บทการถือกำเนิดแห่งน้ำค้างวิสุทธิ์ ตอนที่3 เข้าเรียนต่อ

 หลังจากพวกเขาสงบสติกันเรียบร้อย

"กาลฉันมีเรื่องจะขอนายหน่อย"อมรายืนขึ้น

"อะไรหรอ"กาลถาม

"ช่วยกลับไปที่สำนักเป็นด้วยกันหน่อยได้ไหม"อมราขอให้กาลกลับไปที่สำนักด้วยกัน

"ได้แน่นอน"กาลตอบอย่างเต็มใจ

หลังจากนั้นทั้งสามก็เดินกลับไปที่สำนักด้วยกัน บรรยากาศเงียบเหงา กลิ่นของหญ้าสดโชยมาตามลมท่ามกลางทุ่งหญ้าที่มีก้อนหินก้อนใหญ่อยู่2-5ก้อน อมรามีน้ำตาไหลออกมาเป็นระยะๆ

"ดูสิว่าเหยื่อที่ไหนเดินโง่ๆ อยู่ที่นี่"เสียงนึงดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน ทุกคนหันมองแล้วพบกับดวงจิต2ตน ตนนึงยืน2ขา รูปร่างคล้ายมนุษย์ ถือธนูพร้อมยิง อีกตนนึงมี4ขา เขี้ยวและกรงเล็บแหลมคมกำลังจ้องจะโจมตีเขาอยู่ ขณะนี้ทั้ง3เหนื่อยล้าถ้าให้สู้ตอนนี้คงไม่ไหว

"วดีรีบกลับไปสำนัก ฉันกับกาลจะล่อไว้ รายงานว่ารุ่นที่500เหลือ2คน.........และอาจเหลือแค่หนึ่งในเร็วๆ นี้"อมราพูดขึ้นอย่างสิ้นหวัง

"ไม่เอาเราต้องสู้ด้วยกันสิ อม--"

"ไป!!!"อมราตะคอกทำให้วดีต้องยอมทำตาม

"แหมๆ น่าสมเพชดีนะพวกแกน่ะ จริงไหมแดง"อ้อยหัวเราะอย่างสะใจ

"เงียบไปเถอะน่า อ้อย"ดวงจิตทั้งสองโต้ตอบกัน

กาลไม่ลังเล ชักมีดอาคมออกมาแล้วจู่โจมแดงทันที

"เดี๋ยวก่อนสิกาล"พูดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว อมราจึงคอยใช้ไสยะช่วยโจมตี

(ในตอนนี้กาลอ่อนแอ สู้กับเจ้านั่นยังไงก็ไม่ชนะถึงฉันจะยิงเมือกพวกนี้ไปช่วย แต่ว่า อีกตัวนึงก็ตีระยะไกลใส่กาลได้อยู่ดี)

อมราคิดก่อนจะใช้พลังจิตติดต่อกับพี่ชายให้มาช่วย ในระหว่างนั้น กาลกำลังสู้กับแดงอย่างดุเดือด

กาลใช้ไสยะทำให้สามารถอัดแดงได้อย่างเต็มที่

"ไม่รู้จักระวังตัวซะเลย"อ้อยพูดและยิงธนูไฟใส่กาล

"นะโมพุทธายะ แคล้วคลาดมรณา"ธนูไฟที่ปะทะกับเกราะเวทย์ของกาลซึ่งไม่สมบูรณ์จึงเกิดการระเบิดขึ้น ส่งผลให้กาลกระเด็นไปกระแทกก้อนหินอย่างแรง

"แดง เสร็จไปแล้วหนึ่ง ต่อไปจัดการผู้หญิงคนนั้นต่อเลย"อ้อยออกคำสั่ง

"ซวยละไง"อมราส่งเมือกไปพันธนาการขาของแดงไว้และใช้ห่าเมือกต่อทันที

อมราต่อสู้กับดวงจิตทั้ง2ตัวอย่างทุลักทุเลนั่นคือภาพสุดท้ายที่กาลเห็นก่อนสลบไปจากผลของแรงกระแทก

(ตอนนี้เรามีบาดแผลเต็มไปหมด ต้องถ่วงเวลาไว้รอพี่จิรเมธมาถึง)อมรายังคงต้องสู้พร้อมกับปกป้องร่างไร้สติของกาลไปด้วย

เสียงร้องดังขึ้นเมื่ออมราสร้างกรงกรดหลอมละลายขึ้นมาขังแดงเอาไว้

"แกนี่จริงๆ เลย"อ้อยพูดขึ้นและถอนไสยะของอมราออกจากตัวแดง

"นังนี่"แดงพุ่งไปกดอมราไว้กับพื้นโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว

(บางทีตอนนี้อาจถึงเวลาของเราจริงๆ แล้วก็ได้) อมราเริ่มหมดหวังเพราะเธอใกล้ความตายไปแล้วทุกวินาที

ในวินาทีที่กรงเล็บของแดงกำลังจะปลิดชีพอมรานั้นเอง เกิดลมแรงพัดผ่าน ทำให้แดงเสียหลัก

"รู้ไหมบทลงโทษของการทำให้น้องของฉันบาดเจ็บคืออะไร"เสียงเรียบๆ นึงพูดขึ้นเมื่อสายลมหยุดพัด

แดงถูกแรงลมกระแทกจนกระเด็นอีกครั้ง

"ประหารสถานเดียว"เจ้าของเสียงนั้นคือจิรเมธ พี่เลี้ยงวัย15ปีของอมรานั่นเอง อาภรณ์สีเขียวเข้ม ตาสีเขียวสว่าง หน้าตาหล่อเอาการ สูงกว่าอมรานิดหน่อย

"หนอยแน่ คิดว่าตัวเองเก่งพอที่จะจัดการเรา2คนรึไง"อ้อยพูดและยิงธนูไฟมาอีกหลายดอก

"กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง" จิรเมธท่องคาถา ทันทีที่ธนูไฟมาถึงตัวจิรเมธกลับหันหัวลูกศรสะท้อนไปหาอ้อยทุกดอกอย่างรวดเร็ว

เสียงสุดท้ายของดวงจิตสาวดังออกมาก่อนสิ้นชีพ

"แกนะแก ตายซะ"แดงโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

จิรเมธสวนด้วยแรงกระแทกจากลมทำให้แดงหมดสติทันที

"น่าสงสารจัง ฉันจะใช้มีดอาคมนี่ปลดปล่อยเองละกัน"จิรเมธพูดก่อนแทงกลางอกของแดงจนสิ้นใจ

"พวกนี้มักโผล่มาหลังจากการคัดเลือกเสมอเลย คงมาเพื่อถอนต้นกล้าเสียแต่เนิ่นๆ"จิรเมธหันกลับมาคุยกับอมรา

"ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้ว..."อมราที่กำลังจะพูดก็ถูกจิรเมธพูดขัด

"เด็กที่นอนสลบคาก้อนหินน่ะหรอ แค่สลบสัก7วัน"จิรเมธพูดราวกับว่ามันเป็นเวลาเพียง7ชั่วโมง

"เขาชื่อกาลเจ้าค่ะ เราร่วมเป็นร่วมตายกันมาในการทดสอบ ฝากเรียกอาจารย์ของเขามาเยี่ยมด้วยนะเจ้าคะ"เธอขอร้องพี่ชาย ระหว่างที่เขากำลังทำแผลให้อมราอยู่

"แล้วเขามาจากสำนักไหนล่ะ"จิรเมธอยากรู้ข้อมูลจะได้ส่งจดหมายถูก

"มาจากเมืองเเพร อาจารย์ชื่อพชรพล ส่วนชื่อสำนักไม่รู้เจ้าค่ะ"อมราพูดทุกอย่างที่ตนรู้

"ได้ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้"จิรเมธตกลงก่อนแบกร่างของกาล กลับไปที่สำนักพร้อมกับอมรา หลังจากทำแผลเบื้อง ต้นเสร็จ

เมื่อถึงสำนักโชติช่วงวดี

"อาจารย์ขอรับ พาคนเจ็บกับลูกศิษย์สุดที่รักของอาจารย์มาหาขอรับ"จิรเมธเอ่ยหลังเคาะประตู

"พี่อมรา  นึกว่าจะไม่กลับมาเสียแล้ว"วดีวิ่งเข้ามาหาทั้งสามอย่างร้อนรน

"ไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย จิรเมธน่ะเร็วมากเลยนะ จากเมืองที่ไปทำภารกิจซึ่งห่างไป1โยชน์ก็เดินทางมาอย่างรวดเร็ว ว่าแต่จะกลับมาแค่นี้จริงๆเหรอ?"อาจารย์เจ้าของสำนักชื่อว่ามิ่ง กล่าว ทำให้ทุกคนมีสีหน้าที่ดูเศร้าหมองกว่าเดิม

"ช่างเถอะ"อาจารย์พูด ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น

"กินข้าวยังเจ้าคะ"อมราถามอาจารย์อย่างสนิทสนม

"เอ่ออออ อาจารย์มิ่งคะ จะว่าอะไรไหมถ้าให้เขาอยู่ที่นี่จนกว่าจะฟื้นตัวน่ะเจ้าค่ะ?"อมราขออนุญาตอาจารย์

"ได้สิพาเขาไปนอนพักที่ห้องไหนก็ได้ หลังจากนี้ต้องดูแลกันให้ดีนะ"อาจารย์เริ่มมีสีหน้าโศกเศร้าอย่างชัดเจน

"เฮ้อรอดกันแค่2คนสินะ น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก" อาจารย์มิ่งพูดด้วยความผิดหวัง

หลังจากนั้นในระหว่าง 7 วันหลายสำนักก็ร่วมไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต

หลังจากการสลบมา7วัน ในที่สุดกาลก็ฟื้น กาลรู้สึกถึงสายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบกับอมราที่นั่งเฝ้าตนอยู่และจิรเมธที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง

"พี่จิรเมธ กาลตื่นแล้ว"อมราเอ่ยด้วยความดีใจในสภาพที่นอนไม่เต็มอิ่ม

"นายหลับไป 7 วัน อมรามาเฝ้านายแทบตลอดเวลาที่เธอว่างเลยล่ะ"จิรเมธอธิบายและเข้าไปตรวจร่างกายของ      กาล

"ขอบคุณขอรับ แล้วเรื่องเรียนต่อล่ะ"กาลหันไปถามอมราอย่างกระตือรือร้นหลังจากที่จิเมธตรวจร่างกายเสร็จ

"วดีถูกส่งไปที่เมืองชั้นใน พวกเราไปเรียนที่สถานศึกษาโพธิวิทยาลัย โรงเรียนที่ดีที่สุดในอาณาจักร คณะสุวารี แผนกไพร อาจารย์ของนายไปติดต่อให้ คงกำลังกลับมาน่ะ"จิรเมธมองไปนอกหน้าต่างไม้

"เปิดเรียนสัปดาห์หน้าพวกเธอก็เตรียมตัวให้พร้อมซะนะ มีคำถามอะไรไหม"จิรเมธถามทั้งสอง

"พวกเราต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเองไหมขอรับ"กาลถาม

"ทุกอย่างไม่มีค่าใช้จ่าย และไม่ต้องเตรียมด้วย อีกอย่างฉันวาดแผนผังคร่าวๆ มาให้"จิรเมธยื่นแผนที่ที่เขาวาดเองให้ทั้งสองดู

"พวกเราเรียนที่ตึกปัญญาครามครัน ทดลองที่ชั้นใต้ดินของตึกนั่นแหละ"จิรเมธพูดพร้อมชี้ที่ตั้งตึกให้ทั้งสองดู

'ก็อก ก็อก ก็อก'เสียงเคาะประตูดังขึ้น

"ฉันกลับมาแล้ว"เสียงพชรพลพูดขึ้น

"เข้ามาเลยขอรับ"กาลเชิญอาจารย์ของตนเข้ามา

พชรพลเดินเข้ามากอดกาลด้วยความอบอุ่น

"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ"กาลกอดกลับหลังจากไม่ได้เจอหน้ากันมาค่อนข้างนาน

"นั่นสินะ...ฉันนำประกาศจากโรงเรียนมาแจ้ง"

"เกิดศึกใหญ่กับดวงจิตขึ้นทางตอนใต้ของอาณาจักรใน เมืองศรีจันทร์ เมืองรัตนธานี และอื่นๆ อาจารย์จากโรงเรียนโพธิวิทยาลัยต้องไปช่วยรบ จึงจะให้นักเรียนศึกษาจากหนังสือ และให้รุ่นพี่ช่วยฝึกรุ่นน้องต่อไป"พชรพลอ่านประกาศที่ โรงเรียนส่งมาให้ทุกคนฟัง

"เอาจริงดิ"จิรเมธพูดขึ้นมาหลังจากพชรพลอ่านประกาศจบ เนื่องจากรุ่นพี่ปี3ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่และเขาที่อยู่ปี2ก็ต้องให้ปี3สอน

"จริงสิ ฉันเข้าใจว่านายคิดอะไรอยู่ จากรายงานรุ่นพี่ปี3ของนายใช้ไม่ได้เท่าไหร่ แต่ถ้าแค่ท่องจำจากตำราแล้วสอนน้องพวกเขาก็อาจพอทำได้"พชรพลบอกจิรเมธ

"รับทราบขอรับ"

"เอาล่ะๆ ระหว่างนี้ฉันแนะนำให้พวกนายฝึกฝนกันซะ วันเปิดเทอมยังไม่ได้เรียนหรอก จากปีที่ผ่านมาเขาชอบรับน้องด้วยการให้แต่ละคณะไปล่าดวงจิตกัน"อาจารย์มิ่งกล่าวเตือน

7วันผ่านไป

"คณะไสยพิทักษ์ทั้งหลาย ที่พวกนายปี1มาเรียนที่นี่ก็เพื่อนำความรู้ไปปกป้องประชาชนและประเทศ"เสียงของรัฐมนตรีกระทรวงไสยะดังขึ้น หน้าอนุสาวรีย์ คำพูดปลุกใจที่หลอกล่อให้คณะไสยพิทักษ์ยอมทำงานให้พวกเขาที่มุดหัวอยู่ในเมืองไม่กล้าเผชิญหน้ากับดวงจิตระดับ1ด้วยซ้ำ

ในช่วงกลางวันเป็นการแนะนำตึกและห้องต่างๆ ในโรงเรียน

ช่วงบ่ายเป็นการให้ทุกคนทำความรู้จักกัน รุ่นพี่ปี2 ได้แก่ จิรเมธ นิล ญาณิน รุ่นพี่ปี3 ได้แก่ แก้ว ชาติ กล โดยทุกคนใส่ชุดลำลอง เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว

ช่วงเย็น........

                     "ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย"กาลพูดขึ้นเมื่อสิ่งที่เขาเห็นคือป่ามืดวังเวง มีร่างของผู้พิทักษ์หลายคนอยู่บนพื้นและหายใจโรยริน

                     "ป่าช้า ที่นี่มีดวงจิตร่ายคาถาเอาไว้ ในนี้มันรู้การเคลื่อนไหวของพวกเราและแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับมันที่อยู่นอกป่ามาก"พี่ปี3 กล หนุ่มร่างสูงผิวสีแทน ผมสีน้ำตาลรองทรงสูง เป็นคนอัธยาศัยดีอธิบาย

                    

                     "จับไปศึกษาดีไหมเจ้าคะ แผนกโอรสคงไม่ว่าเราแย่งหน้าที่หรอก"ญาณิน หญิงสาววัยไล่เลี่ยกับจิรเมธท่าทางเรียบร้อยมัดผมหางม้า ใช้ธนูเป็นอาวุธ เสนอ

"ก็ดีนะแต่ต้องรู้ความสามารถของมันก่อน ขืนเข้าไปจับสุ่มสี่สุ่มห้าอาจโดนเล่นงานได้"นิล ชายที่อายุมากที่สุดในปี2ตัวสูงใหญ่ใช้ค้อนยักษ์เป็นอาวุธเริ่มสำรวจรอบๆ

"เดี๋ยวก่อนนะ"(ขอให้ท่านสุวารี ช่วยทำลายภาพลวงตาเหล่านี้ด้วยเถิด) จิรเมธร่ายคาถาในใจ

ทันใดนั้นจากป่ากลับกลายเป็นทุ่งหญ้าและกับดักมากมายโดยมีดวงจิตร่างใหญ่ ผิวสีเทาตนนึงนั่งอยู่ตรงกลางของทุ่งหญ้า ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันหนักอึ้ง

"รู้ได้ไงว่าเป็นภาพลวงตา"อมรากระซิบถามจิรเมธ

"ฉลาดไง"จิรเมธตอบกวนอมราเล่นๆ

"มาอีกแล้วหรอเจ้าพวกที่ชอบรบกวนความสงบของข้า เพิ่งจัดการกลุ่มที่แล้วไปเมื่อ3คืนก่อนเองนะ ข้าชื่อโศกา แต่ไม่ต้องรู้ก็ได้เพราะอีกเดี๋ยวก็ตายแล้วล่ะ"ดวงจิตตนนั้นเอ่ยและปลุกคณะไสยพิทักษ์ที่นอนอยู่บนพื้นมากมายขึ้นมา มันควบคุมพวกเขาอยู่

"เหล่าทาสรับใช้ โจมตี!"ดวงจิตตนนั้นสั่งการ

ผู้พิทักษ์ผู้ไร้สติพุ่งเข้าโจมตีพวกเขาด้วยอาวุธที่ตนมีทันที

"ให้ตายสิ คำพูดโบราณชะมัด"จิรเมธเสกดาบมาจากสายลมของเขา

"อย่ามัวแต่อึ้งสิน้อง"ชาติ รุ่นพี่ปี3ผมสั้นสีแดงเตือนและใช้เชือกพันธนาการผู้พิทักษ์ไร้สติจำนวนหนึ่ง

"ทางโรงเรียนใช้สมองส่วนไหนคิด ถึงส่งเด็กมาที่แบบนี้เนี่ย"แก้ว วัยรุ่นสาวตัวสูง รุ่นพี่ปี3 เธอได้ชื่อว่าเป็นคนที่สวยงามที่สุดในโรงเรียนใช้ไสยะสงบผู้พิทักษ์ที่ถูกพันธนาการ

"จะฆ่าผู้พิทักษ์คนอื่นไม่ได้นะเจ้าคะ ดิฉันลองตรวจสอบแล้วในร่างกายแต่ละคนมีพิษเมื่อพวกเขาตายพิษจะออกมาแพร่ใส่พวกเราได้เจ้าค่ะ"ญาณินตะโกนบอกทุกคนหลังจากใช้ไสยะมองเข้าไปในร่างกายของผู้พิทักษ์ไร้สติ

                     "รู้มากจังเลยนะ"โศกาโยนมีดอาบยาพิษใส่ญาณินแต่ก็ถูกจิรเมธขัดขวางไว้ด้วยลมแรงซะก่อน

                   

                จิรเมธเข้าประชิดตัวและใช้ไสยะอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดลมแรงซึ่งพัดของมีคมที่เสกมาเรื่อยๆเข้าใส่โศกา

                      

"นี่แก!"โศกาตะโกนออกมาหลังจากเห็นความสามารถของจิรเมธ

โปรดติดตามตอนต่อไป.....

ขอโทษที่ลงช้านะครับ พอดีช่วงนี้ใกล้สอบกลางภาคเลยต้องปั่นงานครับ

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!