FWB สัมพันธ์ลับ
'จบแล้วหรอ'
เสียงสบถในใจของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อทันทีที่ดวงตาของเธอเบิกขึ้นสัมผัสบรรยากาศภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย ร่างเปลือยเปล่าค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ คนข้างๆรู้สึกตัว เธอก้าวเท้าเดินเข้าห้องน้ำอย่างระมัดระวัง และเมื่อประตูถูกปิดเข้าหากัน ร่างอรชรก็ได้ทิ้งตัวลงนั่งบนชักโครกด้วยอาการมึนจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เพิ่งจะสร่าง
ยูรินั่งก้มหน้าอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆเงยขึ้นมองตนเองในกระจก ทั้งเนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยจากอารมณ์เสน่หาในชั่วข้ามคืนซึ่งทำเอาร่างกายหญิงสาวปวดร้าวและอ่อนเพลีย จนแทบจะลุกออกจากห้องน้ำไม่ไหว ยูริจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี แม้เธอจะอยู่ในอาการมึนเมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในตอนนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเธอยังคงมีสติพอที่จะจดจำทุกอย่างได้ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการที่พูดถึงเหตุการณ์นั้นอีก สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการจากไปอย่างเงียบๆ ระหว่างเธอกับชายปริศนาคนนั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และ มันก็คงจะเป็นเช่นนั้นต่อไปตามที่เธอคาดหวัง
*****
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพ คียูริก็ได้โผล่ออกมาจากห้องน้ำเป็นครั้งแรก และพบว่าอีกร่างบนเตียง ได้ตื่นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"เรากลับก่อนนะ"
เธอกล่าวเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินหยิบกระเป๋าของตนเองที่ตกอยู่บนพื้นและออกจากห้องไปในทันที โดยปราศจากคำสนทนาโต้ตอบใดๆจากอีกฝ่าย
คียูริเดินออกมายืนรอรถอยู่หน้าโรมแรมใหญ่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันสายตาก็ได้มองไปยังหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือ สลับกับมองท้องถนนที่ไร้วี่แววของรถสันจรผ่านแม้ว่าเธอนั้นจะออกมายืนรอเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่พบแท็กซี่คันไหนที่พอจะผ่านมาทางที่เธอยืนอยู่ หญิงสาวถอนหายใจทอดยาวด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปยังข้างในโรงแรมอีกครั้ง
"เธอ...รีบไหมอะ"ยูริกล่าวขึ้นเสียงเรียบเป็นการเปิดบทสนทนาแรกระหว่างเธอและเขา ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มก็ดูจะจัดการตัวเองจนเสร็จสิ้นแล้ว
"ว่าจะให้ไปส่ง...เราหาแท็กซี่กลับไม่ได้"
"ได้...เธอไปรอเราที่รถ เดี๋ยวเราตามไป" เขาหันมาตอบกลับเธอก่อนจะยื่นกุญแจให้ ขณะเดียวกันสาวเจ้าก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์สองเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งอีกเครื่องมีสภาพที่แตกจนไม่สามารถใช้งานได้ เห็นอย่างนี้เธอก็เดาได้ไม่ยากว่าต้นเหตุมันมาจากตัเธอ เธอเดินชนเขายังไม่พอ ยังพยายามฉุดดึงตัวเขาเอาไว้อีก แต่ดูๆ แล้วเขาเองก็จะไม่ค่อยอะไรกับมันนักแทบไม่พูดถึงด้วยซ้ำ
"รถเธอคันไหนหรอ?"ยูริเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม้ว่าเธอจะพอจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่บนเตียงกับเขาได้ แต่ความทรงจำในส่วนก่อนหน้าที่เขาพาเธอมาที่นี่กลับเลือนลางจน เธอภาพนึกไม่ออก
"เฟอร์รารี่ จอดอยู่ชั้นใต้ดินของโรมแรม"
"โอเค" เธอตอบเพียงสั้นๆก่อนจะเดินนำเขาออกไป
*****
"แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน" ฟินหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆหลังจากที่เห็นว่าเธอเงียบไปตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอดของโรงแรม
"ส่งเราหน้าโรงเรียนไมอามี่ สคอร์ส เดี๋ยวเราเดินต่อไปเอง ที่พักเราอยู่แถวนั้น...จริงสิ!เราถามหน่อย เมื่อคืนเธอเจอเราที่ไหน"
ดวงตาสีนิลเหลือบมองพร้อมฉายแววความประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามของหญิงสาว เธอไม่ได้มีท่าทีที่ดูจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย กลับกันเธอกลับดูนิ่งเอามากๆราวกับทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเธอกำหนดไว้ตั้งแต่แรก แต่เธอกลับตั้งคำถามที่ชวนให้สงสัยแก่เขา
"จำอะไรไม่ได้เลยหรอ"
"จำได้แค่ลางๆ" เหตุที่ถามเขาไปเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพียงแต่เธอแค่อยากมั่นใจอะไรบางอย่างที่เธอกำลังสงสัยอยู่ภายในใจ
"หน้าทางเข้างาน"
"ตอนนั้นมีใครตามเรามาไหม?"ยูริเริ่มยิงคำถามอีกครั้ง เธอมองเขาด้วยแววตาคาดคั้นในคำตอบแม้ว่าลึกๆในใจเธอจะพอเดามันออกอยู่แล้ว หากแต่ว่าในตอนนั้นเธอเองไม่ได้อยู่ในสภาพที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์ พอจะมั่นใจอะไรได้
"เราแค่อยากมั่นใจในอะไรบางอย่าง" เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ยูริจึงกล่าวในเชิงอธิบายกับสิ่งที่กำลังคาดคั้นสงสัย เธอดูจะคาดหวังในคำตอบของเขาเอามากๆเพราะเขาเป็นคนเดียวที่อยู่กับเธอในตอนที่สติของเธอเริ่มเลือนลางและก็ยังเป็นคนเดียวที่อยู่กับเธอมาตลอดทั้งคืน
"งั้นเราถามเธอกลับหน่อย...รู้จักกับพวกชาร์ลหรอ?" ฟินยังคงแปลกใจกับอะไรหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับตัวเธอ นับตั้งแต่แรกพบจนถึงตอนนี้
"เราเป็นเพื่อนเชอร์ริน เมื่อคืนเป็นปาร์ตี้วันเกิดเชอร์ พวกเขาก็มาด้วย เพื่อนเธอหรอ?"เธอเลิ่กคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัยในตัวของชายหนุ่มที่ดูจะนิ่งเงียบราวกับไม่ต้องการที่จะพูดอะไรต่อจากนี้แล้ว
"แค่รู้จัก"
"มีคนตามเรามาจริงๆใช่ป่ะ"
"ใช่" ตอบสั้นๆ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายหยุดตั้งคำถาม เธอไม่ได้อยากจะคาดคั้นอะไรเขา ยังไงซะเธอกับเขาก็ไม่รู้จักกัน และมันจะเป็นอย่างนั้นต่อไปหลังจากที่เธอก้าวเดินลงจากรถเขาไป
"ขอบคุณนะ ที่พาเราออกมาจากที่นั่น"
น้ำเสียงนิ่งๆกับรอยยิ้มจางๆ สร้างความมึนงงให้ฝ่ายที่ได้ยินไม่น้อย ฟินหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่ได้ช่วยเธอเสียหน่อย กลับกัน เขากลับทำสิ่งนั้นกับเธอเสียด้วยซ้ำ
"รู้ใช่ไหมว่าเราไม่ได้ช่วยเธอ" เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปมองเส้นทางข้างหน้าอย่างรู้คำตอบที่จะได้ยินจากเธออยู่แล้ว
"รู้...และก็รู้ด้วยว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น" ยิ่งได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่
"แล้วทำไมถึงบอกว่าขอบคุณ?"
"ถ้าเราบอกว่า เราโดนวางยาเธอจะเชื่อไหม"
สิ่งที่เขาแปลกใจที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอโดนวางยาในงานปาร์ตี้ เขารู้ดีว่ามันต้องมีสิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของงานปาร์ตี้สังสรรค์สำหรับคนพวกนั้น หากแต่ว่าสิ่งที่เขาให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้ก็คงจะเป็นท่าทีที่ดูไม่ได้ตื่นตูมอะไรของเธอ ผิดแปลกไปจากเหยื่อทุกรายที่ถูกชาร์ลวางยาอย่างไม่เต็มใจ และแน่นอนว่าเธอเองก็เป็นเช่นนั้นถึงได้วิ่งหนีออกมาอย่างนั้น เขามั่นใจได้เลยว่าตอนนี้ชาร์ลคงจะอกแตกไม่มากก็น้อยที่เหยื่อหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา
"ท่าทางร้อนรนขนาดนั้น คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้"
"เธอรู้จักคนพวกนั้น เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องรู้ว่าเพราะอะไรเราถึงขอบคุณที่เป็นเธอ" ใบหน้าสวยนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับกลายเป็นสิ่งดึงดูดให้ชายหนุ่มละความสนใจจากเส้นทางข้างหน้ามองมาที่เธอได้
"เพราะถ้าเป็นพวกนั้น มันคงแย่ไปกว่านี้" แววตาของเขาเฉยชาและเย็นเยือกไม่ต่างอะไรกับเธอ แต่มันกลับทำให้เธอรู้ว่าเขานั้นเข้าใจทุกอย่างมาตั้งแต่แรกแล้วถึงได้ไม่มีความตกใจอะไรนักกลับกันแววตาสีครามคู่นั้นได้ซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้เพราะงั้นเธอคงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ก็รู้ๆกันอยู่แค่กลุ่มๆนี้เท่านั้น
"เรื่องที่เกิดขึ้น ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันนะ" เธอกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อทันทีที่รถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าโรงเรียนไมอาร์มี่ มือเรียวคว้าเปิดประตูลงจากรถไปอย่างไม่อะไรมาก ขณะที่ยังคงมีสายตาของชายหนุ่มทอดมองตามแผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไปจากตัวรถจนสุดขอบเขตสายตา
'อย่างนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย' ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา สิ่งๆนั้นมันช่างท้าทายและตื่นเต้นสำหรับเขาเสียเหลือเกิน ยิ่งเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทอย่างชาร์ลแล้ว เขารู้ลึกถึงสันดานชอบเอาชนะได้เป็นอย่างดี 'แค่คิดก็สนุกแล้ว'
******
"ยูริ!" เสียงเรียกของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมๆกับ คิยูริ ที่หยุดยืนนิ่งหันไปมอง ผู้เป็นเจ้าของเสียงซึ่งก็คือเจ้าของหอพักแห่งนี้ หลังจากที่ยูริก้าวเท้าเข้ามาถึงร็อบบี้ไม่กี่ก้าว เธอก็ต้องมึนงงกับป้าเจ้าของหอที่เดินตรงเข้ามาหาเธอ
"ตอนหนูไม่อยู่มีสสยโทรเข้ามาโทรศัพท์ของหอพัก บอกว่าอยากคุยกับหนูน่ะ" ยูริขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"ใครหรอคะ?"
"ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนว่าจะเป็นเสียงผู้หญิงนะ"
คำตอบมึนๆของคนมากอายุทำเอาสาวเจ้าถึงกับเบิกตากว้าง รีบวิ่งไปยังโทรศัพท์ของหอพัก กดโทรศัพท์ไปยังสายล่าสุดที่โทรเข้ามา ทว่าปลายสายกลับไม่มีการตอบรับใดๆ ถึงกระนั้นคิยูริ ก็ไม่ได้ล้มเลิกความพยายามไปง่ายๆ เธอกดโทรวนอยู่แย่างนั้นหลายๆทีจนใจที่สุดก็ไอ้รับการตอบรับจากปลายสาย
"แม่! แม่เป็นยังไงบ้างคะ?ทำไมถึงขาดการติดต่อไปตั้งสามเดือนเลย" ไม่ปล่อยให้คนจากปลายสายได้พูดอะไร ยูริก็รีบยิงคำถามที่ปรนความเป็นห่วงเต็มไปหมดให้แก่คนที่ขึ้นชื่อว่าแม่
(ฉันไม่เป็นไร...ฉันก็แค่โทรมาบอกแกว่าต่อไปนี้ได้คงไม่ได้ส่งเงินมาให้แกแล้วนะ...แล้วแกก็ไม่ต้องกลับมาด้วยอยู่ที่นั่นไปเลย)
"ทำไมคะ? ทำไมหนูถึงกลับไปไม่ได้" ยูริเอ่ยเสียงสั่นๆด้วยความๆม่เข้าใจเหตุใดคนเป็นแม่ถึงได้ ปล่อยเธอทิ้งกลางทางเช่นนี้
(ถึงกลับมาฉันก็คงไม่มีที่อยู่ให้แก ลำพังแค่ตัวฉันคนเดียวยังหาที่ซุกหัวนอนยากแล้ว)
"เกิดอะไรขึ้น"
(ก็อีพวหตำรวจน่ะสิจู่ๆนึกบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้ เช้ามาตรวจค้นในร้าน จับพวกเด็กๆในร้านไปหมดเลยนังคนไหนที่หนีทัน มันก็รอดตัยไป)
(ฉันก็เพิ่งประกันตัวเองออกมาได้เนี่ย ร้านอะไรที่ฉันสร้างมากับมือถูกยึดไปหมดเลย)
ผู้เป็นแม่กล่าวในเชิงตัดพ้อ ปัญหาที่ประสบอยู่ในตอนนี้เธอก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงต่อดี
"ปกติแล้วเรื่องนี้ แค่สั่งปิดร้านไม่ใช่หรอคะทำไมถึงฑดนยึดไปเลย"
(ก็ไอพวกแขกตัวดีน่ะสิ แม่งแอบเอายามาซุกไว้ในร้าน พอตำรวจไปค้นเจอก็ต้องยึดไปทั้งหมดเป็นของกลาง)
"แม่โอเคไหม...มีที่อยู่รึยัง มาอยู่กับหนูที่นี่ได้นะ" ฟังจากน้ำเสียงของแม่ ยูริรู้ดรว่าในตอนนี้คนเป็นแม่นั้นเครียดมากแค่ไหน อย่างน้อยๆเธอก็อยากจะช่วยอะไรแม่ได้บ้าง
(แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก...แกอยู่ให้ได้ก็พอ แล้วไม่ต้องติดต่อกลับมาเดี๋ยวมีโอกาสฉันจะติดต่อกลับไปเอง)
เพียงแค่นั้นปลายสายก็ถูกตัดไปด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาของคนเป็นลูก หยาดน้ำตาใสๆไหลเอ่อลงบนใบหน้าสวยเมื่อรับรู้ถึงเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นกับแม่ ถึงแม้ที่ผ่านมาเธอจะทำใจเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันก็ต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่แม่ของเธอทำมันคือความผิดมหันต์ แต่พอเอาเข้าจริง คิยูริกลับไม่สามารถที่จะรับมันไหวได้สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือผู้เป็นแม่จะอยู่ยังไง
ตี๊ด!ตี๊ด!
มือเรียวยกปาดน้ำตาบนใบหน้าออก ตอนนี้ไม่ใช่เเวลาที่เธอจะต้องมายืนร้องไห้ เพราะหน้าที่ของเธอในแต่ละวันมันได้เริ่มขึ้นแล้ว เสียงนาฬิกาที่ตั้งเอาไว้เพื่อเตือนความจำ กลายเป็นสิ่งตอกย้ำให้เธอรีบจัดการเดี๋ยวนี้
ขาเรียวเล็กก้าววิ่งออกไปจากหอพักโดยที่ยังสะพายกระเป๋าอยู่ไม่วาง เหตุที่เธอต้องรีบขนาดนี้ก็เพราะจะต้องไปให้ทันร้านขนมที่ในช่วงเช้าๆจะมีซีสเค้กซูเฟล ซึ่งมันหมดไวเอามากๆ และเจ้าซีสเค้กยังเป็นสิ่งเดียวที่เชอร์ลิลเพื่อนของเธอชื่นชอบ
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของไรท์นะคะ ไม่เคยเขียนแบบนี้มาก่อน เคยแต่แบบแชท แหะๆ
ฝากติดตามกดไลน์คอมเมนท์ให้ด้วยนะคะ(._.)
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 17
Comments