หลังจากหลุดพ้นจากเมืองได้ขบวนของหลี่เฟิงซีก็รีบเร่งเดินทางมาได้หลายวันแล้วตลอดระยะทางที่ผ่านมาการเป็นอยู่ของหวังฟางจิงก็เป็นหลี่เฟิงซีค่อยดูแลอยู่ตลอดไม่เคยห่างไปไหนถึงแม้จะมีอุปสรรคอย่างหวังหลงที่ค่อยจับตามองหลี่เฟิงซีอยู่ตลอดก็เถอะ
"ซื่อจื่อนี่ก็ใกล้จะเย็นแล้วข้าว่าเราหาที่ตั้งกระโจมก่อนดีหรือไม่" เป็นเสียงของอาหลีตัวจริงที่ควบม้ามาอยู่ข้างรถม้าที่หลี่เฟิงซีอยู่หลี่ซื่อจื่อเปิดผ้าม่านออกมาดูเล็กน้อยตั้งจริงตัวเขาเองอยากจะเดินทางต่อไปอีกสักหน่อยแต่เหมือนอาหลีจะรู้ทันความคิดของผู้เป็นนายจึงเอ่ยคัดค้านไปจนหลี่เฟิงซียอมใจอ่อนให้
"ได้งั้นพวกเจ้าก็หาที่ตั้งกระโจมเถอะข้าฝากเจ้าไปบอกคนอื่นๆด้วย"อาหลีรับคำสั่งและควบม้าออกไปทันทีหวังฟางจิงนั่งกลั้นขำให้หลี่เฟิงซีหลังจากที่นั่งฟังทั้งคู่โต้แย้งกันเมื่อกี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไปพบกับอาหลีตัวจริงเพราะตั้งแต่ที่เดินทางกันมาร่างบางไม่เคยรับรู้ความเป็นอยู่ของอาหลีเลย
"ตัวจริงอาหลีดูลึกลับและน่าเกรงขามกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก"หวังฟางจิงพูดออกไปตามความคิดตัวเขาไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้หยางหลิงอี้จะทักเขาไปอย่างนั้นเพราะต่อให้เขาแปลงโฉมให้หน้าคล้ายอาหลีมากแค่ไหนแต่ความสง่าจนน่าเกรงขามของอีกคนหวังฟางจิงไม่มีมันในตัวเลย
"คนงามเจ้าชื่นชมอาหลีมากถึงเพียงนี้ข้าก็น้อยใจเป็นนะ"หลี่เฟิงซีแสร้งทำหน้าน้อยใจให้ร่างบางเห็นแต่แทนที่หวังฟางจิงจะรู้สึกเห็นใจร่างสูงตรงกันข้ามร่างบางยิ้มและส่ายหัวให้กับความทะเล้นของอีกคนซะมากกว่า
"เจ้าก็ดีในแบบของเจ้า"
"แล้วระหว่างอาหลีกับข้าคนงามชอบใครมากกว่ากัน"หลี่เฟิงซีตั้งใจจะหยอกล้อร่างบางจึงโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆจนอีกฝ่ายต้องถอยชิดมุมรถ
"ขะ ข้า...ข้าจำได้ว่ามีเรื่องต้องคุยกับพี่รองนี่หน่า"หวังฟางจิงหาข้ออ้างเบี่ยงการตอบคำถามไปใบหน้างามเริ่มเห่อร้อนไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศหรือคำถามของร่างสูงแก้มใสเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจนเจ้าตัวต้องรีบลงจากรถม้าเพื่อหลบหน้าอีกฝ่ายก่อน
หลี่เฟิงซีเผยยิ้มกว้างออกมาหลังจากที่คนงามของเขาลงไปแล้วมือหนาเลื่อนไปกุมที่หน้าอกที่ยังใจเต้นแรงไม่เลิกเมื่อครู่นี้เขาเองโน้มตัวเข้าใกล้คนงามมากไปหน่อยจนทำให้คนงามเสียอาการแต่ไม่ใช่แค่คนงามหรอกที่เสียอาการตัวเขาเองก็เช่นกัน...หลี่เฟิงซีสบัดหัวไล่ความคิดบางอย่างในหัวมือหนาตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติก่อนที่จะลงจากรถเพื่อไปตรวจความเรียบร้อยของขบวน
"เก็บสีหน้าท่านหน่อยเถอะซื่อจือ"หลี่เฟิงซีลงจากรถมาได้เพียงครู่ก็ต้องสะดุ้งตัวตกใจกับการมาอย่างเงียบๆของอาหลีใบหน้านิ่งเฉยมองมาที่หลี่เฟิงซีอย่างไร้อารมณ์จนหลี่ซื่อจื่ออน่าเขาถึงกับต้องส่ายหัวให้อีกฝ่าย
"อาหลีเจ้าเป็นคนหรือผีกันแน่เจ้าช่วยมาแบบคนปกติหน่อยได้หรือไม่"หลี่เฟิงซีบ่นคนสนิทออกไปแต่ก็เหมือนจะไร้ผลเพราะอาหลีก็คืออาหลีบุรุษหน้าตายที่ชอบทำหูทวนลมเมื่อตอนที่อยู่กับหลี่เฟิงซี
"ตราบใดที่บุรุษผู้นั้นปลอมเป็นข้าอยู่ท่านก็ต้องทำตัวให้ชิน"ปวดหัว...หลี่เฟิงซีรู้สึกปวดหัวทุกครั้งที่อยู่กับอาหลีดูเอาเถอะนอกจากที่อีกฝ่ายจะไม่ฟังเขาแล้วยังจะมีหน้าบอกให้เขาปรับตัวให้ชินอีก
"อาหลี เจ้า... ช่างเถอะข้าขี้เกียจจะพูดกับเจ้าจะไปไหนก็ไป"หลี่เฟิงซีตบที่ไหล่กว้างอาหลีสองสามทีแล้วเดินหนีออกมา
หลังจากหลบหน้าหลี่เฟิงซีมาได้หวังฟางจิงก็ออกมาเดินเล่นแถวริมแม่น้ำใกล้ๆกระโจมกายเล็กหย่อนตัวลงนั่งบนโขดหินใหญ่สายลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้างามดวงตากลมสวยหลับตาลงรับสายลมที่พัดผ่านมารอยยิ้มสวยปรากฏในรอบหลายวันมานี้ทุกกิริยาบทของหวังฟางจิงตกอยู่ในสายตาของหลี่เฟิงซีมาได้สักพักแล้วร่างสูงยืนดูคนงามไปอีกสักพักสาเหตุที่เขายังไม่เข้าไปหาอีกฝ่ายทันทีก็เพราะว่าเขาอยากดูรอยยิ้มสวยนั้นอีกสักหน่อยหลี่เฟิงซีรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เปลือกตาสวยลืมตาขึ้นหลี่เฟิงซีไม่รอช้าค่อยๆเดินไปหาร่างบางหวังฟางจิงหันไปตามเสียงที่เดินเข้ามาใกล้หลี่เฟิงซีชูลูกผิงกั่วที่เขาบังเอิญเก็บมาได้ให้ร่างบางพร้อมกับรอยยิ้มที่ประจำตัว
"คนงามลองชิมนี่ดูข้าพึ่งเด็ดมาจากต้น"หลี่เฟิงซีทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมือหนายื่นลูกผิงกั่วให้หวังฟางจิงกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะรับลูกผิงกั่วมากัดเข้าไปหนึ่งคำรสชาติหวานอมเปรี้ยวของมันถูกใจร่างบางอยู่ไม่น้อยหลี่เฟิงซีนั่งมองหวังฟางจิงนั่งกินไปอย่างเงียบๆจนหมดไม่รู้ว่าช่วงนี้เขาคิดไปเองหรือเปล่าหวังฟางจิงรู้สึกได้ว่าสายตาที่หลี่เฟิงซีมองมาที่เขานั้นมันเปลี่ยนไป...เปลี่ยนไปจนร่างบางเริ่มใจเต้นแรงกับสายตาและรอยยิ้มนั้นเข้าให้แล้ว
"ขอโทษด้วยที่พาเจ้ามาลำบาก"หลี่เฟิงซีกล่าวอย่างรู้สึกผิดเดิมทีเขาต้องแยกตัวออกมาส่งสองพี่น้องไปหาครอบครัวแล้วแต่ใครจะคิดกันล่ะว่าหยางหลิงอี้ได้วางแผนส่งน้องสาวกับเจียงหมิงมาเพื่อจับตาดูเขาไว้นั่นเลยทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนพาคนงามเข้าเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยหาวิธีส่งตัวออกมา
"ลำบากอะไรกันกลับกันข้ารู้สึกชอบซะอีกตั้งแต่เล็กจนโตข้าก็ได้อยู่แค่ในจวนไม่ได้มีโอกาสออกมาเที่ยวชมทิวทัศน์เช่นนี้ถึงจะลำบากแต่มันก็คุ้มค่า"หวังฟางจิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแววตาที่เป็นประกายนั่นหลี่เฟิงซีมองมันอยู่ตลอดไม่มีเบื่อ
"งั้นไว้ถึงเมืองหลวงแล้วข้าจะพาคนงามเที่ยวรอบเมือง"
"เจ้ารับปากข้าแล้วนะ"
"ข้ารับปาก"หลี่เฟิงซียิ้มรับปากร่างบางไปโดยที่ไม่รู้ว่าบทสนทนาของทั้งคู่ก็มีพยานอีกหนึ่งคน
หวังหลงยืนฟังทั้งคู่มาได้สักระยะแล้วเดิมทีตัวเขามาก่อนที่หลี่เฟิงซีจะมาซะอีกแต่เป็นเพราะเขาเองไม่อยากรบกวนความสงบของน้องชายตนเขาเลยเลือกที่จะยืนเฝ้าหวังฟางจิงอย่างเงียบๆจนกระทั่งหลี่เฟิงซีบุรุษจอมเจ้าเล่ห์นั่นโผล่เข้าไปหาเสี่ยวจิงมันทำให้เขาอยากจะเข้าไปลากคอคนผู้นี้ออกมาแต่พอได้เห็นสายตาและรอยยิ้มที่เสี่ยวจิงมองไปที่หลี่เฟิงซีหวังหลงก็รับรู้ได้ทันทีว่าน้องชายตนได้มีใจให้กับหลี่เฟิงซีเข้าให้แล้ว
"นี่เจ้าหน่ะ! มาแบบมองผู้อื่นเช่นนี้มันไม่ดี... เอ๊ะ! เจ้าอย่าเดินหนีข้านะ! "หวังหลงกรอกขึ้นอย่างเบื่อหน่ายทันทีที่รู้ว่าเสียงนั่นเป็นของใคร...และไม่ทันที่เสวี่ยเจียวอวี่จะพูดจบหวังหลงก็รีบเดินหนีไปทันทีการกระทำของร่างสูงมีหรือที่เสวี่ยเจียวอวี่จะยอมร่างบางรีบก้าวเท้าเดินตามหวังหลงจนทันร่างอรชรดึงแขนแกร่งให้หันมา
"เสวี่ยเจียวอวี่เลิกตามข้าได้แล้วถ้าเจ้าอยากหาคนพูดคุยด้วยข้าแนะนำให้ไปคุยกับเจียงหมิงเถอะ"หวังหลงพูดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ตั้งแต่ที่ตัวเขาได้รู้จักกับนางชีวิตเขาไม่เคยสงบสุขอีกเลย
"แต่ข้าอยากคุยกับเจ้า"เสวี่ยเจียวอวี่พยายามเดินตามตื้ออีกฝ่ายเหล่าทหารที่ผ่านทางมาก็ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร
"แต่ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า"หวังหลงยังคงยืนกรานปฏิเสธสตรีร่างบางจนใบหน้าที่แสนเย่อหยิ่งสลดลง
"เพราะอะไร...เพราะข้าเป็นน้องของหยางหลิงอี้หรือ"เสวี่ยเจียวอวี่พูดตัดพ้อออกไปไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่าคนข้างๆกายเป็นใครนางเองไม่ได้โง่ถึงขนาดจะตามเกมของพี่ชายตัวเองไม่ทันหรอกนะ
"..."หวังหลงเลือกที่จะไม่ตอบเพราะตัวเองก็ยังหาเหตุผลไม่ได้
"เจ้าไม่ตอบแสดงว่าเป็นเรื่องจริงสินะ..ข้าออกจะชอบเจ้าขนาดนี้เจ้าจะไม่ใจอ่อนให้ข้าสักนิดเลยหรือ"เสวี่ยเจียวอวี่สารภาพความรู้สึกออกไปทำให้เหล่าทหารที่อยู่แถวนั้นรวมไปถึงเจียงหมิงอ้าปากค้างไปเลยทีเดียวหวังหลงที่เห็นท่าจะไม่ค่อยดีมือหนาคว้าข้อมือเล็กให้เดินตามออกมาแถวบริเวณที่ไม่ค่อยจะมีคน
"เจ้าชอบข้า?"หวังหลงหันไปถามร่างเล็กเสวี่ยเจียวอวี่พยักหน้าดวงตาใสจ้องมองหวังหลงด้วยความใสซื่อเพียงพริบตาเดียวร่างของหวังหลงก็ถูกสตรีร่างเล็กดันเข้ากับต้นไม้ใหญ่แขนเรียวเล็กทั้งสองกักตัวหวังหลงไว้
"ใช่ข้าชอบเจ้าดังนั้นเจ้าห้ามไปชอบสตรีนางไหนที่ไม่ใช่ข้าไม่เช่นนั้นข้าจะตามฆ่านางผู้นั้นแน่"ไม่ใช่แค่ขู่บุรุษที่หมายปองเท่านั้นมุมปากสีสดเหยียดยิ้มร้ายใบหน้าสวยคมโน้มเข้าไปใกล้จนใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงแค่ฝ่ามือ
"อะ เอ่อ..นี่ก็มืดมากแล้วข้าไปส่งเจ้าที่กระโจมดีกว่า"หวังหลงรีบดันตัวเจียวอวี่ออกสองขายาวรีบก้าวเดินนำหน้าไปก่อนเสวี่ยเจี่ยวอวี่ยกยิ้มขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีลุกหลนของอีกฝ่ายก่อนที่จะรีบก้าวเท้าเดินตามหวังหลงไป
.
รุ่งเช้าขบวนสินค้าก็เริ่มออกเดินทางต่อไปอีกห้าวันจนกระทั่งในที่สุดก็มาถึงเมืองหลวงหวังฟางจิงรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆที่ใกล้จะได้เจอกับครอบครัวในตอนนี้ร่างบางไม่ได้ใช้ใบหน้าของอาหลีแล้วเมื่อเข้ามาในเมืองได้รถม้าของเขาและเสวี่ยเจียวอวี่ก็แยกตัวออกจากขบวนทันทีส่วนขบวนสินค้าของหอหลี่เฟิงซีก็ปล่อยให้อาหลีรับช่วงต่อพวกเขาทั้งสามเดินทางต่อจนมาถึงจวนของหลี่อ๋องหลี่เฟิงซีที่ลงมาก่อนยื่นมือรับหวังฟางจิงลงจากรถร่างบางกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายไป
"เสี่ยวซีของแม่กลับมาแล้ว"เสียงดีใจของอวี้หลานดังขึ้นหลี่เฟิงซีรีบเดินเข้าไปประคองมารดาของตนหวังฟางจิงมองใบหน้าที่คล้ายกับหลี่เฟิงซีไปสองส่วนหลี่ฮูหยินที่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่ก็หันมายิ้มให้ร่างบางรอยยิ้มแบบนี้ทำให้หวังฟางจิงรู้ได้ทันทีว่าหลี่เฟิงซีได้รอยยิ้มนี้มาจากผู้ใด...อวี้หลานผละตัวออกมาจากหลี่เฟิงซีแล้วเดินเข้ามาหาสองพี่น้องตระกูลหวังสตรีผู้วางมาดอ่อนโยนเพ่งพินิจใบหน้าของหวังฟางจิง
'เด็กหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่งามเหมือนที่อาหลีบอกมาไม่มีผิด'อวี้หลานรู้สึกถูกใจอย่างยิ่งในที่สุดบุตรชายตัวดีก็พาสะใภ้มาเปิดตัวสักที
"เจ้าคือหวังฟางจิงผู้นั่นเองสินะ...ส่วนเจ้าคงจะเป็นหวังหลงใช่หรือไม่"สองพี่น้องต่างทำหน้าสงสัยแต่ก็พยักหนัาแทนคำตอบอวี้หลานยังคงจ้องมองใบหน้างามของหวังฟางจิงอยู่อย่างนั้นจนหวังฟางจิงเริ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาบ้างแล้วด้วยความเป็นห่วงร่างบางหลี่เฟิงซีรีบเดินมามารดาของตนทันที
"ท่านแม่...พวกข้าเดินทางมาเหนื่อยๆท่านปล่อยให้พวกเขาไปพักผ่อนกันก่อนเถอะนะ"หลี่เฟิงซีพยายามออดอ้อนอวี้หลานจนนางใจอ่อนยอมปล่อยให้สองพี่น้องไปพักส่วนหลี่เฟิงซีก็ถูกอวี้หลานลากตัวมาที่หอปรุงยา
"เจ้ากลัวข้าจะรังแกเขาหรือไง"ใบหน้าสวยแสดงสีหน้าขัดใจขึ้นมาทันทีที่มาถึงหลี่เฟิงซีประคองหลี่ฮูหยินนั่งอวี้หลานมองหน้าบุตรชายตนอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมา
"ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นท่านแม่เพียงแต่ท่านเอาแต่จ้องคนงามอยู่อย่างนั้นเป็นข้าข้าก็เกร็ง"หลี่เฟิงซีทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างๆมือแกร่งรินชาให้หลี่ฮูหยินเป็นการไถ่โทษหลี่เฟิงซียอมรับเลยว่าตอนแรกที่ท่านแม่เอ่ยชื่อคนงามออกมาตัวเขาเองก็แปลกใจมากว่านางรู้ได้เช่นไรแต่พอมานึกคิดดูดีๆก็คงจะเป็นอาหลีอีกเช่นเคยที่นอกจากจะเฝ้าเขาอยู่ห่างๆแล้วยามว่างก็มักจะส่งข่าวสารให้กับท่านแม่โดยตลอด
'อาหลีเจ้าคนทรยศค่อยดูเถอะกลับมาเมื่อไรข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า'
"ข้าแค่อยากจะดูสะใภ้ในภายภาคหน้าใกล้ๆข้าผิดด้วยงั้นหรือ"คำพูดของอวี้หลานทำเอาหลี่เฟิงซีที่กำลังจิบชาถึงสำลักออกมาทันที
"ท่านแม่!...ขะ ข้ากับคนงามเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น"อวี้หลานมองดูสีหน้าตื่นตระหนกของบุตรชายตนเองแล้วก็ทำให้นึกถึงชายผู้หนึ่งขึ้นมา'หลี่เฉิงอัน'หรือหลี่อ๋องเพราะเมื่อตอนเป็นหนุ่มชายผู้นั้นก็มักจะชอบแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาทุกรอบที่นางหยอกล้อด้วย
"เจ้าบอกว่าสหายก็สหาย"อวี้หลานยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์นางเลี้ยงเจ้าจิ้งจอกน้อยคนนี้มาทำไมจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มข้างกายคิดอะไรอยู่
"อ๋อจริงสิเจ้าไปแดนเหนือรอบนี้ได้เจอกับหยางฮูหยินหรือไม่"อวี้หลานถามถึงเหมยกุ้ย
"ได้พบท่านน้าฝากมาบอกว่าอีกไม่นานนางจะมาเยี่ยมท่าน"หลี่เฟิงซีกล่าวประโยคที่เหมยกุ้ยบอกมาให้อวี้หลานฟังใบหน้าสวยอ่อนช้อยชะงักไปชั่วครู่ไม่ใช่ว่านางไม่ดีใจเพียงแต่การที่สหายรักนางมาที่เมืองหลวงครั้งนี้เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว
"ท่านแม่ท่านเป็นอะไรไป"หลี่เฟิงซีเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของมารดาจึงเรียกสติ
"ปะ เปล่าข้าแค่ดีใจมากไปหน่อย"อวี้หลานปรับสีหน้าให้เป็นปกติเช่นเดิม
"ไหนข้าได้ยินมาว่าจิ้งจอกน้อยของข้ากลับมาแล้ว"หลี่เฉิงอันที่รู้ข่าวว่าบุตรชายตนเองกลับมาแล้วก็รีบดิ่งมาหาทันที
"เฟิงซีคาราวะท่านพ่อ"หลี่เฟิงซีลุกขึ้นให้บิดานั่งแทนที่ตนเองฉับพลันสายตาสุขุมก็จ้องมองบุรุษที่มาพร้อมกับบิดาบุรุษงดงามผู้นั่นเลือกที่จะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาใบหน้าสวยพยายามหลบสายตาของหลี่เฟิงซีที่มองมาอย่างไม่ลดละเสียงกระแอมของหลี่อ๋องเรียกสติของเจ้าตัวกลับมาได้อีกครั้ง
"ผู้นั้นคือ?"หลี่เฟิงซีถามหลี่อ๋องแต่สายตาก็ยังคงมองไปที่คนผู้นั้นเหมือนเดิม
"เจ้าลืมเวินหยางแล้วหรือไง"หลี่เฉิงอันเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
"ขะ ข้าเองเสวี่ยเวินหยาง"เสวี่ยเวินหยางพูดออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆร่างบางยังจำได้ดีว่าหลี่เฟิงซีมักจะชอบแกล้งตัวเองอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็ก
"เจ้าคือเด็กอ้วนในตอนนั้นหรอกหรอ...ไม่เจอกันแค่สามปีเจ้าเปลี่ยนไปเยอะเลย"เสวี่ยเวินหยางพยักหน้ายิ้มรับคำชมของหลี่เฟิงซีร่างบางยังคงมีนิสัยขี้อายเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือสวยขึ้นอย่างกับคนละคน
"เจ้าเลิกจ้องเวินหยางได้แล้ว...ดูสิเจ้าลูกหมูนั่งตัวเกร็งไปหมดแล้ว"หลี่เฉิงอันหันไปดุหลี่เฟิงซี
"เวินหยางต้องกลับแล้วขอบคุณสำหรับคำชี้แนะที่ท่านอาบอกมาวันนี้"เสวี่ยเวินหยางลุกขึ้นโค้งตัวขอบคุณหลี่อ๋อง
"ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อยเจ้ารีบกลับเถอะหากเย็นกว่านี้อีกหน่อยข้ากลัวว่าพ่อบุญธรรมของเจ้าจะพาคนมาตามตัวเจ้าที่จวนข้าอีก"หลี่เฉิงอันไม่วายพูดหยอกล้อถึงเสวี่ยเฟยหลงแม่ทัพใหญ่ของแคว้นที่หวงบุตรสาวกับบุตรบุญธรรมยิ่งกว่าจงอางหวงไข่มีบุตรงามล่มเมืองถึงสองคนเช่นนี้ไม่หวงน่ะสิแปลก
"เฟิงซีข้ามีเรื่องจะปรึกษากับพ่อเจ้าพอดีเจ้าก็ออกไปส่งเวินหยางเถอะ"
หลังจากที่หลี่เฟิงซีรับคำสั่งจากหลี่ฮูหยินร่างสูงก็พาคนตัวเล็กออกมาตอนแรกเสวี่ยเวินหยางเลือกที่จะปฏิเสธหลี่เฟิงซีไม่ให้ออกมาส่งแต่พอเจอสายตาดุของหลี่เฟิงซีเข้าไปเจ้ากระต่ายที่เลือกไม่ได้ก็ต้องจำใจมากับอีกฝ่ายระหว่างทางไม่มีใครพูดหรือถามอะไรเสวี่ยเวินหยางเลือกที่จะเดินตามอยู่ด้านหลังเงียบๆหลี่เฟิงซีรู้ว่าคนตัวเล็กยังคงกลัวตนอยู่แต่ก็ดีแล้วเพราะยังไงคนด้านหลังเขาก็ใช้แซ่เสวี่ยเขาไม่จำเป็นต้องใจดีกับอีกฝ่าย
"เจ้าไม่เห็นดีใจเลยที่ข้ากลับมา"หลี่เฟิงซีหยุดเดินร่างแกร่งหันไปถามคนที่เอาแต่ก้มหน้าเดินตามหลังตนเสวี่ยเวินหยางที่มัวแต่ก้มหน้าไม่ทันได้ดูก็ชนเข้าที่แผงอกหลี่เฟิงซีจนร่างบางเซตัวจะล้มแต่โชคดีที่หลี่เฟิงซีช่วยไว้ทันแขนแกร่งตวัดเอวเล็กเข้าหาตัวใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างเพียงแค่คืบด้วยความตกใจเสวี่ยเวินหยางพยายามดันตัวเองให้ห่างกับร่างสูงแต่ก็ไร้ผลเพราะยิ่งเจ้าตัวพยายามดันตัวออกเท่าไหร่หลี่เฟิงซีก็ยิ่งแกล้งกระชับเอวเล็กเข้าหามากขึ้นเท่านั้นเสวี่ยเวินหยางรวบแรงสุดท้ายดันตัวเองออกมาได้สำเร็จหลี่เฟิงซีรู้สึกแอบเสียดายอยู่เล็กน้อย
"ท่านเจ็บหรือไม่ขอโทษด้วยข้าเดินไม่ดูทางเอง"เสวี่ยเวินหยางรีบขอโทษอีกฝ่ายก่อนเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหงุดหงิดใส่
"ข้าไม่เป็นไรโตขนาดนี้แล้วเจ้ายังคงซุ่มซ่ามเช่นเดิม"หลี่เฟิงซีมองเจ้ากระต่ายตื่นตูมที่ตอนนี้จะระวังตัวกับเขาเป็นพิเศษบรรยากาศในตอนนี้เสวี่ยเวินหยางภาวนาอยากให้ใครสักคนพาตนเองออกไปจากคนใจร้ายตรงหน้าที
"หยางหยางข้ามาแล้วเจ้ารอนานไหม...ท่านพี่เฟิงซีท่านกลับมาแล้วหรอ"เสียงของบุคคลมาใหม่ดังขึ้นทำให้หลี่เฟิงซีหันไปมองบุรุษผู้มาใหม่คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันหลี่เฟิงซีนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่เรียกชื่อเล่นของร่างบางจะเป็นลูกพี่ลูกน้องเขาหลี่หยวนซี
"กลับมาแล้วข้านึกไม่ถึงว่าองค์ชายห้าจะสนิทสนมกับเวินหยางถึงเพียงนี้"หลี่เฟิงซีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่เห็นท่าทางสนิทสนมของทั้งคู่ไหนจะชื่อเล่นนั่นอีกใบหน้าหล่อสุขุมลอบมองใบหน้าสวยที่ยิ้มแย้มให้ญาติผู้น้องของตนความรู้สึกก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีกรอยยิ้มเช่นนั้นเสวี่ยเวินหยางไม่เคยมอบมันให้เขาเลยคงเพราะตัวเขาไม่ได้เจอกับร่างเล็กนานจึงทำให้เจ้ากระต่ายลืมไปแล้วว่าใครเป็นเจ้าของมัน
"องค์ชายห้าอะไรกันท่านพี่เรียกชื่อข้าเถอะส่วนเรื่องของข้ากับหยางหยางเรารู้จักกันก็ช่วงที่ท่านพี่ไม่อยู่นั่นแหละ"หลี่หยวนซีหันไปมองใบหน้างามข้างกายทีไรก็ทำให้เขานึกถึงครั้งแรกที่เจอกับเสวี่ยเวินหยางเมื่อสามปีก่อนในตอนนั้นตัวเขาสนใจด้านศาสตร์การแพทย์เลยมาขอคำปรึกษาที่จวนหลี่อ๋องพอมาถึงเขาก็ได้พบกับเสวี่ยเวินหยางที่นั่งปรุงยาอยู่เพียงลำพังใบหน้างามที่ดูมุ่งมั่นนั่นทำให้เขารู้สึกตกหลุมรักในทันทีตัวเขาเองไม่รอช้ารีบเข้าหาอีกฝ่ายและนั่นคือจุดเริ่มต้นของเขากับเสวี่ยเวินหยาง
"หยวนซีด้วยสถานะของเจ้าพี่ขอเตือนให้อยู่ห่างกับเวินหยางหน่อยจะดีว่า"ปากเอ่ยเตือนแต่น้ำเสียงดูไม่ค่อยพอใจของหลี่เฟิงซีพูดออกไป
หลี่หยวนซีระบายยิ้มออกมาอย่างใสซื่อแต่ดวงตาไม่ได้ใสซื่อตามหลี่หยวนซีแปลความหมายของอีกฝ่ายออกมาได้สองอย่างหนึ่งเขามีฐานะเป็นองค์ชายส่วนเสวี่ยเวินหยางเป็นบุตรของแม่ทัพใหญ่เสวี่ยความสนิทสนมของพวกเขาหากคนในราชสำนักรู้เข้าคงไม่เป็นผลดีกับตัวเขาแน่สองหลี่เฟิงซีกำลังหวงเสวี่ยเวินหยางโดยที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่รู้
"ขอบคุณที่เป็นห่วงข้าแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงองค์ชายขี้โรคไม่มีพิษมีภัยกับใครอยู่แล้วเพราะฉะนั้นท่านวางใจได้"
"หากเจ้ากล่าวออกมาเช่นนั้นแล้วข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด...เวินหยางเด็กดีตำราที่เจ้าเอาไปหากไม่เข้าใจตรงไหนก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ"หลี่เฟิงซีเอือมมือมาลูบหัวเสวี่ยเวินหยางเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนนั่นยิ่งทำให้ร่างเล็กรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเพราะถ้าเมื่อไหร่ที่หลี่เฟิงซีมอบรอยยิ้มเช่นนี้ออกมานั่นก็แปลว่าตัวเขาทำให้อีกฝ่ายโกรธเข้าให้แล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments
kuia 😍😍
ผมอ่านแล้วหลงไปในเรื่อง แอดเขียนได้เก่งมาก!
2024-07-06
0