ภาพดวงดาวบนจานราศีจักรปรากฎเบื้องหน้าชายหนุ่ม เขามองเพียงครู่เดียวก็เข้าใจได้เลยว่า ตำแหน่งดวงดาวที่ปรากฎขึ้น ณ เวลาที่เขากลับมามีชีวิต ตามที่ชายปริศนากล่าวมา เป็นเรื่องจริง ทั้งพื้นดวง บุคลิก นิสัย รวมถึงเรื่องที่ค้างคาในใจ ดวงดาวก็แสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมา
แต่เหมือนมีบางสิ่งที่ขาดไป…..ทั้งๆ ที่ดวงดาวก็ปรากฎครบในเรือนต่างๆ แต่มันไม่ใช่ทั่งหมด ไม่เคยพบอะไรแบบนี้มาก่อน ราวกับว่าดวงดาวปิดบังอะไรจากเขา และ แสดงออกมาในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยในทางทฤษฎี
นั่นยิ่งทำให้ความขุ่นข้องต่อลัทธินี้เป็นชนักปักใจที่ถอนไม่ได้ สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดต่อไปคือการโคจรของดาวในอนาคต แต่ก็คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ เมื่อชายหนุ่มนึกถึงสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ ความสนใจของเขาจึงเปลี่ยนไปอีกหน้าจอในทันที
สายตาของ กฤต จ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่กระพริบ ขณะที่นิ้วมือของเขาพิมพ์คำค้นหาเกี่ยวกับลัทธิประหลาดที่อาจเชื่อมโยงกับอดีตที่ถูกลบเลือน
ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอค่อยๆ นำเขาเข้าสู่โลกที่แปลกประหลาดและน่ากลัว ลัทธินี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มคนที่มีความเชื่อแปลกๆ แต่ดูเหมือนจะรู้จักเขาดีอย่างน่าขนลุก ข้อมูลที่ปรากฏทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกต้อนเข้ามุม ผู้นำระดับประเทศ และ ชนชั้นสูงมากมายที่เคยโดนโจมตีว่ามีเอี่ยวลัทธินี้ แต่ก็ไม่มีใครสนใจนัก ขณะเดียวกันภาพของพิธีกรรมแปลกๆ ที่น่าขนลุก ก็ดูเหมือนจะมาจากพวกพี้ยาเสียมากกว่า ความขัดแย้งพวกนี้เชื่อมโยงอย่างแปลกประหลาด
’ The Beyond ลัทธิรูปแบบเทวนิยม ที่มีแนวคิดว่าธรรมชาติคือความจริงในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากพุทธศาสนา รวมถึงเทพที่พวกเขาบูชาก็เป็นกลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนธรรมชาติ ส่วนใหญ่แล้วคนที่เคยมีข่าวเข้าร่วมลัทธินี้ มักจะเป็นบุคคลสำคัญทางสังคม เศรษฐกิจ เพราะเทพองค์ดังกล่าว เป็นเทพแห่งปัญญา และ ความสำเร็จ อีกทั้งยังมีบุคคลกึ่งศาสดาที่ไม่มีหลักฐานว่ามีตัวตนอยู่จริงๆ ภายใต้ชื่อ บียอนเดอร์ ‘
แกร็ก!
เสียงประตูเปิดออก จังหวะเดียวกับที่ไฟทุกดวงในห้องติดขึ้นพร้อมๆ กัน เผยให้เห็น ณภัทร ที่เดินโคลงเคลงเข้ามาในห้อง ในสภาพเสื้อผ้ายับเยิน กลิ่นฉุนของแอลกอฮอลล์ฟุ้งอยู่ในอากาศ จนกฤตต้องย่นจมูก
” อ้าว ไอ้น้องชาย ยังไม่นอนอีกหรือไง “
” ยัยนั่น ยังไม่ย้ายออกหรือไง ถึงต้องกลับมานี่ “ กฤตกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับจอโฮโลแกรมที่เปิดอยู่
“ก็เออสิวะ พรุ่งนี้มีนัดคุยกับเสี่ยบุญชัยด้วย มึงเตรียมข้อมูลหรือยัง “
กฤต คิดอะไรบางอย่างอยู่เพียงครู่ "พรุ่งนี้ ผมว่ายกเลิกนัดไปก่อนดีกว่า"
ณภัทร เดินเขามาหาน้องชายขณะขมวดคิ้วหรี่ตาเอียงคออย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เป็นไรวะ มึงอกหักหรือไง” โดยปกติแล้วคนที่พูดคำนี้ควรจะเป็นคู่สนทนาซะมากกว่า
สายตาของณภัทรเหลือบไปที่แฟ้มประวัติการรักษาบนเคาน์เตอร์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองภาพบนหน้าจอโฮโลแกรม ผ่านไหล่กฤต
"มึงทำอะไร?" เสียงของณภัทรแหบพร่าแต่ดูจริงจังขึ้นมาในทันทีที่เห็นสัญลักษณ์นั่นปรากฏอยู่บนหน้าจอ
กฤต หันมามองพี่ชายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
"พี่รู้จักด้วยเหรอ"
พี่ชายไม่ได้ตอบอะไรต่อจากนั้น หากแต่เพียงเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปรินน้ำ แววตา กฤต สำรวจสภาพพี่ชายอย่างละเอียดถี่ถ้วน ความพยายามจะปกติของณภัทรทำให้ความรู้สึกสงสัยของเขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
“พี่รู้อะไร?” กฤตถามด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
ณภัทรยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนลืมตากว้างเพื่อเรียกสติสัมปชัญญะ เขาส่ายหัว “ไม่รู้”
“พี่โกหกได้โคตรห่วยแตกเลยรู้ไหม"เค้ายิ้มอย่างคนรู้ทัน "ไม่แปลกใจพี่ถึงเป็นฝ่ายโดนยัยนั่นหลอก" กฤตทำหน้าไม่เชื่อ
“มึงอย่าไปยุ่งกับอะไรพวกนี้ดีกว่า” ณภัทรหลบสายตา “กูเตือนด้วยความหวังดี”
“ไหนบอกไม่รู้?” กฤต หรี่ตาอย่างคนจับผิด
“ก็แค่….เคยได้ยิน พวกงมงาย ปัญญาอ่อน” ณภัทรเบี่ยงเบนประเด็น
กฤตลุกขึ้นก่อนพี่ชายจะพูดจบ พลางคว้ากุญแจรถพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตที่พาดอยู่บนเคาน์เตอร์
“จะไปไหน?”
"ไปหาไรกินหน่อย เอาไรไหม?" กฤตตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ณภัทรส่ายหัว สีหน้าของเขานิ่งสนิท อ้ำอึ้งเหมือนมีอะไรบางอย่างที่อึดอัดอยากจะพูดออกมาเต็มที
“เดี๋ยว!” เสียงของณภัทรรั้งให้กฤตต้องหันกลับมามองพี่ชาย ผ่านไหล่ในจังหวะสุดท้ายก่อนถึงประตู “…..” ความผิดปกติก่อตัวขึ้นจนไม่ว่าใครก็สังเกตุได้
“มึง….ดูแลตัวเองด้วย”
คำพูดนี้ทำให้กฤตหยุดชะงัก ก่อนที่เขาจะยิ้มให้พี่ชายแล้วก้าวออกจากห้องไป ขณะที่ณภัทรยืนอยู่ในห้องเพียงลำพัง ความรู้สึกที่เขาอึดอัดอยากจะพูดอะไรออกมานั้นยังคงค้างคาอยู่ในลำคอ แต่สุดท้ายเขาก็เพียงแค่ยืนมองตามหลังน้องชายไปด้วยความเป็นห่วงที่ปกปิดไว้ไม่มิด
ความรู้สึกสงสัยและความกังวลยังคงวนเวียนในใจของกฤต และเมื่อมั่นใจแล้วว่าหลุดพ้นสายตาของพี่ชาย เขาจึงดึงแท็บเล็ตของณภัทรออกจากใต้เสื้อแจ็กเก็ตที่เขารวบไว้ในมือ......
____________________________________________
เช้าวันต่อมา......
รถปอร์เช่สีแดงเงาวับค่อยๆ เคลื่อนมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านจัดสรรแถบชานเมือง ณภัทรโทรหาใครบางคนเพื่อยืนยันสถานที่ที่เขาพึ่งจะมาถึง ก่อนจะลงไปยืนงกๆ เงิ่นๆ อยู่หน้าประตู บรรยากาศยามเช้าที่สงบเงียบตัดกับความวิตกกังวลที่เขาพกพามา ไม่นานนักประตูไม้สีขาวก็เปิดออกต้อนรับเขาด้วยความอบอุ่น
“สวัสดีค่ะ คุณณภัทร” หมอวรากล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง เธอเป็นหญิงวัยเฉียด 40 ที่ทรงเสน่ห์ และ มีความสง่างามแม้จะดูเรียบง่ายจากภายนอก หญิงสาวผายมือเชิญแขกผู้มาเยือน
หมอวราเป็นจิตแพทย์ที่ดูแล กฤต เพื่อรับมือกับภาวะหลังการสูญเสียความทรงจำ เธอถือเป็นผู้มีพระคุณจากการดูแลกฤตในระหว่างที่ตามหาญาติ หรือ คนรู้จัก ความเมตตาของเธอที่มีให้มันมากเสียยิ่งกว่าที่โรงพยาบาล ในประเทศที่ระบบสาธารณสุขห่วยแตกนี้จะมอบให้ผู้ป่วยได้
“สวัสดีครับหมอวรา ขอโทษที่มาทำให้ยุ่งในวันหยุด” ณภัทรกล่าวอย่างสุภาพ เขาเดินตามหมอวราไปยังห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มีรสนิยม พื้นที่ในห้องดูอบอุ่นและสะดวกสบาย
” รับชา หรือ กาแฟดีคะ “
ณภัทรทิ้งตัวลงบนโซฟาที่ฝั่งหนึ่งของห้อง "ขอเป็นชา ก็ได้ครับ"
หญิงสาวเดินหายเข้าไปทางหลังบ้านครู่หนึ่ง ปล่อยให้ ณภัทรนั่งเกรงๆ สอดส่ายสายตาไปบนวอลเปเปอร์รูปผีเสื้อที่เรียงรายตลอดแนวกำแพงทั้งสามด้านในห้องนั่งเล่น ให้ความรู้สึกคลาสสิค แต่ก็อบอุ่น ในเวลาเดียวกัน ก่อนที่หล่อนจะเดินกลับมาพร้อมถ้วยชาที่ส่งกลิ่นหอมนำมาก่อนแล้ว เธอส่งให้แขก
"ลูกคุณหมอไปโรงเรียนเหรอครับ" ณภัทรพยายามเปิดบทสนทนาให้ไม่ตึงเครียดมากนัก
” ลูก….. “หญิงสาวทำหน้างง ขณะเอนตัวลงฝั่งตรงข้ามเขา
"อ๋อ ขอโทษทีครับ จำได้ว่าคุณหมอชอบพาเด็กผู้หญิงไปที่โรงพยาบาลด้วย" ณภัทรก้มหัวด้วยความเข้าใจผิด
"อ๋อ หลานน่ะค่ะ" เธอยิ้มเขินๆ "แม่ของเธอชอบเอามาฝากเลี้ยงบ่อยๆ บอกว่าอยู่ไกล้หมอ โตขึ้นจะได้อยากเป็นหมอ “
ชายหนุ่มหญิงสาวหัวเราะกันอย่าง กระมิดกระเมี้ยนด้วยความไม่คุ้นเคย ก่อนที่คุณหมอจะเริ่มเข้าเรื่อง
“แล้ววันนี้ คุณณภัทรมีอะไรที่ไม่สบายใจหรือคะ”
“เรื่องกฤตน่ะครับ” ความวิตกกังวลแสดงออกมาในทันที เขาทิ้งระยะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกแก้วชาขึ้นจิบ "เมื่อวานนี้ ผมเห็นเขาเอาแฟ้มการรักษากลับมาที่บ้าน"
หมอวราพยักหน้าอย่างเข้าใจ "จริงๆ เป็นเรื่องธรรมดานะคะที่คนไข้ จะเกิดอาการวิตกกังวล เกี่ยวกับภูมิหลังที่ขาดหายไป หรือ อาจมีอาการสับสน เมื่อไม่สามารถปะติดปะต่ออดีตของตัวเองได้ ถ้าคุณ ณภัทร ไม่สบายใจ หมอจะช่วยนัดเขาให้ถี่ขึ้น แต่ก็ต้องอาศัยการอธิบ..."
"ที่ผมกังวลมันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิครับ" ณภัทรแทรกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำลายท่าทีที่ดูอบอุ่นของหมอวราได้เลย รอยยิ้มของเธอสร้างความสบายใจให้ทุกคนที่มองมา เธอเงียบเพื่อรอให้ ณภัทรพูดต่อ
ณภัทร ยกแก้วชาขึ้นดื่มอย่างอัตโนมัติ จนรู้ตัวอีกทีก็หมดแก้วไปเสียแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองหมอสาว
"เรื่อง...ลัทธิ นั่นน่ะครับ ผมคิดว่าเขา...กำลังค้นหาบางอย่างเกี่ยวกับมัน"
ชายหนุ่มจ้องไปยังหมอ ที่ยังทิ้งยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นนานกว่าปกติ แต่ก่อนที่เส้นของความผิดปกติจะแจ้งเตือนไปถึงสมอง การกระทำนั้นก็หยุดลง
"คุณณภัทรกังวลว่า....เขาจะเข้าไปยุ่งกับลัทธินั้นอีกหรือคะ"
"มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้น่ะครับคุณหมอ"
"อื้ม...หมอว่า" เสียงของเธอกลับมาดูอบอุ่นอีกครั้ง "เรื่องนั้นคุณณภัทรไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ หมอคิดว่าเราจะช่วยกันได้"
ชายหนุ่มยังคงถอนหายใจออกมา "ลำพังตัวเจ้ากฤตเอง ผมก็พอวางใจได้อยู่ครับ แต่ผมกลัวว่าพวกคนในลัทธิจะ...."
"เข้าหาเขาน่ะหรอคะ" หญิงสาววางมือประกบบนตักอย่างใจเย็น "อืม....แล้วช่วงนี้ นอกจากที่ว่ามา มีพฤติกรรมอย่างอื่นอีกไหมคะ"
"ยังไม่แน่ใจครับ พอสังเกตุได้ ผมก็รีบมาหาหมอเลย อีกอย่าง"สายตาของณภัทรเหลือบมองคุณหมอ "ไม่อยากทำให้มันอึดอัด ไอหมอนี่น่ะ คุณหมอก็รู้ใช่ไหมล่ะครับ" เค้ายิ้มแหยๆ
"ก็แปลกอยู่นะคะ" หมอสาวครุ่นคิดอย่างหนัก ความกังวลเผยออกมาบนใบหน้าเป็นครั้งแรก "แต่ตั้งแต่เราเปลี่ยนชื่อนามสกุลให้เขา แล้วก็ย้ายมารักษาตัวที่นี่ พวกนั้นก็ไม่เคยมายุ่งอีกเลย แล้วทำไมจู่ๆ กฤต ถึง กลับไปสนใจลัทธินั่นได้"
"ใช่น่ะสิครับ การที่ผมออกหน้าแทนเวลาไปดูดวง ประกอบกับเจ้า กฤต เอง ก็ไม่ใช่คนที่จะโผล่หน้าไปไหนบ่อยๆ มันยิ่งยากที่พวกนั้นจะตามตัวเจอ"
"แต่ก็ไม่ใช่ว่า เขาไม่ออกไปไหนเลยแหละเนอะ" หมอวรายิ้มออกมา "ช่วงนี้ยังไงก็ต้องฝาก คุณณภัทร ช่วยสังเกตุเขาอย่างละเอียดด้วยค่ะ"
"แล้วมีอะไรที่ผมควรระวังอีกไหมครับ"
"อย่างนึงที่เราจะลืมไม่ได้เลยนะคะคุณณภัทร วันนึงยังไงซะ กฤต เขาก็ต้องรู้ความจริง ทั้งตัวดิฉัน แล้วก็คุณ มีหน้าที่แค่เตรียมสภาพจิตใจ วุฒิภาวะ ให้เขาพร้อมเมื่อถึงวันนั้น ต่อจากนั้นจะเป็นยังไง คงต้องให้เขาตัดสินใจ
"นั่นสินะครับ เจ้านั่นก็เป็นคนพูดยากซะด้วย ถ้าเป็นคุณหมอคงทำได้ดีกว่าผมแน่ๆ" ณภัทรคอตก
"ถ้าอย่างนั้น หมอขอพบคุณกฤตหน่อยได้ไหมคะ"
"เป็นพรุ่งนี้เลยดีไหมครับ" ณภัทรสวนขึ้นมา แต่ก็ต้องแปลกใจอีกครั้ง กับท่าทีของหมอวราที่ทิ้งยิ้มอันน่าขนลุกค้างไว้เป็นครั้งที่สอง ในรอบไม่กี่นาที "หมอ...ครับ"
"ค่ะ" เสียงของณภัทรดึงหล่อนให้กลับมาปกติ "ได้ค่ะ แต่ทางด้านคุณ ณภัทรเอง ก็ต้องช่วยให้ความเข้าใจและข้อมูลกับคนไข้ด้วย ในด้านเรื่องราวในอดีต หรือ ความเข้าใจในตัวเอง....."
หมอสาวอธิบายและชวนณภัทรคุยเพื่อให้เขาผ่อนคลายขึ้น พยายามถามเรื่องสัพเพเหระเพื่อคลายวิตกให้ชายหนุ่ม บทสนทนาของทั้งสองไหลลื่นจนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่มากพอให้ณภัทรก้มมองเวลาบนข้อมือเป็นครั้งที่ 5
"ถ้าอย่างนั้นผม...ขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวต้องไปบอกเจ้ากฤตอีก หมอนั่นมันจอมดื้อซะด้วย" เขารู้สึกโล่งที่ความกังวลของเขาได้รับการผ่อนคลายไปบ้างและเขามั่นใจว่าหมอจะช่วยกฤตได้จากเรื่องนี้
"ยินดีที่ได้คุยค่ะ ถ้ามีปัญหาอะไร อย่าลังเลที่จะติดต่อมานะคะ"
"แหม่ เหมือนคุณหมอต้องมามีผมเป็นคนไข้เพิ่มเลยนะครับ" ณภัทรฉายแววความกะล่อนออกมา
"ค่ะ แล้วพรุ่งนี้พบกันพร้อมคุณกฤตนะคะ"
ชายหนุ่มวางแก้วลงบนโต๊ะข้างโซฟา ก่อนจะเหยียดขาส่งตัวเองยืนขึ้น จังหวะเดียวกับที่อากาศเย็นเยียบพัดแผ่วเบาสัมผัสหลังหูยาวลงไปถึงหลังข้อเท้าผ่านแนวสันหลัง
ทว่าวินาทีที่หัวใจบีบตัวเพื่อส่งเลือดขึ้นไปยังสมอง ระบบการไหลเวียนโลหิตก็เหมือนจะชะลอลงจนสูญเสียการทรงตัว ภาพคุณหมอวราที่พยายามเข้ามาประคองเคลื่อนแยกออกซ้อนกัน บ้านทั้งหลังหมุนติ้วหยืดหดอย่างโกลาหล ชายหนุ่มหันไปมองแก้วชาที่เขาดื่มจนหมดบัดนี้แตกกระจายอยู่บนพื้น เขาพยายามเหยียดแขนคว้าความว่างเปล่า ก่อนแรงกระแทกจะเกิดขึ้นที่ศรีษะแต่ก็สลายเหลืองเพียงความชาที่ซ่านไปทั่วร่าง
ก่อนสติจะเลือนหายไป ภาพลางๆ ของหมอสาวที่เข้ามาพยาเขย่าตัวเขาพร้อมเรียกชื่อ อยู่นานนับนาที สายตาอันพร่ามัวเจ้ากรรมทิ้งไปบนแขนช่วงบนของหญิงสาวที่มาอยู่ต่อหน้าในบัดนี้ รอยสักรูปต้นไม้ที่มีดวงตาประหลาดเผยตัวให้เขาเห็นในวินาทีสุดท้าย
ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกความมืดมิดแทรกตัวเข้ามาแทนที่จนแม่แต่ความกังวลเกี่ยวกับชะตากรรทของตนก็ไม่หลงเหลือ......
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
shizi ah
ถึงจะรู้สึกสนุกแต่ตอนนี้จะอัพหน่อยได้ไหม ฮักกก
2024-08-10
1