แสงอ่อนๆ จากจอโฮโลแกรมที่ปรากฎขึ้นท่ามกลางความมืด เปล่งรัศมีตกกระทบใบหน้าของกฤตที่บัดนี้คิ้วทั้งสองขมวดกันแน่นขณะกวาดสายตาไปบนข่าวอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในอดีตบนหน้าจอ
‘สังเวย 200 ศพ รถไฟความเร็วสูงพลิกคว่ำ’
เขาค่อยๆ กวาดสายตาลงมาตามเนื้อหาข่าวอย่างใจจดใจจ่อ
‘พบผู้รอดชีวิตเพียง คนเดียว เป็นชายวัย 19 ปี ขณะนี้อยู่ในอาการโคม่า ตำรวจเร่งสอบปากคำเจ้าหน้าที่รถไฟ….”
ชายหนุ่มเอียงหัวเล็กน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนสกอร์บาร์กลับขึ้นไปด้านบนสุด
‘22 พฤศจิกายน 2577’
เขาลากเคอร์เซอร์ก็อปปี้วันที่ที่ปรากฎขึ้น ก่อนจะใส่ลงไปในช่องค้นหา
‘ยังไม่พบผู้รอดชีวิต รถไฟความเร็วสูงพลิกคว่ำ’
‘ด่วน! รถไฟความเร็วสูง ตกรางยังไม่ทราบผู้เสียชีวิต’
สกอร์บาร์ถูกเลื่อนลงเรื่อยๆ ผ่านข่าวต่างๆ ที่ชายหนุ่มรู้ดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา ก่อนจะทิ้งสายตาออกจากหน้าจอ ความล้าของดวงตาแสดงออกมาหลังจากจ้องจอมาเป็นเวลานาน
‘ข่าวอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง’
ตัวหนังสือสีดำปรากฎที่ด้านล่างสุดของหน้า แสดงถึงส่วนที่เขาไม่เคยกดเข้าไป ชายหนุ่มคลิกในทันที ก่อนที่ข้อมูลต่างๆ จะไล่เรียงขึ้นมา
‘สุริยุปราคาก่อน 1 วัน! ชาวเน็ตโยงอุบัติเหตุรถไฟพลิกคว่ำ เชื่อลางร้าย เอี่ยวลัทธิประหลาด’
กฤต หยุดสกอร์บาร์ในทันที ก่อนจะกดเข้าไปอ่านเนื้อข่าวด้านในเกี่ยวกับสุริยุปราคาที่เกิดขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มๆ ค่อยวาดไปบนหน้าจออย่างช้าๆ ทว่าสิ่งที่ได้ กลับเป็นเพียงข่าวทฤษฎีสมคบคิด ที่หลอกให้คนคลิกเข้าไปอ่านเสียมากกว่า
ชายหนุ่มอ่านอย่างคร่าวๆ ก่อนจะสะดุดตากับสัญลักษณ์ประหลาดที่มีรูปดวงตาอยู่ตรงกลาง เขาจ้องมันค้างอยู่อย่างนั้นโดยไม่รู้ตัว มีบางอย่างอยู่ในนั้น ภายใต้ความทรงจำอันมืดมน สิ่งนี้อยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ยิ่งค้นเท่าไหร่ มันกลับยิ่งว่างเปล่า ความคิดปรุงแต่งเริ่มแทรกเข้ามาอย่างช้าๆ บางทีเขาอาจจะเคยเห็นมันจากอินเทอร์เน็ต หรือ สื่อต่างๆ ….
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาดดังคลอเสียงพายุฝนที่เกิดขึ้นด้านนอก มันดึงให้กฤตหลุดออกจากภวังค์ เค้าสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะจดบันทีกอะไรบางอย่างในหน้าต่างด้านข้าง
‘21 พ.ย. 77 12:32’
‘22 พ.ย.77 - -:- -”
“ขอข้อมูลวันที่ 21 พ.ย. 2577 เวลา 12:32 สถานที่กรุงเทพมหานคร” กฤต พูดลอยๆ ขณะยังจ้องอยู่ที่หน้าจดบันทึก
“รับทราบค่ะ" เสียงระบบปฎิบัติการ์ณ Ai ตอบกลับ ก่อนที่จอโฮโลแกรมอีก 1 จอจะปรากฎขึ้นแสดงข้อมูลจานราศีจักรและตำแหน่งดาวในช่วงเวลาที่เกิดสุริยุปราคา
กฤต หรี่ตาลงขณะจดจ้องไปยังข้อมูลตรงหน้า
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ อยู่ร่วมกันในภพ มรณะ หมายถึง การสิ้นสุดของอะไรบางอย่าง อย่างไม่คาดคิด
ดาวเสาร์ อยู่ในภพ วินาศ หมายถึง การสูญเสีย การทำลายล้าง และ ความลับ
ดาวอังคาร อยู่ในภพ อริ การเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมาน การต่อสู้
ดาวพฤหัสบดี อยู่ในภพ ตนุ หมายถึง การเริ่มต้นใหม่
และตำแหน่งดาวอื่นๆ ที่ปรากฎในแนวทางคล้ายๆ กัน กฤต ค้างอยู่หน้านี้นานนับนาที ขณะที่ความวิตกกังวลค่อยๆ เผยออกมาให้เห็น ก่อนจะสลับสายตาไปมองที่ตัวเลขอีกชุด ที่ยังขาดในส่วนของเวลาไป
‘22 พ.ย. 77 —:— น.’
สายตาของชายหนุ่มค่อยๆ โฟกัสอีกครั้งไปที่สัญลักษณ์รูปดวงตาที่ยังเปิดค้างอยู่อย่างนั้น
——————————————————
เสียงจอแจของผู้คนเงียบไปผิดปกติ โดยปกติขบวนรถไฟความเร็วสูงช่วงบ่ายแบบนี้หากจะนอนหลับสักงีบ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก หรือ จะคิดเสียว่าผู้คนกำลังชื่นชมกับทัศนียภาพภายนอกที่กำลังวิ่งผ่านภูมิทัศน์อันสลับซ้อนของหุบเขาทางภาคเหนือ
‘แม่ฮ่องสอน อีก 16 สถานี ‘
ชายหนุ่มนั่งจ้องข้อความนี้ บนหน้าจอโฮโลแกรมเหนือหัวมาซักพักนึงแล้ว ท่าทีที่ดูสุขุมนิ่งเงียบของเขาซ่อนความร้อนรนไว้ภายใน หมวกแก็ปสีดำปกปิดใบหน้าช่วงบนได้อย่างดีเยี่ยม สิ่งที่พอจะสังเกตุได้มีเพียงหนวดสีดำที่โค้งเป็นทรงสวยงาม
ขาและมือของเขากระดิกเบาๆ ขณะที่เหลือบมองโดยรอบอยู่เป็นระยะจากด้านท้ายสุดของขบวน จากจุดที่เขานั่งสามารถสังเกตุความเป็นไปบนขบวนรถได้เป็นอย่างดี สายตาของวาริชจับจ้องทุกการกระทำภายในขบวนรถไฟ 11 คน คือจำนวนคนที่ขึ้นมาและลงไปในชั่วโมงที่ผ่านมา
วาริช หัวหน้าทีมปล้นที่กำลังโด่งดังอยู่ในข่าวตอนนี้จากวีรกรรมบุกปล้นธนาคารกลางโดยรอดจากด่านรักษาความปลอดภัยไปได้ทั้งหมด เขาควรจะใช้เงินอย่างสะดวกสบายอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลก หากไม่พลาดในขั้นตอนสุดท้ายระหว่างการขนเงินออกมาจากที่นั่น ถึงตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่ยังลอยนวลกับเงินที่หยิบฉวยติดตัวมาได้นิดหน่อย แต่มันก็มากพอที่จะข้ามไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน
สาวผมบลอนด์ในชุดเดรสสีแดงเจิดจรัสเป็นจุดรวมสายตาในทันทีที่เธอปรากฎตัวเข้ามาทางประตูเชื่อมโบกี้ วาริช หลบสายตาในทันทีที่พบว่าเธอกำลังจ้องมาทางเขา ขยับตัวเล็กน้อยพลางกระแอมส่งสายตาออกไปนอกหน้าต่างอย่างปกติที่สุด มือทั้งสองกอดกระเป๋าเอกสารสีดำไว้บนตัก
เธอ เดินมานั่งหันหน้าหาเขาที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างมีเป้าหมายชัดเจน ชายหนุ่มพยายามไม่สนใจแต่ทว่ามือปริศนาก็เผยกายออกมาใต้เสื้อคลุมพร้อมปืนแม็กกาซีนที่ชี้ไปทางหล่อน ขณะที่แขนปลอมข้างนึงของเขายังคงกอดกระเป๋าอยู่อย่างนั้น
แต่สีหน้าของเธอกลับไม่ได้มีการหวั่ตวิตกปรากฎออกมา หากแต่เพียงคลี่ยิ้มที่คาดเดาไม่ได้ขณะจ้องมายังเขา เธอปัดผมสีบลอนด์ไปทางด้านหลัง เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มที่ถูกรัดโดยชุดเดรสเนื้อมันเงา
“ถ้าจะมาชี้ตัวผม ขอร้องล่ะ ผมไม่อยากฆ่าใครเพิ่มอีกแล้ว” วาริชกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาขณะที่เธอยังสู้ตาอยู่อย่างนั้น
"หึๆ" หญิงสาวหัวเราะในลำคอ “คุณรู้ว่าฉันไม่ใช่”
วาริช ขมวดคิ้วแน่น กัดฟันเกรงอย่างระแวดระวัง เขามองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเห็นรอยสักสัญลักษณ์ต้นไม้ที่มีดวงตาอยู่ตรงกลาง มันปรากฎออกมาบริเวณส่วนเว้าของชุดช่วงเอว
“มีอะไร?” สายตาของชายหนุ่มยิ่งระแวงกว่าเก่า
“มีตำรวจ 13 คน อยู่ที่สถานีต่อไป ในขบวนนี้อีก 3" เธอมีท่าทีที่ผ่อนคลาย “และวิธีรอดมีแค่วิธีเดียวคือตอบตกลง”
วาริช ชะโงกดูชายที่เค้าสงสัยกำลังยืนพิงประตูระหว่างตู้มาราวๆ 20 นาที ก่อนจะหันกลับมาหาหญิงสาวปริศนา
"แล้วเธอต้องการอะไร"
” มีคนอยากให้คุณมาทำงานให้ “
'สถานีต่อไป 1 นาที' ข้อความบนจอโฮโลแกรมวิ่งขึ้นมาดึงความสนใจของวาริช เขาลุกขึ้นทันทีอย่างคุมตัวเองไม่ได้
”ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังหนี" ชายหนุ่มเริ่มลุกลี้ลุกลน
” นั่งลง “
” มีอะไรก็รีบๆ พูดมาสิวะ “
”นั่งลงค่ะ“ หญิงสาวไม่ได้มีท่าทีที่ร้อนรนตามวาริช ก่อนที่ชายหนุ่มจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้งอย่างจำยอม
” ถึงเวลาที่คุณต้องตอบแทนเราแล้ว บียอนเดอร์ ต้องการให้คุณและลูกทีมไปเอาของสำคัญบางอย่าง “
"นี่เธอ ไม่ได้แหกตาดูข่าวหรือไง พวกมันโดนจับไปกันหมดแล้ว" ชายหนุ่มกัดฟันพูดขณะที่ปืนยังจ่อหญิงสาวตรงหน้า
"เรื่องนั้นเราจะจัดการเอง แต่ถ้าคุณอยากรอด มีแต่ต้องตอบตกลงตอนนี้เท่านั้น" หญิงสาวกดดัน
วาริชสังเกตุการเคลื่อนไหวในตู้โบกี้หน้า ก่อนจะมองรอดออกไปนอกหน้าต่างที่บัดนี้ชานชลาต่อไป ปรากฎกลุ่มตำรวจนอกเครื่องแบบเฝ้ารอให้รถไฟไปถึง
“ตกลงๆ” เขาร้อนรนตอบอย่าวคนเสียสติ "อะไรก็ได้ พากูออกไปเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวเพียงส่งยิ้มอ่อนให้ๆ อย่างผู้ชนะ
สถานีรถไฟที่พลุกพล่านจอแจบัดนี้ ผู้โดยสารโดนเกณฑ์ออกไปจนหมด ตำรวจนอกเครื่องแบบส่งสัญญาณกันผ่านหูฟังเมื่อเห็นรถไฟค่อยๆ ชะลอความเร็วเข้าสู่สถานี ปืนนับ 10 กระบอกถูกปลดเซฟเตรียมพร้อมบุกจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ
ทันทีที่รถไฟลดความเร็วถึงระดับหนึ่ง นายตำรวจที่ยืนเฝ้าขวางประตูไว้มาหลายสถานีก็เผยตัว ปืนแม็กกาซีนถูกดึงออกมาจังหวะเดียวกับที่ ประตูทุกบานของรถไฟเปิดออกพร้อมกัน ตำรวจนับ 10 นาย กรูสวนผู้โดยสารเข้ามาภายในขบวน
“หยุด ก้มลงกับพื้น” เสียงตะโกนดังขึ้น ก่อนที่นายตำรวจคนแรกที่เข้ามาจะค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าแทบจะในทันที
เก้าอี้ที่ท้ายสุดของขบวน อันเป็นเป้าหมาย บัดนี้เหลือเพียงเก้าอี้ที่ว่างเปล่า……..
วาริชประมวลผลเหตุการ์ณต่างๆ ระหว่างนั่งหอบแหกๆ อยู่บนเบาะหนังอัลคันทาร่าที่ถูกตัดเย็บอย่างละเมียดละไมภายในรถหรูที่เบาะด้านหลังชายปริศนาในชุดสูทที่กำลังควบคุมรถคันนี้ ด้านข้างของเขาคือหญิงสาวชุดแดงที่ยังคงความเปล่งประกาย และเยือกเย็น ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
วาริช ดึงหนวดปลอมที่ติดไว้ออก เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตั้งสติได้พอดี "อย่าขับบนทางหลวงนะ ป่านนี้ข่าวคงกระจายออกไปแล้ว" เขาพูดลอยๆ บอกคนขับรถ "ตกลงนี่มันเรื่องบ้าอะไร “
หญิงสาวหันมายิ้ม ก่อนที่รถจะค่อยๆ เบรคจนหยุดลง ด้วยความเร่งรีบก่อนหน้านี้ วาริช ไม่ทันสังเกตุเลยว่าบัดนี้รถจอดอยู่บนถนนกลางเขาที่รายล้อมไปด้วยป่าดิบชื้น เนื่องจากเป็นทางสายรองที่แคบ จึงไม่ค่อยมีรถใช้เส้นทางนี้ รถจอดนิ่งสนิทอยู่กลางถนน
” บียอนเดอร์ อยากให้คุณทำงานนี้โดยสมัครใจ” หญิงสาวกล่าว
“ก็เออสิ ฉันเลือกอะไรได้รึไงวะ” ชายหนุ่มเริ่มระแวงขณะหันมองรอบๆ รถ
“อย่ามองฉันแบบนั้นเลย ไอเงินแค่นั้น ถามจริงๆ ว่าถ้าคุณข้ามประเทศไปได้จะอยู่ได้สักกี่เดือน” หญิงสาวขำออกมาอย่างเย้ยหยัน
“จะให้ฉันทำอะไรก็พูดมาดีกว่าน่ะ”
หญิงสาวยื่นรูปถ่ายใบหนึ่งให้เขา มันเป็นรูปของพระธาตุเจดีย์ชื่อดังในจังหวัดสุรินทร์ สร้างจากหินคล้ายศิลปะขอมโบราณ ความสูงราวๆ ตึก 10 ชั้น ถือเป็นพระธาตุที่สูงที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิที่มีผู้คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำพิธี สวดมนต์ ปฎิบัติธรรม ตลอด 24 ชม. อย่างไม่เคยขาด
“บ้าอะไรวะเนี้ย พวกแกจะให้ฉันปล้นวัดหรือไง” วาริช ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“มีของสำคัญที่เราอยากได้ อยู่ที่ชั้นบนสุดของพระธาตุนี้”
“โอเค เดี๋ยวฉันจะลองเขียนจดหมายไปหาเจ้าอาวาสให้ ว่าผู้นำลัทธิของพวกแกอยากได้กระดูกพระพุทธเจ้าไปบูชา”
หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มเล็กๆ อย่างผู้เหนือกว่า ขณะมองชายหนุ่ม
“เราถึงต้องการให้คุณทำไง”
“แล้วไง เผื่อไอบียอนเดอร์ของเธอมันไม่ได้ดูข่าว บอกมันด้วยล่ะว่าลูกน้องฉันโดนจับไปหมดแล้ว”
วูบ!
หญิงสาวผายมือไปในอากาศ ก่อนจอโฮโลแกรมจะปรากฎขึ้นภายในรถ เธอปัดอีกทีเพื่อให้จอสไลด์ไปอยู่ด้านหน้าวาริช สิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอคือ ภาพข่าวการบุกปล้นธนาคารกลางที่อุกอาจที่สุดเท่าที่เคยมีมา
วาริชกวาดสายตามองตาม แต่ทว่าก็ต้องตาเบิกกว้างเมื่อภาพผู้ต้องหาที่ถูกจับได้แต่ละคนที่ปรากฎนั้น ไม่ใช่ลูกน้องของเขาเลยแม้แต่คนเดียว ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อกับภาพตรงหน้า จนต้องหันไปถามหญิงสาว
“นี้มันบ้าไปแล้วหรือไง”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอก่อนจะเบือนหน้าหนีออกไปด้านนอก
” ข้อมูลทั้งหมดคร่าวๆ ถูกส่งให้แล้ว ลองดูซะก่อนซิ “
วาริชค่อยๆ หันกล้บมาด้วยความสับสน เขาเคยเป็นสมาชิกลัทธิประหลาดนี้แต่ก็เป็นเพียงระดับหางแถว ถีงจะรู้ถึงความมีอิทธิพลในแวดวงชั้นสูงของลัทธินี้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ในขนาดนี้
เขาปัดมือไปบนหน้าจอก่อนที่รูปของใครบางคนที่เขาไม่คุ้นตาจะเลื่อนขึ้นมา
” พวกนี้มันใครกัน “
จอถูกเลื่อนภาพของบุคคล 5 คนให้แสดงขึ้นมา 1 ในนั้นคือ กฤตกวิน คนที่มีวงเล็บท้ายชื่อว่า ‘นักโหราศาสตร์ ‘
” พวกคน…" หญิงสาวหันมาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบ” ที่เป็นคีย์แมนในภารกิจยังไงล่ะ “
——————————————————
ชีสเบอร์เกอร์ที่ถูกใส่แฮชบราวน์ซ้อนเข้าไปอีกชั้นถูกกัดคำโต ระหว่างที่กฤตนั่งอยู่ในโรงพยาบาลรัฐช่วงบ่ายแก่ๆ ผู้คนที่ขวักไขว่จอแจทั้งวันเริ่มซาลงไปบ้างแล้ว ชายหนุ่มสอดส่ายสายตาดูความเป็นไปของโรงพยาบาลที่เขาฟื้นขึ้นมา สถานที่ที่เขาอยู่ที่นี่มาแรมปี ก่อนที่แพทย์จะลงความเห็นว่าสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง
รถเข็นมากมายผ่านไป และคนไข้ใหม่ที่ยังมีทะยอยเข้ามาเรื่อยๆอย่างบางตา ในที่สุดเสียงที่กฤตรอคอยก็ดังขึ้น
"กฤตกวิน คงสวัสดิ์ เชิญที่ช่อง6ค่ะ"
เขารีบลุกตรงไปที่ห้องที่มีกระจกใสกั้นระหว่างด้านในและด้านนอก ก่อนจะก้มหน้ามองผ่านช่องเล็กๆด้านล่าง ตะกร้าสีฟ้าถูกเลื่อนสวนออกมาพร้อมแฟ้มเอกสารด้านใน
"อ้าว น้องกฤตเองหรอ ป้าก็ว่าชื่อคุ้นๆ" พนักงานห้องเวชระเบียนวัยกลางคนกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
กฤตยิ้มบางๆก้มหัวให้ขณะเซ็นเอกสาร ที่พนักงานยื่นให้"ครับผม"
"เป็นยังไงบ้างลูก ไม่ได้เจอซะนาน ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ" พนักงานยังคงซักไซร้อย่างคนสนิทสนม
"ก็...โอเคครับ"
"มาเอาประวัติการรักษาไป รพ.เอกชนล่ะสิ ดีแล้ว รพ.รัฐน่ะมันห่วย ช้าก็ช้า"
ชายหนุ่มยิ้มๆ ขณะเลื่อนแผ่นกระดาษคืนให้ป้า
"เสียดายนะ วันนี้หมอวราไม่เข้าเวร อดเจอเลย" ป้ายังคงพูดต่อไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปเรียกคนอื่นๆในห้อง "นี่ๆ กฤตไงจำได้ไหม ที่รถไฟตอนนั้น"
ทุกคนหันมาทักทายอย่างคุ้นเคย กฤตรับซองเอกสารประวัติการรักษามา ก่อนจะกล่าวลาเหล่าป้าๆในห้องทะเบียนอย่างเป็นกันเอง
หลังจากได้ประวัติการรักษามาแล้ว แผนบางอย่างในหัวเร่งรีบให้เขารีบเปิดดู ชายหนุ่มเลือกที่นั่งเงียบระหว่างทางเดินข้ามตึกวอด ที่คิดว่ามีผู้คนน้อยที่สุดแล้วในโรงพยาบาลในเวลานี้ มันเป็นโถงทางเดินทึมๆ ที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟยาวตลอดแนว
เขาดึงเอกสารออกมาจากซองจนหมด ค้นหาอะไรบางอย่างในผลการรายงาน ตัวเลขที่ขาดไปจากที่เค้าต้องการ เวลาที่เค้าตามหา และไม่เคยนึกถึงมันเลยสักครั้ง
การค้นหาดำเนินไปอย่างนั้นราว 10 นาที ถึงแม้จะเช็คอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไล่ทีละบรรทัด ก็ยังไม่มีปรากฎ ตัวเลขสี่หลักที่เขาต้องการในทางโหรศาสตร์ เวลาที่เขาลืมตากลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง เวลาที่เขาได้รับชีวิตใหม่.....
"สามทุ่ม สี่สิบเจ็ดนาที"
เสียงของชายปริศนาดังขึ้นไม่ไกลจากเขา กฤต เงยหน้าขึ้นมองไปยังที่มาของเสียงนั้นทันที
ชายในชุดสูทสีดำ ถอดแว่นตาออกเผยให้เห็นแผลเป็ยที่พาดผ่านดวงตาข้างซ้าย เขาเสียบมันที่กระเป๋าเสื้อ และ ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น
นานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้แน่ชัดที่กฤตก้มไปหาเวลาดังกล่าว แต่บัดนี้เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ผู้คนในทางเดินนี้ก็หายไปจนสิ้น พร้อมๆกับเสียงจอแจที่ตอนนี้คงอยู่เพียงความเงียบสงัด เหลือเพียงเขาและชายปริศนาที่กำลังเผชิญหน้ากัน
"สามทุ่ม สี่สิบเจ็ดนาที หลังจากพบร่างของคุณ 6 ชั่วโมง คือเวลาที่คุณลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งแรก" ชายปริศนากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
กฤต จ้องชายตรงหน้า แม้จะสับสนแต่ก็ควบคุมการแสดงออกไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
"คุณเป็นใคร" เขาเอ่ยถาม
"จะพูดว่าเป็นคนที่รู้จักคุณ ดีซะยิ่งกว่าตัวคุณเอง ก็ไม่ผิดนัก" ชายปริศนาเดินเข้ามาไกล้ขึ้น กฤต รวบซองเอกสารบนตัก ก่อนจะยืนขึ้นอย่างช้าๆ
"คุณสับสนใช่ไหม? รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไปใช่ไหมล่ะ? มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นแต่กลับตอบตัวเองไม่ได้ รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่ใช่ของคุณใช่รึเปล่า?" เค้าย้ำขณะเดินเข้ามาอย่างองอาจ อย่างคนคุมเกม เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังก้องโถงทางเดิน กฤต ยังคงนิ่งขณะประมวลผลเหตุการ์ณต่างๆ ไม่บ่อยนักที่เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้ถูกควบคุมเช่นนี้
"รู้ได้ยังไง? ต้องการอะไร?" กฤตเอ่ยถาม
ชายปริศนาหัวเราะเบาๆ "ผมไม่รู้ครับ แต่เขารู้ เขารู้ทุกสิ่ง"
"แผลที่ตานั่นก็ดูน่ากลัวดีนะ แต่เลิกพูดให้ขนลุกซะที แล้วบอกมาว่าคุณหมายถึงใคร" กฤต พยายามกลับมาควบคุมสถานการ์ณ
ชายปริศนาหยุดลงตรงหน้า กฤต ก่อนจะยื่นการ์ดหน้าตาประหลาดให้
'The Sun'
กฤต รับไพ่ยิปซี จากชายปริศนา มันเป็นไพ่ยิปซีสีดำที่มีรูปบนไพ่แตกต่างจากศิลปะบนไพ่ยิปซีทั่วๆไป ที่มุมขวาล่างปรากฎตราสัญลักษณ์ลัทธิที่ กฤต จำได้ในทันที
"คุณจะได้คำตอบ ถ้าตกลงในข้อตกลงของเรา คำตอบทุกๆอย่างเกี่ยวกับตัวคุณเอง ทุกๆความทรงจำ เขายินดีจะให้มันคืนแก่คุณ"
"พูดเหมือนแกแบ็คอัพข้อมูลไว้อย่างนั้นแหละ พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องสักอย่าง"
ชายปริศนายังคงยิ้มอย่างผู้อยู่เหนือกว่า "คุณจะรู้ได้เอง ถ้าอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของคุณ ไปที่ที่อยู่ตามวันและเวลาบนการ์ดใบนี้"
กฤตก้มพลิกดูด้านหลัง มันปรากฎที่อยู่ สถานที่หนึ่งเป็นเลข ละติจูด และ ลองติจูด พร้อมวันที่และเวลา ที่มุมด้านซ้ายปรากฎเบอร์แปลกๆ ที่ขึ้นต้นด้วยเลข +78
"อะไรกัน คุณเป็นพวกแกงค์คอลเซ็น..." ยังไม่ทันจะพูดจบ เมื่อเงยหน้ากลับขึ้นมา ชายปริศนาก็หายไปเสียแล้ว กฤต หันมองซ้ายขวา เหมือนเวลาพึ่งจะกลับมาเดินอีกครั้งหนึ่ง เสียงจอแจของผู้คนดังมาจากไกลๆเช่นเดิม
ความสับสนงุนงงประดังประเดเข้ามาหาชายหนุ่ม ก่อนเขาจะวิ่งตามออกมาจนสุดทางเดิน แต่ภาพที่เห็นก็ยังมีเพียงคนไข้ทั่วๆไป ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ไร้ซึ่งร่องรอยของชายปริศนาเมื่อครู่ กฤต ก้มดูวันที่และเวลาบนบัตรในมืออีกครั้ง พลางสลับสายตาไปมองนาฬิกาข้อมือ
เหลือเวลาอีกแค่ 31 ชม. จากนี้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments