"แกพูดจริงใช่ไหมหลี่เหว่ย! ดีจริงๆ แกจะได้พาครอบครัวกลับมาปักกิ่งสักที เฮ้อ"
หลี่เฟยเทียนถึงจะถามย้ำสหายไปให้มั่นใจอย่างนั้น แต่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความยินดีกับสหาย และโล่งใจที่ครอบครัวซ่งจะได้กลับมา
"ฉันพูดเรื่องจริงสิตาแก่หลี่ ฉันถึงบอกแกยังไงล่ะว่าวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
ท่านพลเรือเอกพิเศษพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวฟ้าผ่า ทะลุปะตูห้องทำงานส่วนตัว ออกไปจนลูกน้องใต้บังคับบัญชาของเขายังได้ยินอย่างชัดเจน
คุณตาซ่งของหลานๆ เอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางยกมือแกร่งใช้ปลายนิ้วเรียว เช็ดน้ำตาตรงหางตาที่มันไหลออกมาจากการหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
วันนี้เขาไม่สามารถวางมาดให้ใครดูได้อีกแล้ว ขอสักวันแล้วกันลูกน้องยังเคารพเขาเหมือนเดิมนั่นละ
คุณตาซ่งคิดเข้าข้างตัวเองแบบคิดเองเออเอง และพยักหน้าพอใจกับความคิดนี้ของตัวเองอีกด้วย…
ต้องรู้ก่อนว่าการลงใต้ไปสร้างผลงานที่นั่นถือเป็นโอกาสที่ดีมาก และไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้ย้ายลงใต้เพื่อไปสร้างผลงานโดยเฉพราะ
คนหนุ่มเก่งๆ ที่มองหาโอกาสเติบโตจะมองเห็นว่ากว่างโจวเหมาะสมกับการเลื่อนตำแหน่งมาก
แต่คนส่วนมากที่ไม่ใช่ คนหนุ่มเก่งๆ หรือทหารยศสูงมีประสบการณ์แล้ว มักจะมองว่ากว่างโจวไม่เหมาะกับการเติบโตในหน้าที่การงาน
เพราะมีภาพลักษณ์ค่อยข้างแตกต่างจากเมืองทางเหนือที่เป็นเมืองหลวง ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วย ราชการและเป็นทางการ
แต่ในกว่างโจวจะรู้สึกและรับรู้ได้ถึง การค้าและความวุ่นวาย พวกเขาจึงมุ่งเน้นไปที่เมืองหลวงเพียงเท่านั้น
แต่ก็ถือว่าพวกเขาคิดถูกแล้ว นั่นก็เพราะว่าที่กว่างโจวนี่ มันมีแต่ คนหนุ่มเก่งๆ นี่แหละ
พวกเขาสองสหายถึงได้ดีใจกันมากขนาดนี้ ที่นี่มีแต่คนอยากเก็บผลงานจริงๆ เพราะมีคนเก่งมากความสามารถหลายคน
ตำแหน่งสูงๆ มีไม่ครบคนแน่นอนอยู่แล้ว การอนุมัติจึงต้องใช้เวลาหลายปี เพื่อพิจารณาให้ได้คนที่เหมาะสมที่สุดจริงๆ
ในตอนแรกพวกเขาคิดไว้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยก็หกปีถึงจะได้กลับปักกิ่ง แต่ตอนนี้ไม่ต้องรอนานถึงขนาดนั้นแล้ว
“แล้วแกจะกลับมาฉลองครบเดือนหย่าเอ๋อร์หลานน้อยของฉันเลยรึเปล่าล่ะ”
คุณปู่หลี่ไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ดังราวฟ้าผ่าของสหาย ทั้งที่เมื่อครู่หูเขาแทบดับเลยทีเดียว
นี่มันคืออาการปกติของหลี่เหว่ยที่มักจะหลุดมาดบ่อยๆ ยามอยู่กับคนคุ้นเคย ก็เขามันคนเพี้ยนๆ!
“หลานน้อยของแกคนเดียวที่ไหนกันตาแก่หลี่! ฉันจะกลับให้ทันฉลองครบเดือนหลานแน่นอน ก่อนมารับสายแกฉันยื่นเรื่องย้ายกลับปักกิ่งแล้ว”
คุณตาซ่งเอ่ยท้วงสหายก่อนจะยืนยันไปฉลองครบเดือนหลานสาว
“ได้ฉันจะรอแก แต่เดี๋ยวก่อนหลี่เหว่ย แกจะเรียกฉันว่าตาแก่อีกกี่คำแกถึงจะพอใจกัน! ฉันอายุแค่ 48 ฉันยังไม่แก่ถึงขนาดใช้คำนั้น! ตาแก่ซ่ง!!”
พูดเสียงดังใส่เพื่อนให้หูดับเป็นการแก้แค้นเสร็จก็วางสายทันทีอย่างโมโหเพื่อนรัก
คุณย่าจางยกมือบางปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆ เธอนั่งฟังสองเพื่อนสนิทคุยกันเหมือนทะเลาะกันมากกว่าอย่างเคยชิน พวกเขากระชับมิตรกันบ่อยๆแบบนี้นี่ละ
ปีนี้หลี่เฟยเทียนอายุ 48 ถือว่ามากพอสมควร รูปร่างของเขาสูงใหญ่กำยำสมกับเป็นนายทหารยศสูงที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี
ผิวขาวมากทั้งที่ต้องออกตรวจงานกลางแจ้งในบางที เนื้อผิวกายผิวหน้ายังแต่งตึงมีแค่ร่องรอยประสบการชีวิตขีดที่หางตาบ้างเล็กน้อย
หน้าตาของเขานับว่าดีมาก นี่คือต้นแบบใบหน้าอันหล่อเหลาของลูกชายเธอเชียวนะจะหน้าตาด้อยกว่าลูกชายได้อย่างไร
จางเลี่ยงเหลี่ยงปีนี้ 45 แล้วแต่รูปร่างหน้าตาเธอนั้นดีมากนับว่ายังดูสาวสวยสง่าสมกับมีลูกชายหน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น
“คุณยังไม่แก่ค่ะเฟยเทียน ยังดูเป็นหนุ่มสุดหล่อสำหรับฉันเสมอค่ะ”
คุณย่าจางผู้ไม่เคยเหนียมอายกับการแสดงความรักกับสามีเธอพูดยืนยันความคิดเธอให้เขาฟัง
“หึ หึ หึ…. แน่นอนว่าคุณก็ยังดูสาวดูสวยเสมอในสายตาของผม”
เฟยเทียนหัวเราะในลำคออย่างชอบใจกับคำพูดภรรยาก่อนดึงเธอมากอดแน่นจนจมอกกว้าง ก่อนทั้งคู่จะพากันไปนอนพักกลางวันให้สมกับที่วันนี้เป็นวันหยุดของคุณปู่หลี่
ด้านหลี่เฟยหย่าทารกน้อยที่กินนมอิ่มนอนฝันหวานตอนนี้ แน่นอนว่าฝันหวานจริงๆ ในห้วงฝันลึกของเธอนั้น
เห็นเป็นทิวทัศน์ที่ท่านผู้เฒ่าอุ้มเธอไปส่งให้คุณแม่เธอเลย เพียงแต่มันกว้างใหญ่จนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดตรงไหนเลย
ทุ่งดอกไม้กว้างไกลสุดลูกตา ทางเดินหินหยกเรืองแสง ภูเขาน้ำตกสูงใหญ่ บึงบ่อกว้าง น้ำสีมรกตส่องแสงพราวระยับ ปลาหลี่มากมายสีสวยทั้งหลาย สุดท้ายคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ใหญ่มากๆ นี่อีก
‘นี่มันคฤหาสน์ตระกูลพ่อเธอในโลกเก่านี่’
หลี่เฟยหย่าตอนนี้อยู่ในรูปร่างของเด็กอายุสองขวบครึ่งตัวน้อย แขนขาน้อยๆสั้นป้อมดูน่ารักมาก พูดออกมาอย่างแปลกใจ
เธอไม่แน่ใจว่าอยู่ในความฝันเหมือนที่เธอคิดตอนนี้จริงๆ รึเปล่า เพราเธอรู้สึกว่าเธอจะทำอะไรก็ได้ในนี้ และขยับร่างกายได้ตามที่ใจต้องการ ความฝันแบบไหนกันที่ทำได้ขนาดนี้
เมื่อคิดว่าทำได้ดังนั้นแล้ว จึงเดินมุ่งหน้าไปที่บึงบ่อกว้างตรงพื้นตื้นๆ ด้วยความอยากรู้ทันที
แต่พอเดินไปได้สามสี่ก้าวเธอก็หยุดด้วยความขัดใจ นี่มันช้ามาก หนึ่งก้าวที่เธอเดินมันสั้นเกินไป นี่เรียกว่าเดินเตอะแตะไหม ขาเธอมันสั้นป้อมมากมันดูน่ารักเกินไป
ฉันอยากเก็บเอาไว้ให้ครอบครัวใหม่ดูมากกว่าจะมาเดินคนเดียวแบบนี้ คิดแล้วก็เดินต่อแบบไม่รอช้าอีก
พอเดินจนถึงตรงฝั่งที่ตื้นที่สุดแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งเหยียดขาสั้นๆออกด้วยความเหนื่อย นี่มันความฝันแบบใด
จะสมจริงเกินไปแล้ว เฟยหย่ายกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไม่มีอยู่จริงตรงหน้าผากออก ก่อนจะใช้อุ้งมือน้อยป้อมๆ ทั้งสองข้างนั่น กอบน้ำตรงพื้นตื้นๆที่น้ำปริ่มขอบบ่อมาดื่มจนพอใจ เธอรู้สึกหิวมาก
น้ำนี่ไม่เป็นไรหรอกสีมันสวยมากมีแสงระยิบระยับด้วย แถมนี่มันฝันของเธอจะทำอะไรก็ได้
‘ฮ้า….นี่มันสดชื่นมากหวานด้วยมา'
พออิ่มแล้วก็ทำเสียงสดชื่น สองมือกุมแก้มป่อง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอย่างพอใจ แต่ไม่ได้สังเกตเลย ว่ามันจะอิ่มได้เหมือนกินข้าวได้ยังไงเธอกอบน้ำด้วยมือน้อยๆ นั่นมากินสองรอบเองนะ
เฟยหย่าตอนนี้โดนความรู้สึกของเด็กครอบงำจนไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนอีกแล้ว ความฝันที่ไหน จะรู้รสชาติแบบนี้กัน
ได้แต่หวังว่าความรู้สึกเฟยหย่าสองขวบครึ่งตอนนี้จะหายไป ความคิดของจิตวิญญาณดั้งเดิมเธอจะกลับมาโดยไว เพื่อสำรวจมิติที่ท่านผู้เฒ่าให้มา พร้อมโชคอันมากมายของเธอ
หลังจากเฟยหย่าหายเหนื่อยและอิ่มท้องแล้วเธอจึงมีสติ กลับมาสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวอีกครั้ง
เด็กน้อยหันมองธรรมชาติรอบตัวอย่างสนใจเมื่อได้ยินเสียงนกร้อง ราวกับจะขับขานบทเพลงไพเราะให้เธอฟังอยู่เต็มไปหมด มันมีหลายเสียงมาก
ร้องซ้อนๆ กันราวกับมีนกเป็นสิบๆ ตัวกระจายตัวอยู่รอบตัวเธอขับขานบทเพลงให้เธอฟัง ฟังดูเหมือนเสียงร้องเยอะเกินไปแต่มันไม่ได้น่ารำคาญเลยมันตรงกันข้ามเลยละ
เธอชอบมันมากจนอยากเห็นว่ามันคือนกพันธุ์อะไร คิดได้อย่างนั้นแล้วก็ลุกขึ้นจากพื้น และเดินตามเสียงตรงในทิศทางที่เธอได้ยินเสียงนกชัดที่สุดทันที
สำรวจพื้นที่เอาไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้เธออยากเห็นนกชนิดนี้มากกว่า เพราะรู้สึกชอบมันมากจนเธอเองยังแปลกใจ
เด็กหญิงตัวน้อยเดินตามเสียงนกไปด้วยขาสั้นๆ ของเธอ เดินอ้อมโขดก้อนใหญ่ที่อยู่ริมธารน้ำตกไป หลังโขดหินนั่นมีต้นไม้สองต้น ขึ้นคู่กันอยู่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก
ตรงลำต้นของพวกมันมีกล้วยไม้ป่าหยั่งรากของมันเกาะเปลือกไม้ตามลำต้น ขึ้นตั่งแต่โคนต้นไปจนถึงกิ่งไม้ใหญ่ มันมีอยู่หลายเถามาก แต่ไม่ได้ดูรก เพราะแต่ละเถามีแต่พวงดอกกล้วยไม้และรากที่เลื้อยพันต้นไม้ ใบของมันแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ ดอกของแต่ละเถามีสีม่วง สีชมพู สีขาว พออยู่รวมกันแล้วทั้งป่ามีต้นไม้แฝดคู่นี้นี่ละที่เด่นสุดแล้ว
พอเธอเดินมาหยุดอยู่หน้าต้นไม้แล้ว ก็ได้ยินเสียงนกอย่างชัดเจน จึงแน่ใจว่ามันต้องอยู่ตรงนี้แน่นอน เมื่อเด็กน้อยได้ยินแต่เสียงแต่หาตัวนกไม่เจอจึงได้แต่เงยหน้าขึ้น ใช้สองมือเล็กๆของเธอแหวกดงดอกกล้วยไม้หา
เธอแน่ใจว่ามันอยู่ตรงนี้แน่นอน มันอาจจะเจอะโพลงต้นไม้ทำรังก็ได้ หรือไม่ก็อาจจะใช้เถาไม้เรื้อยพวกนี้ทำรังและซ่อนตัวอยู่
แต่พอหาอยู่สักพักก็ไม่เจอสักที ทั้งที่ก็ยังได้ยินเสียงมันร้องอยู่ตรงนี้แท้ๆ เด็กน้อยได้แต่ยืนไหล่ห่อคอตกเหมือนดอกไม้เหี่ยวๆ อย่างผิดหวัง
ก่อนจะได้ยินเสียงเล็กเหมือนเสียงเด็กผู้ชายวัยห้าหกขวบดังออกมาเหนือศีรษะเธอ
“เจ้านายหาอะไรน่ะ ให้เฟยเฟยช่วยหาด้วยไหม”
เฟยหย่าเงยหน้าขึ้นมองทางต้นเสียงทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนพูด เสียงนกที่ร้องอยู่ตลอดเมื่อครู่ก็เงียบลงแล้ว
แต่เมื่อเธอมองขึ้นไป ก็ไม่เห็นมีใครเลย มีแต่นกตัวน้อยที่เกาะอยู่บนพวงดอกกล้วยไม้ สูงเหนือศีรษะเธอไปสองคืบเล็กๆ เธอเท่านั้น มันเอียงคอมองดูเธอเหมือนสงสัยอะไรสักอย่าง
“เจ้านายไม่ตอบเฟยเฟยล่ะ ให้ช่วยหารึเปล่าในมิตินี้น่ะ เฟยเฟยรู้ทุกซอกทุกมุมเลยนะถามมาได้เลย”
เฟยหย่าที่ได้ยินเสียงที่ออกมาจากนกตัวน้อยตรงหน้า โดยที่มันไม่ต้องขยับปากก็มีเสียงพูดออกมาตาโต ก่อนจะยกนิ้วน้อยๆ ชี้ไปที่มันแล้วถามอย่างตื่นเต้น
“แกพูดได้ด้วยงั้นหรอ! นี่มันมหัศจรรย์มากแล้วที่นายบอกว่าที่นี่คือมิติมันคืออะไร มิติของนายงั้นหรอ”
เธอถามออกมาอย่างดีใจ หรือเธอจะได้มิติเหมือนในนิยายที่เพื่อนสนิท สมัยเรียนมัธยมเธอชอบอ่าน
“ที่นี่ไม่ใช่มิติของเฟยเฟยนะ นี่น่ะของเจ้านายต่างหาก ทุกอย่างที่นี่เป็นของคุณทั้งหมดเลย ท่านเทพไม่ได้บอกอะไรไว้ก่อนที่จะส่งมอบเจ้านายก่อนคลอดเลยหรือยังไงกันนะ”
ตอนนี้เฟยหย่าไม่สนใจเสียงบ่นหงุงหงิงของเฟยเฟยเจ้านกน้อยนี่อีก เธอสนใจมิติของเธอทันทีที่เขายืนยันออกมา
และแน่นอนว่าเธอสนใจเจ้านกน้อยนี่ด้วย อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เธอตามหาอะไร เมื่อเจอตัวแล้วย่อมต้องทำความรู้จักกันก่อน
“ถ้าอย่างนั้นตัวนายเองที่อยู่ในมิตินี้ก็เป็นของฉันด้วยใช่ไหมล่ะ แล้วนายชื่ออะไรเฟยเฟยหรือ เพื่อนของนายตัวอื่นๆล่ะอยู่ตรงไหนกัน ตัวอื่นพูดได้เหมือนนายไหม”
เสียงเล็กรัวคำถามใส่นกน้อยตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
“เฟยเฟยชื่อว่า หวงเฟย แน่นอนว่าผมเป็นของเจ้านาย ท่านเทพมอบผมพร้อมมิติให้เจ้านาย ส่วนเพื่อนนกตัวอื่นน่ะไม่มีนะ ที่นี่มีแค่ผมตัวเดียว”
“อย่างนั้นหรอ ฉันชื่อเฟยหย่านะ หลังจากนี้เรามาอยู่ด้วยกันเถอะ”
เมื่อรู้ว่าที่นี่มีแค่เข้าหวงเฟยนกตัวน้อย เด็กหญิงจึงพูดแนะนำตัวออกมาอย่างน่ารัก ก่อนยื่นสองมือน้อยไปอุ้มเจ้าเฟยเฟยมามองใกล้ๆ ตัวของมันน้อยมากเท่าอุ้งมืออ้วนๆ ของเธอเอง มันมีขนนุ่มๆ สีเขียวมรกตเหมือนกับน้ำตกในมิตินี่เลย
ขนเป็นประกายระยิบระยับเหมือนใส่ฟิลเตอร์ ดูสวยงามเกินจริงไปมากหากจะให้มันออกไปอยู่ข้างนอกด้วย ขนตรงปีกยาวกว่าขนส่วนอื่นดูพลิ้วไหวเวลาบิน ปากเล็กๆ ของมันเป็นสีดำประกายเงาวับดูคบกริบ เช่นเดียวกันกับเล็บของมัน แต่พุงมันกลับกลมป่องจนดูเป็นนกอ้วนไปซะอย่างนั้น
แต่ที่เธอชอบที่สุดเห็นจะเป็นเสียงร้องของเจ้าตัวน้อยนี่มากกว่า เวลามันร้องด้วยเสียงนกแล้วเพราะมาก มีหลายเสียงดังสะท้อนอยู่รอบทิศทางเลย เหมือนกับตอนที่เธอเดินตามหามันตอนแรก แต่พอพูดด้วยภาษามนุษย์แล้วเสียงก็กลายเป็นเสียงเด็กผู้ชายปกติ
เมื่อสำรวจเพื่อนใหม่ตัวน้อยจนพอใจแล้วทั้งสองจึงพากันไปสำรวจมิติอย่างจริงจังสักที
เพราะเฟยหย่าหลุดความสนใจไปเรื่องอื่นก่อน ระหว่างทางที่ทั้งสองเดินไปที่ตัวคฤหาสน์ เฟยหย่าก็ถามถึงน้ำตกอย่างสงสัย
“เฟยเฟย แล้วน้ำตกสีมรกตนี่ล่ะ มีความพิเศษอะไรรึเปล่า ก่อนเจอนายฉันกินมันไปแล้วนิดหน่อยแต่อิ่มเหมือนกินข้าวเลย”
“ย่อมมีความพิเศษสมเป็นมิติของท่านเทพอยู่แล้ว น้ำตกนี่น่ะเรียกว่าน้ำสารพัดนึก มันทำประโยชน์ได้หลายอย่างมาก อย่างตอนที่เจ้านายเหนื่อยและหิว พอดื่มน้ำนี่ไปเจ้านายก็จะหายเหนื่อยและรู้สึกอิ่มทันที ตามที่คุณนึกคิดเลย”
เจ้าหวงเฟยเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจในมิติที่มันอยู่
“ตอนแรกที่ท่านเทพส่งผมมาอยู่ในนี้ ผมยังแปลกใจที่เห็นน้ำตกมรกตเลย แถมท่านเทพไม่ได้ให้เจ้านายมาแค่บ่อเล็กๆ เท่านั้น แต่ยกทั้งภูเขาน้ำตกมาให้แบบนี้ผมจึงแปลกใจมาก”
เมื่อเฟยหย่าได้ยินอย่างนั้นแล้วก็ดีใจมากที่มันวิเศษอย่างที่คิดไว้ เป็นอย่างนี้ก็ยิ่งดีเลยน่ะสิ ในอนาคตเมื่อครอบครัวเธอป่วย เธอจะได้ใช้น้ำมรกตรักษาพวกเขา คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายที่เธอยังไม่ได้พบหน้า จะได้อยู่กับเธอไปนานๆ
“แล้วตัวนายเองล่ะมีความพิเศษอะไรด้วยรึเปล่าเฟยเฟย”
เธอถามมันอย่างอยากรู้เพราะมันคงไม่ได้แค่มีหน้าที่เฝ้ามิติเฉยๆ แน่
เฟยเฟยรีบบินมาดีปีก หยุดกลางอากาศตรงหน้าเฟยหย่า นำเสนอความสามารถของมันอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับเชิดหน้า จงอยปากเล็กๆชี้ขึ้นฟ้าอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนพูดออกมาอย่างภูมิใจ
“แน่นอนว่านอกจากคอยควบคุม สั่งการมิติแล้วเฟยเฟยต้องพิเศษมาก ผมฉลาดมากนะ! เจ้านายสามารถถามอะไรเกี่ยวกับโลกที่เจ้านายอยู่ตอนนี้กับผมก็ได้ ผมมีข้อมูลทุกอย่างที่คุณอยากรู้ทั้งหมด”
“ว้าว! เฟยเฟยนายสุดยอดมาก”
เธอจับเจ้านกน้อยตรงหน้ามาฟัดจนมันขนฟูด้วยความดีใจก่อนจะเดินแกมกระโดดอย่างร่าเริง เข้าไปสำรวจคฤหาสน์ที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เกิด ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่
เฟยหย่าเดินผ่านห้องรับแขกตรงไปที่ลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นสามของคฤหาสน์ทันที เมื่อได้ยินเฟยเฟยบอกว่าชั้นสามมีอะไรดีๆรอเธออยู่
คฤหาสน์ตระกูลพ่อคนเดิมของเธอ มีทั้งหมดสามชั้นแต่ทำลิฟต์ไว้เพื่อความสะดวกสบายที่สุด ในมิตินี้ไฟฟ้ายังคงใช้ได้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments