บทที่ 1 สุขสันต์วันโสด

แสงเหลืองนวลจากโคมระย้าตัดผ่านไอบางๆ ที่ลอยขึ้นจากสำรับอาหารบนโต๊ะไม้ตัวกลม สีของไม้แก่ที่ถูกเคลือบจนเงางามขับให้ร่องรอยแกะสลักรูปมังกรชันเจนสง่างาม ตระหง่านอยู่บนบานประตูทั้งสองที่ปิดสนิทจนเสียงจอแจที่อยู่ภายนอกไม่อาจเล็ดรอดเข้ามาได้ ผนังทั้งสี่ด้านทำจากไม้เนื้อดีที่ถูกเซาะร่องเป็นลาย ลูกฟัก*๑ จรดคิ้วไม้ทั้งด้านบนและล่าง ที่ด้านหนึ่งถูกเจาะเป็นช่องขนาดใหญ่ สำหรับแขวนรูปเทพเจ้ากวนอูทรงม้า อยู่ทางด้านลึกสุดของห้อง

“เอ้า! ยืนทำไรกันอยู่ เจี้ยๆๆ” ชายมีอายุร่างท้วมที่มีผมล้านไปถึงกลางหัวแกว่งตะเกียบเรียกบอดี้การ์ด 2 คนที่ยืนสงบนิ่งอยู่ทางด้านหนึ่งของห้อง ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะแสดงท่าทีเก้ๆ กังๆ ด้วยไม่แน่ใจกับคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย

" อั้วบอกให้มากิน" เขาเน้นเสียงเรียกซ้ำ ก่อนจะหันไปหัวเราะโพล่งอย่างโล่งอกออกมา กับชายหนุ่มในชุดสูทอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ "ขอโทษนะครับอาจาร์ย ไอพวกนี้มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย" เขาวางท่าทีอย่างคนมีอันจะกิน ก่อนจะขยับนาฬิกาข้อมือให้แน่นขึ้นด้วยกลัวว่ามันจะเลอะอาหารตรงหน้า

ชายหนุ่มเพียงคลี่ยิ้มเล็กน้อยออกมาด้วยท่าทีที่สุภาพ ทั้งใบหน้าและอายุของเขาอยู่ในวัยที่พอเหมาะพอควรในการสร้างความน่าเชื่อถือ หนวดและเคราสีเข้มประดับใบหน้าเสริมโหงวเห้งของความเด็ดเดี่ยวและเฉียบแหลม เสื้อเชิ้ตตัวในถูกปลดกระดุมออก 1 เม็ด ให้เปิดเผยช่วงอกเล็กน้อย เพื่อแสดงถึงความผ่อนคลาย แต่ยังคงความมืออาชีพอยู่ในที ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเอาเนื้อที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ และปรุงรสด้วยซอสเปรี้ยวหวาน ชิ้นที่เล็กที่สุดในจานมาไว้ในจานของตัวเอง ขณะบอดี้การ์ดทั้งสองย่องดอดเข้ามาเลื่อนเก้าอี้ที่ฝั่งตรงข้ามอย่างเบามือที่สุด

"อาจาร์ยณภัทรครับ อั๊วต้องขอบคุณอีกครั้งจริงๆ นะครับ ถ้าไม่ได้อาจาร์ย ไองูเห่าในสภา พวกนั้นคงเล่นงานอั๊วกับลูกชายไปแล้ว" สำเนียงไทยจีนถูกกล่าวออกมาอีกครั้งอย่างปลื้มปิติ

"ไม่เป็นไรหรอกครับท่านเรวัช มันเป็นหน้าที่ของผม” ณภัทรกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่แฝงอยู่ "แต่ท่านอย่าลืมเรื่องสุขภาพนะครับ ยังไงซะก็ยังวางใจไม่ได้จนกว่าดาวอังคารจะเคลื่อนออกจากเรือนอริ ระหว่างนี้ผมได้ให้ข้อมูลแนวทางกับเลขาท่านไปแล้ว คงจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย”

"ไอหยา"ชายแก่อุทาน "เรื่องนั้นให้เป็นหน้าที่ของหมอเถอะอาจาร์ย แค่อั๊วได้ตำแหน่งก็เหลือเชื่อแล้ว"เขายังคงคีบอาหารเข้าปาก ขณะที่มือข้างหนึ่งถือถ้วยข้าวรองไว้ใต้คาง

ณภัทรเหลือบตามองชายแก่อีกครั้ง ใบหน้าของเขาแสดงถึงความเข้าใจในความดื้อรั้นของท่านเรวัช แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวอะไรได้มากกว่านี้

"เอาล่ะครับ ถ้าท่านว่ามาอย่างนั้น ขอแค่ให้ระวังไว้บ้าง ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล" ณภัทรตอบพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและคีบอาหารเข้าปาก

บรรยากาศในห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง มีเพียงเสียงเคี้ยวอาหารและเสียงตะเกียบกระทบกับจานเบา ๆ เท่านั้นที่แทรกผ่านความเงียบ

"อาจารย์ณภัทร" เรวัชเริ่มพูดขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เคี้ยวอาหารเสร็จ "อั๊วสงสัยเรื่องหนึ่งนะ ทำไมดวงดาวถึงมีอิทธิพลกับชีวิตคนเราได้มากขนาดนี้"

ณภัทรวางตะเกียบลงและหันมามองเรวัชอย่างตั้งใจ เขาทิ้งระยะไว้ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว "ดวงชะตาเป็นเรื่องของการพยากรณ์ที่สะท้อนถึงแนวโน้มและสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต มันไม่ได้บอกว่าชะตาชีวิตเราจะเป็นอย่างไรโดยแน่นอน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเตรียมตัวและปรับตัวได้ดีขึ้น"

เรวัชพยักหน้าเบา ๆ "อั๊วเข้าใจ แต่บางครั้งมันก็เหมือนกับว่ามันมีอิทธิพลจนน่ากลัว"

ณภัทรยิ้ม “นั่นเป็นความเข้าใจที่พบบ่อย แต่จริง ๆ แล้ว ชีวิตของเรายังอยู่ในมือของเรา การกระทำและการตัดสินใจของเรายังมีความสำคัญที่สุด"

ท่านเรวัชเบ้ปากพลางพยักหน้าเบาๆ อย่างคนเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน ระหว่างคิดทบทวนคำพูดของณภัทร ขณะนั้นบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่นั่งตรงข้ามก็หันมามองหน้าเจ้านายของตนอย่างเงียบ ๆ

” ส่วนเรื่อง…. “ ณภัทรกล่าวขึ้นและหยุดชะงักไปกลางอากาศแบบกระทันหันจนทุกคนในห้องสังเกตุได้

” …..ส่วนเรื่องเทสล่าตัวใหม่ ที่ท่านเรวัชเคยบอกว่าจะให้เป็นโบนัสหากได้รับตำแหน่ง ให้ผมไปรับที่ไหนดีครับ “  เสียงเบาๆ ดังเข้ามาผ่านหูฟังไร้สายของณภัทร เสียงที่คอยบอกข้อมูลให้ชายหนุ่มพูดมาตลอดการสนทนา

“เรื่องอะไรหรอครับ” ท่านเรวัชชะงักตาม ขณะมองหน้าชายหนุ่ม ในห้วงสูญญากาศที่เกิดขึ้นในห้องนี้ เขาค้างอยู่อย่างนั้นเพื่อรอคำตอบจากชายหนุ่ม

ณภัทรส่งยิ้มอย่างไม่มั่นใจ พลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อยื้อเวลาในการตัดสินใจ สายตาของเขากวัดแกว่งหาราวกับหาอะไรบางอย่าง ความกดดันค่อยๆคุกรุ่น จนเหงื่อเริ่มซึมออกมาบนหน้าผากในช่วงไม่กี่วินาที

 เสียงในหูฟังยังคงต่อเนื่อง “พูดไปเถอะน่า เขาเป็นคนสัญญากับเราเองนะ”

ณภัทรสูดหายใจลึก พยายามกลบความกังวลที่เกิดขึ้น ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกไป “เรื่องดวงดาวทั้งหมด….ขอให้วางใจผมก็พอครับ” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างโล่งอก ขณะเหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาบนฝ่ามือ

เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากปลายสายที่บัญชาการเขาเมื่อครู่ กฤต ชายหนุ่มวัย 24 ปี นอนกลิ้งอยู่บนโซฟาก่อนจะกดตัดสายจากณภัทรไปอย่างไม่ใยดี

นับตั้งแต่ฟื้นจากอุบัติเหตุเมื่อ 4 ปีก่อน ณภัทรคือคนที่เปรียบเสมือนญาติคนเดียวที่เขามี ความทรงจำของเขาส่วนใหญ่ถูกทำลายในเหตุการ์ณครั้งนั้น วิชาความรู้ทางด้านโหราศาสตร์คือหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่อย่างชัดเจน จากเด็กวัดจนๆจากเมืองกาญที่เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ และ สูญเสียความทรงจำไปจนเกือบหมด ในเมืองพุทธเช่นนี้เค้าใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีในการสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากการเป็นที่ปรึกษาด้านโหราศาสตร์ให้กับชนชั้นสูง เศรษฐี นักธุรกิจ และ นักการเมือง

ทั้งสองผสานงานกันได้อย่างดีเยี่ยม ถีงแม้ กฤต จะทำอะไรช็อตฟีลอยู่หลายครั้ง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าความรู้ทางโหราศาสตร์ของเขานั้นมีมุมมองที่ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่นๆ ในท้องตลาด แต่ด้วยอายุที่น้อย กับทักษะในการเข้าสังคมที่มีอาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ หน้าที่นี้และการสร้างความประทับใจ จึงเป็นหน้าที่ของ ณภัทร โดยเฉพาะในชนชั้นสูงด้วยแล้ว ณภัทรเป็นคนที่มีทักษะที่น่าทึ่ง เมื่อส่วนผสมสองอย่างนี้รวมกัน จึงออกมาเป็นธุรกิจที่ยากจะหาใครมาเทียบ

กฤต นั่งเอนตัวบนโซฟาหนังสีขาวที่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาเหยียดขาออกและเอนหลังพิงพนัก มือข้างหนึ่งถือลูกแอ๊ปเปิ้ลที่ถูกกัดจนแหว่ง ส่วนอีกข้างกำลังเคาะปากกาเล่นเบาๆ บนตัก ดวงตาของเขาเหม่อลอยมองเพดานสูงสีขาวที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามบ่าย พลางวาดสายตาไปบนราศีจักรที่ปรากฎอยู่ด้วยเครื่องฉายภาพโฮโลแกรม ราวกับกำลังนอนดูดาวในยามราตรี

ความผ่อนคลายแสดงออกมาผ่านดวงตาที่มีประกายแห่งความหลงไหลอย่างเต็มเปี่ยม แสงแดดอ่อนๆ พาดตัวลงบนใบหน้าของชายหนุ่มผ่านบานหน้าต่างเกิดเป็นริ้วลายที่เคลื่อนไหวช้าๆ ตามหมู่เมฆด้านนอก เขาขยับตัวเบาๆ ขณะสมาธิหลุดไปในห้วงภวังค์แห่งการวิเคราะห์ การดำเนินไปของเวลาหยุดลงอย่างช้าๆเมื่อดวงดาวในจานราศีจักรเริ่มขยับและพร่างพราวตามจินตนาการของเขา ราวกับมีชีวิตขึ้นมา และเมื่อทุกอย่างหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ ดวงตาเรียวกลมของเค้าก็กระพริบเป็นครั้งแรกในรอบหลายนาที

กฤต ยกแอ๊ปเปิ้ลขึ้นมากัด โดยที่ยังเงยหน้าค้างอยู่อย่างนั้น เค้ายกปากกาสีเงินที่ทำจากโลหะขึ้นมาระดับอก ก่อนจะจรดมันลงไปบนอากาศธาตุ ที่เพียงวินาทีต่อมาก็กลายเป็นภาพโฮโลแกรมสีเหลี่ยม และค่อยๆ เผยข้อความที่เขาจดลงไปตามปลายปากกา

 

เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำลายความเงียบสงบในห้องโดยสิ้นเชิง ก่อนจะตามมาติดๆ ด้วยคำทักทายจากผู้มาเยือน

 

"มึงรู้ได้…." ณภัทรพูดเสียงดัง ก่อนจะลดระดับเสียงจนหายไปแทบจะในทันทีที่ประตูเปิดออกมากพอให้เห็น กฤต ที่กำลังชี้มาที่เขาพลางทำเสียงชู่เบาๆ เป็นสัญญาณให้เขาเงียบ ขณะที่ยังค้างอยู่ในท่าเดิม

เขาค่อยๆปิดประตูอย่างเบามือที่สุด ขณะถอดเสื้อสูทตัวนอกอย่างระมัดระวัง

วูบ!

กฤตใช้มืดปัดภาพโฮโลแกรมตรงหน้า ก่อนที่ข้อความ ’ บันทึกแล้ว ‘ จะเด้งขึ้นมา ชายหนุ่มดีดตัวขึ้นจากโซฟาอย่างคล่องแคล่ว แล้วหันไปมองพี่ชายต่างสายเลือด ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์หินอ่อน ชายหนุ่มแบมือเป็นการขออะไรบางอย่าง

“มึงรู้ได้ไงวะ ว่าเจ๊กขี้งกนั่นมันจะให้จริงๆ” ณภัทรยิ้มด้วยสีหน้างงๆ เป็นอีกครั้งที่เค้าไม่ทันเกมของผู้เป็นน้องชาย ก่อนจะโยนวัตถุบางอย่างให้ กฤต “กูยังไม่ได้ทวงสักคำ อยู่ดีๆ มันก็พูดขึ้นมาเอง”

กุญแจรถหรูยี่ห้อดังตกลงในมือ กฤต อย่างพอดิบพอดี ชายหนุ่มเบ้ปากพลางยกไหล่อย่างพอใจขณะมองมัน ก่อนจะหันไปหาพี่ชายและใช้นิ้วชี้เคาะไปบนขมับด้วยท่าทีเย้ยหยัน อย่างผู้ชนะ “ไม่มีอะไร ก็เขาเคยพูดไว้“ กฤตกล่าว

”แล้วไอบ้าที่ไหน มันจะไปกล้าทวงให้มึงวะ“ ณภัทรยกน้ำขึ้นจิบอย่างสบายใจเพียงครู่ก่อนที่หางตาจะเห็นวัตถุบางอย่างลอยพุ่งตรงมาหาเขา ชายหนุ่มปล่อยมือจากขวดน้ำจนหกกระจายเต็มเคาน์เตอร์ เพื่อรับกุญแจรถที่ถูกโยนกลับมา “ไอเวร…”

“อย่างแรกไม่เกี่ยวกับผมเลย” กฤต เดินอ้อมมาที่เคาน์เตอร์ “ที่นัดให้พี่ไปคุยวันนี้ เพราะดวงพี่กับมันสมพงษ์กัน ก็เลยคิดว่าต้องใช่แน่ๆ อย่างที่สองพี่เอามันไปขาย แล้วเอาเงินมาแบ่งกันน่าจะเวิร์คกว่า เราไม่มีที่จอดอีกแล้ว”

ชายหนุ่มหยิบถุงกระดาษหลังเคาน์เตอร์ ก่อนจะส่งมันให้พี่ชายที่ทำหน้างงๆ อยู่ๆ “อย่างที่สาม” เค้าพลิกถุงกระดาษให้เห็นข้อความบนนั้น “สุขสันต์วันโสด”

ณภัทรส่ายหัว ขณะสลับสายตาระหว่างน้องชายกับถุงนั่นด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ “ได้ไงวะ” เขาผายมือออกสองข้างด้วยความช็อค

กฤต ชี้ไปที่แท็บเล็ตที่วางอยู่สุดขอบเคาน์เตอร์ที่ด้านหนึ่ง “ปกติมันดังทั้งวันจนน่ารำคาญ”

“ก็กูปิดเสียงมันไว้”

“ใช่ และมันสั่นรัวๆ เหมือนกับว่ายัยนั่นจะกระโดดออกมา”

สายตาทั้งคู่สบกันในขณะที่แววตาคนนึงไม่อยากจะเชื่อ ส่วนอีกคนนึงมองอย่างผู้ชนะ ณภัทรเป่าปากออกมา

“แต่มันก็ไม่น่าเป๊ะขนาดนี้” ณภัทรผายมือไปที่กฤต “มึงยังใส่ชุดนอนอยู่เลย ออกไปซื้อไอนี้มาตอนไหนวะ” เค้าชี้ไปที่ถุงกระดาษ

กฤต คลี่ยิ้มออกมา “พี่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่พ่อมดหรอก” เขาดึงถุงกระดาษมา ก่อนจะแกะมันออกเพื่อหยิบของข้างใน

“จริงๆผมซื้อไว้ตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว" กฤตยื่นกระดาษสีชมพูขนาดเท่านามบัตรให้พี่ชาย “ราหูอยู่ในเรือนปุตตะ" ชายหนุ่มเหลือบตามองบน  ”บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ว่ายังไงก็เจ๊ง รอจังหวะจะเอาให้อยู่พอดี แต่บังเอิญวันนี้แท็บเล็ตพี่เต้นระบำซะก่อน ก็เลยคิดว่ายายนั่นน่าจะกำลังแก้ตัวอยู่”

ณภัทรยังค้งอ้าปากข้างอยู่อย่างนั้น ขณะรับการ์ดมา บนนั้นมีโลโก้ที่ดูคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง และข้อความภาษาอังกฤษ ‘Tinder GiftCard เค้าพลิกมันไปอยู่เกือบนาที

"เชื่อเถอะว่า ผมเดาจากนิสัยของยัยนั่นมากกว่า ดวงดาวด้วยซ้ำ" กฤต ย้ำ พยามใช้คำพูดที่ไม่ซ้ำเติมในแบบของเขา หลังจากที่เขาพยายามเตือนพี่ชายมาตลอดเกี่ยวกับหญิงสาวที่เจอในบาร์ แม้มันจะดูเป็นไปได้ดีในช่วงแรก แต่ในที่สุด ณภัทร ก็โดนนอกใจตามที่ กฤต คิดไว้

"เออๆ" ณภัทรคอตกด้วยยอมจำนน "กำลังคิดอยู่ว่าจะบอกมึงยังไงพอดี"

"แล้ววันนี้เป็นไงมั่ง" กฤต เปลี่ยนเรื่อง

ณภัทรยกมือทั้งสองขึ้นลูบหน้าเพื่อเปลี่ยนความคิด พลางถอนหายใจออกมาเหือกใหญ่ 

"ก็ดี" ณภัทรตอบด้วยเสียงเอื่อยๆ "เขาบูชาเราอย่างกับพระเจ้า"

กฤต ยิ้มอย่างพอใจขณะหันไปเปิดตู้เย็น หยิบนมแกลลอนใหญ่ออกมารินใส่แก้ว

"เขาดวงดีเนอะ" ชายหนุ่มยกนมขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะลดแก้วลง เหลือไว้เพียงคราบเหนือริมฝีปาก

"ดีกับผีน่ะสิ ถ้าไม่เจอเราคงไม่ได้มานั่งยิ้มแป้นอย่างวันนี้" ณภัทรปลดกระดุมแขนเสื้อสองข้างออก ให้สบายมากขึ้น ก่อนจะขยับเนคไทให้คลายอย่างหลวมๆ

"พี่เข้าใจผิดแล้ว" กฤตหันมองพี่ชาย "การมีงูเห่าอยู่ในพรรคของเขาคือหนทางเดียวที่เขาจะได้ตำแหน่งต่างหาก"

"ยังไงวะ?" เค้าฟุบหน้าลงบนเคานท์เตอร์ อย่างไม่สนใจนัก 

"ก็ถ้าเขาไม่มีหลักฐาน ว่าพรรคไทยร่วมไทย พยายามซื้อตัวงูเห่า พรรคไทยร่วมไทยคงไม่โดนยุบ และรับรองว่าคงไม่มีใครยกมือให้เขามากมายขนาดนี้ เพราะคะแนนที่เทมาคือลูกพรรคที่เหลืออยู่"

"มองจากมุมมึงมันง่ายเสมอหรือไง"

"งูเห่าคือบันไดสู่อำนาจ แม้จะเป็นงูเห่าที่จ้องจะกัดตัวเขาเอง ขอแค่เรารู้ทันดวงดาวก็พอ" กฤต นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามพี่ ก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่พี่ชาย "งั้นอะไรที่มันแย่ๆ ก็อาจจะเป็นบันไดให้พี่เจอเรื่องราวดีๆก็ได้  เพราะมีโหราธิบดีอันดับ 1 อยู่ตรงนี้ทั้งคน" เขาหยุดคิดไปแปปนึงก่อนจะกล่าวต่อ "เช่นเรื่องยัยนั่น" พลางเบะปากเล็กน้อย

ณภัทรเงยหน้าขึ้น เหมือนนึกอะไรได้ "มึงนี่มันโชคร้ายจริงๆเนอะ หลวงตาอุส่าให้วิชามาขนาดนี้ เสือกดูดวงตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว" เขาหัวเราะในลำคอด้วยสีหน้าที่ต้องการหยอกล้อน้องชายกลับ

มันแทบจะเป็นเรื่องเดียวที่ค้างอยู่ในใจ กฤต คำพูดนั่นทำให้เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ไม่ว่าจะลองยังไง ศาสตร์ไหน วิชาใด วันเกิดของเขาที่แสดงอยู่บนบัตรประชาชน เมื่อเอามาคำนวนทางโหรศาสตร์ เป็นดวงเดียวที่ผลออกมาราวกับเป็นคนละคน ทั้งบุกคลิกนิสัย พื้นดวง ไม่มีอะไรตรงตามลักษณะของเขาสักอย่าง แม้จะคำนวนดาวจร เพื่อดูดวงในอนาคตก็ให้ผลที่ตรงเพียงแค่ 10% จากสถิติที่เขาจดไว้

แม้เขาจะช่วยผู้คน และ สร้างเงินได้มากมาย แต่ตัวเขาเป็นเพียงคนเดียว ที่ไม่สามารถล่วงรู้ถึงอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต ไม่ว่าจะเป็นการคาดการ์ณตามหลักโหรศาสตร์หรือความทรงจำก็ตามแต่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันหายวับไปอย่างไร้ตรรกะและเหตุผล......

"แล้วเรื่องสมัครเรียนเป็นยังไงบ้าง" ณภัทรก้มดูนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเงยหน้ามองน้องที่นั่งเหม่อลอยไปเมื่อครู่ เขาดีดนิ้วดัง เป๊าะ! สองสามครั้งเพื่อเรียกสติน้องชาย

ทันทีที่เสียงดีดนิ้วพุ่งตรงสู่โสตประสาท กฤต ก็หันมาทางพี่ชายในทันทึ "ว่าไงนะ" ชายหนุ่มทำหน้างงๆ

"เรื่องเรียน?" ณภัทรถามซ้ำ

กฤตเหลือบตาทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะลากเสียงยาว "อ่าาา....ผมคงเป็นนักเรียนมัธยมต้นที่แก่ที่สุด" 

"ไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย" ณภัทรถอนหายใจ "สมัครหรือยัง" ชายหนุ่มย้ำ หลังจากที่เคี่ยวเข็ญให้น้องชาย ลงสมัคร การศึกษานอกโรงเรียนมาแรมปี ด้วยความที่ทั้งคู่เป็นเด็กกำพร้าที่โตมาโดยอาศัยข้าวก้นบาตร  ทำให้การศึกษาส่วนใหญ่มาจากลูกพระในวัด และจบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็อยู่ที่ใครจะขวนขวายตามมีตามเกิด ด้วยความที่ณภัทร เข้ามาในกรุงเทพฯก่อนหน้า กฤต หลายปี จึงเห็นความสำคัญของวุฒิการศึกษา และ ต้องการให้เขามีติดตัวไว้ ในโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอนใบนี้

กฤต เบือนหน้าอย่างเซงๆ "โอเค จะสมัครเดี๋ยวนี้ครับ" ผายมือเปิดจอโฮโลแกรมขึ้นมาในอากาศ ก่อนที่จะเปิดหน้าสมัครเรียนที่เขาเปิดค้างไว้บนแท็บที่ซ่อนอยู่ 

'ประวัติส่วนตัว' หัวข้อใหญ่แสดงขึ้นมาในทันที หัวข้อที่ฉุกให้เขามีความคิดเคลือบแคลงอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในหัว จนบางทีละสายตาจากมันไม่ได้นานนับนาที

ถ้าคิดดูดีๆความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ความรู้สึกที่สูญเสียความมั่นใจในตัวตน ความทรงจำที่มีมันเลือนลางเกินไป ทุกครั้งที่พยายามค้นเข้าไปแต่กลับรู้สึกเหมือนทำได้เพียงมองความทรงจำที่เหลืออยู่ ผ่านรูเล็กๆที่ปลายเข็ม ไม่มีเบื้องตน เบื้องกลาง หรือ ตอนจบ และนับตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้ชีวิตกลับมา เขาก็ไม่แน่ใจอีกเลย ว่านี่ คือชีวิตของเขา หรือ ชีวิตที่ใครบางคนต้องการให้เขาเป็น........

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ฮอต

Comments

Exidios

Exidios

สนุกดีจ้ะ

2024-08-12

0

bea ofialda

bea ofialda

แอดเขียนเรื่องนี้ดีมาก ชอบมากๆๆ!

2024-08-08

1

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!