียงก้มลงบนโต๊ะเบื้องล่าง
คนมีรสนิยมเดียวกันสินะ.. วันเพ็ญสรุปประโยคนั้นภายในใจ
ทันใดนั้นมันเข้าใจสาเหตุข้อที่ 5 กลับคำกล่าว 'ฉันแค่อยากมาเจอคุณน่ะ' ในทันที
ท่ามกลางความเงียบงันอันเปลี่ยนไปด้วยอารมณ์ยางแปลกประหลาด ควีนเป็นคนเปิดบทสนทนาต่อไป
"ด้วยเหตุฉะนี้ ฉันจึงอยากมอบหนังสืออันมีจำนวนเล่มเท่ากับ 'พระอภัยมณี' ของไทย แถมยังมีหน้าโดยเฉลี่ยพอๆ หนังสือที่ยาวที่สุดของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยทีเดียว"
ขนาดพูดเช่นนั้น เธอก็ตบมือเสียงดัง ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่ม
เหล่าบอดี้การ์ดชุดดำตัวใหญ่หลากหลายคน เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ
"มันมีชื่อหนังสือว่า 'ประสบการณ์ 500 ปี' ถือเป็นของขวัญสำหรับการพบกันระหว่างพวกเรา"
เธอกล่าวก่อนลุกขึ้นยืน ท่าทางคล้ายต้องการออกไปจากสถานที่แล้วนี้..
"ดี แล้วสัญญาละ?" เขาดักถาม
เธอเพียงจดจ้องตนด้วยท่าทีตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนปรับท่าที
"ฉันเพียงให้ให้คู่มือเกมนั้นหวังว่าคุณจะได้ลองอ่านและทำความเข้าใจก่อนเริ่มต้นการทำสัญญาของเรา โดยคิดให้ดีเสียก่อน"
"...?"
เธอมอบด้วยสายตาและรอยยิ้มสง่างามคล้ายแฝงบางอย่างในรอยยิ้ม
"ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เพราะฉะนั้นฉันขอตัวก่อนละ"
ขนาดกล่าวเช่นนั้นยุนนาฮีนำเสื้อโค้ตตัวหนามาสวมทับชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ วันเพ็ญพยักหน้าตอบลุกขึ้นมาส่งควีนที่หน้าประตูบ้าน
สายตาจับจ้องมองกลุ่มของควีนที่กำลังเดินห่างออกไป
"ออ ใช่แล้ว" ควีนกล่าวคล้ายนึกอะไรได้ ก่อนหันกลับมาโบกมือทักทาย กล่าวเสียงดัง
"ราตรีสวัสดิ์ วันเพ็ญ"
เขายกมุมปากก่อนตะโกนน้ำเสียงสงบ
"ราตรีสวัสดิ์เช่นกัน ควีน"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทักทายตอบ ควีนเผยรอยยิ้มกว้าง
"ยินดีที่ได้พบกัน.."
พวกเขาไม่กระทำสิ่งใดต่อ เพียงทำตามสิ่งที่ควรทำในเวลานี้ วันเพ็ญจ้องมองภาพของกลุ่มควีนหายลับตาไปจากการมองเห็น จึงปิดประตูล็อคกลอน กลับเข้ามายังตัวบ้าน
ขนาดกำลังเดินไปเก็บแก้วกาแฟถ้วยเปล่า แล้วมาศึกษากับหนังสือในกล่องจำนวนมากมาย แต่สิ่งที่สะดุดตากับเป็นซอกสีน้ำตาลวางบนโต๊ะ
เขาเพียงเดินเข้าไปใกล้ก่อนพบกับคำจ่าหน้าซอง 'ของขวัญอีกชิ้นนะ' เห็นเช่นนั้น เขาจึงเปิดมันออกมา สำรวจวัตถุภายใน หลังนั่งบนเก้าอี้
เป็นภาพถ่ายจำนวนมากมาย บางเป็นภาพประตูรั้วขนาดใหญ่ บางเป็นภาพของทุ่งโล่งจากภายในรถ บางเป็นภาพของตัวบ้านแบบโมเดิร์น บางเป็นภาพทางเดินหิน บางเป็นภาพทุ่งในยามเที่ยง ยามบ่าย และยามเย็น และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด
เป็นภาพแผ่นหลังของบุคคลผู้ยืนอย่างสงบเป็นเวลานานหน้3าต้นไม้ใหญ่บนเนิดเขา
ภาพเหล่านี้มีองค์ประกอบร่วมกันชัดเจน 2 อย่างคือ มันเป็นภาพปกติ และภาพที่มีควีนเป็นส่วนประกอบร่วมด้วย โดยมีภาพหนึ่งผิดแผกไปจากภาพอื่น
ภาพเด็กหนุ่มร่างสูง ผมสีดำยาวสลวยและดวงตาสีฟ้าสดใส รูปร่างล่ำสัน ผิวข้าวสาลี บรรยากาศรอบตัวสงบและอ่อนโยน แม้จะยังดูเด็กจากใบหน้าอ่อนเยาว์ ทั้งมีลักษณะของลูกครึ่งบนใบหน้าชัดเจน เป็นภาพเมื่อประมาณ 5 ปีก่อนตนเลิกเล่นเกม VR นั้น
เมื่อเห็นเช่นนั้น วันเพ็ญอดกั้นหัวเราะไม่ได้ เขายิ้มกว้าง ส่ายศีรษะไปมา
"เป็นผู้หญิงขี้เล่นตามข่าวลือจริงๆ"
วันเพ็ญนั่งมองภาพเป็นเวลานาน ก่อนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ไม้ เดินไปทางประตูเลื่อนกระจกพร้อมเปิดมันออกไปข้างนอก หันศีรษะจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาวพราวพายมากมาย โดยมีพระจันทร์เต็มดวงเป็นฉากหลังส่องสว่างต่อสรรพสิ่งอย่างอ่อนโยนงดงาม เป็นแบบนี้เสมอมาและเสมอไป
เฮ่อ
"พ่อครับแม่ครับ ดูท่าผมกลับมามีเป้าหมายในชีวิตอีกครั้งแล้วครับ"
วันเพ็ญจ้องมองบรรยากาศดั่งกล่าว
"อนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงนะ" เขาพึมพำเสียงแผ่ว
ดวงตาคู่นั้นปิดสนิทอย่างเชิงช้า พร้อมคิดถึงอนาคตเบื้องหน้าในทุกลมหายใจ
มันเป็นคำถามไร้คำตอบยังก้องอยู่ภายในหัวใจ เขาไม่อาจจินตนาการถึงอนาคตที่จะเผชิญได้ในอนาคต ภาพอนาคตเบื้องหน้าที่เขามองเห็นกลับยังไม่ปรากฏออกมากันนะ
เพราะสิ่งที่เขามองเห็นกลับดูมืดมิดอย่างไร้ที่สิ้นสุด
...
ลา! ลา! ลา! ลา!
เสียงพึมพำคล้ายเสียงร้องเพลงดังจากปากของวัยรุ่นผู้เริ่มมีลักษณะของสตรีวัยกลางคนอยู่หลายส่วน เป็นท่าทีไม่สมควรกับคนที่บ่งว่าหนาวเลยสักนิด
ยามนี้เธอกำลังเดินกลับโดยมีกลุ่มบอดี้การ์ดห้อมล้อม โดยบ้างทีเธอขยับไปซ้ายที! ขวาที! หมุนตัวที! ขยับในท่วงท่าที่ผู้อื่นไม่คิดว่าเธอจะกระทำ คล้ายเต้นรำแต่ห่วยแตกกว่ามาก
แต่ดูเหมือนกลุ่มคนโดยรอบกับชินชาในท่าทีดังกล่าว พวกเขาเพียงก้มหน้าก้มตาทำงานของตน ถึงอย่างนั้นก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าท่าทีของเธอวันนี้ดูคึกเป็นพิเศษ
"ท่านประธานของที่คุณให้กับมิสเตอร์วันเพ็ญ มันคือสิ่งใดหรือคะ"
ยุนนาฮีนถามสิ่งที่เธอสงสัย รวมถึงเหตุผลของการมาเสียเวลาที่นี้ไปถึงเกือบครึ่งวัน แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงสุดยอดตัวตนผู้เคยทำลายสถิติมากมาย และสร้างสถิติใหม่ที่ยังไม่มีผู้ใดทำรายได้ของเกมออน์ไลน์อันดับ 1 อย่าง 'วัฏจักรนิรันดร์ถึงจุดจบ' แต่ถึงอย่างนั้นท่าทีของควีนกลับเป็นการรออย่างสงบ ไม่ต้องการขัดขวางสิ่งที่วันเพ็ญกำลังทำ แม้สามารถทำได้ แม้มีเหล่าบอดี้การ์ดถึงตัวเธอเสนอ แต่สิ่งที่ทำกลับเป็นเพียงการรออย่างสงบจนกว่าอีกฝ่ายจะทำเป้าหมายของเขาให้สำเร็จ
"การขัดขวางคนที่มีเป้าหมายอันแน่วแน่และแน่นชัด เป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำแม้ทำได้ก็ตาม เพราะผู้คนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่หย่อนยานกับสิ่งที่ตนทำ ไม่แน่วแน่กับสิ่งที่ตนสนใจ ฉะนั้นการเจอคนที่สนใจกับสิ่งที่ตนทำอย่างมุ่งมั่นจึงเป็นสิ่งพิเศษมากเลยละ... พิเศษสุดๆ"
เธอห้วนนึกถึงคำกล่าวของท่านประธานช่วงยามบ่าย มันคล้ายกับวลีที่เธอเคยได้เห็นจากสมุดโน้ม 'บทพูดสุดเท่' ของท่านประธาน บางทีเธออาจไปก็อปมาจากไหนอีกก็ได้
ก่อนเหลือบมองหัวหน้าบอดี้การ์ด ยาสซีน แต่เขาเพียงพยักหน้ากับตน
"เรื่องนั้น.." ควีนหันไปด้านซ้ายของตนก่อนยกยิ้มมุมปาก
"มันเป็นหนังสือชื่อ 'ประสบการณ์ 500 ปี' โดยเนื้อหาด้านใดไม่สมควรถูกเรียกว่าคู่มือเกม ถ้าเรียกให้ถูกมันคือ เนื้อหาเศษเสี้ยวของตัวเกม"
เหล่าบอดี้การ์ดโดยรอบพากันหยุดชะงัก บางคนถึงกับอ้างปากค้าง ทางด้านยุนนาฮีกรามของเธอแทบอ้าค้างจนเป็นต้นเหตุอาการปวดในอนาคต ไม่เข้ากับใบหน้างดงาม และท่าทีของเลขาประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เสียเลย
เพราะเธอรู้.. รู้ว่าต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวข้อมูลเกมในอนาคตที่กำลังจะเปิดตัวมันย่อมมีมูลค่ามหาศาล ต่อให้นั้นเป็นจำพวกข้อมูลเบ็ดเตล็ดไร้ค่ามากมาย ที่แม้ในตัวเกมจะหาพบได้ง่ายดายแต่ถ้าหากมันหลุดออกไปสู่โลกภายนอกก่อนเวลาอันควร มูลค่าของมันย่อมมิอาจประเมินค่าได้ หรือต่อให้เก็บเอาไว้พร้อมเผยแพร่ทีละนิดหลังเริ่มเกม จนยืนยั่นความถูกต้องของเนื้อหามูลค่าก็ยิ่งมหาศาลไปอีก ไม่ว่าจะคิดทางใดเธอก็เพียงคิดได้แต่..หายนะ!
แบบนี้ไม่ดีสุดๆ ไปเลย เธอไม่ได้ผิดถึงเหตุการณ์ข้อมูลนั้นมันผิดได้ เพราะผู้ที่ยื่นให้โดยตรงคือ ประธานของตัวเกมเอง
"แบบนี้จะไม่เป็นอันตรายหรือคะ" เธอผุดถามตามสัญชาตญาณ
"ไม่!" ควีนตอบอย่างมั่นใจ
"ถ้ามิสเตอร์วัญเพ็ญ นำข้อมูลดังกล่าวไปหาประโยชน์ อุดมคติของบริษัทให้ผู้เล่นใช้ฝีมือของตนเองก็จะหายไป ลงเหลือแต่เพียงกลุ่มคนมีเงินเท่านั้นที่ได้ประโยชน์"
แม้กำลังร้อนรนแต่เธอก็อธิบายปัญหาทั้งหมดด้วยเหตุผลอันสมควร เพราะยังไงเสียตำแหน่งของเธอก็คือ เลขา ประธานบริษัทอันดับ 1 ของโลก การขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ย่อมมีความสามารถมากล้นเป็นธรรมดา
"ยุนนาฮีน" ควีนจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาล ด้วยมาดเข้มขรึมและเอาจริงเอาจัง
"ฉันเชื่อว่าการมองคนของฉันในครั้งนี้ของฉันไม่ได้ผิดพลาดอะไร? และปัญหาครั้งนี้ตาแก่ก็รับรู้แล้วเช่นกัน หรือต่อให้อีกฝ่ายนำข้อมูลในหนังสือออกไปเผยแพร่ ทางบริษัทก็ได้รับประโยชน์บ้างอย่าง"
"คุณพ่อของท่านประธานรับรู้หรือคะ"
"ถูกต้อง" ควีนพยักหน้ารับ
"ถึงอย่างนั้นการนำไปเผยแพร่นี้มันก็.." เธอเปร่งเสียงอ่อน
"ไม่ต้องห่วง" ควีนกล่าวตอบ
"ด้วยบุคลิกภาพของเขา การนำมันไปขายย่อมเป็นสิ่งที่ไม่กระทำ หรือต่อให้เขาทำมันจริงๆ เราก็มีวิธีจัดการปัญหาได้ไม่ยาก"
เมื่อคิดถึงความชื่นชอบที่ท่านประธานมีต่อวันเพ็ญ เธอไม่คิดใช้หัวข้อวัญเพ็ญเป็นประเด็นของปัญหา
"แล้วถ้าบุคคลภายในนี้นำข้อมูลไปเผยแพร่ละค่ะ ว่าท่านประธานนำข้อมูลตัวเกมไปให้แก่คนภายนอก มันจะไม่ก่อความเสียหายร้ายแรง"
นั่นคือประเด็นปัญหาที่เธอต้องการชี้ เพราะแม้ข้อมูลหลุดลอยออกไปสู่โลกภายนอก แต่วิธีการหลุดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาในคราวนี้..
"ออ เรื่องนั้น" ควีนกล่าวคล้ายฉุดคิดถึงบางอย่าง
"ประเด็นปัญหาอันแสนไม่สำคัญ ฉันไม่เคยคิดถึงมันเลย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงมันคงไม่ยากนักหรอกแค่ปัดกวาดทิ้งไม่กี่ทีก็คงจบหมดแล้วละ"
ประโยคดังกล่าว แม้ควีนพูดด้วยเสียงอ่อนโยน ทั้งแสดงสีหน้าและท่าทีของเธอแสนผ่อนคลาย แต่กลับสร้างความหวาดหวั่นในใจเธอเป็นอย่างมาก เป็นความกลัวอันแปลกประหลาด
"สำหรับเขา บางทีสิ่งนี้อาจจะมีประโยชน์กับเขาในปัจจุบันอย่างมากหรืออาจไม่ใช่เลย ทั้งอาจจะเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับเขาอย่างมาก หลงเหลือเป็นเพียงสิ่งของที่มีความทรงจำร่วมกันบางอย่าง"
เธอมิอาจทำความเข้าใจคำกล่าวนั่นได้แน่ชัด มีเพียงหัวสมองที่ขาวโพลน
"เรารีบไปกันเถอะ ทางบริษัทตอนนี้คงกำลังเตรียมงานกันอยู่ มาเสียเวลาเพิ่มขึ้นแล้วจะได้ประโยชน์อะไร" ควีนเก้าเดินออกไปเป็นคนแรก
"ค่ะ" เธอตอบรับด้วยความคิดเลื่อนลอย
พยายามเดินตรงไปกลับไปพักผ่อนยังที่พัก แต่เพียงหยุดชะงักเพราะควีนหยุดอยู่กับที่ พร้อมหันหลังกลับไปมองขึ้นไปบนท้องฟัาอันเต็มไปด้วยดวงดาว เธอจ้องมองเป็นเวลาแสนนานมิได้ขยับเขยื้อน ก่อนโปร่งเสียงหัวเราะออกมา
"ฮ่าฮ่าฮ่า"
"มีอะไรหรือคะ" เธอถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ"
"ค่ะ"
รอยยิ้มนั้นยังคงประดับอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน พวกเขาเพียงเดินจากทุ่งโล่งกว้างอันมีลมหนาวเหน็บพัดผ่าน แต่ถึงอย่างนั้น.. ดวงดารายังคงเปล่งแสงอันอ่อนโยน ส่องประกายอย่างเจิดจ้าเป็นฉากหลัง
คล้ายกับอำนวยอวยพร หรืออาจไม่ใช่กันนะ?
____
(จบปฐมบท-ตอนที่ 0)
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments