ร่าง

                    " หืม?เด็กนั้นหน้าคล้ายฉันชะมัด " แครีอานถึงกับยกเรียวกนิ้วชี้ไปที่เด็กหนุ่มลักษณะคล้ายเจ้าตนอย่างอดสงสัยไม่ได้

" เหมือน? เอาอะไรมาเหมือนกันครับลุง " เสียงหวานเจ้าเก่าเอ่ยท้วงขึ้นมาอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักเพียงหันตามเสียงก็รู้ว่าเด็กคนไหนเป็นคนพูด " นี่ รู้จักกันวันแรกเรียกลุงเลยรึไงไอเด็กนี่ " แครีอานได้ยินเด็กที่เล็กกว่าตนเรียกว่าลุงก็ถึงกับเส้นเลือดขึ้นหน้าอยู่หน่อยๆ อายุเขาก็ยังไม่ปาไป30ด้วยซ้ำ หน้าก็ยังดูเด็กเห็นๆ เข่าทั้งสองข้างย่อคุกฝุ่นกับพื้น มือเอื้อมไปเชิดหน้าฟาเบียนมาสบตาก่อนที่จะเบือนหน้าไปทางมาเอลเพื่อให้เห็นว่าหน้าของทั้งสองนั้นเหมือนกันมากขนาดไหน

                    " นายไปทำใครท้องมารึปล่าแครี่อาน เหมือนกันอย่างกับพ่อลูก " ขนาดมาเอลยังเอ่ยปากบอกขนาดนี้คงไม่เหมือนก็คงจะไม่ใช่แล้วล่ะ ทั้งโครงหน้า สีผม นัยนา ผิวพรรณ ไหนจะค่าไอคิวที่สูงเกินมนุษย์มนานั้นอีก น่ากลัวเหมือนกันทั้งคู่จริงๆ ถ้าเด็กคนนี้โตขึ้นมากกว่านี้คงจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ก็ได้มีเสียงเตือนภัยดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดเลยจริงๆในเวลานี้

" แครีอานพาทั้งสองคนไปชั้นใต้ดินหลบภัยของตึก ! ! "

" จะบ้ารึไงปล่อยให้นายออกไปสู้คนเดียวเนี่ยนะ ! ! "

" นายเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากสุดนะอาน ! "

" เกลียดนายเวลาแบบนี้ชะมัด .. "

                    " พวกผมอยากไปด้วย " เสียงนุ่มแหบกร้านที่ฟังก็รู้ว่าเป็นใครเกริ่นพูดขึ้นมาในสถานการณ์ที่ทั้งสองกำลังปะทะคารมกันทำเอาทั้งคู่ต้องหันควับมองทีเดียวไม่คิดว่าเด็กอายุเพียงแค่นี้อยากจะไปดูสถานการณ์ที่โหดร้ายแบบนั้น " พวกผมก็อยากช่วยเหมือนกันเพราะงั้นให้พวกผมไปด้วยเถอะ " อีกน้ำเสียงหนึ่งได้เกริ่นพูดเสริมทับเข้ามาน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกแต่มีไออุ่นแฝงความนัย เด็กพวกนี้ไปมีความคิดแบบนี้จากไหนกันหากไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากในมังงะการ์ตูน หรืออนิเมะพวกแนวซุปเปอร์ฮีโร่

                    มือเรียวคู่หนึ่งถอดเสื้อกาวน์ออกและนำไปสวมให้กับเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงอย่างฟาเบียน ดวงตาพราวดั่งกุหลาบชุ่มน้ำอัญมณีคลับคล้ายของแครีอาน และเจ้าของมือเรียวคู่นั้นคือมาเอลบุคคลที่ถูกไวรัสประทานพลังพิเศษเหนือธรรมชาติมาให้ ส่วนฟาเบียนเองก็ได้จากแครีอานเช่นกัน

" สวมเสื้อกาวน์ไว้ซะจะได้อบอุ่น " มาเอลกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

" ดูแลเสื้อฉันให้ดี ๆ ล่ะพวกมันราคาแพงมากนะ " แครีอานพูดเสริมด้วยน้ำเสียงซึน ๆ

                    สิ้นประโยคบทสนทนาทันใดก็ตามมาด้วยเสียงฝูงมวลชนที่วิ่งกรู่กันแตกตื่นเข้ามาภายในองค์กรเพื่อหลบภัยจากโศกนาฏกรรมข้างนอก ผู้ใหญ่ทั้งคู่ยื่นมือเรียวของตัวเองให้เด็กทั้งสองจับคนละคนไป พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่นานและไม่ช้าจนเกินไปมาเอลได้พาทั้งสามคนออกไปยังนอกองค์กรที่ตอนนี้นั้นเป็นภาพไม่น่ามองสักเท่าไหร่เนื่องจากมีผู้กลายพันธุ์อยู่เป็นจำนวนมากในการกัดกินมนุษย์ปกติอยู่

   ดวงเนตรที่สั่นไหวของเด็กหนุ่มเกศาน้ำตาลแดงรวมถึงเจ้าของไปเย็นถึงกับต้องหลบหลังพวกผู้ใหญ่ที่พาออกมาดูเหตุการณ์ด้านนอกทันทีถึงจะเป็นเด็กแต่ยังไงก็ต้องมีปฏิกิริยาแบบนั้นตามปกติยังไม่ทันที่ปากผู้ถือครองพลังจะได้เอื้อนเอ่ยใด ๆ

กลับมีเสียงระเบิดดังสนั่นกันไปเป็นแถบ ๆ แม้นจะห่างเป็นพันกิโลแต่กลับได้ยินดังถึงที่แห่งนี้ บุรุษหนุ่มผมดำขลับที่ประสาทสัมผัสดีเลิศกว่าชาวบ้านชาวช่องรีบเฟ้นหาเสียงและกวาดนัยเนตรทั่วทุกทิศเพื่อดูว่ามันเกิดจากอะไร และถ้าหากตัดไปยังต้นเหตุของเสียงจริง ๆ ล่ะก็ . .

[ สถานที่เกิดเหตุ ]

                    ปรากฏเผยให้เห็นบุรุษหนุ่มท่านหนึ่งที่เดินออกมาจากสถานที่เกิดเหตุโดยรอบมีควันโขมงขนาดใหญ่ทั่วเกิดจากแรงระเบิดมหาศาลโดยไม่ต้องสงสัยเศษซากปรักหักพังที่ค่อย ๆ ล่วงหล่นลงตามแรงสั่นไหวของการระเบิด ไฟลุกลามไปทั่วสารทิศในบริเวณแถบนั้น ผู้คนต่างได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและตื่นตระหนกวิ่งแตกกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง แต่ทว่ากลับกัน เรือนเกศาสีทองเหลือบบลอนด์แซมด้วยขาวนวล นัยนาดั่งอัญมณีซิทริน หรือ เพทายสีเหลือง ช่างงดงามจับน่าอะไรเช่นนี้ บรรยากาศที่ขนลุกรอบตัวปานจะกลืนกินและระเบิดทุกสิ่งที่ขวางหน้า

                    คราบเปรอะเปื้อนที่สกปกรกเปรอะไปทั้งพักต์หล่อเหลาและอาภรณ์ที่สวมใส่ขาดรุ่งริ่งเล็กน้อยตามจุดต่าง ๆ ทำให้รู้เลยว่าเป็นคนก่อเหตุการณ์แน่นอนแต่เหมือนจะไม่ได้ทำเพื่อความต้องการของตัวเองหรือทำร้ายใครใด ๆ เพียงแค่ปราบมนุษย์กลายพันธ์ุเท่านั้น แลจะมีคนตัดหน้าความเก่งกาจของมาเอลไปซะแล้ว ปริ๊นซ์และฟาเบียนเองก็ดูจะถูกใจเขาไม่น้อย แต่คาดไม่ถึงว่าสายตาของเด็กทั้งคู่จะดีขนาดนี้แครีอานเองก็พอมองได้เบลอ ๆ เท่านั้นตั้งพันกิโลใครมันจะเห็น

" ปกติหน่วยงาน HFC มาช้ากันขนาดนี้เลยหรอ ? " เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นอยู่ด้านหลังของทั้งสี่คน ทำให้ต้องเผยใบหน้าที่เกิดความแปลกใจไม่น้อยและอาการเหว๋อออกมาทันใดไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถโผล่มาอยู่ด้านหลังแบบนี้ได้กลับกันมาเอลและแครีอานรีบคว้าเด็กทั้งสองมาหลบอยู่หลังพวกเขาทันทีเพื่อความระวังตัวเกิดคิดอยากฆ่าขึ้นมาจะทำยังไงแต่ทว่า " เขาไม่ทำอะไรพวกเราหรอกน่าลุง " เสียงที่เย็นยะเยือกเปิดบทสนทนาอีกครั้งพร้อมกับละจากแผ่นหลังที่เชื่อใจได้เดินไปจับมือที่แสนจะไม่น่าเชื่อใจแทน

" เด็ก ? ลูกของคุณแครีอานงั้นหรอ ? "

                    ทันใดนั้นก็มีเสียงหลุดขำออกมาอยู่เสียงหนึ่งซึ่งก็ต้องมาจากเจ้าของเกศาดำขลับเพียงคนเดียวเล่นเอาเด็กหัวทองคิ้วมวดเลยว่าพูดอะไรผิดรึเปล่าไหนจะสีหน้าของเจ้าของชื่อที่เขาพูดไปเมื่อครู่รวมถึงสีหน้าของเด็กที่เดินมาจับมือเขาอีก หากปริ๊นเอ่ยบอกแบบนั้นเรื่องชายที่จับมืออยู่ปลอดภัยก็คงต้องว่ากันตามไป

" ผมชื่อเทวิน Florian Davin Dereck "

" พวกนายเข้าไปคุยกันข้างในก่อนเถอะฉันจะไปเคลียร์กับซากพวกนั้นก่อน " มาเอลได้ขอตัวไปจัดการงานที่ชายหนุ่มนามเทวินได้ก่อไว้ก่อนที่จะมีเหตุการณ์ร้ายแรงไปมากกว่านี้เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บอยู่ด้วย เเครีอานก็เห็นตรงกันจึงได้นำพาเด็กทั้งสามคนเข้าไปภายในองค์กรและตรงดิ่งไปยังห้องทำงานชั่วคราวของพวกเขาทั้งสอง " ว่าแต่นายรู้จักฉันได้ยังไงกัน " เสียงแห่งความสงสัยดังขึ้นระหว่างทางเดินโดยแครีอานเป็นผู้เอ่ยถาม

" ชื่อเสียงของพวกคุณโด่งดังจะตายไป มาเอลผู้เป็นรูปลักษณ์ดังพระเจ้าประทานพร สีผมที่ดำขลับ ดวงตาราวกับลูกกวางดำสนิทน่ามองจนละไม่ได้ ใบหน้าที่เหมือนถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ส่วนอีกคนแครีอาน เพื่อนสนิทผู้ถูกรายล้อมไปด้วยบุคคลอันน่าทึ่งมากมายรวมถึงความบริสุทธิ์ที่ลอยละล่องอยู่รอบตัวราวบาทหลวงผู้มีบุญเปี่ยมล้น "

" เหมือนฉันกับหมอนั้นกำลังโดนชมอยู่เลยแหะ " พูดไปก็หน้าขึ้นสีฟาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใดกลับกันมันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากกว่าสองคนผู้ซึ่งสามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของโลกได้มาอยู่ด้วยกันแม้ตัวเขานั้นจะไม่มีพลังอย่างมาเอลแต่กลับคิดค้นเทคโนโลยีล้ำหน้าได้มากมายเป็นบาทหลวงผู้มากจินตนาการทรงปัญญา

                    เสียงแง้มประตูได้ดังกึกก้องทั่วภายในห้องทำงานพอใช้ได้ประมาณหนึ่งแต่กลับมีพวกเทคโนโลยีล้ำหน้ามากมายอัดแน่นอยู่ภายในทั้งการสั่งการและการใช้งาน เหล่าผู้มาเยือนใหม่องก็ตาลุกวาวไม่แพ้กัน เด็กเล็กทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะจะไปดึงเสื้อของเจ้าของห้องเสมือนเป็นการบอกว่าขอสำรวจได้มั้ย และสิ่งที่ตอบรับมาคือการพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู ทว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่ไม่ละจากภาพเบื้องหน้าคือ เทวิน เขายังคงจับจ้องผู้เป็นเจ้าของห้องบัดนี้เดินไปทำกาแฟมาดื่มพลันเดินมาเสริฟน้ำส้มให้เขาโดยการวางบนโต๊ะพร้อมสายตาที่บ่งบอกให้นั่งลงก่อนจะได้เริ่มคุยกัน

" นายปลุกพลังได้นานรึยัง "

" เมื่อกี้ "

" รู้รูปแบบพลังของตัวเองรึเปล่า "

" สายฟ้าและการเคลื่อนที่ละมั้ง "

" นอกเหนือจากนั้นล่ะ "

" ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ได้ลองเพิ่มเติม "

" คิดว่ามีอีก ? "

" คงงั้น "

                    ดูเป็นบทสนทนาที่คุยปุ้บปั้บไม่เวิ่นเว้อแต่อย่างใดรวบกระทัดรัดรวดเร็วทันใจดีจริง ๆ เด็กทั้งสองที่เดินสำรวจไปฟังไปยังต้องหันมามองตาไม่กระพริบไม่คิดจะว่าจะถามรัวขนาดนี้ คนตอบเองก็ใช่ย่อยไม่นานเกินรอ ภราดรหนุ่มผู้ซึ่งขอตัวไปเคลียร์สถานการณ์ก็ได้กลับเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉงใบหน้ายังอิ่มเอมจนเงาวาวไปหมด สรุปไปเคลียร์หรือหาอะไรกินมา

" เป็นไงบ้างอาน สอบผ่านรึเปล่า "

" ขั้นทดลองงานก็ดี "

" นายนี่สุดยอดจริง ๆ นะเทวิน ที่อานให้นายผ่านแล้วไปฝึกงานได้เลย "

" ครับ ? "

                    น้ำเสียงและใบหน้าที่งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นสรุปเขาโดนเรียกมาพูดคุยเพื่อสัมภาษณ์เข้าหน่วยงานหรือมาโดนตรวจสอบเฉย ๆ กัน สีหน้าแบบนี้นั้นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งสองคนเห็นแล้วจะยิ้มขำเบา ๆ หรอกคนหลายคนที่เอาตัวรอดได้โดยไม่มีพลังงานก็ถูกทาบทามโดยพวกเขา กลับกันหากเทวินยอมรับที่จะทดลองงานคงจะดีไม่น้อยเนื่องจากต่อจากนี้จะได้มีผู้ครอบครองพลังพิเศษเหนือธรรมชาติคนที่สองถือกำเนิดขึ้น

[ 1 ปีต่อมา | 10 มกราคม พุทธศักราช 2574 เวลา 10 : 00 ]

                   " เทวิน วันนี้นายจะออกไปจัดการพวกกลายพันธุ์อีกแล้วหรอ " น้ำเสียงที่เคยแห้งเหือด ในตอนนี้นั้นกลับนุ่มนวลปากบอกไม่ถูก ร่างกายที่เคยผอมกะหร่อง กลับกลายเป็นว่าเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมาแต่สีผิวยังคงซีดเผือกราวกับหิมะอยู่วันยังค่ำ " นายพักบ้างเถอะออกถี่กว่าพวกเจ้าหน้าที่ประจำการซะอีก " ยังคงเป็นน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกอยู่เช่นเคยไม่เปลี่ยนส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นร่างกายก็มีน้ำมีนวลไม่แพ้เจ้าเด็กผมน้ำตาลแดงคนนั้น

" ถ้าฉันไม่ออกไปจัดการพวกมันก็จะเป็นอันตรายต่อผู้คนที่อาศัยน่ะสิ "

" ปล่อยให้คุณมาเอลกับคุณแครีอานจัดการบ้างเถอะ "

" เจ้าคนพวกนั้นมัวแต่นอนอุดอู้ในห้อง หัดปลุกให้ลุกขึ้นมาทำงานทำการอย่างนายบ้างก็ดีนะ "

                   น้ำเสียงและวิธีการพูดที่แตกต่างสุดขั้น วิธีการพูดที่นุ่มนวลแต่มั่นคงไม่พ้นฟาเบียนกลับกันน้ำเสียงที่พูดขอไปทีแถมไม่นุ่มนวลเอาซะเลยเป็นของปริ๊นซ์ เทวินเด็กหนุ่มวัย15ปีย่าง16ถูกเด็กทั้งสองคอยวอแวให้พักอยู่ตลอดทุกครั้งที่โหมหน้าที่หนักและยังคงเป็นแบบนี้เสมอมาตั้งแต่เริ่มทดลองงานตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ประจำการเขตอย่างเต็มตัว

" ฮัดชิ้ว ! "

" ฉันว่าเด็กพวกนั้นกำลังนินทาพวกเราอยู่แน่ ๆ "

" ฉันก็ว่างั้นแหละอาน หาว~ "

เลือกตอน
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 2

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!