...เพนโดเรีย...
...ประวัติศาสตร์...
เพนโดเรีย เป็นหนึ่งในดินแดนที่แตกออกของจักรวรรดิ ดินแดนนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่อยู่ทางตะวันตกติดกับดินแดนหุบเขา และมีอาณาเขตลากยาวไปจนถึงแม่น้ำสิงขรทางตอนใต้ ดินแดนนี้มีวัฒนธรรมและขนมธรรมเนียมเป็นของตนเองดังเช่นดินแดนอื่นๆ ของจักรวรรดิ
เพนโดเรีย ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 137 ปีก่อนการก่อตั้งจักรวรรดิ ชาวเพนโดเรียนั้นนับถือในศาสนาไฮม์เมอร์ ไฮม์เมอร์ คือ เทพแห่งความตาย ผู้คนต่างบูชาพระองค์ด้วยมงกุฎเลือดซึ่งถูกสร้างมาจากทองและอัญมณีสีเลือด ในทุกๆ ปีก่อนย่างเข้าฤดูหนาวชาวเพนโดเรียจะทำพิธีมอบมงกุฎแก่รูปปั้นของพระองค์เพื่อให้พระองค์นำพาดวงวิญญาณของเหล่าคนตายกลับมาเยี่ยมเยือนครอบครัวของตนก่อนที่จะเข้าฤดูหนาว ชาวเพนโดเรียเชื่อว่าพวกตนจะได้รับพรจากบรรพบุรุษของตนและคุ้มครองพวกเค้าให้ผ่านพ้นฤดูหนาวไปได้
137 years before the blood calendar
137 ปีก่อนปฏิทินเลือด
...จุดเริ่มต้น...
ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง ในแถบตอนเหนือสุดของมหาทวีปดีเบลรอส มีอาณาจักรน้อยใหญ่ได้ก่อกำเนิดขึ้นหลายแห่งจากการมารวมตัวกันของมวลมนุษย์ และได้เกิดเป็นอารยธรรมขึ้นในช่วงเวลาต่อมา เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปหลายสิบปีเหล่าเมืองต่างจึงค่อยๆ เริ่มเติบโตขึ้นกลายเป็นอาณาจักร เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นความต้องการก็มากขึ้นตาม อาณาจักรทั้งหลายจึงเริ่มเข้าห้ำหั่นกัน เพื่อแย่งชิงทั้งทรัพยากรและ อาณาเขต
อาณาจักรเพนโดเรีย มีผู้นำคือองค์ราชาอากัส ตาเดียว ราชาคนแรกของอาณาจักรเพนโดเรีย พระองค์ได้สร้างรากฐานการปกครองแบบระบบศรัทธา มันเป็นระบบการปกครองที่ดีที่สุดดินแดน แม้แต่เหล่าคนแคระต่างก็ยอมรับว่ามันเป็นการปกครองที่เที่ยงธรรมที่สุด
การปกครองแบบระบบศรัทธานั้น คือ การเลือก เลือกที่จะวิ่งหนีปัญหา หรือ จะเผชิญหน้าด้วยศรัทธาที่ตนมี ผู้กระทำผิดต่างก็ยอมรับโทษทัณฑ์ด้วยความเต็มใจแม้ว่าพวกเขาจะต้องลงเอือยด้วยการถูกประหารก็ตาม การปกครองแบบนี้ทำให้พวกเค้าเชื่อว่าการวิ่งหนีปัญหานั้นเป็นความผิดร้ายแรงมันเป็นเรื่องที่น่าอับอายที่สุดหากถูกมองว่าเป็นคนที่ขี้ขลาดและไร้ศรัทธา หากต้องหนีปัญหาพวกเค้าขอยอมตายเสียดีกว่าการที่จะถูกมองว่าขี้ขลาด อาณาจักรเพนโดเรียจึงกลายเป็นอาณาจักรที่เที่ยงตรงไร้ซึ่งกลโกงต่างๆ
53 years before the blood calendar
53 ปีก่อนปฏิทินเลือด
...จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่...
ราชาฟาวล์มุด วอน แอกนัส ราชาองค์ที่23ของอาณาจักรเพนโดเรีย ได้ประกาศสงครามแย่งชิงดินแดนกับอาณาจักรโทน ทำให้อาณาจักรเพนโดเรียได้เข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบกับพวกโทน ที่ตั้งอยู่ในดินแดนนิฟเฟลไฮม์ เนื่องด้วยความต้องการทรัพย์ยากรป่าไม้และทองคำซึ่งมีมากในดินแดนแห่งนี้พวกมันเป็นนักรบที่กล้าหาญพวกมันไม่เกรงกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความตาย ทหารส่วนใหญ่ของพวกมันใส่เกราะหนังบ้างก็ไม่สวมใส่เสื้อผ้ามีเพียงผ้าผืนเดียวที่ใส่แทนกางเกง
การเผชิญหน้าครั้งแรกของทั้งสองอาณาจักรเกิดขึ้นที่ป่าเจอร์เก้น ในดินแดนของเพนโดเรียรพวกมันยกทัพผ่านป่าที่หนาทึบได้แบบง่ายดายต่างจากกองทัพเพนโดเรียที่เครื้อนที่ได้ช้าเพราะไม่ชำนาญพื้นที่แม้จะเป็นป่าใหญ่ในดินแดนของพวกเขาเองก็ตาม 9 วันหลังจากเดินทางอยู่ภายในดงทะมึนนั้นกองทัพทั้งสองก็เผชิญหน้ากันในทุ่งหญ้ากลางพงไพรหนาซึ่งกองทัพเพนโดเรียตั้งค่ายพักแรมอยู่ ราชาฟาวล์มุดได้ออกคำสั่งให้ทหารเพนโดเรียจัดกระบวนหอกขึ้นไปรับทัพหน้าที่พวกโทนส่งมา แต่ราชาคิดผิด กองทหารที่พวกโทนส่งมาคือทหารกองทะลวงฟันที่ชำนาญในการตีแนวตั้งรับของข้าศึก แนวหน้าของเพนโดเรียถูกตีแตกอย่างง่ายดาย พระพิรุณทรเทพราชาของอาณาจักรโทนนั่งบัญชาการรบอยู่บนหลังของช้างศึกร่างกายสูงใหญ่ราวกับภูเขา พระองค์จึงสามารถเห็นกระบวนทัพและจุดอ่อนของเพนโดเรียได้โดยง่าย
เมื่อกองหน้าเพนโดเรียที่แตกออกจึงได้ถอยร่นลงไปยังแนวของกองดาบและโล่เพื่อรอตั้งรับระลอกสอง เมื่อเห็นแบบนั้นพระพิรุณทรเทพก็ทรงสั่งให้กองทวงฟันของพระองค์ถอนกำลังและส่งกองรากษสขึ้นไปตีแนวโล่แทน กองรากษนั่นพวกมันมีร่างกายใหญ่โตกว่าทหารทั่วไปร่างกายส่วมเกราะน้อยชิ้นตามร่างกายมีการสักอักษรอยู่ทั่วร่าง ที่หัวสวมเกราะหน้ายักษ์ในมือถือกระบองขนาดใหญ่ใช้เป็นอาวุธ เมื่อกองทหารเพนโดเรียได้เห็นเริ่มมีอาการตื่นตระหนก ราชาฟาวล์มุดเห็นท่าไม่ดีพระองค์ต้องทรงปลุกขวัญกำลังใจให้ทหารของตน ทันใดนั้นพระองค์ตะโกนขึ้นว่า
“จะกลัวพวกมันไปทำไมในเมื่อพวกมันเป็นคนเจ้าก็เป็นคนเช่นการจะกลัวพวกมันไปทำไมในเมื่อพวกมันเป็นคนเจ้าก็เป็นคนเช่นกัน หากเจ้าเลือดออกได้เลือดของพวกมันก็ออกได้”
“ถ้าพวกเจ้าตายได้พวกมันก็ตายได้เช่นกัน จงอย่าปล่อยความกลัวเข้าครอบงำจิตใจของพวกเจ้า”
“ขอไฮม์เมอร์สถิตอยู่กับเราและเหล่าดวงวิญญาณบรรพชนผู้กล้าที่ที่สถิตอยู่ณที่แห่งโปรดประทานความกล้าให้แก่เราและนำพาดวงวิญญาณของเราเข้าสู่สนามรบร่วมกับลูกหลานเราอีกครั้ง”
เสียงโห่ร้องดังกึกก้องขึ้นบัดนี้ทหารของพระองค์พร้อมที่จะตายแล้ว เมื่อพวกรากษสใกล้เข้ามา พลธนูของกองทัพผู้กล้าก็ได้เปิดฉากยิง ห่าฝนธนูพุ่งเข้าใส่พวกรากษสด้วยความรวดเร็วพวกมันล้มตายลงไปเป็นจำนวนมาก…
เสียงตื่นตระหนกเริ่มดังขึ้นเมื่อพวกรากษสลุกขึ้นมาได้โดยไร้ซึ่งบาดแผลพวกที่คิดว่าตายก็กลับลุกขึ้นมาและวิ่งถาโถมพุ้งเข้าใส่พวกแนวดาบโล่ของพวกจักรวรรดิอย่างรวดเร็ว กองทัพเพนโดเรียต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อเกิดการปะทะกันเป็นไปอย่างดุเดือดแต่คมดาบของทหารเพนโดเรียนั้นไม่ระคายผิวพวกรากษสเลยแม้แต่น้อย เมื่อเวลาผ่านไปสักพักราชาฟาวล์มูดก็ส่งกองทหารดาบใหญ่ของพระองค์เข้าห้ำหั่นกับปีศาจพวกนี้ทันที การปะทะกันของคมดาบและกระบองเป็นไปอย่างดุเดือด…
เริ่มได้ผล ถึงคมดาบจะทำอะไรพวกมันไม่ได้แต่แรงกระแทกจากดาบขนาดใหญ่นั้นกลับทำให้พวกมันเจ็บปวดเป็นอย่างมากบ้างก็ล้มลงและนอนแน่นิ่งไปพระองค์ทรงเล็งเห็นช่องทางในการกุมชัยชนะในสมรภูมิครั้งนี้แล้ว
แต่ก็สายเกินไปกองทัพของพระองค์เริ่มร่อยหรอลงทุกวินาที พระองค์รู้ได้ในทันทีว่าการศึกในครั้งนี้พระองค์จะไม่มีวันชนะ พระองค์จึงได้ตัดสินใจสั่งถอยทัพในทันทีแม้มันจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเพนโดเรียสืบไปว่าเป็นความอัปยศอดสูครั้งแรกที่พวกเค้าพ่ายแพ้ แต่ในวันนั้นทุกคนต่างก็รับรู้ถึงกิตติศัพท์ความแข็งแกร่งของพวกโทน นับจากนั้นมาพวกมันจะถูกเรียกขานในภายหลังว่ากองทัพอมตะแห่งดินแดนแห่งความตาย
50 years before the blood calendar
50 ปีก่อนปฏิทินเลือด
...ยุคการวิบัติ...
3ปีต่อมาการศึกยังคงไปผลัดกันแพ้ชนะแต่ความได้ก็ตกเป็นของพวกโทนดังเดิม พวกมันขยายแนวปิดล้อมไปไกรถึงชายแดนอาณาจักรเพื่อนบ้านอย่างอาณาจักรโบโรเมียร์ พวกมันปิดกั้นชายแดนทั้งหมดไม่ยอมให้ประชาชนของเพนโดเรียหนีออกจากอาณาจักรได้ ชาวบ้านและทหารของป้อมปราการต่างๆ ก็ได้ตอบโต้พวกมันแบบไม่กลัวตาย
ถึงการศึกภายนอกจะดุเดือดเพียงใด กลับกันภายในนครวิลนัสเมืองหลวงของเพนโดเรียนั้นต่างออกไปที่นั่นเต็มไปด้วยความหดหู่ ผู้คนต่างเริ่มยอมแพ้ให้กับโชคชะตาที่พวกเค้าต้องเผชิญจากความโลภของพวกเขาเอง ผู้คนไม่ยอมออกไปใช้ชีวิตตามเดิมและรอให้กองทัพอาณาจักรโทนเข้ามาสังหารพวกเค้าเสีย ความศรัทธาที่มีต่อไฮม์เมอร์ก็เริ่มเสื่อมลง ไม่มีใครคิดที่จะสู่อีกแล้วแม้แต่ตัวของราชาฟาวล์มุดเองก็ตาม
แต่ยังสตรีนางหนึ่งที่ไม่คิดจะยอมแพ้ให้กับโชคชะตาราชินีอิซาเบลล่า วอน แอกนัส ภรรยาของราชาฟาวล์มุดก็ได้ทำพิธีสวมมงกุฎเลือดให้กับรูปปั้นของเทพไฮม์เมอร์อีกครั้ง นี้เป็นการทำพิธีครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มสเลย ท่วมกลางสายตาของประชาชนที่หมดอะไรตายอยากพระองค์ได้นำมงกุฎเลือดสวมให้กับเทพไฮม์เมอร์ เป็นที่น่าอัศจรรย์เมื่อมงกุฎถูกวางลงที่ศีรษะของรูปปั้นปรากฏหิมะค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ประชาชนต่างเริ่มซุบซิบกันว่านี้อาจเป็นสัญญาณของอะไรบางอย่างที่เทพของพวกเค้าประทานให้
เป็นจริงดังคาดเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวครั้งนี้เป็นปีที่หนาวที่สุดเท่าที่ชาวเพนโดเรียได้สัมผัสมา หิมะตกติดต่อกัน3วัน3คืนไม่หยุดไม่หย่อนชาวเพนโดเรียก็ได้แต่หลบภัยความหนาวอยู่ในชายคาของตนจนกระทั่งดวงตะวันโผล่ขึ้นสู่ฟากฟ้านับตั้งแต่หิมะตก และข่าวดีก็ได้มาเยือนกองทัพของพวกโทนก็ได้ถอยร่นกลับไปยังดินแดนของพวกจากภัยความหนาว
ต่อแต่นั้นศรัทธาที่ของชาวเพนโดเรียที่มีต่อไฮม์เมอร์นั่นก็ได้กลับมาอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเค้าไม่ยอมทิ้งศรัทธาของตนไปไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตามและหลังจากเหตุการณ์นั่นราชินีอิซาเบลล่า ก็ได้ถูกเรียกขานว่าราชินีผู้กอบกู้
4 years before the blood calendar
4 ปีก่อนปฏิทินเลือด
...ก่อนการรวบรวมจักรวรรดิ...
ในปีนั้นราชาอูลมาร์ เว็บเนอร์ ผู้กล้าหาญ ราชาองค์ที่ 30 ของเพนโดเรีย พระองค์ได้ทรงท้าทายอำนาจของราชาโครินท์ กรามเหล็กแห่งอาณาจักรพาเนี้ยน ที่ต้องการจะสถาปะนาต้นเองขึ้นเป็นจักรพรรดิณตอนนั้น ราชาโครินท์ ได้ส่งสารมายังเพนโดเรีย ว่าถ้าหากยอมสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ และยอมรับใช้พระองค์ในฐานะจักรพรรดิแล้วนั้น พระองค์จะทรงปล่อยให้ราชาอูลมาร์ปกครองภายในอาณาจักรของตนต่อไปในฐานะราชา แต่อูลมาร์ ได้ปฏิเสธพร้อมกับส่งคำท้าทายกลับไปให้โครินท์
“หากต้องการให้ข้าและอาณาจักรเพนโดเรียแห่งนี้ยอมรับเจ้าก็ต้องพิสูจน์ตนโดยการเดินทางมาที่อาณาจักรนี้ด้วยตัวของเจ้าเอง”
หลังจากได้รับสารนั้นแล้วราชาโครินท์ก็ได้ระดมกองทัพหลายหมื่นนายขึ้นไปประชิดชายแดนเพนโดเรีย พระองค์ได้ส่งสารไปยังทั่วทุกสารทิศในดินแดนเพนโดเรียว่า
“ที่ข้ายกทัพมาในครั้งนี้ไม่ใช้เพื่อทำสงครามกับพวกท่านหากแต่ข้าประส่งที่จะให้พวกท่านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรใหม่ที่ข้ากำลังจะสร้างขึ้น แต่การที่ข้าจะสร้างมันขึ้นมาได้ก็ต้องแลกกับหลายอย่าง แต่สิ่งที่ข้าไม่พร้อมที่จะเสียมันไปคือชีวิตของพวกข้าและของพวกท่าน“
“มาร่วมกับเราเถิดพี่น้องข้าง เราจะสร้างอาณาจักรใหม่ขึ้นมาและข้าจะหยุดสงครามในดินแดนมิดการ์ดแห่งนี้เอง”
เมื่อสานถูกส่งไปยังที่ต่างๆ รวมถึงดินแดนอื่นๆ ด้วย ราชาอูลมาร์ก็ได้เรียกประชุมสภาการปกครองในทันที เหล่าขุนนางต่างก็ถกเถียงกัน
“ผู้คนต่างก็ประส่งในการมีชีวิตที่ไร้สงคราม หากเราเข้าร่วมกับอาณาจักรพาเนี้ยน แต่กลับมีอาณาจักรอื่นๆ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมด้วยสงครามก็จะเกิดขึ้น เราพร้อมที่จะร่วมสงครามครั้งนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“หากเค้าประสงค์ที่จะสร้างอาณาจักรที่สงบสุขข้าก็พร้อมที่ร่วมสู้ไปกับเค้า ลูกหลานเราจะได้ไม่ต้องต่อสู้อีกต่อไป”
หลังจากเห็นพ้องต้องกันราชาอูลมาร์ก็ได้ระดมกองทัพของพระองค์เข้าร่วมสู้ศึกร่วมกับราชาโครินท์ กรามเหล็ก ผู้ที่ภายภาคหน้าพระองค์ทรงขึ้นเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์
...ทหารอาณาจักรเพนโดเรีย ณ เวลาปัจจุบัน...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
HappyKilling
นี่เขียนอย่างดีเลย ชอบมากๆๆ!
2024-08-11
1