ปราถนาแห่งมลทิน[``Desire Of Impurity``]
[ ณ เวลา 12นาฬิกา23นาที ]
..." ข่าวต่อไ- ติ๊ด! "...
" มาเอลนี่นายไม่คิดจะทำอะไรเลยรึไง เอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องนอนไปวันๆแบบนี้ " เสียงทุ้มต่ำที่ไม่มากนักของบุรุษหนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านการค้าและวิจัยท่านหนึ่งเอ่ยทักท้วงกับภราดรหนุ่มอีกคนที่กำลังเกลือกกลิ้งบนเตียงเจ้าตนอย่างหน่ายเหนื่อยออกมา
นัยนาสีกุหลาบระเรื่อเบิกโพรงกว้างขึ้นกระสงเพ็งมองไปยังภราดรหนุ่มที่เอ่ยกล่าวทักท้วงไปตอนต้น " ถ้านายยังขืนคิดจะนอนเฉยๆไปวันๆฉันจะทุบนายให้ " เจ้าของเสียงยังคงจ้อไม่หยุดปาก ไม่ทันควันร่างที่เกลือกกลิ้งเอ่ยปากแทรกทันทีเพียงกลัวจะโดนเทศนายาวพรืดจนไม่ได้พักผ่อนหย่อนใจ
" ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อยนะแครีอาน เลิกใส่ร้ายป้ายสีสักวันจะตายมั้ยเนี่ย " เสียงทุ้มในวัยรุ่นที่ยังไม่แตกหนุ่มพูดสวนทันควัน นัยนากรอกมองบนไปรอบหนึ่งพลันยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะทอดเสียงยาวอย่างเอื่อยเฉื่อย " ถ้าฉันนอนเอื่อยเฉื่อยไปวันๆคงไม่มาเป็นเพื่อนนายแบบนี้หรอกน่าา "
มิทันเเครีอานพ่นถ้อยคำวาจาใดๆแย้งกลับ ภาพทุกอย่างได้ถูกดับลงมืดมิดสนิทลงเสียงระเบิดลูกใหญ่ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วแม้นจะสถานที่นั้นจะห่างสักเพียงใดแต่ระรอกคลื่นเสียงก็ยังคงดังมาถึงรวมถึงแรงระเบิดนั้นก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังกันไปเป็นแถบๆสิ้นซากใดๆ
จิรกาลย่างผ่านไป ทิวากรลาลับเลือนตะวันบุหลันเข้าแทนที่สายลมแห่งความหนาวเหน็บพัดโชยโหมกระหน่ำเสมือนฤดูผันเปลี่ยนมุ่งสู่ฤดูหนาวอย่างรวดเร็ว เสียงไซเรนดังกระหึ่มทั่วอันธิการ จวนตอนนี้ก็ยังไม่มีนรชนคนใดที่สามารถบอกกล่าวได้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยง
[ ณ เวลา 4นาฬิกา33นาที - โรงพยาบาล : ห้องพักฟื้นแครีอาน ]
เสียงอิสตรีหลากหลายท่านเจื้อแจ้วไม่หยุดทำให้บุคคลที่นอนอยู่บนเตียงขยับเปลือกตาตื่นด้วยความสะสืมสะลือเพราะฤทธิ์ยา กายหยาบรู้สึกเจ็บแสบไปเสียหมดแขนซ้ายที่ขยับอย่างยากลำบากเนื่องด้วยใส่เฝือกและไร้เรี่ยวแรง แขนขวาที่ดูจะปกติดีขยับได้เพียงเล็กน้อย ขาทั้งสองข้างแถบจะไม่รู้สึกสัมผัสใดๆเสมือนคนพิการที่ไร้ขาทว่าเพียงได้รับบาดเจ็บที่ขาหนักกว่าส่วนอื่นเท่านั้นไม่ได้ขาดหรือพิการแต่อย่างที่คิด
ใช้เวลาไปไม่น้อยกว่าจะตั้งสติเพื่อจดจำทุกสิ่งได้ เหล่าพยาบาลและหมอสาวคอยช่วยประครองบุรุษหนุ่มเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่เอนหลังพิงหมอน แต่ก็ต้องตระหนักถึงบางสิ่ง " มาเอลอยู่ไหน? " แครีอานหันหน้าถามถึงเพื่อนสนิทเจ้าตนที่อยู่ด้วยกันในห้องก่อนเกิดเหตุ แต่ดูเหมือนพวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนั้นด้วยความกระวนกระวายใจ
" ฉันถามว่า เอเตียนนอ มาเอล ฟรองซัวร์ คนชื่อนี้ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน!! "
" คุณแครีอานคะ..คือว่าเรื่องนั้น.. " น้ำเสียงของหมอสาวฟังก็รู้ความว่าหนักใจในการจะเอ่ยคำตอบแสนเศร้าออกมา
แครีอานเขาเป็นเด็กฉลาดแม้จะอยู่ในวัยอายุเพียง17ปีแต่การที่ได้เห็นและฟังแค่นั้นก็เพียงพอสำหรับข้อมูลที่เขาควรได้รับ ทั้งทีการกระทำและน้ำเสียงเหล่านั้นบ่งบอกได้เลยว่าเพื่อนสนิทตนมิได้อยู่ต่อไปแล้ว(?) ณ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องรู้สึกยังไง โกรธที่ทิ้งกันไป เศร้าเสียใจที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก สับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น อารมณ์ความรู้สึกตีกันมั่วซั่วไปหมดจนกระทั่ง..
* ปึ้ง! *
" คุณหมอคะ! ฉันว่าคุณต้องรีบไปนะคะ! คุณมาเอล ชีพจรคุณมาเอลกลับเต้นแล้วค่ะ! "
ยังไม่ทันจบประโยคบทสนทนานั้นภราดรหนุ่มรีบนำสายน้ำเกลือและตรวจวัดชีพจรออกพร้อมลุกออกจากเตียงทันใดก็หกล้มหน้าคะมำทิ่มกับพื้นแต่ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะยันตัวลุกขึ้นยืนวิ่งไปหาเพื่อนเจ้าตนให้ได้ ทั้งหมอและพยาบาลที่เห็นเหตุการณ์รีบเข้ามาห้ามปรามทันทีแต่ดูเหมือนอำนาจเส้นสายจะเป็นใหญ่ แครีอานสั่งให้พวกเขานำพาตนไปหามาเอลทันทีที่เจ้าตัวฟื้น แม้ตัวแครีอานจะยังบาดเจ็บก็ตาม มันก็คงจะช่วยไม่ได้เมื่อภราดรหนุ่มใช้อำนาจเส้นสายเช่นนี้
[ ณ เวลา 8นาฬิกา12นาที - โรงพยาบาล : ห้องพักฟื้นมาเอล ]
" ฉันได้ยินมาว่ามีคนร้องห่มร้องไห้เรื่องที่ฉันหัวใจหยุดเต้นด้วยล่ะ ใครกันน้า~ " เสียงอันคุ้นเคยสำหรับแครีอานดังขึ้นข้างใบหู แม้นคำพูดแสนชวนจะหงุดหงิดแต่อย่างน้อยก็อยากจะได้ยินมันตลอดไป " ไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตฉันต้องมาเจอภาระอย่างนายอีก หม่นหมองจริงๆชีวิตฉัน "
บทสนทนาสุดแปลกพิลึก ไม่ว่าจะพูดจาเหยียดเสียดสีหรือล้อเลียนกันเพียงใดทั้งคู่ก็ไม่มีอาการเลือดขึ้นหน้าหรือแสดงอารมณ์โทสะใดๆเลย เสมือนเป็นการละเล่นประจำวันอย่างหนึ่งหากขาดมันไปชีวิตนี้คงเบื่อน่าดู
..." เมื่อวันที่ 9 เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2567 เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้แถบตัวเมืองแห่งความเจริญด้านเทคโนโลยี รถบิน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และตึกมหานครลอยฟ้ามากมายพังทลายลงอย่างไม่ทราบสาเหตุคาดว่ามันคือระเบิดที่มีอนุภาพการทำลายสูง จนกระทั่งตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่บริเวณเกิดเหตุอย่างทันท่วงทียามสถานการณ์เบาบางลง และสิ่งที่น่าตกใจนั้นมันไม่ใช่ระเบิดแต่อย่างใดแต่มันคือ อุกกาบาต ใช่ค่ะทุกท่านฟังไม่ผิดสิ่งที่ทำให้ตัวเมืองเสียหายวงกว้างขนาดนี้คืออุกกาบาตลูกยักษ์ที่ลอยตกลงมาจากฟากฟ้าสู่มหานครเมืองหลวง และที่ทราบกันดี ณ ขณะนี้ขอให้ทุกท่านที่อยู่บริเวณแถบนั้นอพยพโดยด่- ติ๊ด! "...
ทั้งสองใบหน้าหันเข้าหากันอย่างช้าๆแต่มีนัยยะ ไม่มีคำกล่าวหรือบทสนทนาใดๆที่ถูกเอ่ยออกมาทั้งสองคนนั้นคงนั่งนิ่งเงียบมองหน้ากันอยู่เช่นนั้นเพียงไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ความเป็นไปได้ที่อุกกาบาตจะตกลงมาบนโลกนั้นแถบเป็น 0 ไม่มีทั้งคำทำนาย พยากรณ์ หรือสิ่งใดๆที่เป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า มันน่าแปลกจนเกินไป เสมือนอวกาศ ณ ตอนนี้กำลังปั่นป่วนเพราะบางอย่างจนสงผลกระทบต่อดาวฤกษ์และดาวเคราะห์รวมถึงดาวบริวารทุกดวง
คงจะสรรหาคำไหนมาเปรียบเปรยทดแทนไม่ได้แล้ว ณ ตอนนี้ รวมถึงพวกเขาคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อีกรึเปล่า แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แครีอานเกิดความสงสัยตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อนหน้า
[ ณ เวลา 6นาฬิกา21นาที - ช่วงเวลาก่อนหน้าเข้าเยี่ยมมาเอล ณ ห้องPositive ICU ]
" ช่วยเล่ามาทีสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นช่วงที่ฉันไม่อยู่ในห้องนั้น " หมอสาวเริ่มสอบถามพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์พอดีขณะที่ยืนมองภราดรผ่านกระจกห้อง
" หลังจากที่คุณหมอออกจากห้องไปเพื่อไปรายงานให้กับคุณแครีอานทราบเพียงไม่กี่นาทีต่อมาสภาพร่างกายและอวัยะภายในอยู่ดีๆก็เกิดการแปรสภาพค่ะ บาดแผลขนาดใหญ่และร่องรอยการได้รับบาดเจ็บต่างๆฟื้นตัวโดยเร็วอย่างไม่ทราบสาเหตุ อวัยวะภายในหรือภายนอกบางส่วนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักเองก็ฟื้นฟูจนคืนสภาพเดิมเต็ม100ค่ะ " พยาบาลสาวเริ่มร่ายยาวเหตุการณ์ในตอนนี้อย่างระเอียดจากกระดาษรายงานที่ได้จดไว้
เยาวพานที่นั่งอยู่บนรถเข็นขณะนั้นเอง ได้ยินเเบบนั้นก็เกิดความสับสนกับข้อมูลในสมองเจ้าตนเป็นอย่างมาก่อนจะสลัดความคิดชวนข้อสงสัยทิ้งไป ขอเพียงเพื่อนสนิทอย่างมาเอลรอดได้นั้นก็เพียงพอแล้ว แม้นลึกๆจะยังคิดตั้งข้อสงสัยนั้นอยู่ก็ตาม
[ ณ เวลา 8นาฬิกา33นาที - โรงพยาบาล : ห้องพักฟื้นมาเอลช่วงปัจจุบัน ]
" มาเอล..คือฉั- " บทพูดได้ถูกขัด
" ฉันรู้ว่านายจะถามว่าอะไรรีอาน " มาเอลกล่าวเเทรกขึ้น " ตอนที่ฉันสลบอยู่ภายในห้องปลอดเชื้อแต่ใช่ว่าจะไม่รับรู้เรื่องราวนะ ฉันเองก็คิดว่าตัวเองตายแล้วเหมือนกันแต่มันรู้สึก..โหว่งใจอย่างไงชอบกล ฉันรู้สึกแค่นั้น " เขาได้จบประโยคบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่สับสนและเศร้าสร้อย(?)อย่างบอกไม่ถูก
" เข้าใจแล้ว ฉันไม่ได้อยากรื้อฟื้นเรื่องนั้นกับนายมากนักหรอก " เเครีอานเอื้อมมือไปตบบ่าภราดรหนุ่มเบาๆเสมือนเป็นการบอกว่าเข้าใจความรู้เหล่านั้น " แม้นายจะเป็นอะไรไปฉันจะอยู่กับนายเสมอไปทอดทิ้งเด็ดขาด " เขาคลี่ยิ้มอ่อนออกมาแลดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเช่นกันว่าได้เอ่ยประโยคแบบไหนออกไป
สถานการณ์ได้ค่อยๆย่ำแย่ลงเศรษฐกิจการเมืองภายในประเทศทั้งด้านการค้า เทคโนโลยี ความสะดวกสบาย การเมืองทุกๆอย่างค่อยๆดิ่งลงอย่างรวดเร็ว มาเอลออกจากโรงพยาบาลพร้อมเเครีอาน ทั้งคู่เป็นเด็กอัจฉริยะที่ประเทศต้องการตัวด้วยมันสมองเหล่านั้นทำให้ถูกขนานนามว่า Florian Davin Dereck ผู้เจริญรุ่งเรืองผู้เป็นที่รักและผู้ครองปัญญาคำพวกนี้หากใช้กับทั้งสองนั้นแลไม่เกินจริงสักคำ
ทั้งมาเอลและเเครีอานพยายามอย่างหนักเพื่อให้สถานการณ์ภายในประเทศดีขึ้นแต่ทว่าไม่เป็นผลวันแล้ววันเล่า เริ่มมีอุกกาบาตตกลงมามากขึ้นเรื่อยๆและเริ่มพบผู้ผิดปกติบางอย่าง ร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเสมือนคล้ายกับสัตว์และบางสิ่งบางอยากที่เราเรียกกันว่าภูมิผีปีศาจ ผู้คนเหล่านั้นถูกองค์กรลับจับตัวไปกักขังเพื่อไม่ให้สร้างความตื่นตกใจต่อนรชน
[ 6 ปีต่อมา ]
" แครีอานฉันพาเด็กสองคนมารับเลี้ยงนะ " เสียงที่เหมือนจะคุ้นเคยแต่ทุ้มต่ำกว่าเดิมเล็กน้อยแฝงไปด้วยความอบอุ่น เอนเตียนเนอ มาเอล ฟรองซัวร์ เจ้าของเสียงที่ถือครองกายหยาบอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมากกว่าผู้ใด หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันนั้นทำให้ร่างกายของมาเอลเกิดการเปลี่ยนแปลงเฉกเช่นเดียวกัน ใบหน้ารูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์กว่าวัย สันกรามและจมูกที่ได้รูป ผมดำขลับเงางาม นัยนาสีดำหยกประกายราวกับอัญมณีสีรัตติกาล ส่วนสูงและน้ำหนักก็สมส่วนดั่งเหมือนพระเจ้าประทานพรความอ่อนเยาว์นี้มาให้
พลันใบหูนั้นได้ยินบทสนทนาเอ่ยกล่าวเช่นนั้นถึงกับหันควับคอแถบเคล็ดพร้อมเบิกตากว้างไม่ทันไรก็แผดเสียงร้องเสียงดัง " อะไรนะ!? นายไปทำอะไรใครท้อง!!? " เจ้าหน้าที่แถบนั้นถึงกับหันมามองเป็นตาเดียวกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น น้ำเสียงทุ้มต่ำอีกเสียงคลับคล้ายเสียงในคราแรกเอ่ยตอบด้วยความตกใจ นัยน์นาแดงกุหลาบระเรื่อเบิกโพรงขึ้นด้วยพักต์ความตกใจ ริมฝีปากที่คาดคาบบุหรี่ได้เปิดออกค้างจนม้วนบุหรี่นั้นตกลงพื้น
" นี่นายได้ให้แพทย์ตรวจหูบ้างรึเปล่ารีอาน ฉันบอก ฉันไปรับเลี้ยงมาโว้ย!! " มาเอลกล่าวแย้งเสียงดัง
" อ่าวงั้นหรอ สงสัยอายุคงเยอะจนได้ยินผิดซะแล้วสิ " แครีอานตอบกลับด้วยน้ำเสียงกวนๆ " อยู่ไหนล่ะ เด็กสองคนที่ว่านั้น " เขาเอนโยกตัวซ้ายทีขวาทีแลตามองสอดส่องไปทั่วรอบวรกายอีกคนอย่างใคร่รู้
" พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่องค์กรย่อยHFC " มาเอลกุมขมับศรีษะเจ้าตน " อะไรนะ นายให้พวกเขาไปอยู่องค์กรย่อยทั้งๆที่ไม่มีใครดูแลเนี่ยนะ!? " แครีอานถึงกับขึ้นเสียงพร้อมแสดงสีหน้าช็อคออกมาอีกครั้งไม่เคยคิดแม้แต่จะฝันว่าเพื่อนสนิทตนจะทำกับเด็กแบบนั้นได้ลงคอ
องค์กรHFCหรือที่เรียกกันว่า Hunthing For Contail - ตามล่าแห่งภาชนะ ถูกก่อตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณ3ปีก่อนหน้า มีหน้าที่เตรียมรับมือสถานการณ์ในยามวิกฤตฉุกเฉินและคอยช่วยเหลือผู้ที่ติดเชื้อไวรัส
[ ณ วันที่ 12 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช2567 เวลา 13นาฬิกา33นาที - สถานที่เกิดเหตุ ]
" แม่คะ!! ฟื้นสิ!แม่คะ!...ฮืออ..ฮึ่ก..ฮ-ฮื่ออ "
" แม่คะ...อย่าทิ้-ฮึก..อย่าทิ้งหนูไป..ฮืออ " เสียงร้องไห้ของเด็กสาวที่เสียมารดาตนไปอย่างช่วยไม่ได้
ท่ามกลางเหตุการณ์ความวุ่นวายมากมายล้อมรอบกายเจ้าตน อุกกาบาตที่เคยตกลงมาทีละลูก บัดนี้นั้นพวกมันได้โถมกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่มีท่าว่าจะหยุดสักเสี้ยว ตึกรามบ้านช่องต่างเสียหายพังทลายลงทีละส่วนสองส่วน มหาครนครลอยฟ้าต่างตกลงบนพื้นดิน จราจรติดขัดคับแน่นถนนสะเปะสะปะเละเทะพังไม่เป็นท่า คอนกรีตพื้นบางส่วนก็ยุบลงบางส่วนก็เหินเหนือฟ้า
ควันโขมงจากเหตุไฟไหม้หลายจุด เป็นภาพที่เหมือนกับวันสิ้นโลกดีๆนี่เองทุกสิ่งอย่างล้วนถูกพังทลายลงเพียงไม่กี่วิ เสียงร่ำไห้เศร้าโศรกของเด็กสาวก็ยังคงขับเอื้อนอยู่ไม่ห่างหายไปไหน ผู้คนวิ่งพลุกพล่านแตกตื่นกันไป บางคนก็เหยียบผู้คนด้วยกันเองเพราะอยากมีชีวิตรอด บางคนก็นั่งรอความตายอย่างจำยอมช่างเป็นภาพที่ไม่น่าดูเสียจริง
แต่แลเหมือนจะมีบุคคลคู่หนึ่งที่ยืนมองดูสถานการณ์ต่างๆอย่างใจเย็นไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเสมือนกับรู้เหตุการณ์และวิธีรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว บทสนทนาได้กล่าวขึ้น
" มาเอลรอบนี้นายทำได้รึเปล่า "
ผู้ถือครองนามแครีอานพูดขึ้น นัยนาเคลื่อนส่องมองไปยังเพื่อนสนิทข้างกายเบื้องหน้า ไอควันที่ถูกพ่นออกจากริมฝีปาก
..." ปราถนาแห่งจำนงค์ Desire Of The Mind หวนคืน"...
หลังพ้นสิ้นประโยคคำกล่าว ตึกมหานครลอยฟ้า ถนน การจราจร ตึก ทุกอย่างล้วนกวนกลับคืนสู่ในสภาพแวดล้อมที่ปกติยกเว้นเพียงอย่างเดียวอุกกาบาต อุกกาบาตนั้นเสมือนเป็นข้อยกเว้นทุกอย่างมันไม่สามารถทำลายได้แม้จะโดนนิวเคลียร์ระเบิดหรือสารเคมีใดๆ หลังจากที่อุกกาบาตลูกแรกตกมาไม่นานก็ตามด้วยลูกสองลูกสามพวกมันนั้นได้เริ่มส่งเชื้อไวรัสบางอย่างแพร่กระจายไปยังในอากาศแม้นจะดูแลป้องกันตนเองอย่างไรหากเผลอเข้าสักครู่เดียวก็โดนเชื้อเข้าไปทันที
มาเอลคือหนึ่งในผู้ที่โดนเชื้อไวรัส แต่น่าแปลกที่ไม่ได้กลายร่างเป็นอย่างอื่นแต่กลับได้รับการถูกปลุกพลังบางอย่างขึ้นมาแทนซึ่ง ณ ขณะนี้นั้นมีเพียงมาเอลเท่านั้นที่ได้รับพลังมาแต่เพียงผู้เดียว พลังพิเศษเหนือธรรมชาติของภราดรนั้นยังไม่แน่ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่หากมีเพียงอย่างหนึ่งที่ชัดเจน พลังของมาเอลคือความปราถและบางอย่างอีกอัน หากมาเอลมีความปราถนามากกว่าสิ่งใดแรงกล้ากว่าอย่างอื่น ความปราถนานั้นจะเป็นจริง ดูเป็นเรื่องอันตรายชะมัด..
[ ณ ปัจจุบัน - สถานที่ : องค์กรHunthing For Countail | องค์กรย่อย ]
" ฟาเบียน ปริ๊นซ์รอฉันนานรึเปล่า? " มาเอลกล่าวทักดรุณหนุ่มช่วงวัยเด็ก " ไม่นานครับ " เสียงที่แลไม่คุ้นเคยและเพียงฟังครั้งเดียวก็รู้ว่าผอมแห้งขนาดไหนเพราะน้ำเสียงอันแห้งเหือดเหล่านั้น ดวงตากลมโตคมคู่ แดงระเรื่อราวกับกุหลาบสด เกศาสีน้ำตาลแดง ผิวขาวสีเผือก รูปหน้าที่ได้รูปตั้งแต่ยังเด็ก รอบกายเต็มไปด้วยความเหือดแห้งที่รับรู้ได้แต่กลับมีกลิ่นที่อ่อนโยนโชยออกมา
" รอนานจนรากจะหงอกแล้วมาเอล " เสียงหวานต่ำเอ่ยขึ้นอีกเสียงซึ่งผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้นอยู่ข้างกายเด็กหนุ่มกุหลาบ ลักษณะท่าทางแตกต่างจากอีกคนอย่างสิ้นเชิง
นัยนานอกกลมโตนั้นสีราวต้นสปรูซส่วนตาในกลมเล็กราวกับโคบอลต์บลู แลเป็นการแยกชั้นของสีที่งดงามจับตา หยุดละสายตาออกไม่ได้เลย กลิ่นอายรอบตัวราวกับเหมันต์เย็นยะเยือกและน่ากลัวกลับกันมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments