บทการกำเนิดแห่งน้ำค้างวิสุทธิ์ ตอนที่4 ปราดเปรื่อง ว่องไว ไร้ผู้ใดเปรียบ

(ลมหรอ หนอยแน่เจ้าเทพแห่งเมตตาจอมปลอมที่แท้ก็ส่งเด็กถ่อมาที่นี่เพื่อมาฆ่าข้าสินะ)ความคิดของโศกาแล่นเข้ามาเมื่อค้นพบว่ามนุษย์ตรงหน้ามีพลังของเทพแห่งสายลม(มารุต) ภาพการไล่ล่าดวงจิตเมื่อนานมาแล้วย้ำเตือนความเจ็บปวดที่ต้องมองเห็นพวกพ้องเสียชีวิตจากน้ำมือของทวยเทพ

สิ้นสุดความคิด โศกาสวนการโจมตีของจิรเมธด้วยการโยนมีดอาบยาพิษของตนสวนกลับไปแม้ร่างกายจะถูกของมีคมหลายประเภทจากไสยะของจิรเมธทิ่มแทงทั่วร่างกายก็ตาม จิรเมธที่เห็นท่าไม่ดีจึงถอยออกมาตั้งหลัก

"กล แก้ว นิล ญาณิน กาล คอยล่อพวกนั้นไว้ จิรเมธกับอมรา ตามฉันเข้าไปจับกุมดวงจิตระดับ3"ชาติออกคำสั่งและวิ่งฝ่าผู้คนมากมายที่ถูกควบคุมไม่เว้นแม้แต่ชาวบ้านที่พลัดหลงมาเจอกับโศกา

"นานๆทีจะทำตัวพึ่งพาได้นะเนี่ย"จิรเมธพูดและวิ่งตามชาติไปพร้อมกับอมรา

"ในเมื่อรนหาที่ตายขนาดนี้ ข้าจะสนองให้"โศกาเริ่มการทำงานกับดักด้วยมีดอาบยาพิษที่โจมตีจากกับดักทุกทิศทาง

ในระหว่างที่ทุกคนมีแผลถากๆจากมีดเล็กน้อยทำให้รู้สึกมึนหัว แต่แม้ว่ามีดจะออกมาจากกับดักและตัวโศกามากเท่าไหร่ก็ไม่เฉียดตัวจิรเมธแม้แต่น้อย จนกระทั่งชาติ จิรเมธและอมราถึงระยะที่สามารถโจมตีได้

"คงจบในเร็วๆนี้แหละ"จิรเมธพูดหลังจากประเมินสถานการณ์ และโจมตีด้วยการใช้ดาบทำลายกับดักทุกอันที่ตนวิ่งผ่าน แม้มันจะเบาอย่างกับขนนก แต่กลับคมจนสามารถตัดเกือบทุกสิ่งได้ภายในพริบตา 

พวกเราวิ่งฝ่าดงกับดักและไสยพิทักษ์ไร้สติไปเรื่อยจนเข้าถึงตัวโศกาในที่สุด อมรายิงเมือกจำนวนมากใส่โศกา ในระหว่างที่โศกากำลังกำจัดเมือกที่เกะกะการเคลื่อนไหวของเขาอยู่  จิรเมธกระโดดขึ้นไปเหนือหัวโศกาและใช้พลังลมกดโศกาลงพื้นอย่างแรงจนสลบไปชั่วขณะ ทำให้ชาติสามารถมัดตัวโศกาได้ง่ายๆ

แต่หลังจากนั้นไม่ถึง10วินาที โศกาก็ฟื้นขึ้น "พวกทาสไร้ประโยชน์มาช่วยข้าเดี๋ยวนี้"ทันทีที่โศกาออกคำสั่งเหล่าไสยพิทักษ์ไร้สติที่ต่อสู้กับคนอื่นๆอยู่ ก็หันกลับมาโจมตีพวกของชาติทันที ในระหว่างนั้นจิรเมธก็เหลือบไปเห็นหลุมที่อยู่ทางด้านหลังของโศกา

"อมราฝากขวางพวกนั้นไว้ที ขอดูหน่อยว่า ข้างล่างนี้มีอะไร"จิรเมธเดินไปตรวจสอบหลุมนั้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

อมราสร้างกำแพงเมือกมาป้องกันไสยพิทักษ์ไร้สติ

"หยุดนะเว้ย อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องสิวะ"โศกาตะคอกออกมาราวกับมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างล่างนั่น ทำให้จิรเมธชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามออกมาว่า

"ไยต้องตะคอกด้วย หรือมีอะไรอยู่ข้างล่างงั้นหรอ? ถ้ามิใช่สิ่งมีชีวิตอื่นก็ดวงจิตสินะ"จิรเมธพูดพร้อมและมองกลับมาที่ตัวโศกา

"โธ่เว้ย ข้าไม่เคยพรากอะไรจากแกแท้ๆแต่แกก็ส่งคนมาล้างบางพวกเราอีก"โศกาบ่นออกมาด้วยความเจ็บใจต่อทวยเทพ

"ที่จริงพวกเราแค่จะพาน้องมาศึกษาแถวนี้เท่านั้นแหละ เป็นแกเองไม่ใช่หรอที่เริ่มโจมตีก่อนน่ะ"ชาติตอบกลับไป

"ใต้ดินนี้มีพวกดวงจิตอยู่จริงๆเจ้าค่ะ เยอะมากด้วย"ญาณินตะโกนบอกทุกคนเนื่องจากเธอได้ใช้ไสยะตรวจสอบพื้นที่ใต้ดินแล้ว

จิรเมธที่เริ่มเข้าใจจุดประสงค์ของโศกาก็หันไปยื่นข้อเสนอกับเขา "โศกา ฉันมีข้อเสนอ นายปลดปล่อยพวกไสยพิทักษ์ไร้สติและกลับกับพวกเราแล้วฉันจะปิดบังเรื่องที่มีดวงจิตอยู่ข้างล่างนี้ให้ ว่ายังไงล่ะ"จิรเมธพูดขณะที่นั่งขัดสมาธิเบื้องหน้าของโศกาที่ถูกมัดในท่านอนอยู่

"ข้าจะเชื่อแกได้ยังไง มนุษย์น่ะปลิ้นปล้อนเป็นที่หนึ่ง"โศกาที่ไม่เคยไว้ใจมนุษย์ตอบกลับ

"นายเลือกอะไรล่ะ พวกข้างล่างตายตอนนี้เลยหรือยอมเสี่ยงเพื่อให้พวกนั้นมีโอกาสรอด"จิรเมธเริ่มมีท่าทีที่พร้อมจะบุกลงไปกำจัดดวงจิตที่อยู่ใต้ดิน

"ไสยพิทักษ์ตัวเล็กๆอย่างพวกแกจะต่อรองอะไรกับคนชั้นสูงกินภาษีชาวบ้านพวกนั้นได้เล่า?"โศกาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

จิรเมธขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถาม "คนเก่งอย่างฉันไม่ได้มีทั่วไปในคณะไสยพิทักษ์หรอกนะ ฉันพูดอะไรไปมีหรือที่พวกเขาจะไม่ฟัง ฉันสัญญาตราบใดที่ฉันยังมีชีวิตพวกนั้นก็จะไม่มีทางได้มาเหยียบที่นี่"

"ก็ได้ ข้าตกลง อย่าย้ำเตือนภาพจำของมนุษย์ล่ะ"โศกาตกลงและเตือนไม่ให้จิรเมธผิดคำสัญญา

หลังจากนั้นโศกาก็ถอนพิษให้ทุกคน คณะไสยพิทักษ์ที่เคยโจมตีพวกเขาตื่นขึ้นแบบงงๆ จิรเมธนำตัวโศกาไปขังที่ห้องทดลอง ส่วนคนอื่นๆถูกนำตัวไปรักษา

ณ วังเทพาสถิต สถานที่หรูหราที่สุดในอาณาจักรซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองหลวง มันเป็นที่อยู่ของรัฐบาลและชนชั้นสูง บรรยากาศร่มรื่น ตกแต่งด้วยวัสดุราคาแพง ล้อมรอบด้วยกำแพง มีทหารเวรเฝ้าอยู่โดยรอบ แม้จะมืดแล้วแต่จิรเมธได้มายังที่แห่งนี้พร้อมกับซ่อนดอกไม้ช่อหนึ่งไว้ในผ้าคลุม

"ผมมาขอเข้าพบท่านรัฐมนตรีกระทรวงไสยะขอรับ"ชายในชุดผ้าคลุมเอ่ยกับทหารเฝ้าประตู

"เอ็งคือใครถึงจะมาพบกับคนระดับสูงเช่นนี้"ทหารเฝ้าประตูถามเพื่อยืนยันตัวตน

"สายลมพัดมา ชีวาดับสูญ"ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นทหารเฝ้าประตูเข้าใจทันทีแล้วรีบให้เขาเข้าไป

เขาเดินตามทางเดินเรื่อยๆจนถึงที่พักของรัฐมนตรีกระทรวงไสยะ แล้วเคาะประตู 

"ท่านรัฐมนตรีมีคนมาเยี่ยมเจ้าค่ะ"คนรับใช้รายงานรัฐมนตรีเฒ่า

"รีบให้เขาเข้ามา"รัฐมนตรีสั่งคนรับใช้ให้เชิญแขกเข้ามาที่ห้องรับแขก

"บ้านตานี่หรูจังเลยนะขอรับ ทำไมรัฐบาลไม่ทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่แบบนี้ด้วยล่ะ"จิรเมธเปิดผ้าคลุมแล้วทักทายด้วยความกวนเช่นปกติ

"มีอะไรรึ 'หมอกโศก' ผู้ที่อ่านตำราคาถาและทำความเข้าใจได้ตั้งแต่ปี1" รัฐมนตรีถามถึงเหตุผลที่เขามาทั้งที่ยังไม่เรียกประชุม

"ผมมีคำขอ ช่วยกั้นเขตพื้นที่นี้เป็นเขตหวงห้ามหน่อยสิขอรับ"จิรเมธพูดพร้อมกางผังเมืองและชี้จุดที่ต้องการให้ปิด

"ทำไมล่ะ ที่นั่นมีทรัพยากรธรรมชาติตั้งเยอะ"ตาแก่ผมหงอกถามเด็กรุ่นหลาน

"แถวนั้นมีสารพิษอันตรายไม่ควรอนุญาตให้ใครเข้าไปขอรับ"จิรเมธอธิบาย

"ได้เดี๋ยวฉันรีบจัดการให้ ไม่มีอะไรจะพูดอีกใช่ไหม"รัฐมนตรีที่เริ่มขี้เกียจพยายามให้จิรเมธเลิกรบกวน

จิรเมธยิ้มเล็กน้อย "จริงๆก็มีนะขอร้บ แต่เราไปหาที่ส่วนตัวคุยกันดีกว่า"

"ได้ ไปคุยในห้องทำงานฉันละกัน"รัฐมนตรีเดินนำจิรเมธเข้าไปในห้องทำงาน 

"มีอะไรว่ามา"รัฐมนตรีถามอีกครั้ง

"อย่าพูดแบบนั้นสิขอรับ ผมอุตส่าห์เตรียมของขวัญมาให้เลยนะ" จิรเมธวางช่อดอกซ่อนกลิ่นไว้บนโต๊ะของรัฐมนตรี

(ดอกไม้ที่ชวนให้นึกถึงความตาย การจากลา ลางร้าย และความหมองเศร้า)

"ผมรู้น่าว่าที่ท่านส่งคณะไสยพิทักษ์ที่ผ่านการฝึกหัดมาหมาดๆไปที่อันตราย เพราะต้องการกำจัดเราทางอ้อม ส่วนไสยพิทักษ์คนไหนที่รอดจนจบการศึกษาก็ต้องถูกส่งไปตายที่ชายแดน"จิรเมธเท้าโต๊ะของรัฐมนตรี สีหน้าคงรอยยิ้มเอาไว้

"แกพูดถึงเรื่องอะไร"รัฐมนตรียังคงทำตัวใสซื่อ

"ความสัมพันธ์ของแต่ละอาณาจักรแย่ลงเรื่อยๆตั้งแต่การหายตัวไปของเทพเจ้าทั้ง4 เกิดสงครามชายแดนมากมายที่ท่านส่งคณะไสยพิทักษ์ไปรบแต่พวกท่านก็ปิดข่าวเงียบ"จิรเมธพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเย็นชา ขณะเดินวนรอบตัวของผู้เฒ่า

จิรเมธมีสีหน้าจริงจังขึ้นและพูดต่อ "ผมรู้ดีว่าพวกคุณไม่ได้มองคนที่มีไสยะว่าเป็นคนพิเศษหรอก ท่านมองเป็นตัวประหลาดมากกว่า ถ้าพวกเราไม่มีประโยชน์ที่คุ้มกะลาหัวพวกท่านคงโดนกำจัดตั้งแต่ตรวจเลือดแล้ว รัฐบาลทุกรุ่นก็รู้จักใช้พวกเราเป็นเครื่องมือ ทั้งการคัดเลือกคนจากคณะต่างๆ มาเป็นกลุ่มหมอกเพื่อทำงานสกปรกให้รัฐบาล แต่ผมไม่ค่อยอยากจะทนกับพวกท่านเท่าไหร่แล้วล่ะ"ด้วยสาเหตุบางอย่าง รัฐมนตรีรู้สึกถึงความกดดันจึงเริ่มถอยออกห่างจากเขา

"แล้วยังไงจะฆ่าฉันทิ้งงั้นหรอ"รัฐมนตรีกล่าวท้าแม้จะเริ่มหวาดกลัวก็ตาม

"โธ่ พูดอะไรโหดร้ายแบบนั้นล่ะ ผมแค่อยากเตือนท่านหน่อยว่าอย่าให้มันมากนักนะ ลองนึกภาพดูสิถ้าผมปล่อยข่าวนี้ขึ้นมา บุคลากรและคณะไสยพิทักษ์ไม่อยู่เฉยแน่ พอถึงเวลานั้นแม้แต่ดอกซ่อนกลิ่นหรือของเซ่นไหว้ก็จะไม่มีบนป้ายหลุมศพของท่าน หรือไม่มีแม้แต่ศพให้ฝังด้วยซ้ำ"จิรเมธขู่รัฐมนตรีก่อนจะหายไปจากวังเทพาสถิตอย่างรวดเร็วพร้อมกับสายลมกรรโชก

หลังจากเสร็จธุระจิรเมธก็กลับไปหาอมราในห้องพักหญิง ที่ชั้น2ของตึกปัญญาครามครัน

"กลับมาแล้วหรอพี่ ไปทำอะไรมาเนี่ย" อมราลุกขึ้นจากเตียงมาถามหลังจากไม่เห็นหน้าตั้งแต่รักษาแผลที่ห้องพยาบาลเสร็จ

"ไปทำธุระ เป็นไงบ้างนอนสบายไหม"จิรเมธถาม

"สบายมากเลย ไม่ต้องห่วงหรอกพี่ชาย"อมราตอบกลับด้วยท่าทีที่ร่าเริง

"ถ้าเช่นนั้นพี่ไปนอนแล้วนะ"จิรเมธออกจากห้องและปิดประตู ก่อนที่จะไปนอนที่ห้องนอนส่วนตัว

เช้ามืดวันถัดมา กาลและอมราถูกปลุกขึ้นมาจากเสียงเคาะประตูเพื่อมารับชุดเครื่องแบบ กาลได้รับเสื้อราชปะแตนที่อกขวาปักคำว่าโศกเอาไว้ โจงกระเบน ปลอกแขนสีเขียว ถุงมือกันไฟ และผ้าคลุมสีดำที่ป้องกันการโจมตี กรด และอะไรก็ตามที่เป็นอันตรายในการทดลองได้ระดับหนึ่ง

อมราได้รับเสื้อแขนยาวปักคำว่าโศกไว้ที่อกขวาเช่นกัน สไบสีเขียว กระโปรงกางเกงสีดำ ถุงมือกันไฟ และผ้าคลุมเช่นเดียวกับกาล

 หลังจากพวกเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกมาที่ระเบียง พบว่ารุ่นพี่หลายคนออกมาจากห้องแล้ว ทุกคนใส่เครื่องแบบเดียวกันหมด 

"เป็นไงบ้างนอนหลับสบายไหม"ชาติกล่าวทักทายทุกคน

"สบายขอรับ/เจ้าค่ะ"ทุกคนตอบกลับ ด้วยน้ำเสียงของคนพึ่งตื่น

"พี่ วันนี้พวกเราพาน้องไปเที่ยวที่ห้องทดลองใต้ดินนะขอรับ"นิลเตือนความทรงจำรุ่นพี่ที่ดูไม่ได้เรื่อง

"รู้แล้วๆ ขอกินข้าวเช้าก่อนไม่ได้รึไง"แก้วพูดพร้อมบิดขี้เกียจ

"ทำไมต้องปักคำว่าโศกไว้บนอกเสื้อด้วยล่ะเจ้าคะ"อมราที่ยังไม่รู้อะไรมากจึงถามพร้อมเดินตามรุ่นพี่ไปโรงอาหารโดยมีกาลเดินข้างๆ

"โศกคือคำที่ใช้เรียกไสยพิทักษ์สีไพร ใช้เรียกเจาะจงโดยไม่ต้องงงกันว่าไพรนี่หมายถึงครูด้วยไหม ของแผนกอื่นก็เรียกต่างๆกันไป

เช่น ชาดเรียกว่าทับทิม

     บุษราคัมเรียกว่าจำปา

     โอรสเรียกว่ากุหลาบ

     กรมท่าเรียกว่าคราม    

     กากีเรียกสั้นๆตลกๆว่าเด็กช่าง

     เผือกเรียกว่าเทวดา(เนื่องจากช่วยคนไว้เยอะ)

     บัวโรยเรียกว่าเทพารักษ์ จำได้ไหม?"หลังจากที่พูดตั้งนานจนถึงโรงอาหารที่ตึกวายุคุ้ม กลก็หันมาถามรุ่นน้อง

"...เข้าใจเจ้าค่ะ"อมราตอบทั้งที่จำได้ไม่ถึงครึ่ง

"เอ่อคือว่า เราต้องเรียนเรื่องอะไรบ้างหรอครับ"กาลถามรายละเอียด

"ข้อมูลของสิ่งมีชีวิตพิเศษต่างๆ ประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลแต่งเสริมมาบ้างเพื่อล้างสมองชนเราและชาวบ้าน เวลาที่เหลือจะทำการวิจัยและให้อาหารดวงจิตมากกว่า"จิรเมธอธิบายจากประสบการณ์ที่เคยเรียนปี1มาก่อน

"นอกจากกลัวว่าดวงจิตจะหนีออกมาตอนไหน ก็ไม่มีอะไรให้เครียดหรอกน่าสบายใจได้"แก้วพูดระหว่างซื้อข้าวมันไก่มากิน

บรรยากาศในช่วงทานอาหารเป็นไปด้วยความสนุกสนาน มีการหยอกล้อกันบ้าง ญาณินยังคงสงบเสงี่ยมแต่ก็ยิ้มออกมาตลอด

ณ ชั้นใต้ดินของตึกปัญญาครามครัน พวกเขากำลังแนะนำสถานที่

"พอเดินลงบันไดมา หันไปทางด้านซ้ายจะเป็นส่วนของดวงจิตที่ปลอดภัย และ ทางด้านขวาคือพวกที่อันตรายยิ่งลึกเท่าไหร่ระดับยิ่งสูง"กลอธิบายแผนผังสถานที่คร่าวๆ

"ทุกห้องขังจะใช้วัสดุที่แข็งแรงทั้งกำแพงเพดานพื้น หรือกระจกเราก็ใช้คาถาเสริมความแข็งแรงไปแล้วเช่นกันถ้าถามว่าแข็งแรงแค่ไหน แม้แต่ค้อนอันทรงพลังของนิลก็สร้างรอยขีดข่วนให้มันไม่ได้ กุญแจที่ใช้เปิดห้องจะโผล่ออกมาเองเมื่อเราต้องการ"ชาติอธิบายลักษณะของห้องขัง

"เนื่องจากดวงจิตเองก็ต้องการอาหารเราจึงต้องส่งอาหารให้มันเช่น เนื้อสดๆ ผักผลไม้ หรือบางตนที่มีสติขึ้นมาหน่อยก็กินอาหารปกติ บางตนขี้เหงาเราก็ต้องไปคุยเป็นเพื่อน"แก้วอธิบายและสาธิตการให้อาหารดวงจิตที่ปลอดภัยโดยการเปิดประตูห้องขังนำผลไม้ไปยื่นให้ให้ดวงจิตห้องหมายเลข110 "เขาชื่อว่ามั่น ทักทายหน่อยสิ"ดวงจิตตนนั้นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ทุกคนจึงยิ้มตอบ

"ดวงจิตน่ะไม่ได้โหดร้ายทุกตัวหรอกนะ เพียงแต่อยู่ข้างนอกนั่นชาวบ้านและคณะไสยพิทักษ์ชอบไปทำร้ายพวกเขา ถ้าพวกกุหลาบไม่ได้เจอแล้วจับมาก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่"แก้วอธิบายต่อ กาลกับอมราดูมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก

"เอาล่ะๆ ไปดูโศกากันเถอะ จิรเมธจำได้ใช่ไหมว่าขังเขาไว้ห้องไหนน่ะ"ชาติที่เห็นบรรยากาศเริ่มไม่ดีจึงเบี่ยงเบนความสนใจ

จิรเมธพยักหน้าและเดินนำทุกคนไปที่ห้องหมายเลข310 และเคาะประตู

"อรุณสวัสดิ์โศกาตื่นรึยัง"จิรเมธถามหลังจากเคาะประตู

"มีอะไรจะนำข้าไปประหารรึ"โศกาพูดขึ้นมา

"ไม่ใช่ แค่มาเยี่ยมเฉยๆ"จิรเมธตอบและเปิดประตูเข้าไปหาโศกาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร

"มีอะไรก็พูดมาเถอะ อย่าลีลา"โศกาพูดด้วยความรำคาญ

"สงสัยเขาจะไม่ค่อยชิน พวกนายไปห้องอื่นก่อนเลย ฉันจะคุยกับเขาอีกหน่อย"จิรเมธเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูไว้ในขณะที่คนอื่นเดินชมห้องทดลองกันต่อ

"นายมีอายุกี่ปีแล้วงั้นหรอ ถ้าให้เดาก็มากกว่า3,000ปีแล้วใช่ไหมล่ะ"จิรเมธเริ่มต้นการสนทนา

"3,025ปี ถือว่าเดาได้ถูก"โศกาตอบไปตามที่จำได้

"ถ้างั้นวัย25ปีนายก็เห็นเหตุการณ์นรกแตกแล้วใช่ไหม ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ"จิรเมธพูดพร้อมกับจุดกำยาน "กำยานนี้มีฤทธิ์ให้ดวงจิตที่สูดมันเข้าไปโกหกไม่ได้เพราะงั้นพูดมาได้"จิรเมธพูดหลังจากที่โศกาสูดดมกำยานไปแล้ว

โศกาที่ไม่มีทางเลือกจึงถอนหายใจแล้วเริ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อ3,000ปีก่อน

"เมื่อก่อนข้าเป็นแค่ดวงจิตอายุ25ปีที่เมืองหลวงตอนนั้นดวงจิตกับมนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างปกติสุข อยู่ดีๆระหว่างที่ข้ากำลังทำงาน ดวงจิตหลายตนเริ่มโจมตีผู้คน มนุษย์มองข้าด้วยความหวาดระแวงและพยายามโจมตีข้า ตอนนั้นข้ากำลังสับสนจึงรีบพาครอบครัวและพวกพ้องที่ยังมีสติหนีออกจากเมืองมาทางใต้ แต่ไปได้ไม่ไกลจากเมืองหลวงพวกเราก็ถูกกำแพงลมกั้นทางเอาไว้ เมื่อข้าหันหลังไปมองก็พบชายที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับรูปเคารพของเทพแห่งความเมตตาที่บ้านข้า เมื่อเห็นดังนั้นข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้า แต่ผิดคาดข้าไม่ทันที่จะวิ่งไปถึงตัวหรือพูดสิ่งใด เทพองค์นั้นก็สั่งทหารที่ติดตามมาให้ฆ่าดวงจิตทุกตนที่เห็นหน้า เมื่อเห็นดังนั้นข้าเลยพยายามขัดขืนและปกป้องทุกคนสุดความสามารถ แต่สุดท้ายครอบครัวของข้าพ่อแม่ ลูก ภรรยา ถูกทหารฆ่าตาย เพื่อนรักตั้งแต่เด็กของข้าและดวงจิตที่มีร่างกายแข็งแรงพอที่จะต้านทหารได้ ถูกเทพองค์นั้นใช้ดาบแห่งสายลมสังหารอย่างรวดเร็วแล้วหันมาใช้สายลมกรรโชกเป่าข้าไปทางเหนือของเมืองหลวง เขาคงคิดว่าข้าตายแน่หรือถึงรอดก็จะโดนทหารที่ประจำอยู่ทิศเหนือสังหารอยู่ดี โชคดีที่มีชายแก่ใจดีคนนึงรับข้ามารักษาและให้ที่ซ่อนเป็นเวลานานจนเขาสิ้นลมหายใจ ก่อนเขาตายก็ได้สั่งเสียไว้ว่า 'ข้าอยากให้ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ตอนหนุ่มๆข้าสร้างห้องใต้ดินไว้เพื่อเก็บของถ้าเจ้าอยากใช้ซ่อนตัวหรือทำอะไรก็เอาเลยข้ายกให้' ชายแก่คนนั้นพูดก่อนจะตายไปจากโรคชราในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หลังจากนั้น5ปีหรือตอนที่ทวยเทพมอบพลังส่วนหนึ่งแก่มนุษย์ข้ากลับได้รับมันมาทั้งที่เป็นดวงจิต  ข้าใช้ห้องใต้ดินหลบซ่อนและทดลองจนสามารถสร้างพิษที่ทำให้คนไร้สติสัมปชัญญะเมื่อพบพิษชนิดนี้ข้าก็ทดลองพวกมันกับหนู พบว่าข้าสามารถควบคุมมันได้หรือจะใช้ไสยะแล้วมองผ่านสายตาของมันก็ได้ ฉันจึงเริ่มช่วยเหลือดวงจิตที่บริสุทธิ์มาดูแลที่ห้องใต้ดินและขยายห้องใต้ดินจนใหญ่เท่าผืนป่า แต่ข้าก็ยังไม่วางใจ หากวันใดที่มนุษย์พบที่แห่งนี้ขึ้นมาเหตุการณ์จะซ้ำรอยจึงขึ้นไปบนพื้นดินพบว่ามนุษย์คนนึงขุดหลุมหาบางสิ่งอยู่จึงเข้าไปหยุดเขา ตอนแรกกะจะฆ่าทิ้งเสียแต่ก็ทำไม่ลง เขาสัญญาว่าไม่บอกใครว่าเคยพบข้าแต่วันถัดมาหลังจากที่ข้าลองใช้พิษอาบลงใบมีดได้ไม่นาน มนุษย์คนเดิมกลับพาคณะไสยพิทักษ์มา2คนข้าจึงต้องฆ่าพวกเขาทิ้งโดยการสั่งให้ไสยพิทักษ์ที่พลาดท่าโดนพิษจัดการสองคนที่เหลือ จากนั้นก็สร้างภาพลวงตาผืนป่าที่รกมากๆ และคอยเฝ้าอยู่บริเวณนั้น"โศกาเล่าเรื่องที่ยาวแสนยาวให้จิรเมธฟังแต่จิรเมธก็ยังคงฟังอย่างใจจดใจจ่อ 

"แบบนี้เองหรอ ขอบคุณนะ หิวหรือไม่เดี๋ยวเตรียมมา-" 'ตู้ม!' จิรเมธยังพูดไม่เสร็จกลับมีเสียงบางอย่างระเบิดมาจากห้องที่ลึกกว่า

"จิรเมธ ห้อง405มันระเบิดกำแพงออกมาแล้ว"เสียวของแก้วดังขึ้น

"ไหนบอกว่ากำแพงนี้แข็งแรงมากไงเจ้าคะ"อมราพูดด้วยความตกใจ ขณะที่กาลกำลังยืนอยู่ข้างหน้าเพื่อปกป้องเธอ

"สักครู่นะค่อยคุยกันใหม่"จิรเมธพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป เมื่อพบว่าระยะทางประมาณ50ก้าว จึงเข้าประชิดตัวดวงจิตด้วยความเร็ว แล้วท่องคาถาในใจ(ดวงตาจงปิดแล้วเข้าสู่ภวังค์)มันจึงสลบไป และเตะดวงจิตเข้าห้องขังไป

"ไวเกินไปไหมขอรับพี่จิรเมธ"กาลที่กำลังอึ้งกับการที่จิรเมธสามารถจัดการดวงจิตระดับ4ได้อย่างรวดเร็ว

"พวกนายเนี่ยใช้ไม่ได้เลยนะ แค่นี้ต้องให้ช่วย"จิรเมธพูดโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกผู้ฟังเท่าไหร่นัก

"พี่ชาติครับ ผมว่าคงต้องซ่อมและเสริมกำลังกำแพงเพิ่มแล้วล่ะ"นิลแนะนำรุ่นพี่ให้เรียกเด็กช่างรีบมาซ่อมกำแพง

"เขาคงสลบไปซัก3วันคงทำทุกอย่างเสร็จพอดีเจ้าค่ะ"ญาณินใช้ไสยะตรวจสอบร่างกายของดวงจิตอีกรอบ "ดวงจิตตนนี้มีความเครียดสูงต้องให้กำยานดมเพื่อผ่อนคลาย

"เข้าใจแล้ว พวกนายไปพักก่อนเถอะพรุ่งนี้ค่อยเรียนกัน"ชาติพูดและเดินไปเรียกแผนกกากีมาซ่อมกำแพงที่ตึกนิรมาณหรือก็คือตึกที่คณะเมทนีประจำการ

"นี่พวกนายน่ะ มาซ่อมห้อง405หน่อยสิ เดี๋ยวจ่ายค่าจ้างให้"ชาติพูดกับหัวหน้าเด็กช่างที่เห็นว่าเดินผ่านมาพอดี

ระหว่างที่ทุกคนทำธุระแล้วกลับไปพักที่ห้องตน จิรเมธกำลังคุยกับโศกาอย่างถูกคอ

"เอ็งนี่ภายนอกดูเยือกเย็นไม่ต่างอะไรจากมารุต แต่พอคุยกันดีๆก็ไม่ใช่คนเย็นชาอะไร ข้าสงสัยทำไมถึงต้องทำตัวเย็นชาขนาดนั้นต่อหน้าคนอื่นด้วยล่ะ แค่ฟังจากเสียงก็รู้แล้วว่าพวกนั้นน่ะเป็นคนดีถึงแม้ดูเหมือนจะตายได้ทุกเมื่อก็เถอะ"โศกาที่เริ่มไว้ใจมนุษย์คนนี้มากขึ้นจึงถามถึงสาเหตุที่ชายตรงหน้าของเขาดูเย็นชาต่อทุกคนทั้งที่จริงเขาเป็นคนที่อ่อนโยนคนนึง

โปรดติดตามตอนต่อไป........

**หมอกคือชื่อเรียกของกลุ่มคณะไสยพิทักษ์ที่ถูกคัดเลือกมาจากคนที่เก่งที่สุดทุกคณะมา4คนโดยรัฐบาล พวกเขาจะทำตามบัญชาของชนชั้นสูงและรัฐบาลโดยไม่เกี่ยงภารกิจ ค่าตอบแทนนั้นสูงลิ่ว**

     

     

                      

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!