บทการถือกำเนิดแห่งน้ำค้างวืสุทธิ์ ตอนที่2 สอบคัดเลือก

4ปีต่อมา......

เด็กหนุ่มผมสีดำทมิฬยืนท่ามกลางดวงจิต4ตนซึ่งดูกระหายเลือด ตัวของเขาเต็มไปด้วยน้ำฝนที่พรำลงมาในยามเย็น เนื่องจากดวงจิตได้โจมตีเขาแต่พลาดไปทำให้ร่มหัก

"ลอบโจมตีแบบนี้ไม่ดีเลยนะ"ในมือของกาลถือกล่องกับข้าวที่พชรพลฝากมาซื้ออยู่จึงวางมันลงข้างทางซึ่งมีหลังคาบังเพื่อเตรียมสู้

"นานๆ ทีจะมีเหยื่อกล้าเดินมาที่เปลี่ยวแบบนี้อย่าปล่อยให้หลุดไปนะเว้ย"ดวงจิตตนนึงกล่าวก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีกาลด้วยกรงเล็บ

"จงไปให้ไกล"กาลท่องคาถา ศรีษะของดวงจิตตนนั้นกระแทกกำแพงอย่างแรงทำให้มันสิ้นใจทันที

"ก็ไม่เท่าไหร่นี่" (ศัตรูที่เหลือมี3ตัว ตีไกล1 ตีใกล้2 ถ้าจะล้มได้ต้องใช้ไสยะ) กาลคิดก่อนจะตั้งสมาธิและใช้

ไสยะชะลอการเคลื่อนไหว

ทันใดนั้นดวงจิตทั้ง3ตน ก็เคลื่อนไหวช้าลงอย่างมาก

(แค่นี้ก็เก็บเรียงตัวได้แล้วสินะ) กาลคิดในใจแล้วจัดการดวงจิตจนหมดทันที ร่างของดวงจิตสลายไปช้าๆ

จนหายไป

"เล่นเอาพลังงานจิตเกือบหมดเลยแฮะ....เอาล่ะกลับไปหาอาจารย์ก่อนเถอะ"ว่าแล้วกาลก็เดินกลับบ้านพชรพล

ทันที

"มาแล้วขอรับ"กาลเดินเข้าบ้านพร้อมกับสภาพที่ดูไม่จืด

"ทำไมมาช้าจังล่ะ แถมกลับมาด้วยสภาพแบบนั้นด้วย"พชรพลเดินเข้ามาหากาลด้วยความเป็นห่วง

"พอดีโดนดวงจิต4ตนโจมตีเข้าน่ะขอรับ แต่จัดการได้แล้วขอรับ"กาลพูดทำให้พชรพลสบายใจขึ้น

"บาดเจ็บตรงไหนไหม"พชรพลสำรวจร่างกายกาลเผื่อมีแผล

"คิดว่าไม่ขอรับ"กาลกล่าวและมองไปที่ชุดสีขาวของตนเองที่เปียกโชก

"ช่างเถอะไปอาบน้ำแล้วกินข้าวกัน"พชรพลพูดและนั่งเตรียมจานกับข้าว

หลังจากทั้ง2กินข้าวเสร็จ

"ช่วงนี้รายงานการปรากฎตัวของดวงจิตเริ่มน้อยลงแล้วล่ะ"พชรพลเริ่มบทสนทนาระหว่างที่กาลกำลังล้างจาน

"ถ้างั้นก็ดีสิขอรับ ชาวบ้านจะปลอดภัยขึ้นมากเลยล่ะ"กาลพูดอย่างปิติยินดี

"นั่นสินะ ทว่า รายงานสถิติการจับและกำจัดของผู้พิทักษ์กลับเท่าเดิมน่ะสิแล้ว ดวงจิตอาจแค่หลบซ่อนและวางแผนทำอะไรซักอย่าง"พชรพลเปิดเผยข้อมูลอีกส่วน

"จริงด้วยขอรับ"กาลคล้อยตามและหันไปล้างจานต่อ

"สวัสดีขอรับ ไม่ทราบว่าอยู่ไหม"คนส่งจดหมายขี่ม้ามาถึงหน้าบ้าน

"อยู่ขอรับ" พชรพลเดินออกมาจากบ้าน

"กระผมนำประกาศเรื่องการสอบคัดเลือกเข้าโรงเรียนฝึกเตรียมผู้พิทักษ์มาส่งครับ"บุรุษไปรษณีย์ยื่นเอกสารและจดหมายประกาศซึ่งเก็บไว้อย่างดีจึงไม่เปียกให้กับพชรพล

"โหประกาศตั้งแต่3เดือนที่แล้วแน่ะ นี่ขนาดฉันจ้างนายส่วนตัวนะเนี่ย"พชรพลอุทานหลังจากพบอ่านวันที่ประกาศ

"โธ่คุณ ก็ผู้นำแต่ละอาณาจักรเขามุ่งแต่หาทางกำจัดดวงจิตกับอาวุธ ระบบคมนาคมเลยไม่ได้พัฒนาอะไรจาก10ปีก่อนเท่าไหร่หรอก นี่ยังไม่นับขุนนางและนักการเมืองโกงกินทั้งหลายนะ นี่ม้าเร็วที่ข้าขี่มาที่เมืองนี้ก็เพิ่งป่วยเลยต้องซื้อจักรยานปั่นมา"บุรุษไปรษณีย์ตอบด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ พร้อมสาธยายเรื่องม้าเร็วคู่ใจที่ป่วยจนต้องฝากเอาไว้กับคอกม้าข้างทาง

"ดวงจิตก็อันตรายจริงๆนั่นแหละ อย่างการโจมตีหมู่บ้านเมื่อหลายวันก่อนน่ะ" ผู้ที่ใช้ไสยะได้นั้นเป็นเพียง1/10ของประชากรซึ่ง3/5ไปอยู่

"ก็ขอให้พวกมันรีบๆ สูญพันธุ์ละกัน มืดแล้วกระผมขอตัว เผื่อประกาศอะไรอีก"บุรุษไปรษณีย์ปั่นจักรยานจากไป

"เจอกัน"พชรพลกล่าวลาก่อนกลับเข้าบ้าน

หลังจากพชรพลกลับเข้าบ้านก็เดินไปคุยกับกาลที่เพิ่งล้างจานเสร็จ

"จะว่าไปแล้วปีหน้านายก็ต้องสอบคัดเลือกแล้วนี่"พชรพลพูดก่อนนั่งลงบนเก้าอี้

"ใช่ขอรับ ฝึกอีกนิดหน่อยก็พร้อมแล้ว"กาลตอบด้วยความมั่นใจขณะที่นั่งอยู่ข้างๆ พชรพล

"พอถึงเวลาก็อย่าตายให้เสียหน้าฉันละกัน"พชรพลหัวเราะออกมาทำให้กาลหลุดหัวเราะไปด้วย

"ว่าแต่นายอยากอยู่คณะไหน สีไหนล่ะ"พชรพลถามแนวทางของศิษย์ ด้วยท่าทีที่จริงจัง

"คณะสุวารี สีไพรขอรับ"กาลตอบตามความคิดของตนเอง

"เลือกได้ดีนะเนี่ยแต่ใช่สมองเยอะหน่อยนะ"พชรพลลูบหัวกาลด้วยความเอ็นดู

"ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ เอ่อ..ผมมีคำถามขอรับ"กาลซึ่งไม่เข้าใจบางเรื่องมีคำถาม

"ว่ามา"พชรพลตอบรับและตั้งใจฟัง

"เทพเจ้า มารุต สุวารี เมทนี ปราพก หายไปที่ใดหรอขอรับ? ทั้งๆที่ในตำราส่วนใหญ่ย่งย่องพวกเขาไว้มากมายแต่ทำไมพวกเขาถึงละเลยมนุษย์หรอขอรับ"กาลถามสิ่งที่สงสัยมานาน

"ไม่มีใครรู้ แต่มีบันทึกบอกว่าครั้งล่าสุดในพิธีอัญเชิญเทพลงมาให้คำแนะนำแก่มนุษย์เมื่อ1,000ปีก่อนมีแค่ ท่านมารุต และท่านปราพก เท่านั้นที่ลงมา หลังจากพิธีนั้นเสร็จสิ้น เทพทั้ง4ก็ไม่ลงมาอีก ฉันคาดว่าเพราะท่านเมทนี และ ท่านสุวารีหายไป ท่านมารุตและท่านปราพก จึงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเพราะพวกท่านค่อนข้างสนิทกัน"พชรพลเล่าเรื่องจากความคิดของตน

"แบบนี้เองหรอครับ"กาลสบายใจเพราะได้รับคำตอบจากคำถามที่สงสัยมานาน

"เอาล่ะไปพักผ่อนได้แล้ว"พชรพลเดินเข้าห้องนอนของตน

เช้าวันถัดมา

"ฉันมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆให้ด้วยล่ะ"พชรพลยื่นมีดที่มีลวดลายสวยงามให้กาล

"นี่คืออะไรหรอขอรับ"กาลถามด้วยความสงสัย

"มีดอาคมเอาไว้สู้ระยะประชิดกับดวงจิต การคัดเลือกก็ต้องใช้สิ่งนี้ช่วยแหละ"พชรพลอธิบายพร้อมยิ้มไปด้วย

"คงต้องลองหน่อยขอรับ"กาลปามีดไปปักหัวหุ่นจำลอง

"เก่งดี ลองกับฉันไหมล่ะ"พชรพลชักมีดอาคมของตนเองออกมา

"ไม่เอาดีกว่าครับ4ปีที่อาจารย์ให้ผมฝึกต่อสู้กับคุณทำให้ผมรู้ว่า ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณหรอกขอรับ"กาลพูดอย่างถ่อมตนและไปเก็บมีดที่ปักหุ่น

"อันนั้นก็อวยเกินไป แต่ถ้าไม่ฝึกกับฉันก็ต้องออกไปสู้กับดวงจิตอยู่ดีนั่นแหละ"พชรพลเปิดประตูบ้านเสมือนเชิญให้กาลไปล่าดวงจิตข้างนอก

"ผมขอฝึกกับดวงจิตดีกว่าขอรับ" กาลเดินออกไปข้างนอก

"ตามสบาย กลับมากินข้าวเที่ยงด้วย"พชรพลพูดก่อนกาลจะเดินออกจากประตู

"ขอรับ"กาลรับปากและเดินออกไปตามทางเดินในป่า

เมื่อวันเกิดปีที่13ของกาลเวียนมาถึง

"สุขสันต์วันเกิดนะกาล วันนี้อยากได้อะไรพิเศษไหม"พชรพลกอดกาล

"ขอบคุณขอรับ แค่อยากอยู่แบบสงบสุขนานๆ ก่อนสอบคัดเลือกเดือนหน้าน่ะ"กาลยิ้มแย้มแจ่มใส

"ไม่ต้องกลัวหรอกก็แค่เอาชีวิตรอดจากดวงจิตให้ได้9วัน9คืนเอง วิธีล่าสัตว์ วิธีทำอาหารก็สอนแล้วด้วย"พชรพลทวนทุกสิ่งที่สอนมา

"ก็จริงขอรับ แต่ว่าผมคนเดียวป้องกันดวงจิตตลอดเวลาไม่ได้หรอกครับ"กาลที่ไม่เคยมีเพื่อนรู้สึกกังวล

"ก็หาเพื่อนซะสิ ถึงเป็นดวงจิตระดับไหนถ้ามีเพื่อนร่วมชะตากรรมแล้ว ยังไงก็อุ่นใจกว่าคนเดียวอยู่แล้ว"พชรพลแนะนำ

"รับทราบขอรับ"กาลยิ้มด้วยความสบายใจ

พอถึงวันสอบเข้าคัดเลือก

ณ ป่าใหญ่ทางใต้ของเมืองหลวง อาณาจักรเมตตธานี เดิมเป็นสถานที่สำหรับการทดสอบสมรรถภาพทั่วไปตั้งแต่จากทวยเทพหายตัวไป มิได้มีดวงจิตยั้วเยี้ยเต็มสนามสอบ ทว่าหลังจากดวงจิตรู้เรื่องเข้าพวกมันจึงกระจายข่าวกันและมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้เพื่อจะสังหารไสยพิทักษ์ฝึกหัดก่อนจะได้เข้าโรงเรียน แม้รัฐบาลจะรับรู้เรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้จัดการอะไร

"ฉันมาส่งแค่นี้ล่ะนะถ้ารอดมาได้ ก็อย่าลืมมาบอกล่ะ" พชรพลบอกตรงหน้าประตูสถานที่ทดสอบ

"ขอรับ"กาลขานรับ

ทั้งสองกอดกัน ก่อนจากเพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม

หลังจากพชรพลกลับไปก็มีกลุ่มผู้เข้าสอบผ่านมา

"พอเข้าไปแล้วอย่าแตกแถวนะเดี๋ยวจะหลงเอา เกาะกลุ่มเอาไว้อย่าทะเลาะกัน"ชายผมสีดำแต่งตัวสีแตกต่างกับคนอื่นๆในกลุ่มเพื่อให้รู้ว่าเขาคือหัวหน้ากลุ่ม

"รับทราบ"คนอื่นๆในกลุ่มประมาณ10คนขานรับ

(เป็นสำนักเดียวกันสินะ รู้สึกเหมือนจะเป็นสำนักโชติช่วงวดี สำนักนี้เด่นด้านความสามัคคีกันมากเลยล่ะ)กาลคิดในใจก่อนจะมีเสียงประกาศขึ้น

"ขณะนี้ได้เปิดประตูเข้าสู่สถานที่คัดเลือกให้แล้วกรุณาเข้าไปสู่การสอบคัดเลือก ขอท่านมารุตคุ้มครองท่านด้วยเถอะ"เสียงผู้หญิงแต่งตัวดูมีฐานะ ประกาศเริ่มการคัดเลือก

กาลเดินผ่านประตูทองคำเข้าไป พบกับทิวเขาสูงมองทิวทัศน์ได้สุดลูกหูลูกตา

(อากาศเย็นดีจังเลย แต่จะยืนอยู่แบบนี้ไม่ได้) กาลดึงสติตัวเองก่อนจะหลงไหลกับภูมิทัศน์มากเกินไป ก่อนจะเดินลงภูเขาไป

ไม่กี่อึดใจเสียงกระทบกระทั่งกันดังสนั่น จนกาลต้องเพิ่มความระวังตัว

"ในที่สุดก็มีเหยื่อมาแล้วหรอ ถ้างั้นฉันขอล่ะนะ"ดวงจิตรูปร่างหน้าตาเหมือนหมาป่าพูดก่อนเข้าโจมตีกาลด้วยความหิวโหย

กาลใช้มีดอาคมฟันดวงจิตแต่มันก็หลบได้และกระโจนขึ้นคร่อมเขา และ พยายามกัดคอของเขาทว่ากาลก็ใช้มีดอาคมปักเข้าหัวของดวงจิต มันจึงตายและสลายไป

(อย่างที่ร่ำลือกันที่นี่อันตรายมาก ดีที่เรารับมือได้) กาลมองไปรอบๆ เผื่อมีคนขอความช่วยเหลือก่อนวิ่งลงภูเขาต่อ

"กว่าจะลงมาได้นี่ไม่ง่ายซักนิด"กาลหยุดพักหลังวิ่งลงมาจากภูเขา

"แล้วนั่นเสียงอะไรอีกล่ะ"กาลมองไปบนภูเขาและเดินไปเรื่องจนอยู่ใต้ต้นเสียงแต่เพราะเดินไม่มองทางจึงตกลงไปในหลุม

"เล่นโจมตีบนที่แคบแบบนี้พวกเราก็เสียเปรียบแย่สิ อมราตรึงมันหน่อย"หัวหน้ากลุ่มเดียวกันกับที่กาลเจอข้างนอกประตูออกคำสั่ง

"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยเนี่ย"หญิงสาวชุดสีดำ ตาสีเขียวเป็นประกาย ไว้ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง โสภาดังเทพธรณีจำแลงกาย ที่ยืนอยู่ข้างขวาของหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจแต่ก็ทำตามคำสั่ง

และยิงของเหลวน้ำเมือกหยุดการเคลื่อนไหวดวงจิตทันที

"เยี่ยม"หัวหน้าใช้หอกแทงทะลุตัวดวงจิต

"เรียบร้อย เดี๋ยวน-"พูดไม่ทันขาดคำเกิดระเบิดตรงที่ที่พวกเขายืนอยู่ช

"ปลอดภัยกันใช่ไหม แล้วอมราล่ะ"เมื่อหัวหน้าตรวจสอบจำนวนอมรากลับหายไป

หัวหน้ามองลงไปจากหน้าผากลับเห็นหลุมลึกซึ่งใครตกลงไปก็คงไม่รอด

ในขณะนั้นเอง

"อ๊ากกกกกก"เสียงกรีดร้องของอมราดังขึ้นแต่คนที่อยู่เหนือปากหลุมไม่มีทางได้ยิน

"ถ้าใช้ไสยะไม่ทันได้ตายแหงแน่"กาลมองกลับไปยังปากหลุมพบว่ามีคนตกลงมาเช่นกัน

กาลใช้ไสยะลดความเร็วการตก อีกครั้งเช่นเดียวกับตอนที่เขาตกลงมาหลังจากเอาแต่มองการต่อสู้ข้างบนจนลืมสังเกตข้างล่างว่าเป็นหลุม

"ช้าลงแล้ว งั้นจังหวะนี้"อมราใช้เมือกของตนเองรับแรงกระแทก

"บาดเจ็บตรงไหนไหม"กาลเดินเข้าไปทักทาย

"ไม่บาดเจ็บ ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่มีนายคงตายแน่เลย ชื่ออะไรหรอ ฉันชื่ออมรา"อมราลุกออกจากเมือกนิ่มๆที่ใช้รองรับแรงกระแทก

"ชื่อกาลขอรับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ"กาลแนะนำตัว

"เช่นกัน"อมราตอบสั้นๆ

"ใต้หลุมนี่เป็นถ้ำนี่นาจะขึ้นไปยังไงล่ะเนี่ย"กาลมองขึ้นไปบนปากหลุม

"นั่นสินะ คงขึ้นทางเดิมไม่ได้แน่ มีแค่หาทางออกจากถ้ำ"อมราออกความคิดเห็น

"ก็ไม่ต้องขึ้นหรอกพวกแกน่ะ จบตรงนี้แหละ"รู้ตัวอีกทีดวงจิต6ตนล้อมพวกเขาไว้แล้ว

"ลอบกัดกันเก่งจังนะ ไม่ให้สุ้มเสียง นายลดความเร็วส่วนฉันจะจัดการพวกมัน"อมราชักมีดอาคมและออกคำสั่งกาล

"ได้เลย"กาลให้ไสยะลดความเร็วดวงจิตทั้งหมด

หลังจากนั้นการต่อสู้ก็จบอย่างง่ายดาย

"ถ้าเดินไปตามทางลมเรื่อยๆ อาจเจอทางออกก็ได้นะ"กาลพูดก่อนจุดเทียนขึ้นมา

"เดินไปด้วยกันเลยไหมครับ"กาลชวนอมราออกไปด้วยกัน

"ได้สิ"อมราตอบอย่างไม่ลังเล

"กุเสโตประภา" เกิดลูกแก้วสีขาวสว่างบนมือของอมรา

"ว้าว"กาลมองอย่างประหลาดใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีคาถานี้อยู่

"เอ๊ะ อาจารย์ของนายไม่ได้สอนคาถานี้ให้นายหรอ"เธอรู้สึกประหลาดใจเพราะคาถานี้คือคาถาที่เธอเรียนเป็นคาถาแรกๆ

"ใช่น่ะสิ อาจารย์ของฉันบอกว่าอยากได้แสงสว่างก็จุดกองไฟเอา"กาลทวนสิ่งที่อาจารย์เคยสอนเขา

"ก็ลูกแก้วนี่มันให้ความร้อนไม่ได้นี่นะ"อมรามองไปที่ลูกแก้ว และเดินทางต่อ

ทั้งสองเดินทางในถ้ำด้วยกันหลายวันในที่สุดก็เจอทางออก

"ถ้ำนี้ใหญ่มาก ในที่สุดก็เจอทางออกสักทีว่าแต่ผ่านไปกี่วันแล้วเนี่ย"ในที่สุดพวกเขาก็เจอแสงสว่างที่ปากถ้ำ หลังจากอดมื้อกินมื้อมานาน

"ประกาศ ขณะนี้ผ่านมา9วัน8คืนแล้ว ในคืนวันพรุ่งนี้ทางเราจะส่งคนไปรับผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ ขอให้ท่านมารุตคุ้มครองท่าน"เจ้าหน้าที่ขี่นกยักษ์ประกาศไปทั่วสนามสอบ

"อีกนิดเดียวนะ อมรา"กาลให้กำลังใจ

"จะได้กลับบ้านแล้ววว คิดถึงคุณพี่จังเลย"อมราถอนหายใจอย่างโล่งอก

"พี่ที่ชื่อจิรเมธหรอ"กาลที่ได้ยินอมราพูดถึงระหว่างทางมาบ้าง

"ใช่ เป็นพี่เลี้ยงน่ะเขาดูแลฉันมาหลังจากที่พี่สาวฉันจากไปในการสอบคัดเลือกนี่แหละ"สีหน้าของอมราดูเศร้าเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

"เสียใจด้วยนะ"

"ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่า....ฉันควรนั่งพักหน่อย"อมรานั่งพักบนหินก้อนใหญ่

"ฉันจะนั่งเป็นเพื่อนเธอเอง"กาลนั่งข้างๆอมรา

"ขอบคุณ"อมรารู้สึกดีขึ้น

"แค่นี้เองพวกเราเป็นสหายกันนี่เนอะ"กาลพูดอย่างเป็นกันเอง

"อื้อ"อมราตอบและยิ้มให้กาล

พวกเขาทั้งสองคุยกันเพลินจนเช้า

"รออีกเดี๋ยวเดียวสินะ"

"อยู่นี่เอง เหยื่อรายต่อไป"ดวงจิตตนนึง ผิวดำทมิฬ ดวงตาสีชาด เดินออกมาจากพุ่มไม้

"นั่นมัน ดวงจิตที่เกิดจากมนุษย์นี่"อมรามองออกทันที

"กรงกรดหลอมละลาย"อมราโจมตีทันทีด้วยไสยะ

"เอาไงดีฝีมือคงไม่ใช่เล่นแน่"กาลเตรียมมีดอาคมพร้อมต่อสู้

"เจ็บนะโว้ยยยยย"ดวงจิตตนนั้นโวยวายขึ้นก่อนจะแหกจากกรงมาได้

"จงกระเด็นไปไกล"อมราท่องคาถา

"กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง"มันสะท้อนคาถากลับ

ร่างเล็กของอมรากระแทกต้นไม้อย่างรุนแรง

"คาถาเด็กๆ ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก"ดวงจิตพูดก่อนจะหันมาเล่นงานกาล

กาลใช้ไสยะสวนกลับ

(โอ๊ะเจ็บ ทำไมยังไวเหมือนเดิมเลยล่ะ หรือว่า..ลืมไปเลยอาจารย์เคยบอกแล้วนี่ว่าถ้าเป้าหมายแข็งแกร่งเกินไป เราจะบาดเจ็บเอง)กาลเอะใจหลังจากใช้ไสยะไปแล้วแต่ดวงจิตยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วแต่เขากลับมีรอยแผลที่แขน

"เอาล่ะนะ"มันใช้จังหวะที่กาลชะงักเสกแท่งเหล็กออกมาและฟาดหน้าของกาลทันที

"กาล!"อมราที่เกือบหมดสภาพเรียกชื่อกาลออกมาด้วยความเป็นห่วง

ดวงจิตกำลังจะทุบหัวกาลซ้ำ

"ห่าเมือก"มีเมือกกรดจำนวนมากลงมาจากฟ้าทำให้มันเปลี่ยนความสนใจทันที

"นะโมพุทธายะ แคล้วคลาดมรณา"โล่ที่ดวงจิตสร้างช่วยปกป้องกาลจากกรดด้วย

"นึกว่าจะหมดสภาพแล้วซะอีก"ดวงจิตที่คิดว่าอมราน่าจะสลบไปแล้วรู้สึกตกใจมาก

ดวงจิตหันไปใช้แท่งเหล็กสู้กับอมราอย่างต่อเนื่องจนมีดอาคมของอมราหัก และตัวของเธอเองก็ล้มลงกับพื้น

"อย่ามาใช้ข้อได้เปรียบด้านพละกำลังแบบนี้นะ"กาลที่โกรธจัดจากการเห็นอมราโดนอัด เตะดวงจิตเซออกมา ระยะหนึ่ง

"หนอยแน่ะ!"มันฟาดกาลอีกครั้งแต่กาลก็รับการโจมตีได้

"เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งตัวหรอกน่า"กาลพูดท้าทาย

"งั้นเหรอ งั้นเจอนี่หน่อยเป็นไง เด็กอวดดี"ดวงจิตกระหน่ำตีกาลจนรับมือไม่ทัน

กาลที่ถูกโจมตีอย่างหนักก็ถอยไปตั้งหลัก

"เมือกพันธนาการ"อมราที่เห็นกาลกำลังเสียท่าจึงหยุดการเคลื่อนไหวของดวงจิตตนนั้นทันที

"คิดว่าแค่นี้จะระคายผิวฉันหรอ"มันดิ้นหลุดจากเมือกก่อนจะโจมตีอีกครั้ง

"การสร้างอาวุธจากพลังจิตน่ะ พี่เองก็เคยสอนมาเหมือนกัน" อมราสร้างตรีศูลออกมา

อมราและดวงจิตต่อสู้กันอย่างดุเดือดแต่มีเจ้าหน้าที่มาปิดบัญชีดวงจิตซะก่อน

ลูกศรปักที่หัวของมันก่อนที่ร่างจะสลายไป

"ฉันมารับพวกเธอกลับ ขึ้นมาบนนี้ซะ"เจ้าหน้าที่พูด

มีนกขนาดเท่ากระท่อมหลังนึงอยู่เบื้องหน้าพวกเขา มันมีขนสีเหลืองสวยงาม

อมราและกาลกล่าวขอบคุณก่อนช่วยพยุงกันและกันไปขี่นกตัวนั้น

นกยักษ์บินขึ้นเหนือพงไพร พวกเขาเห็นนกยักษ์ตัวอื่นแบกผู้รอดชีวิตคนอื่นเช่นกัน พวกมันพาทุกคนไปส่งที่หน้าประตู

"อมรา!อมรา! ฉันนึกว่าเธอตายแล้วซะอีก"หญิงสาวคนนึงรูปร่างผอม ผมสีดำ ยาวถึงไหล่ วิ่งเข้ามาหาอมราพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพราก

"เป็นอะไรไป วดี ร้องไห้ทำไม แล้วคนอื่นล่ะ"อมราซักถาม

"คือหลังจากเธอตกลงไปในหลุมนั่น หัวหน้าของพวกเราเลยให้พักอยู่แถวๆ ปากหลุมเผื่อเธอจะปีนออกมา จากนั้นก็..."วดีเริ่มร้องไห้อีกครั้ง

"เกิดอะไรขึ้น?"อมราย้ำอีกรอบ

"พ..พวกเขาโดนฝูงดวงจิตโจมตีตอนกลางคืน เพื่อนของฉันใช้พลังอำพรางตัวฉันก่อนตาย นักเรียนโชติช่วงวดีรุ่นที่500 เหลือแค่เรา2คน"วดีเล่าเรื่องสะเทือนใจอย่างมากให้อมราฟัง

อมราเงียบไป สีหน้าของเธอดูเศร้าอย่างชัดเจน เธอทิ้งตัวนั่งบนพื้น ดวงตาสีเขียวหมองหม่น

"ถ้าฉันไม่ตกลงไป พวกเขาคงรอด"อมราพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด

"อย่าโทษตัวเองเลย เธอก็ไม่รู้มาก่อนนี่ว่าจะเกิดระเบิดน่ะ"กาลนั่งลงไปปาดน้ำตาที่ซึมออกมาของอมรา

"ยินดีด้วยสำหรับการผ่านทดสอบขอให้ทุกท่านกลับไปที่พักของตนเอง"เสียงประกาศดังขึ้น

โปรดติดตามตอนต่อไป.....

กาลกับอมราจะบทไม่เด่นมากในตอนต่อๆ ไป แต่จะกลับมาเข้มตอนกลางเรื่อง

ฮอต

Comments

Tít láo

Tít láo

ฮาๆ

2024-07-02

0

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!