หัสดิน มินรภัทร
***คำนำจากผู้เขียน
เนื้อหาที่ถูกร้อยเรียงเป็นเรื่องราวนี้ เป็นสิ่งที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนและค่อนข้างจะน้ำเน่า อาจมีการกระทำที่ไม่เหมาะสม การค้ามนุษย์ ความรุณแรง รวมไปถึงการมีsexแบบกึ่งจำยอม ทั้งนี้ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงผู้ใดหรือจะทำให้ผู้ใดเสียหาย เนื่องจากผู้เขียนยังมือใหม่และอ่อนหัดทางด้านงานเขียนเป็นอย่างมาก จึงเริ่มงานเขียนเป็นนิยายชิ้นสั้นๆ หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขอน้อมรับไว้และจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในงานเขียนชิ้นต่อๆไป
^^^嵐^^^
...----------------...
ปล. เรื่องราวที่กล่าวถึงเป็นแนว Omegaverse (แนวผู้ชายสามารถตั้งท้องได้ ในจักรวาลนี้จะมีเพศหลักและเพศรอง เพศรองที่เป็นโอเมก้าจะสามารถตั้งครรภ์ได้ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง)
...💐💐💐...
บทนำ
ในคฤหาสหลังโตที่ดูภายนอกเหมือนจะเป็นบ้านที่โอ่อ่าสวยงามและกว้างขวางแสดงถึงอำนาจบารมีของผู้ที่ครอบครอง แต่กลับกัน สถานการณ์การเงินภายในบ้านดูไม่สู้ดีนัก
ตระกูลศิลาฤกษ์ "เกริกชัย"ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวบริหารธุรกิจผิดพลาด บริษัทของวงศ์ตระกูลที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจึงเสี่ยงที่จะล้มละลาย "ภรรณี" ผู้เป็นภรรยาก็ผลานเงินไปกับการพนันและเหล้าสุรา ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายจนสถานการแย่ลงไปอีก "เมธาวี" ลูกสาวคนโตของบ้านแม้จะหัวดีสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังได้ แต่พฤติกรรมก็ไม่ได้ต่างไปจากมารดาของตนนัก และลูกชายคนเล็กอย่าง "มินรภัทร" เขาอาศัยอยู่ในบ้านศิลาฤกษ์อย่างเงียบเชียบราวกับไม่มีตัวตน ถูกมองว่าเป็นทั้งกาฝากและตัวไร้ประโยชน์ของบ้าน ถึงจะเป็นลูกของเกริกชัยก็จริง แต่กลับไม่ได้รับแม้กระทั่งนามสกุลของผู้เป็นบิดา แสดงถึงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด
ชีวิตของมินรภัทรไม่ต่างไปจากคนใช้ อาศัยอยู่ในห้องแคบๆ ไม่ได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับครอบครัวแถมยังต้องช่วยแม่บ้านทำงาน ตั้งแต่เขาเรียนจบมัธยมปลายเขาก็ถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน ถูกห้ามแสดงตัวว่าเป็นคนในตระกูลศิลาฤกษ์ด้วยซ้ำ เจ้าตัวเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน ยิ่งเรื่องมหาลัยยิ่งแล้วใหญ่ เด็กน้อยเป็นคนหัวไม่ดี พ่อและแม่เลี้ยงจึงไม่อนุญาตให้เขาเรียน ตอนนี้เขาก็อายุสิบเก้าปีแล้ว มือสีขาวเรียวยาวตากผ้าอยู่ที่สวน ดวงตากลมโตมีท่าทีเศร้าสร้อยเมื่อเหลือบมองออกไปข้างนอกรั้วภายนอก เขาไม่ได้ออกจากบ้านมาเป็นปีแล้วนี่นะ
มินรภัทรทำหน้าที่ของตนจนเสร็จก็มีแม่บ้านคนหนึ่งวิ่งมาตามด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ เขาจึงรีบไปโดยทันทีพร้อมกับความเเปลกใจ เพราะวันนี้เกริกชัยมีแขกมาที่บ้าน มินควรจะไสหัวไปให้ไกลที่สุดและพยายามไม่เพ่นพ่านเพื่อไม่ให้เกิดประเด็นและเป็นจุดสนใจ มันคือคำสั่งของเกริกชัยและภรรณีซึ่งตัวเขาเองไม่มีมางขัดอยู่แล้ว มินรภัทรเดินตามแม่บ้านเข้ามาในห้อง ข้างในนั้นเขาเจอพ่อของเขากำลังคุยกับใครบางคนอยู่ เขาใส่สูทสีดำดูน่าเกรงขาม มินรภัทรไม่กล้ามองหน้าเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอะไรบางอย่างที่หนักอึ้งและรู้สึกกดดัน
"คุณหัสดิน แม้มันจะกระทันหันไปหน่อย แต่นี่คือลูกชายของผมเองครับ"
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างฉงนใจ ทำไมล่ะ? ทั้งที่พยายามปกปิกเรื่องของเขามาตั้งสิบเก้าปีแท้ๆ ดวงตาสีดำขลับสั่นระริกเมื่อสบตากับคนร่างโต หัสดินได้จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้วตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา มินรีบหลุบสายตาลงต่ำเพราะกลัวว่าจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นั่นเป็นความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากหัสดิน
"ผมคิดว่าคุณมีลูกสาวคนเดียวเสียอีกนะ ไม่เคยเห็นเด็กคนนี้ในงานสังคมมาก่อนเลย "
หัสดินพูดเหมือนยิ้มๆ แต่มีความเยือกเย็นเจือปนอยู่ ทำเอาเกริกชัยหัวเราะแห้ง แถมสภาพมินรภัทรตอนนี้สวมเสื้อตัวโคร่งสีซีดแถมเนื้อตัวเล็กลีบผอมแห้งเกินกว่าเด็กวัยเดียวกัน ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับคุณหนูตระกูลศิลาฤกษ์เลยซักนิด
" เด็กคนนี้ค่อนข้างขี้อายและขี้โรคครับ เลยไม่อยากให้ออกไปใหน "
เป็นคำแก้ตัวหน้าด้านๆที่ทำให้คนได้ยินถึงกับน้ำตาคลอ รู้ว่าเขาขี้โรคทำไมถึงใช้งานเขาหนักกว่าทุกคนด้วย อีกอย่างเพราะเกริกชัยไม่ให้ออกจากบ้านแล้วเขาจะออกไปใหนได้ล่ะ เขาไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ของตัวเองด้วยซ้ำ
"มิน สวัสดีคุณหัสดินสิลูก"
" ...สวัสดีครับ"
เด็กน้อยยกมือใหว้อย่างนอบน้อม ความกลัวได้เข้ามาครอบงำจิตใจ มินรภัทรมือสั่นเล็กน้อยจึงซ่อนมันไว้ด้านหลัง เขาคนนั้นไม่ได้ตอบ เอาแต่จ้องเขานิ่งๆ สายตาคู่นั้นมันไร้ซึ่งความอ่อนโยน
"..."
เด็กน้อยทำอะไรไม่ถูก เหลือบไปมองผู้เป็นพ่อที่ถลึงตาเขียวใส่ เขาถูกเกริกชัยจับวางแหมะบนโซฟาข้างกับหัสดิน คนเป็นพ่อหันมายิ้มให้คนพี่ เขาก้มหัวก่อนเดินจากไป เด็กน้อยได้แต่สงสัยยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่จริงคนอย่างเกริกชัยเคยก้มหัวให้ใครที่ใหน เขาชอบวางกล้ามและทำตัวหยิ่งผยองเป็นกันแบบนี้ทั้งพ่อ แม่ และพี่สาว ประมวลจากสายตา หัสดินดูเด็กกว่าพ่อเขามาก การที่พ่อของเขาทำตัวนอบน้อมเช่นนี้ แสดงว่าร่างสูงที่เขาเผชิญอยู่ต้องมีอิทธิพลอยู่มากทีเดียว พอรู้แบบนั้นคนน้องยิ่งเกร็งขึ้นไปอีก
" พ่อรักแย่เลยสิ? เธอน่ะ"
หัสดินพูดขึ้นมาลอยๆอย่างประชดประชัน พลางลดสายตาลงมาที่คนตัวเล็ก มินรภัทรไม่ได้ตอบอะไรออกไป เอาแต่นั่งกุมมือตนเองเงียบๆ ไม่สู้อะไร แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบๆที่กลางอกก็ตาม
"!!!"
มินรภัทรสะดุ้งเสียงหลงเมื่อถูกมือหนาหยาบกร้านเชยคางของตนขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาถือดีอย่างไรมาทำเช่นนี้! หัสดินพินิจพิจารณากรอบหน้ากลมกลึงรูปไข่ เด็กน้อยสะอื้นเพราะตื่นกลัวและพยายามปัดป้องแต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ ภาพที่ปรากฏจึงเป็นมินรภัทรดินขลุกขลักในอ้อมแขนล่ำสันแทน
" คุณทำอะไร ..ปล่อยผมนะ!"
เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากบางที่แห้งผากดูสั่นนิดๆ หัสดินยิ้ม ในที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมพูดกับเขาเสียที เขาพอใจเลยทีเดียว เพราะครั้งแรกที่เขาเห็นมินรภัทรตอนที่มาหาเกริกชัยครั้งก่อน เป็นภาพของเด็กหนุ่มตัวขาวจัดกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวน มินรภัทรจัดว่าอยู่ในหมวดหมู่คนหน้าตาดี แต่ก็ไม่ได้สวยขนาดที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกก็ต้องตกหลุมรัก ดูเรียบๆแต่มีสิ่งที่น่าดึงดูด เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่เพิ่งเจอกันแต่เขาก็ลบภาพใบหน้าของมินรภัทรออกจากหัวไม่ได้เลย ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆที่สัมผัสได้จากร่างบางๆนี้ก็ทำเอาเขาแทบคลั่ง
จากที่เขาให้คนสืบมาแล้ว มินรภัทรเป็นลูกที่เกริกชัยไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิดมา ไม่มีใครรู้ว่าแม่ของเขาเป็นใครเพราะหาข้อมูลอะไรไม่ได้เลย อีกทั้งคนน้องยังถูกดูแลอย่างปล่อยปะละเลย การกลั่นแกล้งต่างๆนาๆ หัสดินจึงทำตามสัญชาติญาณตัวเองโดยการเอามินรภัทรมาอยู่ใกล้ๆตัว
"พ่อไม่ได้บอกอะไรเลยหรอ?"
"..อะไร?"
มินรภัทรถามทั้งน้ำตา เขากลัวมาก กลัวว่าสิ่งที่เขาคิดจะเป็นความจริง เมือเห็นดวงตาสุกใสนั่นสั่นระริกเขาก็ยิ่งชอบใจ มุมปากกระจับยกยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นมาสั้นๆ
" ถึงจะฟังดูใจร้ายไปหน่อย แต่เธอถูกขายให้ฉันแล้วล่ะ"
...****************...
^^^To be continued...^^^
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments