Warsword Conquest
ฟุ้บๆ เป้งๆ - - -
เสียงการกระทบกันของดาบขวานและโล่ดังก้องไปทั่ว มันเป็นการปะทะกันของขบวนรถม้าของมนุษย์กับเหล่าอสุรกายตัวเขียว พวกออร์คและก็อบลิ้น มนุษย์ที่ตัวเล็กกว่านั้นถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย แต่ในทันใดนั้นเองกลับมีเสียงดังดุจสายฟ้าฟาดดังขึ้น ปั้งๆ ฟุ้บๆ
“ฆ่าพวกมันให้หมด ไปคุ้มกันขบวนเกวียนด้วย”
กองกำลังลาดตระเวนของเหล่าคนแคระก็ปรากฏตัวออกมาช้วยขบวนรถม้าของมนุษย์ และขับไล่และสังหารพวกมันด้วยคมขวานและค้อนสงคราม เมื่อสิ้นสุดการปะทะกันนั้น มีเรื่องน่าแปลกใจเกิดขึ้น คือ ภายในกองกำลังของเหล่าคนแคระนั้นกลับมีมนุษย์อยู่ด้วยเค้าดูเหมือนเป็นผู้นำ และ เป็นผู้ออกคำสั่งกับเหล่าคนแคระคนอื่นๆ ชายคนนั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา และ มีร่างกายสูงใหญ่ดังวีรบุรุษ ภายใต้หนังหมีที่ห่มไว้นั้นคือร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยสักอักษรรูน
“ท่านนายกอง ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
ทหารคนหนึ่งมารายงานให้ชายคนนั้น ชายชราที่แต่งตัวด้วยชุดที่ดูภูมิฐานก็ได้เข้าไปกล่าวขอบคุณชายผู้นั้น
“เอ่อขอบพระคุณมากน่ะครับที่ช้วยพวกเราไว้ ถ้าไม่ได้พวกคุณพวกเราคงไม่รอด”
พ่อบ้านของขบวนเกวียนนั้นกล่าวขอบคุณ พร้อมด้วยความสงสัยว่าชายผู้นี้เป็นเเละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นยังไงกันเเน้
“กระผมขอทราบชื่อของท่านได้รึเปล่าขอรับ”
“ข้าคือ เครซัส อิคดราซิล น้องชายของ บาดิน ไออ้อนบลัด และยัง บุตรชาย ของราชาบาราดิ ไออ้อนบลัด และ ราชินีเฟรดิส ไออ้อนบลัด”
พ่อบ้านตกตะลึงในสิ่งที่ได้ยินและยิ่งสับสนยิ่งขึ้น
“ขอประทานอภัยน่ะครับ แต่ท่านเป็นมนุษย์ไม่ใช้เหรอครับ”
“ ก็ใช้...เอาเถอะไม่จำเป็นต้องรู้หลอก เพราะข้าเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมข้าถึงมาอยู่ทีนี้ แต่ช่างมันเถอะเสียงตะโกนดังออกเดินทางกันต่อดีกว่า”
เอี้ยด - - - ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูรถม้า หญิงสาวสูงศักดิ์ก้าวเท้าลงมาจากรถม้า หญิงสาวที่มีผมขาวราวกับหิมะ และ ผิวที่ขาวซีดเหมือนคนตาย นางจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา สายตาของทั้งคู่ประสานกัน ชายหนุ่มตกตะลึงในใบหน้านั้นและบังเกิดความรู้สึกหลายอย่างที่ตัวเขาเองไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ขอบคุณที่ช้วยพวกเรานะคะ ถึงจะช้าไปหน่อย ฉันชื่อไอรีชฟีล วอน อีเดนส์ เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเพนโดเรียค่ะ”
“ข้า เครซัส อิคดราซิล พวกท่านคงจะเหนื่อยกับการเดินทางมามากและยังมีคนเจ็บและบาดเจ็บมาด้วย ข้าว่าเรารีบเดินทางต่อดีกว่าอีกไม่ไกรก็จะถึงนครเบอณ์เกนย์แล้ว”
“ฉันเห็นด้วยค่ะ แบรนด้อนไปบอกคนอื่นให้เตรียมตัวออกเดินทางต่อได้”
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
เจ้าหญิงกลับขึ้นไปบนรถม้าพร้อมหันมายิ้มให้ชายหนุ่ม ชายหนุ่มพยักหน้าและยิ้มตอบ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจทั้งที่ขบวนคุ้มกันแน่นหนาพร้อมด้วยทหารที่ใส่เกราะหนักกลับถูกโจมตี และ พ่ายแพ้ให้กับพวกออร์คโดยง่าย เครซัสคิดในใจทำไมพวกที่อ่อนแบบนี้ถึงรอดมาได้ทั้งที่ทางขึ้นภูเขานี้เต็มไปด้วยอันตรายต่างๆ นา เค้ามีความสงสัยขึ้นมาแล้วว่าที่โลกมิดการ์ดด้านล่างนั้นมันมีภัยอันตรายหรือไม่ทำไมพวกที่อ่อนแอนี้ยังดำรงเผ่าพันธุ์มาได้
จากนั้นกองกำลังของชาวหุบเขาก็ได้คุ้มกันคณะทูตจากแเดนเบื้องล้างไปสูนครใต้ขุนเขา
ไม่กี่ชั่วโมงจากนั้นก็มีเสียงตะโกนจากทหารทหารชาวหุบเขานายหนึ่ง
“ถึงแล้ว นั้นนครเบอณ์เกนย์”
เบอณ์เกนย์ คืออาณาจักรใต้ขุนเขาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักคนแคระในดินแดนนิดาเวลลีร์ เหล่าชาวหุบเขานั้นนับถือใน ออล์ฟาเทอร์ โอดิน เป็นเทพสูงสุดของพวกเค้าทั้งนี้พวกเค้ายังเชื่อในคำมั่นสัญญา และ คำสัตย์สาบาน บุญคุณต้องทดแทน จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำำให้พวกเค้าไม่เคยเข่นฆ่ากันเอง
มื้อคณะทูตเดินทางเข้าสู่ นครสเบอณ์เกนย์แล้วสาวใช้ของเจ้าหญิงก็ได้เอื่อยขึ้น
“ว้าว.....ดูสิเพคะองค์หญิงในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงแล้วเพคะองค์ มันค่อนข้างต่างจากที่หม่อมฉันคิดไว้มากเลยนะเพคะ”
“ อืม ช่างมันเถอะเมลเราไม่ได้มาที่นี้เพื่อมาเที่ยวเล่นนะ เรามีหน้าที่ๆจะต้องทำ”
“เพคะองค์หญิง q_^_q ”
ขบวนรถม้ามุ่งหน้าเข้าสู่นครเบอณ์เกนย์อันยิ่งใหญ่ เมื่อผ่านเข้าสู่เมืองแล้วผู้คนต่างก็พากันมุงดูเหล่าผู้มาเยือนจากเบื้องล่างด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่บ่อยนักที่มนุษย์จะขึ้นมาที่นิดาเวลลีร์
หลังจากที่คณะทูตเดินทางได้เขาสู้นครใต้หุบเขาแล้วก็ได้ทหารชาวหุบเขานายหนึ่งวิ่งกระหึดกระหอบมาและได้โกนขึ้น
“เปิดทางหน่อยเปิดทาง ท่านนายพลมา”
ก็ได้ปลากฎร่างของชาวหุบเขานายหนึ่งขึ้น เขานั้นก็ดูไม่ต่างจากชาวหุบเขาคนอื่นมากนัก เพียงแค่สีของผมและเคราของชายผู้นั้นเป็นสีเงิน ร่างกายของเขานุ่งหมด้วยเกราะชั้นดีจากฝีมือชาวหุบเขา และประดับพร้อมด้วยกะโหลกของตัวอะไรซักอย่างคล้ายจะเป็นกระโหลกของกระทิงขนาดใหญ่สพายไว้ที่ไหล่ด้านขวา
เมื่อชาวหุบเขาคนนั้นเดินมาถึงคณะทูตก็ได้กล่าวทักทายตามมารยาท
“ยินดีต้อนรับสหายจากเบื่องล่าง ข้าคือ บาดิน ไออ้อนบลัด ลูกชายขององค์ราชาบาราดิน ไออ้อนบลัด เดี่ยวข้าจะให้คนของข้านำทางพวกเจ้าไปยังห้องเพื่อพักผ่อนก่อนที่จะเริ่มประชุม”
จากนั้นสายตาของเขาก็ได้มองมาที่ เครซัสพร้อมกับทำหน้าดุ
“นี้ไอน้องชาย เจ้าไปก่อปัญหาอะไรไว้ ท่านแม่ตามหาเจ้าตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ข้าเปล่านะ แล้วไม่มีใครบอกท่านแม่สักคนเลยเหรอว่าข้าออกไปลาดตระเวน”
“ใครจะกล้า เจ้าก็รู้ถ้าเกิดบอกไปแล้วผิดหูท่านขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น”
“ยังไงก็เถอะเจ้าไปหาท่านก่อนที่การประชุมจะเริ่มก็แล้วกัน ข้าว่าท่านหน้าจะมีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้าแน่”
“คร้าบๆ รับทราบ แล้วท่านแม่อยู่ไหนหละ”
“น่าจะห้องวิจัยของเจ้านั่นแหละ รีบีบหน่อยก็แล้วกันอีกไม่การประชุมจะเริ่มแล้ว”
“เอาหละเราไปกันเถอะข้าพาพวกท่านไปที่ห้องโถงและพักผ่อนกัน ก่อนที่การประชุมจะเริ่ม”
บาดินและเหล่าคณะทูตก็ได้แยกตัวเดินทางไปที่ห้องโถง และ เครซัสเองก็ไปที่ห้องวิจัยเพื่อพบกับผู้เป็นแม่พร้อมกับคำถามในใจที่เกิดขึ้นว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แต่เค้ากลับไม่รู้ตัวเลยว่าหลังจากที่หันหลังเดินออกไป สายตาขององหญิงที่มองยังแผ่นหลังของเค้านั้นมีแต่ความฉงน และ สงสัยอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับชายผู้นี้เธอมองเเผ่นหลังของชายผู้นี้จนกระทั้งลับตา
ต๊อกๆ ต๊อกๆ เอี้ยด
เครซัสเดินมายังห้องวิจัยและลำลึกถึงความหลัง ที่ๆเค้าเกิดที่ๆเค้าเติบโต “เอี้ยด” เสียงเปิดประตูดังขึ้น
“เอ่อ ท่านเเม่ ”
“ไปไหนมาไอ้ตัวแสบ”
“ข้า...ข้าไปลาดตระเวน”
“เเม่บอกเจ้ากี่ครั้งเเล้วเครซัส”
“เเต่ท่านพวกเค้ายังใหม่ท่านเเม่ ในหน่วยลาดตระเวนนั้นส่วนมากไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงด้วยซ้ำ ท่านจะให้...”
ชายหนุ่มได้เงียบไปพร้อมกับทำหน้าสลดลงเล็กน้อย
“เครซัส พวกเค้าเป็นนักรบ”
“เเม่รู้ว่าลูกเป็นห่วงพวกเค้า เเต่ลูกต้องเข้าใจ ลูกปกป้องพวกเค้าตลอดไปไม่ได้”
ไร้ซึ่งเสียงใดๆจากชายหนุ่ม เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร จากนั้นราชินีแห่งขุนเขาก็ได้อธิบายให้เขาฟัง
“ในสนามรบประสบการณ์จะหล่อหลอมพวกเค้าเถอะ นี้เป็นวิถีของเราลูกชายแม่ เจ้าเองก็รู้เรื่องนี้ดีมิใช้รึ ปล่อยให้เป็นไปตามวิถีเถอะ”
ชายหนุ่มไม่พูดอันใดออกมาอีกถ่ามกลางความเงียบนั้นราชินีแห่งขุนเขาก็ได้ทำลาความเงียบขึ้น
“คณะทูตจากมิดการ์ด พวกเค้าต้องการเจรทำการค้ากับพวกเรา น่าแปลกใจน่ะที่พวกเรากับพวกเค้าไม่ได้มีการติดต่อระหว่างกันมานานนับตั้งเเต่สิ้นสุดยุคของจักรพรรดิโครินท์ กลามเหล็ก จักพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิวาเนียร์”
“แล้วทำไมถึงไม่มีการติอต่อกันอีกจักรพรรดิล่ะครับ หรือเพราะสิ้นสุดผู้นำ ความก็จะสัมพันธ์ก็สิ้นสุดลงเหมือนกัน”
“หลังจากการสวรรคตของจักรพรรดิโครินท์ ก็ได้มีจักพรรดิพระองค์ใหม่ถูกแต่งตั้งขึ้น จักพรรดิครีสตอฟ ผู้พิชิต เค้าเป็นคนที่ทะเยอทะยาน เค้าต้องการตะครองครองดินเเดนนิฟเฟลไฮม์ ดินแดนของพวกโทน ซึ่งเป็นพันมิตรทางการค้ากับพวกเรามายาวนาน ราชาของชาวหุบเขาในตอนนั้นคือ ราชาทอร์ดิส ไออ้อนคราว ก็ได้ตัดความสัมพันธ์กับจักรวรรดิวาเนียร์โดยทันที เพื่อตัดปัญหาที่จะตามมาภายหลัง”
“ อ้าาาา...การเมือง ยุ้งยากเสียจริง ว่าเเต่ท่านเเม่ท่านคิดว่าพวกเค้าต้องการอะไรกันเเน่ ถึงได้ดั้นด้นขึ้นมาถึงที่นี่ มั้นไม่เรื่องง่ายเลยน่ะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกจากทหารชาวหุบเขามาเรียกตัวทั้งสองคน
“องค์ราชินี มีรับสั่งให้ไปร่วมประชุมขอรับ”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments