บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง

...บทที่ 1...

...จุดเริ่มต้นของการเดินทาง...

ปลายเดือนมกราคม

เสียงโหวกเหวกนอกหน้าต่างเรียกความสนใจเด็กสาวมัธยมต้นปี3ให้เปิดหน้าต่างหอไปดู

แสงแดดอ่อนๆช่วงเย็น กับลมเย็นที่พัดผ่านหน้าต่างทำให้คนที่เพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆรู้สึกหนาวเล็กน้อย

“เสียงอะไรหรอนัท”

“รุ่นพี่ที่มาเยี่ยมหอมั้ง ก่อนกลับจากโรงเรียนครูบอกว่าวันนี้จะมีรุ่นพี่มาเยี่ยม”

เมื่อเพื่อนร่วมหอได้คำตอบก็กลับไปสนใจที่ชีทสรุปของตัวเองต่อ ส่วนตัวเรานั้นก็เดินไปยังล็อกเกอร์เพื่อเอาโลชั่นทาผิวออกมาแล้วค่อยๆชะโลมตามเนื้อตัว

อ่า จริงสิ เราคงยังไม่แนะนำตัวสินะ เรานัท หรือชื่อจริง คือณัชชา สห เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้นปีที่3 ของโรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง และปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายของเราในโรงเรียนนี้เช่นกัน

โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำที่เปิดสอนเฉพาะระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น

ซึ่งตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาใหญ่อยู่ นั่นก็คือ เรื่องของอนาคต ใช่ค่ะอ่านไม่ผิดหรอกปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คือเรื่องของอนาคต

อย่างที่ทราบกันดีว่านักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายทุกคนจำเป็นต้องเลือกสายการเรียนเพื่อที่จะไปต่อยอดในอนาคต ไม่ว่าจะ สายวิทย์-คณิต สายศิลป์คำนวณ สายศิลป์ภาษา ไปจนถึสายอาชีพ

ซึ่งสิ่งที่เรากำลังกังวลคือหากเราเลือกเรียนไปสักพัก แล้วเกิดเปลี่ยนใจ หรือต้องมาย้ายคณะกลางคัน มันจะมีผลกระทบต่อครอบครัว ถึงแม้ว่าฐานะทางครอบครัวเราจะไม่ได้ยากจนหรือขัดสนอะไร แต่ก็ไม่ได้มีเงินเหลือใช้มาโปรยเล่น และเราเองก็ไม่ใช่ลูกคนเดียว หนำซ้ำยังเป็นพี่คนโตอีก หากตัดสินใจพลาดไปก็อาจจะส่งผลกรทบต่อครอบครัวในหลายๆด้านก็ได้

“รบกวนหน่อยนะคะ”

เสียงใสๆของรุ่นพี่ที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้น เรียกให้ทุกคนในหอละความสนใจจากสิ่งที่ทำอยู่ไปยังบุคคลที่มาใหม่

“พี่ฟ้า!!!”

เสียงผสานกันของคนในหอ5คนดังขึ้นแน่นอนว่ามีเราในนั้นด้วย

“ดีจ้าเด็กๆ ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีกันอยู่ใช่ไหม”

“พวกเราสบายดีค่ะ พี่ฟ้าเข้ามาด้านในก่อน” เสียงสมาชิกคนหนึ่งในหอเชื้อเชิญพี่ฟ้า ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ เป็นหลานที่ครูพูดถึง และยังเป็นอดีตหัวหน้าหอแห่งนี้

“ปีนี้ในหอมีสมาชิกแค่5คนหรอ”

“เปล่าค่ะ มี6คน แต่รุ่นน้องอีกคนอยู่ห้องอาบน้ำ”

เพื่อนอีกคนตอบพลางยื่นขนมที่เพิ่งเอาออกมาจากล็อกเกอร์ให้อดีตหัวหน้าหอปีที่แล้ว

“อ๋อ แล้วปีนี้ใครเป็นหัวหน้าหอหละ”

“พี่นัทค่ะ”

เสียงรุ่นน้องอีกคนที่นอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ตอบขึ้น

“หืม เด็กหลงได้เป็นหัวหน้าหอหรอเนี้ย แต่ก็พอจะเข้าใจได้”

“เรียกใครว่าเด็กหลงคะ เราไม่เคยหลงทางสักหน่อย”

“พี่ก็ไม่ได้บอกว่าเราหลงทางสักหน่อย พี่หมายถึงหลงว่าจะไปต่อหรือเอายังไงกับชีวิตต่างหาก”

เถียงไม่ออกเลย ถึงเราจะไม่เคยหลงทางแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกเหมือนกำลังหลงจนหาทางออกไม่เจอ

เสียงเปิดประตูของรุ่นน้องที่เพิ่งกลับมาจากอาบน้ำดึงความสนใจทุกคนไปที่ประตูอีกครั้งก่อนที่พี้ฟ้าจะพูดขึ้นว่า

“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้มากินอะไรกันก่อนดีกว่า พี่ซื้อ ทั้งยำ ส้มตำ ไก่ย่าง สลัด แล้วก็เค้กมาฝากด้วย น้องที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็ด้วย รีบๆไปจัดการตัวเองแล้วมากินด้วยกันมา”

หลังจากที่จัดการอาหารที่พี่ฟ้าซื้อมาฝากเสร็จแล้วก็คุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ จนรู้ตัวอีกทีก็ใกล้ถึงเวลาปิดหอแล้ว

“จริงสิ นัทพี่ได้ยินจากน้ามาว่าเรามีปัญหาเรื่องเลือกสายการเรียนหรอ”

“ค่ะ”

“แล้วมีปัญหาอะไรหละ เราดูไม่น่าจะใช่คนที่ไม่คิดเรื่องอนาคตของตัวเองนะ”

“ก็เพราะว่าคิดนั่นแหละค่ะ คิดมากด้วย ถึงได้กลายเป็นเด็กหลงอย่างที่พี่ฟ้าบอกไงคะ”

เสียงสมาชิกในหอที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่กินเสร็จแล้วก็ไปนอนอ่านหนังสือการ์ตูนกับรุ่นน้องบนเตียงตอบขึ้น ก่อนที่เพื่อนที่นั่งข้างเราจะพูดขึ้นคล้ายยืนยันความจริงอีกเสียง

“ใช่ค่ะ เห็นคิดไม่ตกถึงขนาดไม่ลิสความชอบความถนัดของตัวเอง แล้วเอาไปเปรียบเทียบว่าตัวเองควรเข้าคณะไหนดีเลยนะคะ”

“แกหนะเงียบไปเลย แล้วก็กลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบของแกไปเลยไป”

“จ้าๆ ยืมสมุดเศรษฐศาสตร์หน่อยนะ”

“ล็อกเกอร์ชั้นสอง”

หลังจากที่เพื่อนคนนั้นเดินไปหยิบสมุดก็ไปนั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง ก็ทำให้เหลือแค่เรากับพี่ฟ้าสองคนที่นั่งคุยกัน

“สรุปว่าไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเรียนสายไหน เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำงานอะไรใช่ไหม”

เราไม่ได้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูด ทำเพียงแค่พยักหน้า

“ไม่มีทางไหนที่สนใจเป็นพิเศษเลยหรอ เราถนัดงานฝีมือหนิ”

“ก็ใช่ค่ะ แต่มันเป็นแค่งานอดิเรกเวลาว่าง ให้ทำเป็นอาชีพไม่ไหว”

“แล้วพวกงานบริการหละ เองก็ทำได้ดีเลยหนิ”

“ถ้าแค่นานๆครั้งก็ไหวอยู่หรอกค่ะ แค่ถ้าจะให้ทำทุกวันไม่ได้จริงๆ”

“แล้วหมอ พยาบาล วิศวะ ครู นักออกแบบ นักวิจัย เกษรตกร แม่ค้า”

“น่าจะไม่ไหว” คำตอบที่เราตอบออกไปเรายอมรับเลยว่าลังเลหน่อยๆ

“แล้วเคยลองทำบ้างหรือยัง”

“คะ?”

“พี่ถามว่าเราเคยลองทำบ้างหรือยัง”

“ก็ต้องไม่เคยทำอยู่แล้วสิคะ เราอยู่แค่ม.3นะคะ”

“งั้นเอาแบบนี้ไหม เราก็ลองไปลงงานเอาเลย เราจะได้ตัดสินใจเองว่าอยากทำ หรือไม่อยากทำอะไร ถ้าเอาแต่คิดว่าทำงานนี้เราอาจจะเป็นแบบนั้น ทำงานนั้นเราอาจจะเป็นแบบนู้น เราก็จะตัดสินใจไม่ได้สักที เราหนะเป็นประเภทที่จะตัดสินใจเด็ดขาดก็ต่อเมื่อเราลงมือทำมันแล้ว แต่ถ้ายังไม่ลองทำก็จะปฏิเสธมันด้วยความลังเล”

“พูดเหมือนรู้จักเราดีเลยนะคะ” เราพูดออกมาทีเล่นทีจริง

“ก็ต้องรู้จักเราดีสิ พี่ดูแลเรามาตั้ง2ปีเลยนะ แค่2ปีก็มากพอที่จะรู้จักคนแบบเราแล้ว สรุปว่ายังไง? จะลองทำดูไหหม”

“แล้วจะลองยังไงคะ?”

“ม.3 ที่นี่ปิดเทอมก่อนที่อื่นใช่ไหม”

พี่ฟ้าทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะกดโทรศัพท์ แล้วส่งมาให้เรา

บนหน้าจอเป็นเว็บไซต์ ที่มีรูปกิจกรรมต่างๆ เหมือนจะเป็นเด็กนักเรียนไปลองงานอาชีพต่างๆ

“นี่เป็นโครงการแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่พี่เคยไปเข้าร่วม คนที่เข้าร่วมสามารถไปลองงานอาชีพต่างๆที่สนใจได้ ระยะเวลาของซีซั่นนี้ มี2แบบ แบบแรกคือ2เดือน กับแบบที่สองคือ3เดือน”

“มี2แบบ แล้วเขาจะจัดโครงการแบบไหนหรอคะ หรือว่าจัดกันคนละเวลา”

“คือโครงการนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมหลายโรง แต่ละโรงก็จะรับผิดชอบไปเลยว่าโรงนี้จะรับเฉพาะแบบ2เดือนหรือ3เดือน แล้วพวกเราที่เป็นผู้เข้าร่วมก็สามารถเลือกได้ด้วยว่าจะลงโรงเรียนไหน แบบ2เดือน จะเริ่มต้นเดือนเมษายน ไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ส่วนแบบ3เดือน ก็เริ่มต้นเดือนเมษายนเหมือนกัน แต่จะไปจบที่ปลายเดือนมิถุนายน”

จากภาพที่ดู เหมือนว่าจะได้ไปลองลงงานจริงเลย ก็น่าสนใจอยู่นะ แต่ถ้าได้ไปลงมือจริงต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะแน่ๆ แต่ก็น่าสนใจอยู่นะ เอาไงดีอยากไปก็อยากไป แต่เรื่องเงินก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน เอาไงดีๆ

“คือว่านะนัท จริงๆซีซั่นนี้พี่ก็อยากจะไปอีก แต่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน นอกเหนือจากเหตุผลที่ว่าอยากให้นัทไปค้นหาตัวเอง พี่อีกเหตุผลหนึ่งก็อยากให้นัทไปเป็นเพื่อนพี่ด้วย แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะไม่ได้อะไรกลับมานะ พี่รับประกันได้เลยว่านัทจะได้อะไรดีๆกลับมาแน่นอน นะนัท ไปกับพี่นะ”

“เราก็คิดว่าถ้าไปก็คงได้ประสบการณ์หรืออะไรอื่นๆมาเยอะเหมือนกัน แต่เทอมหน้าเราต้องขึ้นม.ปลายแล้ว เรื่องค่าใช้จ่ายเราคิดว่า-”

“ฟรี” ยังไม่ทันพูดจบประโยค พี่ก็พูดขัดขึ้นมาดักเราไว้ก่อนแล้ว

“ห..ห๊ะ”

“ก็ไม่ใช้ว่าฟรีทั้งหมดหรอก แต่ค่าเดินทาง ค่าหอ เราไม่ต้องจ่าย มีอาหารเที่ยงตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วม จ่ายแค่ค่าเข้าร่วม6,500บาท กับค่ากินเท่านั้น”

“แล้วค่าไปลองงานก็ไม่ต้องจ่ายหรอคะ”

“ไม่ต้อง”

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วรออะไรอยู่หละ เรารีบเอาสมุดแพลนเนอร์ออกมาเปิดดู

โรงเรียนที่จะเข้าม.ปลายก็สมัครไปแล้ว เปิดเรียนปลายเดือนพฤษภาคม เหลือแค่ไปยืนยันตัวตนอีกรอบกลางเดือนกุมภาพันธ์ สัปดาห์หน้าขึ้นเดือนกุมภาพันธ์ก็สอบปลายภาค จากนั้นหลังจากสอบเสร็จอีก2วันก็สอบ O-NET แล้วกลับบ้านวันถัดไป

จากที่ดูๆแล้ว ก็มีเวลาทำงานเสริมเก็บเงินไปเข้าร่วมโครงการเกือบๆสองเดือนเลยนะ!!

“ไปค่ะ”

หลังจากที่เช็คตารางต่างๆเรียบร้อยแล้ว เป็นอันสรุปว่าไปได้ หนำซ้ำมีเวลาเก็บเงินอีกตั้งเกือบๆ สองเดือน จะได้ไม่ลามไปเงินเก็บที่จะเอาไปจ่ายตอนซื้อหนังสือ หรือใช้จ่ายที่ต้องจ่ายตอนเปิดภาคเรียนอีกด้วย

“พูดจริงนะ นัทพูดแล้วนะ ห้ามกลับคำเด็ดขาดเลยนะ”

น้ำเสียงที่ดูดีอกดีใจของพี่ฟ้า ทำเอาเราอมยิ้มไปด้วยเลย อะไรจะขนาดนั้นคะพี่ฟ้า

“พี่แนะนำให้เราไปแบบ2เดือนนะ” พี่พูดขึ้นพลางเอานิ้วชี้ไปที่เดือนในแพลนเนอร์

“เห็นด้วยเลยค่ะ โรงเรียนเปิดปลายเดือนพฤษภาพอดี”

“โอเคงั้นตามนี้ เดี๋ยวพี่ส่งแบบฟอร์มการสมัครให้ในไลน์นะ”

“เราก็ไปขอใช้คอมที่หอพักครูก็ได้”

“ค่ะ พี่บอกว่าโครงการนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมหกลายที่ใช่ไหมคะ แล้วพี่ลงที่ไหน เราจะได้ลงที่เดียวกันกับพี่เลย”

“อ๋อ พี่ลงโรงเรียนช่องหมายเลข1โทชิกิหนะ”

เดี๋ยวนะ โทชิกิ เหมือนมีอะไรแปลกๆจะเกิดขึ้น

“โทชิกิ? ที่ไหนหรอคะ”

“จังหวัดโทชิกิ ประเทศญี่ปุ่นไง”

“ห๊ะ!!! ญี่ปุ่น!!!”

สมาชิกทุกคนในหอไม่ว่าคนที่กำลังนอนอ่านหนังสือการ์ตูน นั่งอ่านหนังสือนิยาย นั่งเขียนชีทสรุป อ่านหนังสือสอบ เคลียร์งาน หรือแม้กระทั่งเราเอง ก็พูดประโยคเดี๋ยวกันและน้ำเสียงตกใจเหมือนกันออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย

.

.

.

.

.

.

.

.

ญี่ปุ่น! ล้อกันเล่นใช่ไหม อย่าว่าแต่ประเทศเพื่อนบ้านเลย ในจังหวัดของตัวเองเรายังไม่เคยไปเที่ยวครบทุกที่เลยด้วยซ้ำ

......To be continued ......

ฮอต

Comments

ISIMPFORMITSUKI

ISIMPFORMITSUKI

เนื้อเรื่องน่าติดตามมาก สุดยอด!

2024-07-06

1

ทั้งหมด

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!