(ฉบับแก้ไข)
เสียงลมพัดแผ่วเบา แสงแดดยามเช้าทอแสงลงบนหลังคาของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาอันเงียบสงบ
หมู่บ้านนี้ชื่อว่า"ยามาคาวะ" ตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงของอาณาจักรและยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสงบสุข แม้โลกภายนอกจะถูกปกคลุมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย แต่ที่นี่กลับดูเหมือนเป็นดินแดนที่ถูกลืม
ในบ้านไม้หลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ริมหมู่บ้าน ชายผู้หนึ่งกำลังฝึกซ้อมดาบในลานบ้านของเขา ท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มแรงขึ้น ชายคนนี้คือ "แบ็คซีโร่" ซามูไรผู้มีรูปร่างกายคล้ายมนุษย์ แต่มีลักษณะเด่นที่ทำให้เขาแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ขนของเขานุ่มฟูและเป็นสีขาวดำที่โดดเด่น หูของเขายาวและตั้งขึ้นเหมือนแมว สะท้อนถึงการรับรู้ที่ไวต่อเสียงรอบตัว ดวงตาของเขาคมกริบและมีแววตาที่สามารถมองทะลุจิตใจของคนได้ หางยาวที่แกว่งเบา ๆ ตามจังหวะการเคลื่อนไหวของเขา แบ็คซีโร่ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้โดยกำเนิด แต่เขาได้มาอาศัยอยู่ที่นี่หลังจากสงครามครั้งหนึ่งที่ทำให้เขาต้องหลบหนีจากอดีต
แบ็คซีโร่เป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใครในหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านต่างก็เคารพเขาเป็นอย่างมาก เนื่องจากครั้งหนึ่งเขาเคยช่วยปกป้องหมู่บ้านจากโจรป่า ผู้คนจึงมองเขาเป็นฮีโร่ที่เงียบสงบ ผู้ซึ่งไม่เคยเรียกร้องอะไรตอบแทน
เช้าวันนี้เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา แบ็คซีโร่ฝึกซ้อมดาบอย่างเคร่งครัด ขนสีขาวดำของเขาแวววาวท่ามกลางแสงแดด ทุกการเคลื่อนไหวของเขานุ่มนวลและแน่นอน หางของเขาช่วยในการทรงตัวและเสริมความมั่นคงให้กับท่วงท่าที่ซับซ้อน เขายังคงฝึกฝนทุกท่วงท่า ทุกการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ แต่ในใจของเขา กลับมีเสียงหนึ่งที่ไม่เคยเงียบหายไป นั่นคือความทรงจำที่เจ็บปวดจากสงครามในอดีตที่เขาพยายามหลีกหนี
หลังจากฝึกซ้อมเสร็จ แบ็คซีโร่วางดาบลงข้างตัว หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า จากนั้นเขาก็นั่งลงใต้ต้นซากุระที่กำลังผลิบาน หางของเขาพันรอบตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ เสียงนกขับขานและลมพัดผ่านทำให้ทุกอย่างดูสงบสุข แต่ในใจของแบ็คซีโร่ เขารู้ดีว่านี่เป็นเพียงความสงบชั่วคราวเท่านั้น โลกภายนอกกำลังเปลี่ยนแปลง และเขาเองก็ไม่สามารถหนีจากชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงได้
“ทุกอย่างจะคงอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหนกัน...” แบ็คซีโร่คิดในใจขณะที่มองดูดอกซากุระที่ปลิวว่อนในสายลม
ท่ามกลางความสงบนี้ ความหวาดหวั่นในใจของเขาก็ยังคงมีอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายได้ ราวกับว่าเหตุการณ์บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่อาจเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
หลังจากฝึกซ้อมดาบเสร็จ แบ็คซีโร่เก็บดาบของเขาเข้าฝักและเตรียมตัวกลับเข้าบ้าน แต่ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในบ้าน เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินที่นำไปสู่บ้านของเขา
เมื่อแบ็คซีโร่หันไปมอง ก็พบกับชายชราคนหนึ่งที่เขารู้จักดี ผู้เฒ่าฮิโรชิ หัวหน้าหมู่บ้านยามาคาวะ ผู้ซึ่งแบ็คซีโร่เคารพนับถือเป็นอย่างมาก ชายชราผู้นี้เป็นผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และเวทย์มนต์โบราณ เขามักจะให้คำปรึกษากับชาวบ้านและเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจของทุกคน
ผู้เฒ่าฮิโรชิเดินอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงเข้ามาใกล้แบ็คซีโร่ ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตากลับสะท้อนถึงความกังวลลึก ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน
“แบ็คซีโร่” ผู้เฒ่าฮิโรชิกล่าวเสียงเรียบ ขณะจ้องมองไปยังหูของแบ็คซีโร่ที่ตั้งตรงไวต่อเสียง “ข้าขอรบกวนเวลาของเจ้าได้ไหม?”
“แน่นอน ท่านผู้เฒ่า” แบ็คซีโร่ตอบกลับด้วยความเคารพ หางของเขาค่อย ๆ แกว่งช้า ๆ แสดงถึงความสงบ “มีเรื่องใดที่ข้าพอจะช่วยท่านได้?”
ผู้เฒ่าฮิโรชิพยักหน้าเบา ๆ “ตามข้ามาที่บ้านของข้าเถอะ ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับเจ้า”
แบ็คซีโร่รู้สึกถึงความเร่งด่วนในน้ำเสียงของผู้เฒ่า แต่เขาไม่ได้ตั้งคำถามใด ๆ ทั้งสองเดินเงียบ ๆ ไปยังบ้านของผู้เฒ่า ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนลึกของหมู่บ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้หลังเล็ก ๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้และพืชพรรณต่าง ๆ มันดูเก่าแก่และเต็มไปด้วยบรรยากาศของความลี้ลับ
เมื่อมาถึงที่บ้าน ผู้เฒ่าฮิโรชิเปิดประตูและเชิญแบ็คซีโร่เข้าไปด้านใน ภายในบ้านมีความเงียบสงบและเรียบง่าย แต่กลับมีหนังสือและม้วนกระดาษจำนวนมากที่วางเรียงรายตามชั้นวาง บ่งบอกถึงความรู้ที่สะสมมานานปี
“นั่งลงเถิด แบ็คซีโร่” ผู้เฒ่ากล่าวพร้อมกับชี้ไปยังเบาะนั่งตรงหน้าโต๊ะตัวเล็กที่มีชามน้ำชาเตรียมไว้แล้ว
แบ็คซีโร่นั่งลงตามคำเชิญ ขณะที่หางของเขาพันรอบตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ผู้เฒ่าฮิโรชิก็เริ่มรินน้ำชาลงในถ้วยก่อนจะส่งให้เขา แบ็คซีโร่รับถ้วยน้ำชาด้วยความนอบน้อมและรออย่างเงียบ ๆ
“แบ็คซีโร่” ผู้เฒ่าเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความกังวล “เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปี ข้าเห็นเจ้าเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจ แต่วันนี้ข้ามีข่าวที่อาจทำให้เจ้าต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก”
แบ็คซีโร่หูตั้งขึ้นและเงียบลง เขารู้สึกได้ว่าคำพูดเหล่านี้จะนำไปสู่บางสิ่งที่สำคัญยิ่ง
“ท่านหมายถึงอะไร ผู้เฒ่า?” แบ็คซีโร่ถามเสียงเรียบ ขณะที่ขนของเขาเริ่มกระเพื่อมเบา ๆ ด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้น
ผู้เฒ่าฮิโรชิหายใจลึกก่อนจะกล่าวต่อ “โลกภายนอกกำลังเผชิญกับวิกฤติที่ใหญ่หลวง ปัญญาประดิษฐ์ที่เคยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ บัดนี้มันกลับคิดว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต่อการพัฒนาและความก้าวหน้าของโลกนี้อีกต่อไป พวกมันกำลังพยายามยึดครองทุกสิ่ง และหากไม่หยุดยั้ง พวกเราทุกคนอาจจะไม่มีที่ยืนบนโลกใบนี้”
แบ็คซีโร่ฟังอย่างเงียบ ๆ ขนของเขาลู่ลงเล็กน้อย เขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ความคิดในใจของเขากลับพลุ่งพล่าน เขารู้ดีว่าสงครามที่กำลังเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
“และท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?” แบ็คซีโร่ถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หางของเขาค่อย ๆ โบกไปมาแสดงถึงความพร้อม
“ข้าต้องการให้เจ้าออกเดินทางไปยังเมืองไซเบอร์” ผู้เฒ่าฮิโรชิกล่าว “นั่นคือศูนย์กลางของเทคโนโลยีและที่ตั้งของ AI เจ้าคือผู้ที่มีความสามารถที่สุดในหมู่บ้านนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่สามารถทำบางสิ่งเพื่อหยุดยั้งหายนะนี้ได้”
แบ็คซีโร่เงียบไปสักพัก ความคิดหลายอย่างไหลเวียนในใจของเขา การตัดสินใจครั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา แต่เขารู้ดีว่าหากเขาไม่ทำอะไร ชะตากรรมของโลกนี้อาจจะตกอยู่ในมือของเครื่องจักรที่ไร้ความเมตตา
“ข้าจะไป” แบ็คซีโร่ตอบในที่สุดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ “ข้าจะทำทุกอย่างที่ข้าทำได้เพื่อปกป้องทุกคน”
ผู้เฒ่าฮิโรชิพยักหน้าอย่างพอใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าจะตอบเช่นนี้ แบ็คซีโร่ เจ้าคือความหวังของพวกเรา ขอให้การเดินทางของเจ้าเต็มไปด้วยความกล้าหาญและปัญญา”
แบ็คซีโร่คำนับเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน หางของเขายังแกว่งช้า ๆ อย่างมีสมาธิ เขารู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน เพราะเขารู้ว่าหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสงบสุขคือการยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง
หลังจากได้รับภารกิจสำคัญจากผู้เฒ่าฮิโรชิ แบ็คซีโร่กลับมาที่บ้านของเขาในช่วงบ่ายที่เงียบสงบ แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ทิ้งเงายาวบนพื้นดิน เขาเดินผ่านประตูไม้ที่คุ้นเคย ก่อนจะหยุดนิ่งที่กลางลานบ้าน ความเงียบสงบที่เคยเป็นสิ่งที่เขาโหยหามาโดยตลอด บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงความเงียบที่อึดอัด
แบ็คซีโร่รู้ดีว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นหมู่บ้านที่เงียบสงบนี้ มันเป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับความสงบสุขหลังจากที่ได้หลบหนีจากสงครามและความวุ่นวายในอดีต แต่โชคชะตากลับไม่ยอมให้เขาหนีจากการต่อสู้อีกต่อไป
แบ็คซีโร่เดินไปยังห้องเล็ก ๆ ที่เขาใช้เก็บของสำคัญ เขาเปิดประตูห้องที่ปิดไว้แน่นและเดินเข้าไปภายใน ห้องนี้ไม่มีอะไรนอกจากอาวุธ ดาบคาตานะที่เป็นคู่มือของเขาตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักรบอยู่ในกองทัพวางอยู่บนแท่นไม้ ขนที่นุ่มฟูของแบ็คซีโร่กระเพื่อมเล็กน้อยเมื่อเขายื่นมือไปหยิบดาบขึ้นมา ความรู้สึกหนักแน่นของมันในมือทำให้เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่สามารถตัดขาดได้ระหว่างเขากับดาบเล่มนี้ มันไม่ใช่เพียงอาวุธ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของเขา เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่เขาเคยเป็นและยังคงเป็นอยู่
แบ็คซีโร่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปชั่วครู่หนึ่ง นึกถึงอดีตที่ผ่านมา เสียงดาบกระทบกัน เสียงตะโกนของศัตรู และเสียงร่ำไห้ของผู้คนที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือได้ ทุกสิ่งนั้นเป็นบาดแผลในจิตใจของเขาที่ไม่เคยจางหาย
“ข้าจะต้องทำให้ดีขึ้น” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะที่เขาเก็บดาบใส่ฝักและคาดไว้ที่เอว
ขณะที่เขาหันไปหยิบเกราะซามูไรเก่าจากตู้ไม้ข้าง ๆ หางของเขาก็พลันไปเกี่ยวกับผ้าใบที่วางอยู่ใกล้ ๆ ทำให้มันร่วงลงมาคลุมหางของเขาอย่างกะทันหัน แบ็คซีโร่ถอนหายใจเบา ๆ ขณะที่เขาพยายามดึงผ้าออกจากหาง แต่ด้วยความที่ผ้ามีความเหนียว มันกลับติดอยู่กับขนที่นุ่มฟูของเขา
“โอ้ย...นี่เจ้าอีกแล้ว” แบ็คซีโร่พึมพำด้วยน้ำเสียงขบขันเล็กน้อย ขณะพยายามจัดการกับผ้าที่พันอยู่รอบหางของเขา เขาพยายามสะบัดหางเพื่อปลดปล่อยตัวเอง แต่ผ้ากลับพันแน่นขึ้น แบ็คซีโร่ต้องใช้เวลาสักพักในการคลี่ผ้าออกจากหางของเขา
เมื่อเขาในที่สุดก็จัดการได้ แบ็คซีโร่ก็ยิ้มเล็กน้อย “เจ้าหางซน” เขาพูดกับตัวเองพร้อมกับขยับหางไปมาเพื่อตรวจสอบว่ามันยังอยู่ในสภาพปกติ ขนของเขากระเพื่อมเบา ๆ ขณะที่เขาจัดแจงชุดเกราะให้เข้าที่
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปยังตู้ไม้เก่า ๆ และเปิดมันออก ข้างในตู้มีชุดเกราะซามูไรสีดำที่เขาไม่เคยสวมใส่มานานแล้ว แบ็คซีโร่ยกเกราะนั้นออกมา ตรวจสอบดูความสมบูรณ์และความแข็งแกร่งของมัน เขาจำได้ว่าชุดเกราะนี้เคยช่วยชีวิตเขาในหลายสนามรบ มันมีร่องรอยการต่อสู้ที่ยังคงอยู่บนแผ่นเหล็ก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงแข็งแกร่งและพร้อมที่จะใช้งานอีกครั้ง
ขณะที่เขาพยายามสวมเกราะ แบ็คซีโร่พบว่าหางของเขาทำให้การใส่เกราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น เมื่อเขาพยายามเก็บหางไว้ข้างในชุดเกราะ มันกลับไม่ยอมอยู่นิ่งและโผล่ออกมาจากข้างหลังชุดเกราะในที่สุด
“เจ้าหางเอ๊ย...จะให้ข้าใส่เกราะยังไงดี?” แบ็คซีโร่พูดกับตัวเองพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยให้หางของเขาโผล่ออกมาจากเกราะอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะไม่ว่าจะพยายามเก็บมันไว้ยังไง มันก็ไม่ยอมอยู่นิ่ง
เมื่อเตรียมอาวุธและชุดเกราะเสร็จสิ้น แบ็คซีโร่ก็เก็บสัมภาระที่จำเป็นเพิ่มเติมลงในกระเป๋าเดินทาง เขาไม่ได้เอาอะไรมากนัก เพราะรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้อาจไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าความมุ่งมั่นและความสามารถของเขาเอง
ในระหว่างที่เขาเก็บของ เขาไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงอนาคตที่ยังมองไม่เห็นได้ แม้จะเป็นนักรบที่ไม่เคยหวาดกลัวต่อความตาย แต่ครั้งนี้เขารู้สึกถึงความหนักหน่วงที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ใช่เพียงเพราะสงครามที่รออยู่ข้างหน้า แต่เพราะเขารู้ดีว่าชะตากรรมของคนจำนวนมากอาจจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาในครั้งนี้
เมื่อทุกอย่างพร้อม แบ็คซีโร่หยิบกระเป๋าและเดินออกมาจากบ้าน เขาหันกลับมามองบ้านหลังนั้นอีกครั้ง มันเป็นสถานที่ที่เขาได้พบกับความสงบสุขและการพักฟื้นจิตใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถยึดติดไว้ได้
“ข้าจะกลับมา...ถ้าโชคชะตายอมให้ข้ารอดกลับมาได้” เขาคิดในใจ ก่อนจะหันกลับและเริ่มก้าวเดินออกไปจากหมู่บ้าน เพื่อเริ่มต้นการเดินทางที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดอย่างไร
แสงอาทิตย์ตกดินเป็นสัญญาณให้รู้ว่าค่ำคืนกำลังจะมา แต่สำหรับแบ็คซีโร่ นี่คือการเริ่มต้นของการต่อสู้ครั้งใหม่ การต่อสู้ที่จะกำหนดชะตากรรมของโลกและตัวเขาเอง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนปกคลุมไปด้วยดาวนับไม่ถ้วน แสงจันทร์ส่องแสงอ่อนโยนลงบนถนนที่เงียบสงบซึ่งทอดยาวไปยังเมืองไซเบอร์ แบ็คซีโร่เดินทางมาได้ครึ่งวันแล้ว โดยผ่านป่าเขาที่เงียบสงบและหมู่บ้านร้างที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ความเงียบสงบนี้ทำให้เขามีเวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในขณะที่เขาเดินตามถนนสายเล็ก ๆ ที่ปกคลุมไปด้วยเงาของต้นไม้หนา เสียงก้าวเดินของเขาดูโดดเดี่ยวและกังวล หางของเขาพริ้วไหวเบา ๆ ตามจังหวะการเดิน แบ็คซีโร่รู้ดีว่าทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตราย แต่เขากลับไม่แสดงความหวาดหวั่นออกมา ความมุ่งมั่นของเขายังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีความไม่แน่ใจที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในใจ
ทันใดนั้น ความเงียบสงบของป่าก็ถูกทำลายด้วยเสียงดัง "แกร๊ง!" เสียงโลหะเสียดสีกันก้องกังวานทั่วพื้นที่ แบ็คซีโร่หยุดเดินทันที ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับมีเพียงความมืดและเงาของต้นไม้ที่ไหวตามแรงลม หูของเขากระตุกเล็กน้อย รับฟังเสียงที่ผิดปกติในอากาศ
เขารู้ทันทีว่าไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป
“ใครอยู่ที่นั่น?” แบ็คซีโร่ถามเสียงเข้ม พลางวางมือไว้บนด้ามดาบของเขา เขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทุกเมื่อ
ความเงียบปกคลุมอีกครั้ง แต่ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก้าวออกมาจากเงามืด แสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านใบไม้เผยให้เห็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นหุ่นยนต์ที่สร้างจากโลหะมันวาว รูปร่างของมันดูคล้ายกับมนุษย์แต่ไร้ซึ่งความอบอุ่นในดวงตาสีแดงเพลิงที่กำลังจับจ้องมาทางเขา
“เจ้าคือใคร?” แบ็คซีโร่ถามอีกครั้งด้วยเสียงที่แฝงความสงสัย เขารู้ดีว่า AI เหล่านี้ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อสนทนา พวกมันมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง
“ฉันเป็นหน่วยวิเคราะห์และกำจัดสิ่งมีชีวิต” หุ่นยนต์ตัวนั้นพูดด้วยเสียงเรียบที่ไร้อารมณ์ “ภารกิจของฉันคือการระบุตัวตนและกำจัดภัยคุกคามต่อระบบใหม่”
“ภัยคุกคาม?” แบ็คซีโร่แค่นเสียง หูของเขาตั้งตรงและหางเริ่มแกว่งเบา ๆ แสดงถึงความพร้อมในการต่อสู้ “ข้าเพียงเดินทางผ่านมาที่นี่”
“การเดินทางของเจ้าอาจส่งผลต่อแผนการของระบบ” หุ่นยนต์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไม่เปลี่ยนแปลง “เจ้าจะต้องถูกกำจัด”
คำพูดของหุ่นยนต์เป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของการต่อสู้ แบ็คซีโร่ไม่รอช้า เขาชักดาบคาตานะออกจากฝักในพริบตา แสงที่สะท้อนจากใบดาบคมกริบทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในดวงตาของเขา
“ถ้าคิดว่าจะขวางทางข้า ก็ลองดูสิ!” แบ็คซีโร่พูดขณะเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี
หุ่นยนต์ไม่ตอบโต้ด้วยคำพูด แต่มันพุ่งเข้าหาแบ็คซีโร่ด้วยความเร็วเหนือธรรมชาติ แขนกลของมันแปลงสภาพเป็นใบมีดที่คมกริบ พร้อมที่จะสังหาร
แบ็คซีโร่เคลื่อนไหวอย่างว่องไว ดาบของเขาปะทะกับใบมีดของหุ่นยนต์ เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสว่างกลางป่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการปะทะระหว่างความเก่าแก่ของซามูไรกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยี
หุ่นยนต์ใช้ทักษะการต่อสู้ที่ถูกโปรแกรมมาอย่างแม่นยำ แต่มันกลับไม่สามารถเอาชนะความเชี่ยวชาญและสัญชาตญาณของแบ็คซีโร่ได้ การโจมตีของแบ็คซีโร่เต็มไปด้วยความแม่นยำและพละกำลัง เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนสายลม หลบเลี่ยงการโจมตีของหุ่นยนต์อย่างง่ายดาย หางของเขาช่วยเสริมความสมดุลให้เขาในทุกการเคลื่อนไหว
“เจ้าคือภัยคุกคามที่ต้องกำจัด” หุ่นยนต์กล่าวเสียงเข้มขณะพยายามโจมตีแบ็คซีโร่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ แบ็คซีโร่กลับตอบโต้ด้วยความเด็ดขาด
“ข้าจะไม่ให้เจ้าขวางทางข้า!” แบ็คซีโร่ตะโกนก่อนจะพุ่งเข้าฟาดดาบใส่หุ่นยนต์ในจังหวะที่มันเสียสมดุล ใบดาบของเขาเจาะทะลุเกราะเหล็กของหุ่นยนต์ เสียงเครื่องจักรขาดสะบั้นดังขึ้น หุ่นยนต์ชะงักงัน ก่อนจะล้มลงกับพื้น เศษโลหะและประกายไฟพุ่งกระจายไปทั่ว
แบ็คซีโร่ยืนหอบเล็กน้อย มือยังคงจับดาบที่เปื้อนน้ำมันเครื่องของหุ่นยนต์ เขามองดูซากของสิ่งที่เคยเป็นเครื่องจักรที่น่ากลัว แต่บัดนี้มันกลายเป็นเพียงเศษเหล็กที่ไม่มีชีวิต
“นี่แค่การเริ่มต้นเท่านั้น” แบ็คซีโร่คิดในใจ แม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงหน่วยลาดตระเวน แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า
เขาหันหลังและเดินต่อไปตามเส้นทางที่ทอดยาวไปยังเมืองไซเบอร์ ความมุ่งมั่นในใจของเขายังคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น การต่อสู้กับหุ่นยนต์ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องเผชิญ และเขารู้ดีว่ามันจะยากขึ้นไปอีกมาก
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเดินหน้าไปต่อ
หลังจากการปะทะกับหุ่นยนต์ตัวแรก แบ็คซีโร่รู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย เขาเดินต่อไปตามเส้นทางที่เงียบสงบซึ่งนำไปสู่เมืองไซเบอร์ แสงจันทร์ยังคงส่องสว่างบนท้องฟ้า แต่รอบตัวเขากลับรู้สึกถึงความมืดมิดที่ล้อมรอบ
ขณะที่เขาเดินไปตามทาง แบ็คซีโร่ไม่สามารถสลัดความรู้สึกไม่สบายใจที่เกาะกุมจิตใจออกไปได้ มันไม่ใช่แค่เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่เพราะความรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังเฝ้ามองเขาจากเงามืด หูของเขาเริ่มกระตุกเล็กน้อย ขนที่นุ่มฟูของเขาลู่ลง แสดงถึงความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้น เขารู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่ไม่ธรรมดา มันคือสัญชาตญาณของนักรบที่ทำให้เขาตระหนักถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงกึกก้องเบา ๆ ก็เริ่มดังขึ้นจากเบื้องหลังของเขา แบ็คซีโร่หยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง ตรงข้ามเขามีเงามืดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว จากนั้นแสงสีแดงคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางความมืด
เป็นอีกครั้งที่ AI ปรากฏตัวต่อหน้าเขา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ตัวเดียว ในความมืดมีหุ่นยนต์หลายตัวที่รูปร่างคล้ายกันกำลังเคลื่อนที่เข้ามา พวกมันมีแสงไฟสีแดงฉานที่เปล่งออกมาจากดวงตาและอาวุธที่พร้อมจะจู่โจม
แบ็คซีโร่กำดาบในมือแน่น พลางกวาดตามองหุ่นยนต์เหล่านั้นที่ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ แต่ละครั้งที่หุ่นยนต์พุ่งเข้ามา เขาสามารถหลบหลีกและสวนกลับได้อย่างแม่นยำ ดาบคาตานะของเขาฟาดฟันจนเกราะเหล็กของหุ่นยนต์แยกออกเป็นชิ้น ๆ และพวกมันล้มลงไปกับพื้น
แต่ถึงแม้จะมีความชำนาญในทักษะดาบ หุ่นยนต์เหล่านั้นกลับมีจำนวนมากกว่าและยังคงเข้ามาไม่หยุด เสียงโลหะกระทบกันดังระงมไปทั่วป่า การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และแม้ว่าแบ็คซีโร่จะสามารถเอาชนะได้หลายตัว แต่พวกมันก็ยังคงพุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ
“จำนวนมากขนาดนี้...คงไม่มีทางสู้ได้หมดแน่” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะฟาดฟันหุ่นยนต์ตัวแล้วตัวเล่า “ข้าต้องหาทางหนี หรือไม่ก็ตายที่นี่”
ในขณะที่เขากำลังหาทางหลบหนี หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันเตรียมจะฟันแบ็คซีโร่จากด้านข้าง แต่เขาไวพอที่จะกระโดดหลบและสวนกลับด้วยดาบของเขา ฟันหุ่นยนต์นั้นออกเป็นสองส่วน แต่เมื่อดาบของเขากระทบกับเกราะของหุ่นยนต์ มันกลับปล่อยประกายไฟที่ทำให้เขาต้องถอยกลับ
“ต้องคิดให้เร็ว...” แบ็คซีโร่พึมพำ ขณะที่เขาเริ่มมองหาหนทางหลบหนีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้อย่างรวดเร็ว
เขาหันไปมองรอบ ๆ และสังเกตเห็นทางแยกเล็ก ๆ ที่นำไปสู่ป่าอีกด้านหนึ่ง
“ถ้าข้าไปทางนั้น อาจสามารถหลบหนีหรือหาที่ได้เปรียบได้” เขาคิดในใจ หางของเขาเริ่มแกว่งไปมาอย่างรวดเร็วแสดงถึงการตัดสินใจที่เด็ดขาด
แบ็คซีโร่ตัดสินใจพุ่งตัวไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว หุ่นยนต์ที่ตามหลังมารีบวิ่งไล่ตาม แต่ความคล่องแคล่วของแบ็คซีโร่ทำให้เขาสามารถทิ้งระยะห่างจากพวกมันได้ เขาพุ่งเข้าไปในป่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้หนาทึบที่อาจเป็นที่กำบังจากหุ่นยนต์เหล่านั้น
ขณะที่เขาวิ่งไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ในป่า หูของเขาจับเสียงฝีเท้าของหุ่นยนต์ที่ตามมาอย่างใกล้ชิด หางของเขาแกว่งไปมาช่วยให้เขาทรงตัวในขณะที่วิ่งอย่างรวดเร็วผ่านอุปสรรคในป่า เขาใช้ความสามารถในการมองเห็นในที่มืดและสัญชาตญาณของแมวเพื่อนำทางผ่านป่าที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
หลังจากวิ่งอยู่พักใหญ่ แบ็คซีโร่ก็พบกับที่กำบังที่เหมาะสม เขารีบหลบเข้าไปซ่อนในโพรงต้นไม้ใหญ่ หายใจหอบหนักขณะพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด หูของเขาตั้งขึ้นเพื่อฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา เขารู้ว่าถ้าหุ่นยนต์เหล่านั้นเจอเขาอีกครั้ง เขาอาจไม่มีโอกาสรอด
เสียงฝีเท้าของหุ่นยนต์ดังเข้ามาใกล้ หัวใจของแบ็คซีโร่เต้นเร็วขึ้น ขนของเขาลู่ลงกับผิวหนัง เขารู้สึกได้ถึงความกดดันที่หนักหน่วง แม้จะเป็นนักรบที่ไม่เคยกลัวต่อความตาย แต่การต่อสู้กับเครื่องจักรที่ไม่มีความรู้สึกนั้นทำให้เขารู้สึกแตกต่าง
หุ่นยนต์เดินผ่านที่ซ่อนของเขาไป แบ็คซีโร่นิ่งเงียบและรอจนเสียงฝีเท้าหายไปในความมืด เขารู้ว่าเขาเพิ่งผ่านการทดสอบครั้งแรกในเส้นทางที่ยากลำบากนี้มาได้ แต่ความจริงที่ว่าหุ่นยนต์เหล่านี้ยังคงตามล่าเขาอยู่ทำให้เขาต้องระวังตัวมากขึ้น
“ข้าจะต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้” แบ็คซีโร่คิดในใจ ขณะเตรียมตัวออกจากที่ซ่อนเพื่อเดินทางต่อ เขารู้ว่าเขายังไม่ถึงเมืองไซเบอร์ แต่การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าอันตรายที่แท้จริงกำลังรออยู่ข้างหน้า
และเขาต้องเตรียมพร้อมมากกว่านี้ เพื่อเอาชนะศัตรูที่เขาไม่เคยเผชิญหน้ามาก่อน
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments