ICEBERG ทฤษฏีลับ ดับเป็นตาย
...Flat earth พิภพแบนราบ...
...โลกแบนคืออะไร...
มันก็คือความเชื่อของผู้คนส่วนใหญ่ในสมัยก่อนที่เชื่อว่าโลกมันแบน ก็เพราะผู้คนสมัยก่อนเชื่อจากสิ่งที่ตาตนเองเห็นซึ่งสิ่งที่ผู้คนสมัยก่อนเห็นนั่นก็คือพื้นโลกมันเรียบเสมอกันและไม่เห็นมีทรงโค้งเหมือนลูกบอลเลย ทุกคนสมัยก่อนก็เลยเชื่อว่าโลกมันแบน และก็อีกอย่างหนึ่งที่สนับสนุนความเชื่อนี้ว่าโลกมันแบนก็คือ พวกเผยแพร่ศาสนา
พวกเผยแพร่ศาสนานี่แหละคือตัวการที่หลอกชาวมนุษย์อย่างพวกคุณในสมัยก่อนให้เชื่อว่าโลกมันแบน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ผิดเพราะเมื่อหลายพันปีที่แล้ววิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์มันไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนปัจจุบันนี้ แต่ทำไมในปัจจุบันพี่โลกมีเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ล้ำหน้ามากกว่าเมื่อหลายพันปีที่แล้วกลับมีคนยังเชื่อว่าโลกยังแบนอยู่ มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะครับ ทั้งที่ในปัจจุบันก็มีวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่มีความก้าวหน้ามากแต่ก่อนแต่ก็ยังจะมีคนเชื่อว่าโลกแบนอีก แต่พวกเขาก็ไม่ผิดเหมือนกันพวกเขาแค่เชื่อในสิ่งพี่พวกเขาอยากเชื่อและหัวปักหัวปำเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตาแค่นั้นเอง มันก็เหมือนกับพวกคุณที่เชื่อในศาสนาสุดแฟนตาซีที่ไม่มีวิทยาศาสตร์ไม่สามารถมารองรับได้ แต่ก็ดันจะอ้างว่าหลักการศาสนาที่ตัวเองได้เชื่อว่ามันคือต้นแบบวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ มันน่าคิดจริงๆนะครับแต่หน้าส่วนนี้ค่อยพูดกันที่หลัง
...ลักษณะของโลกแบนเป็นอย่างไร...
ลักษณะของโลกแบนก็คือ ลูกที่เหมือนโดนบี้จนแบนราบเป็นระนาบเดียวกันและมีทวีปที่เป็นทวีปเดียวกับโลกของพวกคุณ ซึ่งการจัดวางของทวีปก็เหมือนในแผนที่ของพวกคุณ ซึ่งขอบของโลกก็ล้อมรอบไปด้วยกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่และสูงมาก และบนท้องฟ้าก็จะมีพระอาทิตย์กับดวงจันทร์ที่วนรอบโลกแบนเป็นเวลาเช้ากลางวันของแต่ละพื้นที่ และสุดท้ายก็คือโดมใสขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบโลกแบนอีกฝั่งหนึ่งจนไปถึงอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนท้องฟ้าจำลองที่ตอนเช้าก็จะเป็นเมฆและตอนกลางคืนก็จะเป็นแสงดาวเปล่งประกายบนท้องฟ้าสุดปลอมก็ตาม
และยังไม่หมดกล่าวความเชื่อของชาวโลกแบนไหนบอกว่าอีกว่า โดมที่ได้ปกคลุมโลกเอาไว้จะไม่สามารถออกไปได้ แต่ก็ยังมีช่องทางพิเศษสำหรับการออกไปจากโลกแบนซึ่งถ้าคุณออกไปจากโลกใบนี้แล้วคุณก็จะต้องล่องลอยกลางอวกาศอันว่างเปล่าที่มืดมนโดยที่คุณไม่สามารถกลับเข้ามาโลกแบนได้อีกตลอดกาล หรือบางคนก็เสนอทฤษฎีออกมาว่าถ้าเราเดินทางไปยังสุดขอบโลก เราจะไม่เจอกับจุดจบของขอบโลก แต่เราดันจะถูกวาร์ปมาที่ขอบโลกอีกฝั่งหนึ่ง
...ประวัติความเป็นมาของโลกแบนเป็นอย่างไร...
โดยประวัติความเชื่อว่าโลกแบนมันมีอยู่ในหลายอารยธรรมตั้งแต่กรีก โรมัน ไวกิ้ง จีน และอื่นๆ โดยคนในสมัยก่อนชื่อว่าโลกเป็นเพราะสิ่งที่ตาตัวเองเห็นเท่านั้น และความเชื่อว่าโลกแบนนี้มันก็ถูกโยงเข้ากับความเชื่อทางศาสนาจนคนในสมัยก่อนยึดหลักว่าโลกแบนเป็นหลายศตวรรษ แต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ก็ได้มีนักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ไปออกมาโต้แย้งเรื่องบนโลกแบนหลายคนแต่สุดท้ายพวกเขาก็โดนตีตราว่าเป็นพวกนอกรีดทางศาสนาและสุดท้ายพวกเขาก็โดนประหารชีวิตทิ้ง แต่ในเวลาต่อมาก็ได้เริ่มมีนักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ได้ค่อยๆออกมาเปิดเผยว่าโลกมันกลมแต่ก็ตามคาดสุดท้ายของเขาก็โดนชีวิตไปเพราะพวกผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการศาสนาต่างยัดข้อหาดูหมิ่นศาสนาแล้วก็ประหารชีวิตพวดนักวิชาการวิทย์ทางวิทยาศาสตร์ทิ้ง
แต่สุดท้ายในยุคปัจจุบันในยุคที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงกว่าเมื่อก่อนพวกนักวิทยาศาสตร์ก็ได้พิสูจน์ว่าโลกมันกลมถึงจะไม่ได้กลมขนาดนั้นออกไปทางวงรีนิดหน่อยก็ตาม แต่ก็แสดงให้เห็นว่าโลกไม่ได้มีรูปร่างแบน แต่สุดท้ายในยุคปัจจุบันก็ยังมีคนที่ยังคิดว่าโลกมันแบนอยู่แล้วก็ยังคิดต่อไปอีกว่า พวกรัฐบาลมันปกปิดข่าวเรื่องโลกแบนและยังรวมไปถึงการที่มีดวงดาวบนท้องฟ้าเวลาค่ำคืนหรือเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆบนโลกใบนี้ ก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของพวกรัฐบาลโลก
...การต่อยอดของทฤษฎีของโลกแบน...
โลกแบนมีพระอาทิตย์กับดวงจันทร์ลอยอยู่เหนือโลกมีกำแพงน้ำแข็งล้อมรอบโลกแล้วก็โดมขนาดยักษ์ที่ปิดล้อมรอบโลกมันก็แค่นี้ความเชื่อในเมื่อก่อน แต่ในยุคปัจจุบันมันได้มีการอัพเกรดทฤษฎีขึ้นมาอีกว่า โลกนอกกำแพงน้ำแข็งมีฐานทัพนาซีของฮิตเลอร์อยู่ หรือไม่ก็โลกนอกกำแพงน้ำแข็งมีโลกอื่นๆอยู่อีกนับไม่ถ้วน ซึ่งเนื้อหานี้จะเล่าในตอนถัดๆไป
...บทสรุป...
ความเชื่อโลกแบนเกิดมาจากความไม่เข้าใจ มองโลกแคบ คิดว่าความคิดตัวเองดีที่สุดของพวกเผยแพร่ศาสนา และสุดท้ายพวกมันก็เอาความเชื่อผิดๆนี้โยงเข้าศาสนาจนคนที่เชื่อในศาสนานั้นๆเชื่อตามกันเป็นฝูงมด แต่นี้ก็เป็นแค่ความคิดของคนในสมัยเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบันมันได้มีวิทยาศาสตร์ได้เข้ามามีส่วนช่วยทำให้คนตาสว่างมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าโลกมันไม่ได้แบน แต่สุดท้ายมันก็ต้องมีคนยังเชื่อว่าโลกอย่างแบนอยู่รับก็ยังคิดไปอีกว่าพวกรัฐบาลมันปกปิดเรื่องราวนี้ แถมพวกที่เชื่อว่าโลกแบนยังจะเสริมทฤษฎีความคิดว่ายังมีโลกที่อยู่นอกกำแพงน้ำแข็ง ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยไปที่นั่นจริงๆและส่วนพวกที่เชื่อว่าโลกแบน พวกมันก็ทำได้แค่อยู่บ้าน จับเมาส์จับคีย์บอร์ดและก็สร้างหลักฐานปลอมๆขึ้นมาเพื่อสำหรับให้คนที่เชื่อว่าโลกแบนอ่าน และทีนี้พอคนที่เชื่อว่าโลกแบนได้ดูหลักฐานปลอมๆนี้ขึ้นมา พวกเขาก็ยิ่งเชื่อเข้าไปใหญ่ว่าโลกมันแบนจริงๆ
...BY _ _ . _ _ _ _ . ....
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments