*******
กระจกสีดำสนิทค่อยๆลดลงเมื่อสาวน้อยเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าเริงร่าคลี่ยิ้มกว้างขณะโน้มตัวเอียงคอมองผู้ที่กำลังรออยู่ในรถ
"รอนานไหมคะ" บอลนิเบลกล่าวเสียงสดใส เมื่อพบว่าวันนี้คนที่มารับเป็นใคร แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นรถของผู้เป็นพี่จอดอยู่ตรงข้ามถนนหน้าโรงเรียน ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พี่ชายคนโตของเธอที่ย้ายออกไปอยู่คอนโดลำพังแถมยังเรียนคนละที่ ทำให้ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่ๆ ถึงได้มารับเธอเองถึงที่แบบนี้
"ลืมแล้วหรอ...วันนี้วันอะไร"
บอลนิเบลทำสีหน้าสงสัยก่อนพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่ง
"อ๋อ...วันครอบครัวเรา..แหะๆหนูลืมไปสนิทเลย"
"อยู่กับป๊าม๊าแท้ๆ...แต่จำไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริงๆเลยนะบอลนี่" ผู้เป็นพี่กล่าวปรามคนน้องที่ลืมวันสำคัญของครอบครัวไป ทั้งที่ตัวเขาย้ายออกมาอยู่ข้างนอกแต่ยังจำได้ดีว่าวันไหนที่จะต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาทุกคนแต่คนที่อยู่บ้านแท้ๆกลับลืมไปเสียสนิท
"ขอโทษค่ะ...แต่ว่าวันนี้อะไรดลใจให้พี่ฟินมารับหนูหรอคะ"
"พี่มาทำธุระแถวนี้พอดี ก็เลยรอรับตัวแสบกลับบ้านพร้อมกันขึ้นมาสิ"
"ค่ะๆ" บอลนิเบลตอบรับคำก่อนสอดมือกดปุ่มเล็กๆที่ซ่อนในร่องประตูของรถสปอร์ตคันหรู มือเรียลคว้าจับส่วนที่เด้งออกมาเล็กน้อย ยกขึ้นตามดีไซน์ของตัวรถซึ่งถูกออกแบบให้กางขึ้นเหนือหัวของผู้ใช้งาน ราวกับปีกผีเสื้อที่กำลังกางออก ซึ่งประตูชนิดนี้ก็มีชื่อเรียกว่าบัตเตอร์ฟลายดอร์ตามความเหมือนของดีไซน์ สาวน้อยก้าวขึ้นมานั่งในรถก่อนเอื้อมมือปิดประตูเข้าและหันมาส่งยิ้มให้พี่ชายที่อยู่ข้างๆ
"นั่งแต่มายบัควันนี้ถือว่าเปลี่ยนฟิวนะเนี่ย นานๆทีจะได้นั่งรถสปอร์ต"
"ชุปเปอร์คาร์ที่บ้านออกจะหลายคัน"
"หลายคันก็เถอะ แต่ไม่มีคนขับให้นั่งก็เหมือนเดิม จอดทิ้งไว้เป็นคอลเลคชั่นสะสมของป๊าอยู่อย่างนั้นแหละ พอแก่ตัวขึ้นป๊าก็ไม่ขับรถสปอร์ตอีกเลย ม๊าบอกว่าตอนหนุ่มๆป๊าคลั่งสะสมพวกไฮเปอร์คาร์ชุปเปอร์คาร์มากๆสงสัยป๊าคงลืมตอนแก่" บอลนิเบลพรึมพรำถึงความชื่นชอบของผู้เป็นพ่อ สมัยหนุ่มๆคนเป็นพ่อนั้นคลั่งสะสมรถราคาหลักล้านไปถึงหลักร้อยล้านที่เรียกว่าไฮเปอร์คาร์เป็นอันมาก ไล่เรียงตั้งแต่รุ่นธรรมดาไปจนถึงตัวท็อปของลักซูรี่คาร์แบรนด์ จนในตอนนี้จำนวนรถหรูที่อยู่ในคอลเลคชั่นของผู้เป็นพ่อเพิ่มพูนจนแทบจะเปิดเป็นโซรูมรถได้อยู่แล้ว แต่ถึงกะนั้นก็ไม่มีใครขับ ได้แต่จอดเอาไว้ในคอลเลคชั่นอย่างนั้น มีบ้างที่พี่ชายคนโตอย่างฟินจะเอาออกมาใช้งาน แต่ก็เปลี่ยนขับไม่ค่อยบ่อยนัก
"ฟีฟ่าไม่ขับรึไง" ฟินกล่าวถามถึงน้องชายคนรอง นับตั้งแต่ที่เขาย้ายออกมาอยู่คนเดียว ก็ไม่ค่อยติดต่อผู้เป็นน้องชายเลยแม้แต่น้อย
"พี่ฟีฟ่าติดซ้อมค่ะ รายนั้นเค้าจะเป็นดารา ซ้อมหนักยิ่งกว่าอะไร...บางวันก็ไม่ได้กลับบ้านเลยก็มี" เมื่อพูดถึงพี่ชายคนรองบอลนิเบลก็อดไม่ได้ที่จะบ่นถึงความพยายามที่หนักหนา ระหว่างพี่ฟินกับพี่ฟีฟ่าของเธอนั้นถึงจะเป็นพี่น้องกันแต่นิสัยก็ต่างกันราวหยินกับหยาง ฟีฟ่าจะมีความอ่อนโยนนิ่มนวลใจเย็นไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับใครเหมือนกับผู้เป็นพ่อเรียกได้ว่านิสัยถอดแบบมาจากคนพ่อไปเสียหมด หากแต่ฟีฟ่าอยากเอาดีด้านการแสดงในวงการบันเทิงเสียมากกว่าที่จะเดินสายงานกับผู้เป็นพ่อ และอาดจะด้วยที่เขายังเด็กเกินไปที่จะศึกษางานทุกอย่างได้ กลับกันฟินเป็นเหมือนด้านตรงกันข้ามของฟีฟ่าทุกอย่าง และหน้าที่สารต่องานของคนพ่อก็เป็นเขาที่จะต้องรับช่วงต่อในถานะพี่คนโตของครอบครัว
"เรียนขับรถแล้วนี่...ขับเก่งขึ้นมากขนาดไหนแล้ว"
"ก็เก่งขึ้นเยอะเลยค่ะ แค่ไม่กล้าลงถนน"
"จริงรึป่าว ครั้งที่แล้วฟีฟ่าบอกว่าเสาร์โรงจอดรถพุลไปเลยไม่ใช่หรอ" ผู้เป็นพี่กล่าวพลันหัวเราะในลำคอ
"พี่ฟินอะ!...เมื่อไหร่จะหยุดล้อ" บอลนิเบลทำหน้าบึ้ง เมื่อผู้เป็นพี่ยังคงจำความผิดพลาดในการเรียนขับรถครั้งก่อนเอาไว้ และก็ยังคงล้อเธอไม่หยุด
"พี่คะ...ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็น ยังไม่อยากกลับบ้านเลย พาขับรถเล่นหน่อยสิคะ"
"ได้สิ...แต่บอลนี่ต้องเป็นคนขับนะ"
"ได้ยังไงกันล่ะ...ไม่เอาหรอก" บอลนิเบลรีบปฏิเสธพี่ชายอย่างเร็วไว ทว่าคนเป็นพี่ก็ไม่ยอมง่ายๆเขาเปิดประตูลงจากรถเพื่อสลับฝั่งที่นั่งโดยไม่รอความเห็นจากเธอ ทำเอาสาวน้อยถึงกับหน้าเหว๋อเมื่อถูกพี่ชายมัดมือชกเช่นนี้
"พี่ปวดหลัง"
"อะไรอะเพิ่งโตก็แก่แล้วหรอ...บ่นปวดหลังเหมือนป๊าเลยนิ" แม้จะยอมลุกเปลี่ยนฝั่งที่นั่ง แต่ก็ไม่วายที่จะบ่นคนเป็นพี่
"ทำอย่างนี้ คงอยากเข้าร้านซ่อมแล้วสินะคะ แต่คันนี้สีพิเศษนิดเดียวก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดนะคะเสียเวลามากนะบอกไว้ก่อน" บอลนิเบลหันไปต่อว่าพี่ชายอีกครั้งก่อนเอื้อมรัดเข็มขลัด
"อยู่กับม๊านานขี้บ่นเหมือนม๊าเข้าไปทุกทีแล้วนะ"
"ก็พี่อะทำอะไรก็ไม่รู้ หนูยังขับไม่แข็งแล้วก็ยังไม่มีใบขับขี่ด้วยถ้าเสี่ยวชนมาจะทำยังไง"
"ก็แค่เปลี่ยนคันขับ" คนพี่ตอบกลับสั้นๆขณะปรับเบาะสำหรับเอนหลัง
"หนูกลัวชนคนค่ะ"
"ขึ้นทางลัดไม่มีรถแม้แต่คันเดียว" เขายังคงดึงดันต่อแม้ว่าบอลนิเบลจะพยายามหาเหตุผลมากมายมาเป็นข้ออ้างก็ตามที
"หนูเตือนแล้วนะ" สิ้นคำกล่าวสาวน้อยก็หันกลับมาโฟกัสที่พวงมาลัยคาร์บอนตรงหน้า เธอสูตรหายใจเข้าก่อนจะเริ่มบังคับตัวรถให้ออกสู่ถนน
รถสปอร์ตสีเทายี่ห้อดังแม็กราเรน720s เคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนด้วยความเร็วเพียง30km/h แม้ว่าตัวรถจะถูกออกแบบมาให้วิ่งได้ถึง341km/hพร้อมระบบเบรคคาร์บอน เซรามิกที่สามารถหยุดความเร็วของรถได้ดีเยี่ยมในเวลาเพียงไม่กี่วิ ทว่าสิ่งอำนวยทุกอย่างนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ความกังวลของสาวน้อยลดลงได้ เธอไม่มีความกล้าพอที่จะเร่งความเร็วขึ้นมากกว่านี้ได้ ถึงแม้ว่าถนนเส้นนี้จะไม่มีรถผ่านเลยก็ตาม
ระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวไปตามถนนอย่างช้าๆ สองพี่น้องก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ นับตั้งแต่ที่คนพี่อย่างฟินย้ายออกมาอยู่คอนโดลำพัง ก็ไม่ได้ติดต่อคนในครอบครัวบ่อยนัก บอลนิเบลเองที่เป็นน้องสาวคนเล็กของครอบครัวเธอนั้นติดพี่ชายทั้งสองเอามากๆแต่เพราะด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต่างกันออกไปจึงทำให้เธอห่างเหินจากพี่ชายไปอย่างเรี่ยงไม่ได้
"กำลังทำอะไรอยู่ยัยตัวแสบ" ฟินเอ่ยถามน้องสาว เมื่อจู่ๆเธอก็เหยียบเบรคกระทันหันทำให้รถหยุดนิ่งไปอย่างไม่มีสาเหตุ บอลนิเบลมองออกไปยังนอกกระจกรถ ก่อนหันมาหาคนเป็นพี่
"พี่กลับก่อนเลยนะคะไม่ต้องรอ...พอดีว่ามีอะไรสนุกๆแถวๆนี้น่ะค่ะ" ใบหน้าสวยส่งยิ้มให้ผู้เป็นพี่ก่อนคว้ามือปลดเข็มขลัดออกจากตัว
"มีแผนอะไรอีกล่ะ" เขามองตามสายตาของสาวน้อยอย่างรู้ทัน
"พี่คะ...ทั้งที่พ่อของเราเป็นคนที่ยอมอะไรใครง่ายๆชอบใช้ชีวิตสงบๆ จนน่าเบื่อ"
"แต่แล้วทำไมเราถึงแตกต่างได้ขนาดนี้ละคะ..."ปากเล็กขยับยิ้มขณะเปรยตามองร่างที่กำลังเดินอยู่ตรงข้ามถนน
"หนูไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้นเลย..."
"พี่เองก็เหมือนกันใช่ไหมคะ" จู่ๆเธอก็พูดอะไรแปลกๆขึ้นมา ทว่ามันกลับทำให้คนเป็นพี่นิ่งไป
"หนูมีธุระ...แล้วเจอกันที่บ้านนะคะ" ไม่รอคำตอบจากพี่ชาย บอลนิเบลก็เปิดประตูลงจากรถไป โดยมีสายตาของฟินมองตามหลังอย่างไม่พูดอะไร
****
อีกด้านหนึ่ง หลังเลิกเรียน คิยูริ เธอเดินกลับที่พักลำพังอย่างเงียบๆ ร่างเพียวบางในชุดนักเรียนเดินอยู่บนฟุตบาทก่อนแทรกตัวผ่านตรอกเล็กๆระหว่างแยกของตึกสูงชันสองตึก
เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในตรอกดังกล่าวบรรยากาศรอบๆก็เปลี่ยนไปในทันทีราวกับหลุดออกจากโลกเมื่อครู่ที่เธอเพิ่งผ่าน ภาพอันสวยงามที่เห็นด้านนอกนั้นแทบจะกลายเป็นภาพลวงตา เมื่อสิ่งต่างๆที่อยู่ในนี้มีแต่ความเน่าเฟะ ทางที่ก้าวผ่านเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าของขยะที่ล้มเกลื่อนกล่านและก็ไม่ได้ถูกจัดการให้เข้าทิศเข้าทาง พื้นรอบๆมีน้ำขลังหลายจุดทำให้ต้องเรี่ยงหลบหลีกเวลาเดินด้วยความลำบาก แม้ว่าตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาสี่โมงเย็นแต่บรรยากาศข้างในตรอกกลับอึมครึมและมืดมน เนื่องด้วยความสูงของตึกทั้งสองที่บทบังแสงแดด จนทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ที่ทั้งมืดและทั้งเปลี่ยว แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันกลับไม่ได้ทำให้สาวเจ้ารู้สึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย เธอเดินผ่านความสกปรกรอบข้างไปอย่างไม่ใยดี กระทั่งฝีเท้าคู่เล็กหยุดยืนนิ่งไป คิยูริได้ยินถึงเสียงฝีเท้าของใครอีกคนที่เดินตามเธอติดๆมาพักใหญ่ๆ จนแน่ใจแล้วว่าคนที่แอบติดตามเธอนั้นเป็นใคร
"ตามเรามาหรอ"น้ำเสียงเรียบนิ่งกล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งก็ทำเอาร่างอีกร่างที่หลบอยู่ไม่ไกลสะดุ้งด้วยความตกใจ
"ที่แท้ยูริก็พักอยู่ที่นี่เองสินะ" สาวน้อยเจ้าของร่างปริศนาที่แอบสะกดรอยตามคิยูริ เมื่อถูกจับได้ ก็ก้าวออกมาปรากฏตัวตรงหน้าของเธอในทันที
"บอลนิเบลมีอะไรกับเรารึป่าว" ยูริถอนหายใจทอดยาว เธอรู้มาสักพักแล้วว่าถูกแอบตามเพียงแต่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะเดินตามมาทำไม
"มีเยอะเลยล่ะเรื่องที่จะคุยน่ะ...แต่คงจะไม่ใช่ตรงนี้หรอกใช่ไหม" บอลนิเบลกล่าวขณะเปรยตามองไปยังตึกที่อยู่รอบๆ
"งั้นก็เข้าไปข้างในก่อนเถอะ"
สิ้นคำสบถคิยูริก็เดินนำคนตัวเล็กเข้าไปยังอาพาสเม้นที่ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเธอ และก็ผู้คนอีกมากมายที่เป็นชนชั้นแรงงานไล่เรียงไปจนถึงผู้คนชนชั้นล่าง อาพาสเม้นแห่งนี้มีสภาพที่ค่อนข้างเก่าเนื่องจากถูกสร้างมานานหลายปี แต่ก็ลาคาถูก จึงเป็นทางเลือกเดียวของคนชนชั้นล่างที่มีรายได้ไม่มากนัก มีคนจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่ ทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายและแออัดไหนจะกลุ่มวัยรุ่นที่ย้ายมาอยู่และสร้างความปั่นป่วนให้คนที่พักอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครกล้าพูดหรือกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำได้เพียงปิดหูปิดตาและระวังตัวเองให้ได้มากที่สุด
จากสถานการณ์ความเป็นอยู่นับว่าค่อนข้างเป็นไปอย่างยากลำบาก ทุกๆวันยูริทำได้เพียงระวังตัวเองให้ดีในทุกย่างก้าวที่เธอผ่าน เธอรู้ดีว่าชนชั้นล่างอย่างเธอมีทางเลือกอยู่ไม่มากนัก จึงชินชากับทุกอย่างไปเสียหมด ทว่าคนที่ไม่เคยพบเจออะไรแบบนี้อย่างบอลนิเบลนั้นเธอค่อนข้างกระอักกระอ่วนทุกก้าวของฝีเท้าที่เข้ามาที่นี่
"โห...ที่นี่แออัดจังเลย ยูริอยู่ได้ยังไงอะ"
"เราชินแล้ว"
"เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุย..เรื่องอะไร" ยูริกล่าวถามขณะสองมือกำลังปลดล็อกแม่กุญแจที่ห้อยอยู่ประตูห้อง
"รีบจังเลยอะยูริ...ไม่สบายใจที่เราอยู่ที่นี่หรอ"
คิยูริถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เธอไม่ชอบคนเซ้าซี้ แต่ไหนแต่ไรเธอก็ชอบที่จะทำอะไรๆคนเดียวอยู่แล้ว แต่พอบอลนิเบลเข้ามารู้สึกว่าจะสนใจเรื่องของเธอเป็นพิเศษทั้งที่เธอก็พยายามที่จะเว้ยระยะห่างแล้ว
"มันก็ตั้งแต่ที่เธอตามเรามาแล้วนั่นแหละ"
"แหม...ยูรินี่เป็นคนตรงๆอยู่แล้วสินะ"
"ก็ได้งั้นเข้าเรื่องเลยแล้วกัน" บอลนิเบลทิ้งตัวนั่งลงละเบียงหน้าห้อง ดวงตากลมโตเหลือบมองหน้าคนที่กำลังคิ้วขมวด
"ระหว่างยูริกับสองคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไหนหรอ...เพื่อนรัก...เพื่อนสนิทหรือว่า...เจ้านายกับคนใช้" ริมสีปากสีชมพูดระเรื่อกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายหลังถูกเธอตั้งคำถามซึ่งทำเอาคิยูริเงียบไปในทันที
"ถึงแม้ว่าเราจะมีเพื่อนอยู่ไม่มาก...แต่ก็พอรู้ว่าเพื่อนจริงๆเขาทำกันแบบไหน"
"แต่ดูอย่างของยูริกับสองคนนั้นเนี่ย...คงไม่ได้เรียกว่าเพื่อนแน่ๆ" คิยูริยังคงเงียบกับคำถามของบอลนิเบล
"ยูริเป็นเบ๊ของพวกนั้นใช่ไหม"
คำถามขยี้จุด ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้าง แววตาคู่งามสะท้อนความตกใจอยู่ข้างในจนถูกสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
"ในเมื่อเธอรู้อยู่แล้ว เราคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก" ยูริกล่าวตัดบทก่อนเปิดประตูห้องออกเตรียมจะเดินเข้าไป
"เพราะอะไรหรอ...ทำไมถึงต้องเป็นเบ๊ให้สองคนนั้น"
แม้จะอยากตัดปัญหาความรำคาญด้วยการเดินหนีเข้าห้องไป แต่บอบนิเบลก็ยังคงตั้งคำถามไม่หยุด เป็นคำถามที่เธอไม่อยากตอบแม้แต่ข้อเดียว แต่เมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอเองก็คงจะต้องทำใจดีสู้เสือ
"ในสังคมชนชั้นแบบนี้ เธอเองก็น่าจะรู้ว่ามันมีแค่สองกลุ่มคนคือคนรวยแล้วก็คนจน"
"หน้าที่ของคนจนคือการทำงานรับใช้คนรวยเพื่อแลกกับเศษเงินของพวกเขา แต่มันดูมากมายสำหรับเรา" ยูริถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายดูจะไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลย
"เราไม่ได้เกิดมาแลัวมีทุกอย่างเหมือนพวกเธอนะ...เราต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ ต่างกับพวกเธอที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลยก็ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว" คิดแล้วก็น่าน้อยใจในโชคชะตาที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าโชคชะตาลำเอียงแค่ไหนที่ทำให้สังคมนี้มีชนชั้นที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ คนรวยไม่ต้องพยายามดิ้นรนให้เหนื่อยก็มีกินมีใช้ไม่ขาดปาก ต่างจากคนจนอย่างเธอที่ต้องดิ้นรนจนตัวเกือบตาย ยอมก้มหัวขอร้องให้คนชนชั้นบนปราณี ชนชั้นล่างอย่างเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นของพวกคนรวยนั่นคือความจริงที่เธอต้องแบกรับมาตลอดหลายปีๆ
*****
ฝากติดตาม กดlike คอมเมนท์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ\~\~
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 17
Comments