ตึกๆ ตึกๆ เอี้ยด (เสียงเดินด้วยความเร่งรีบ) - - -
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมการประกฏตตัวของราชินีของดินแดนหุบเจาพร้อมด้วยลูกชายของนาง รูปร่างของนางต่างจากชาวหุบเขาคนอื่นค่อนข้างมาก ล่างกายนั้นกำยำพอๆกับชาวหุบเขาผู้ชาย หน้าตาที่สวยงามต่างจากผู้อื่น เป็นที่หน้าแปลกใจราชินีผู้นี้ใส่เครื่องประดับน้อยชิ้นมาก แค่กลับพกขวานหนึ่งด้ามไว้ที่เอวแทน
ภายในห้องโถงนั้นนั่นเหล่าคณะทูตและเหล่าข้าราชบริพารชาวหุบเขาอยู่ภายใน้นั้นรออยู่แล้ว
“ราชินีเฟรดิส ไออ้อนบลัด เเละบุตรชาย เครซัส อิคดราซิลย์ เข้าร่วมประชุม”
หลังจากการมาถึงของราชินีและลูกชายของนาง จากนั่นราชาแห่งหุบก็ได้ปรากฏกายขึ้นที่หน้าประตูพร้อมกับองครักษ์ ลักษณะของเขามีรูปร่างใหญ่โตกว่าชาวหุบเขาคนอื่น สวมเกราะที่ทำมาจากทองคำสง่า และสวมมงกุฎที่สืบทอดมาจากยุคบรรพการ มงกุฎเหล็กรูปขุนเขาที่แซมด้วยทองคำเป็นงานฝีมือที่ปรานีตที่สุด
“มากันครบเเล้วสิน่ะ ข้าคือ บาราดิน ไออ้อนบลัด”
“เฟลดิส นี่คือคณะทูตจากอาณาจักรเพนโดเนีย เจ้าหญิงไอรีชฟิล วอน อีเดนส์ เเละ ราชทูตคนอื่นๆ”
“ยินดีที่ได้พบเพค่ะองค์ราชินี หม่อมฉันคือ ไอรีชฟีล วอน อีเดนส์ เพค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนนครที่ยิ่งใหญ่เเห่งนี้ ฉันหวังว่าต่อไปเราจะมีความสำพันธุ์อันดีต่อกันไปตลอดนะค่ะ”
องค์ราชินีพยักหน้าตอมรับการทักทายเเละยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร กลับกันสายตาขององค์หญิงนั้นกลับมองไปที่ชายผู้นั้นด้วยความฉงน นั้นชายคนนั้นมนุษย์ ผู้เดียวที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนเเคระ ในใจขององค์หญิงส่งสัยในตัวตนของชายผู้นี้เขาเป็นใคร เค้าเป็นลูกของราชินีจริงหรือ คนแคระที่มีลูกเป็นมนุษย์มนุษย์มันเป็นไปได้จริงหรือ เธอได้เเต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจพร้อมกับคำถามอีกมากมาย
“บาราดิน” เอาหล่ะมาเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการค้าขายของพวกเรากันดีกว่า ข้าขอบอกไว้ก่อนเผื่อพวกเจ้าจะไม่รู้ เป็นที่รู้กันดีว่างานฝีมือของเราชาวหุบเขานั้นเป็นเลิศ ยากที่จะหาผู้ใดเทียบในมหาทวีป ดีเบลรอสเเห่งนี่ พวกเจ้ามั่นใจเเล้วหรือว่าจะจ่ายไหว
“องค์ราชา สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือวิทยาการของพวกท่าน”
“วิทยาการ? วิทยาการใด”
“วิทยาการอักษรรูนเพค่ะฝ่าบาท มีบันทึกเขียนไว้ กล่าวถึงกับกองทัพ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี...ด้วยเวทมนตร์ กองทัพอมตะเเห่งดินเดนหุบเขาผู้สมชุดเกราะที่สลักด้วยอักษรเรืองเเสงสีฟ้า”
เหล่าชาวหุบตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เสียงพูดคนกันด้วยความแตกตื่นตื่นค่อยๆดังขึ้น
“พวกเจ้ารู้เรื่องนี้มานานเเค่ไหนเเล้ว เเล้วมีผู้ใดที่รู้เรื่องนี้อีกบ้าง”
“มีเเค่ข้าหลวงของเพนโดเนียเพค่ะ เพราะหนังสือเล่มนั้นมันถูกซ้อนไว้ใต้บัลลังก์ของจักรพรรดิ โครินท์ ผู้ล่วงลับ”
ทันใดนั้นก็บัง้กิดความเงียบขึ้น เหล่าคณะทูตไม่รู้เลยว่าราชาแห่งดินเดนหุบเขานั้นคิดอะไรอยู่กันแน่
“ ....ข้าขายมันให้พวกเจ้าไม่ได้หลอก”
“ทำไมเหรอเพคะ พระองค์ทรงคิดว่าพวกเราจะจ่ายไม่ไหวเหรอเพคะ หรือเพราะอะไร”
“วิทยาการนี้มันไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะเรียนรู้ได้ จิตรใจของพวกเจ้านั้นอ่อนเเอเกินกว่าที่จะเข้าใจในศาสตร์การตีเหล็กของพวกเรา หากฝืนเรียนพวกเจ้าจะทำให้ชุดเกราะนั้นเกิดคำสาป มันจะคอยกัดกินจิตใจของผู้ที่สวบใส่ทีละน้อย จนกระทั่งคนผู้นั่นสูญเสียทุกอย่าง ทั้งสติปัญญา ความรู้สึก และกลายเป็นศพในที่สุด”
“เเล้วถ้าเป็นการขายชุดเกราะเเบบสั่งทำหล่ะเพคะ ชุดเกราะที่ทำมาเพื่อให้มนุษย์ใส่โดยเฉพาะ”
“ถ้าเเบบนั้นก็ย่อมได้ เเต่เจ้าจะแลกกับอะไรหล่ะ ข้าได้ข่าวมาว่าอาณาจักรเจ้ากำลังทำสงครามกับอาณาจักรโบโรเมียอยู่ คงมิมีทองมากพอจะจ่ายเพื่อสร้างให้ทหารจำนวนมาก... หรือ เจ้าจะเเลกด้วยอย่างอื่นเเทนหล่ะ”
“เพคะ หากท่านต้องการ ท่านประสงสิ่งใดในดินเเดนมิดการ์ดเหรอเพคะฝาบาท”
“อาหาร 10 เกวียน ไม้ใหญ่เนื้อเเข็ง 10 เกีวยน หนังสัตว์ 10 เกวียน ถ่านชั้นดี 20 เกวียน เเลกกับชุดเกราะอักษรรูนเเบบเต็มชุด 10 ชุดพร้อมด้วยโล่เเละหอกอีก 10 คู่”
“ตัดโล่ เเละ หอกออกได้มั้ยเพค่ะเเล้วเพิ่มเป็นเกราะเเขนเเละขา 10 คู่เเทนได้มั้ยเพคะ เดิมทีกองทหารเรามีพลหอกจำนวนน้อยเป็นทุนเดิมอยู่เเล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้พวกมัน”
“ได้ ตกลงตามนั้น นายกองกลิทเนอร์ พาพวกเค้าไปที่โลงตีเหล็กไปวัดตัว”
นายกองกลิทเนอร์ได้นำทหารชาวพื้นดินส่วนหนึ่งออกไป
“หม่อมฉันมีเรื่องสงสัยเพคะ อาวุธที่มีเสียงเหมือนสายฟ้าฟาดนั้นคืออะไรเพคะ ท่านจะขายมันให้พวกเราได้หรือไม่เพค่ะ”
“มันคือเหล็กกัมปนาท มันยิงกระเป็นลูกเหล็กกลมปลายเเหลมออกมาด้วยความเร็วสูง อำนาจการเจาะทลวงของมันเหนือกว่าธนูหรือหน้าไม้สะอีก เเต่ราคามันค่อนข้างสูงน่ะ พอๆ กับชุดเกราะอักษรรูนเลยหล่ะ ทางที่ดีข้าว่าพวกเจ้าทุ่มงบไปกับอย่างอื่นไม่ดีกว่ารึ”
“แล้วถ้าเป็นการเเต่งงานหล่ะเพคะ แลกกับอาวุธพวกนั้น”
ทุกคนตกตลึงกับคำพูดนั้น ท่ามกลางความเงียบนั้นราชาแห่งหุบเขาก็ได้ทำลายความเงียบนั้นด้วยคำถาม
“เเต่งงานรึกับใครหล่ะ ที่นี้มิมีชาวหุบเขาคนใดที่ชอบและหลงไหลในเผ่าพันธ์เจ้าที่พอจะยอมแต่งงานด้วยหลอกน่ะ”
“กับเค้าเพคะ (พร้อมกับชี้นิ้วไปที่เครซัส)”
สายตาทุกคู่จ้องมองไปทางเดียวกัน ชายผู้นั้น เหล่าคนแคระพากันตกใจเเละมึนงงเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นก็เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นจากคำพูดนั่น คณะทูตราวมนุษย์เองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน เพราะอะไรกันถึงทำให้เกิดความสับสนอลหม่านนี้
“ลูกชายข้าเลอะ เจ้ากับเค้าไปรักกันตั้งเเต่เมื่อไหร่”
“รักเหรอเพคะ...ทำไม”
องราชินีของชาวหุบเขาก็ได้ตัดบทการสนทนานั้นโดยการอธิบายสิ่งที่ชาวเบื้องล่างไม่เคยรู้เกียวกับวัฒนธรรมของพวกเค้า
“ตามธรรมเนียมของเราชาวหุบเขา คนที่จะเเต่งงานกันก็ต้องรักกัน ฝ่ายชายและหญิงจะทำการเฉือนหลังมือของฝ่ายตรงข้าม เราเรียกมันว่าการแลกแผลเป็น มันจะเป็นพันธะผูกพันทั้งสองคนไปชั่วชีวิต ไม่เหมือนกับพวกเจ้าที่จะเเต่งกับใครก็ได้ขอเเค่ตัวเองได้ผลประโยชน์”
“นี้เจ้าหญิง ข้ารู้ว่าเจ้าหน่ะฉลาด เเต่วัฒนธรรมของเราต่างกัน เจ้าจะเอาความเข้าใจของเจ้ามาใช้กับพวกเราไม่ได้”
“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจเเล้ว...”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงันด้วยคำถามนั้น มิมีผู้ใดกล่าวคำใดอีกเลย
“งั้นเลิกประชุมเเต่เพียงเท่านี้ ทหารพรคณะทูตไปส่งที่ห้องที่จัดเตรียมไว้ด้วย ดูแลพวกเค้าให้ดีอย่าให้ขาดตกบกพร่องเด็ดขาด”
“ทหารคนแคระ” พ่ะย่ะค่ะองค์ราชา
และแล้ววันเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงพรบค่ำ งานเลี้ยงเเสนยิ่งใหญ่ได้ถูกจัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ภายใต้ขุนเขา ผู้คนต่างสนุกสนานไปกับงานเลี้ยง เเต่กลับมีคนผู้หนึ่งที่ตกอยู่ในความอืมครืม เค้าชักเริ่มสงสัยเกี่ยวกับจุดกำเนิดของตัวเอง
“ท่านเเม่...ข้ามีเรื่องสงสัยอย่างหนึ่ง ถ้าข้าถามท่านจะตอบคำถามข้ามั้ย”
“ฮืม (เสียงถอนหายใจ) ....ตามเเม่ไปที่ห้องโถงหน้าบันลัง เเม่จะเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟัง”
ทั้งสองคนลุกออกจากที่นั่งเเละมุ่งสู่ห้องโถง ราชาคนแคระเองก็รู้สึกได้ถึงความสงสัยที่มีอยู่ในตัวลูกกชาย วันนี้ทุกอย่างที่พวกเค้าพยามปกปิดมันมานานจะถูกเปิดเผย เรื่องเกี่ยวกับโลกเบื้องล่างที่เครซัสไม่เคยได้รับรู้มาก่อน
ต็อกๆ ....องค์ราชินีเดินไปที่หน้าบัลลังก์พร้อมกับชี้นิ้ว ไปที่เเผนที่ของมาหาทวิปดีเบลรอสอันกว้างใหญ่
“ลูกคงสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ที่นี้ใช้มั้ย เป็นมนุษย์คนเดียวท่ามกลางเหล่าชาวหุบเขา”
“เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อนานมาเเล้วในครั้งที่ข้าเเละองค์ราชาลงไปยังโลกเบื้องล่างเพื่อเดินทางไปทำพิธีศพของราชากริมเน้อ ไฟร์เเฮร์ เพื่อนของพ่อเจ้าเราเดินทางกันอยู่หลายวันกว่าจะถึงเทือกเขากรงเล็บที่ตั้งของอาณาจักร คาลักดูนย์ เราทำพิธีอยู่4วัน4คืน เเละในขณะที่เราฝังศพลงใต้ต้นอิคดราซิลย์ ต้นไม้ที่เราใช้ฝังศพของราชาคนแคระทั้งหลายเพื่อนำพาพวกเค้าสู่ห้องโถงเเห่งวัลฮาล่า”
“ในขณะที่เรากำลังทำพิธีอยู่นั้นก็มีคนได้ยินเสียงเด็กร้อง เมื่อเราตามหาก็พบกับเด็กน้อยคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ของต้นอิคดราซิลย์ เด็กน้อยที่น่าสงสาร เมื่อข้าอุ้มเจ้าขึ้นมาเจ้ากลับไม่ส่งเสียงใดๆ หึๆ เด็กน้อยคนนั้นทำให้ข้านึกถึงตอนลูกชายข้าเกิด ข้าจึงตัดสินใจรับเลี้ยงเด็กคนนั้น ถึงเค้าจะไม่ใช้คนแคระเเต่ข้าตัดสินใจว่าข้าจะสอนให้เค้าเป็นเหมือนพวกเราวิถีของเรา”
“อืม..แปลกจริงทำไมข้าถึงไปอยู่หลังต้นอิคดราซิลย์หล่ะ”
“ลูกดูไม่ตกใจเลยน่ะ หรือพ่อเจ้าบอกเรื่องนี้กับเจ้าเเล้ว”
“ไม่มีใครบอกข้าหรอกเเต่ข้าสงสัยมานานแล้วหล่ะ....ท่านเเม่ข้าอยากลงไปที่โลกเบื้องล่าง ข้าอยากเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกใบนี้...ท่านเเม่ข้าขอไปกับพวกเค้าได้มั้ย”
.....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
ᴍᴏᴛʜᴇʀ ᴍᴏᴛʜᴇʀ🖤
แปลกใจ
2024-08-09
1