~25 ปี ก่อน~
@คฤหัสถ์ศาตนันท์กาล
สวนหลังบ้านของตระกูลศาตนันท์กาลที่ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์และสนามหญ้าเขียวขจี
มีโต๊ะหินอ่อนสีขาวนวลตาตั้งเด่นริมร่มไม้บดบังแสงอาทิตย์ ประกฎร่างหญิงสาวดวงตาสีนิลสวยเส้นผมยาวเงางามสีเดียวกัน กำลังนั้งอ่านหนังสือพร้อมจิบชาเย็นๆดับความร้อนของแดดยามเช้าที่เริ่มส่องแสงเข้ามา
"พี่จันผา..." เสียงเรียกเล็กหวานอันคุ้นหูสะท้อนเข้ามาในโซนประสาท เรียกความสนใจจากหญิงสาวได้เป็นอย่างดี เธอเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความตกตะลึงก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนไปเป็นความยินดี เมื่อคนที่เรียกหาคือน้องสาวแท้ๆที่ไม่ได้เจอกันนานมาหลายปีตั้งแต่แต่งงานออกมาสร้างครอบครัว
"ดาหลา! มาเยี่ยมพี่เหรอ?"
"เป็นไงบ้างจ๊ะพี่ น้องได้ยินมาว่าท้องนี้ของพี่ได้แฝด?"หญิงสาวร่างเล็กเอ่ยถามด้วยความยินดี ช่อนมองใบหน้าพี่สาวด้วยความหวังว่าจะเป็นตามที่ตนได้ยินมา
"ใช่แล้วดา รออีกไม่กี่เดือนเจ้าตัวน้อยทั้งสองก็จะออกมาดูโลกกันแล้ว"
"คราวนี้ได้หลานชายหรือหญิงละพี่" ดาหลาเอ่ยถามขึ้นพร้อมเอื้อมมือออกมาลูบเบาๆที่ท้องของพี่สาวตนเป็นการทักทาย
"ได้แฝดชายจ๊ะ"
"ว้าย! ลูกชายทั้งบ้านเลยสิแบบนี้" น้องสาวของเธอดูจะดีใจกับคำตอบที่ได้ยินมาก อยู่ๆก็ได้หลานเพิ่มมาตั้งสองคนจะไม่ให้ดีใจได้ยังไงละ
" เห้ออ~ ไอ้เราก็คาดหวังว่าจะได้ลูกสาวกับเขาบ้างน่ะสิ"จันผาถอนหายใจอย่างหมดหวัง นี้ก็ท้องที่สามเข้าให้แล้ว เธอว่าเธอคงจะไม่มีอีกโอกาศแล้ว
" โถ่ ไม่เอาน่าพี่ จะชายหรือหญิงก็ดีทั้งนั้นแหละ" ดาหลาลูบหลังปลอบใจพี่สาวด้วยรอยยิ้มอ่อน ก็เข้าใจว่าเจ้าตัวคงอยากได้ลูกสาวสักคนมาค่อยเป็นเพื่อนกัน เพราะสมาชิกในครอบครัวเธอต่อจากนี้คงจะมีแต่เพศชายที่คงไม่มานั่งคุยเรื่องเรื่องจุมจิ้มกับเธอเท่าไร
"เธอพูดเหมือนพี่เขยเธอเลยนะ"
"อุ๊ย~ไม่กล้าเทียบหรอกพี่ รายนั้นเห่อลูกจะตาย ตอนเจ้าภพเกิดมา ฉันแทบจะไม่ได้เห็นหน้าหลานเลยนะพี่"
จะให้เธอไปเหมือนพี่เขยคนนั้น คงเป็นไปได้ยาก ไม่มีใครคลั่งรักลูกได้มากกว่าเขาแล้ว
"ขนาดฉันที่เป็นแม่ ยังแทบไม่ได้อุ้มเลยนะดาหลา ให้ตายเถอะ... " จันผานึกภาพไปถึงช่วงที่ลูกชายสองคนแรกเกิด เธอยังรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนที่ไร้วี่แววของทารกในตอนนั้นได้ดี การคลอดลูกคนแรกแล้วลูกหายไปอยู่แต่ในอ้อมอกคนเป็นพ่อไม่ยอมที่จะปล่อย มันเป็นอะไรที่เธอยังงุกงงและขุ่นเคืองไม่น้อยเลยจริงๆ
"แล้วนี่พาแดเนียลมาด้วยหรือ"เธอมองไปอย่างแฟนหนุ่มของน้องสาวที่ได้เจอกันแทบนับครั้งได้ ครั้งแรกที่เธอได้เจอยังแอบตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าน้องสาวของตนได้แฟนเป็นหนุ่มหล่อชาวอิตาเลียนมาแบบนี้ เล่นเอาเธออึ้งไปเป็นอาทิตย์เลยนะ
"ใช่จ้ะพี่...เออ จริงๆแล้วดามีเรื่องจะมารบกวนพี่"ดาหลาพูดประโยคนั้นออกมาเสียงเบา จะให้เธอบอกพี่สาวยังไงละ นานๆทีได้มาเยี่ยมบ้าง แต่กลับมีเรื่องมาให้ช่วยเสียนี่
"หืม?"จันผามองน้องสาวด้วยความสายตาอ่อนโยน สำหรับเธอแล้วน้องสาวก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กในสายตาของเธอเสมอ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าท่าทางแบบนั้นของน้องสาวคือไม่กล้าที่จะบอกปัญหานั้นกับเธอน่ะ
"ว่ามาเถอะดาหลา พี่ต้องช่วยเธออยู่แล้ว"ดาหลามองพี่สาวด้วยสายตาซับซึ้งและรู้สึกเกรงใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ยคำที่จะขอออกไปเบาๆ
"จริงๆแล้วเรื่องมันเกี่ยวกับเด็กคนนี้..."จันผามองตามสายตาของน้องสาวตนที่จ้องมองลงไปตรงปีกขาข้างซ้ายของแฟนหนุ่มของเธอ พร้อมกับที่ดวงตาสีนิลสวยสบเข้ากับดวงตาสีครามมรกตแวววาวของเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้า
"อุ๊ย! เธอไปแอบมีลูกมาหรอ ดาหลา "
จันผามองดาหลาสลับกับแดเนียล เมื่อเธอพึ่งจะสังเกตเห็นเด็กน้อยวัยราวๆ 5 ขวบ เท่าลูกชายคนโตของเธอ กำลังเกาะขาเเดเนียล แฟนหนุ่มชาวอิตาเลียนของน้องสาว ด้วยท่าทีหวาดระแวงและเหนียงอาย
"พูดอะไรแบบนั้นละ พี่จันก็ "
"อ้าวไม่ใช่หรือ ก็เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนแฟนเธอยังกับแฝด" แถมยังมีดวงตามรกตออกไปทางสีน้ำทะเลครามที่บงบอกถึงความเป็นลูกครึ่งในตัวของเด็กคนนี้ด้วย จะไม่ให้เธอคิดแบบนั้นได้ยังไงละ
"นี้หลานของเเดเนียลจ๊ะพี่"
"อ้าว พี่ก็ว่า......"
"ตอนพี่ท้องเจ้าภพฉันยังไม่ได้คบกับแดเนียลเขาด้วยซ้ำนะพี่ นี้เจ้าตัวอายุเท่าลูกชายคนโตพี่นั้นแหละ จะมาแอบไปท้องตอนไหนกัน"ดาหลาอดส่ายหัวให้กับความคิดของพี่สาวตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นเธอเองยังพึ่งจะเรียนจบมาใหม่ๆด้วยซ้ำ
"แล้วนี้?.."
"แม่เป็นคนไทย ส่วนพ่อก็คนอิตาเลียน ลูกของพี่ชายเเดเนียลเขาน่ะ"ดาหลาพูดพร้อมเหลือบมองเด็กชายเงียบๆ ด้วยแววตาเอ็นดูแลสงสาร
"แล้วเรื่องที่ให้ช่วยคือ?..."
"พี่...จริงๆเรื่องมันยาว"
เด็กชายลูกครึ่งจ้องมองการพูดคุยของผู้ใหญ่ด้วยความใคร่รู้ เด็กน้อยยังเกาะขาน้าชายแน่นไม่ไปไหนด้วยความกลัวคนแปลกหน้าแล้วความแปลกที่แต่สายตาก็ยังคงกวาดมองไปทั่วบริเวณ พื้นที่โดยรอบเป็นเหมือนสนามหญ้าที่มีดอกไม้เต็มไปหมด มีบ้านหลังโตๆสีขาวอยุ่ข้างหลัง สำหรับเด็กที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน มันจึงสวยมากจนละสายตาแทบไม่ได้เลย
ตุบ!
"...!!"
อะ...ลูกบอล
มือที่จับชายกางเกงของน้าไว้หลุดออก มือเล็กจิ๋วหันไปจับลูกบอลที่ลอยมาจากไหนไม่รู้ขึ้นมามองด้วยดวงตาที่เป็นประกายเมื่อเจอของเล่นใหม่
"เด็กฝรั่ง?.."
"..!!!"
"วอท อีส ยัวเนม?"
"....."
เมื่อเจอคนแปลกหน้าที่มีส่วนสูงเท่ากันยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำเอาเด็กน้อยตัวแข็งทือแล้วเงียบสนิทไร้การตอบโต้ใดๆ
"ทำไมไม่ตอบอะ"
"....."
เด็กน้อยมองผู้มาใหม่ด้วยแววตานิ่งอึ้ง เด็กชายในวัยเดียวกันตรงหน้าที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหนกำลังมองเขาอยู่ด้วยแววตาประหลาดใจเช่นกัน
"ขอบอลคืนได้มั้ย...อืม เข้าใจมั้ย?"
"อืม...เข้าใจ"
เด็กน้อยยืนบอลส่งคืนให้เด็กน้อยอีกคนตรงหน้า สายตาจับจ้องมองกันไปมา ก่อนอีกฝ่ายจะยิ้มแฉะส่งมาให้ เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและจริงใจมากจนเด็กอีกคนที่ได้รับนิ่งค้างในท่ายืนมือส่งบอล
"พูดไทยได้ด้วย นายมาเล่นด้วยกันกับเราไหม?"
ก่อนจะรับบอลกลับมาจากมือเด็กชายอีกคนก็ได้ชักชวนให้ไปเล่นด้วยกันเลย เป็นใครไม่รู้ แต่มาบ้านเราก็ต้องมาเล่นด้วยกันสิ
"อุ๊ย! ตายละ คุยกันแป๊บเดียวได้เพื่อนใหม่กันไปซะแล้ว เด็กสมัยนี้สนิทกันไวจริง" ดาหลามองไปอย่างภาพเด็กสองคนที่กำลังเล่นกันในสนามหญ้าด้วยความประหลาดใจ หลานของเธอโพล่มาตอนไหนเธอเองยังไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำ
"ตาภพไม่ค่อยมีเพื่อน อยู่แต่ในบ้านคงเบื่อ เจอเพื่อนใหม่ทีคงตื่นเต้นเลยสนิดกันไว"
"แล้วเรื่องที่คุยกันไว้..."
"อืม ทิ้งไว้ที่นี่เถอะ เคลียร์อะไรเสร็จแล้วค่อยมารับกลับก็ได้ เลี้ยงเด็กเพิ่มอีกหนึ่งคนจะเป็นไรไป"
"ลำบากพี่แล้ว"ดาหลาเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจไม่น้อย ถ้าให้ช่วยในเรื่องปกติทั่วไปไหนเธอจะลำบากใจได้ขนาดนี้กัน นี้เล่นให้ช่วยเลี้ยงเด็กคนหนึ่งเล่นมันก็ดูจะมากไปจริงๆ
"หลานเธอก็เหมือนหลานพี่นะดาหลา"
จันผาเอ่ยเสียงจริงจัง แม้จะไม่รู้ว่าอนาคตทั้งสองจะยังคบหาดูใจกันอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ตอนนี้น้องสาวของเธอเลือกเขามาเป็นคู่ เธอไหนเลยจะนิ่งเดียวดายกับปัญหาของน้องสาวกัน
"...พี่จัน"
"อย่าคิดมากไปเลย ให้เด็กอยู่นี้ปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว"เธอพูดปลอบโยนน้องสาวเสียงอ่อน
"งั้นดาฝากด้วยนะพี่จัน.." ดาหลามองหน้าพี่สาวด้วยแววตารู้สึกผิด แต่จันผาทำเพียงลูบผมสีดำเงาของน้องสาวอย่างเบามือเป็นการตอบรับแทนคำพูดทั้งหมด
"พวกเธอจะไปโดยไม่บอกเด็กก่อนเหรอ..."จันผาถามทั้งสองด้วยสีหน้ากังวนใจ
"น้องไม่อยากเห็นหลานร้องไห้ เดี๋ยวจะพาลใจอ่อนกันหมดโดยเฉพาะเเดเนียล"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทอง นัตย์ตาสีครามมรกตกำลังมองดูเด็กน้อยทั้งสองเล่นบอลอย่างสนุกสนานบนสนามหญ้าสีเขียวขจีอย่างเงียบเชียบ
ไอร้อนตรงชายกางเกงของเขาที่เคยมีเด็กคนหนึ่งเกาะอยู่มาเนิ่นนานยังคงไม่จางหาย แววตาที่จับจ้องมองเด็กทั้งสองนั้นยากที่จะอธิบาย หากไม่เพราะมันจำเป็นไหนเลยจะทิ้งไว้ได้ลงกัน
"เเดเนียล...don't worry grandchildren We will come back to pick up when everything is ready."(ไม่ต้องห่วงหลาน เราจะกลับมารับเมื่อทุกอย่างพร้อม)
ชายหนุ่มหันมามองหน้าแฟนสาวแสนนุ่มนวลอ่อนโยนของตนเอง รอยยิ้มหวานแฝงความกังวนใจ ทำให้เขาต้องเอามือลูบไปบนผมสีดำเงาของเธอแผ่วเบา นัยน์ตาสีนิลสวยจ้องมองดูเขาด้วยแววตาเป็นประกายเสมอ
"Yes, we will come back to pick him up when everything is ready."(ใช่ เราจะกลับมารับเขาเมื่อทุกอย่างพร้อม)
เขาตอบกลับอีกฝ่ายเป็นภาษากลางของโลกที่ติดสำเนียงออกไปทางอิตาเลียนเล็กน้อย แม้เขาจะไม่ชินนัก แต่แฟนสาวเขาในตอนนี้เองก็เริ่มจะฝึกสื่อสารกับเขาด้วยภาษาอีตาเลียนบ้างแล้ว
"นี่ๆ!...."
"คับ...?"
"ชื่อไรอะ เราชื่อ'พิภพ' นะ ที่แปลว่าดินที่กว้างมาก มีน้องอีกคนชื่อ สมุทร ที่แปลว่าน้ำทะเลที่ใหญ่มากเหมือนกัน แล้วน้องอีกสองคนในท้องแม่เรา แม่บอกว่าจะตั้งชื่อน้องเราว่า เอ๋ จำไม่ได้งะ เดี๋ยวเราค่อยกลับไปถามแม่อีกทีนะ"
"เราชื่ออานนท์ "
"แปลว่าไรหรอ?..."
"ไม่รู้....แม่ไม่เคยบอกเลย"
"กลับไปถามแม่นายสิ...."
"ไม่ได้..."
"ทำไม?..."
"แม่ไม่อยู่แล้ว...."
"แล้วไปไหน?"
"ไม่รู้...น้าบอกว่าไปเป็นดาวบนฟ้าแล้ว"
"แม่นายเป็นดาวหรอ!"
"อืม..."
"ต้องสวยระยิบระยับเลยสิ"
"ไม่รู้สิ..."
"เด็กๆ..."เสียงเรียกของหญิงสาวเรียกให้ทั้งสองต้องหยุดบทสทนาลง ทั้งคู่หันไปมองตามเสียงเรียก โดยที่เด็กคนหนึ่งยิ้มกว้างมองคนเป็นแม่และอีกคนสะดุ้งทำหน้าหวาดหวั่น
"แม่!..."
พิภพวิ่งไปหาแม่ของตรงที่มีขนาดหน้าท้องที่ใหญ่มากแล้ว เด็กน้อยวิ่งเข้าหาพร้อมหยุดความเร็วก่อนถึงตัวแม่ของตน แล้วค่อยๆเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ
เดียวแม่กับน้องจะเจ็บ...
"เด็กดี รู้จักระวังแม่ด้วย"ดาหลาเอามือลูปผมลูกชายคนโตของเธออย่างรักใคร่ มือน้อยยื่นออกมาแตะลงเบาๆบนหน้าท้องที่กลมโตของเธอ
"แม่ น้องจะออกมาเมื่อไร"
"อีกไม่นานน้องก็จะออกมาแล้วจ้ะ..."
เด็กน้อยอีกคนมองดูคุณอาคนสวยที่ก่อนหน้ากำลังคุยกับน้าของเขาอยู่ ตอนนี้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมกับที่เพื่อนใหม่ข้างกายได้วิ่งเข้าไปหาเขาและเรียกว่าแม่ เด็กน้อยมองภาพนั้นด้วยสายตาวูบไหว เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไง ทำได้เพียงมองหาคนที่จะดับความรู้สึกนี้ด้วยความหวัง แต่เมื่อมองไปรอบตัวกลับว่างเปล่าไร้เงาของผู้ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของตนในตอนนี้
"...."
"นนท์ หนูอานนท์ใช่มั้ยจ๊ะ"
"อืม..."
"เรียกอาว่าอาจันนะ เป็นแม่ของน้องภพและเป็นพี่สาวของน้าดาหลาด้วย..."
"น้าไปไหน?"
"หนูนนท์อยู่กับอานะลูก..." จบประโยคนั้น อานนท์ก็รู้ในทันทีโดยที่ผู้ใหญ่ตรงหน้าไม่ได้อธิบายเรื่องราวอะไรให้มากความ
"ไปแล้วหรอ...."
"หนูนนท์..."
"น้าทิ้งนนท์หรอ..."
สายตาที่จับจ้องมองมาทางหญิงสาวมันทั้งคาดหวังและหมดหมองลงจนน่าใจหาย เด็กน้อยเริ่มมีหยดน้ำตารวยรินออกมาจากนัยน์ตาสีครามมรตดวงน้อยๆทั้งสองข้าง เมื่อเป็นเด็กฉลาดย่อมหลอกไม่ได้และเมื่อเคยผ่านการจากลาย่อมเข้าใจทุกอย่างได้โดยง่ายดาย
"โถ่ เด็กดี เดียวน้ากลับมารับนนท์นะลูก"
"ฮึกๆ..."
"นนท์ร้องไห้ทำไม...อย่าร้องนะ"ส่วนเด็กน้อยอีกคนเมื่อเห็นเพื่อนใหม่ร้องไห้ก็พรากออกจากแม่ของตนเข้าหาเพื่อนด้วยความตื่นตระหนก
"แม่ทำนนท์ร้องไห้ทำไม" ก่อนจะหันมาคาดโทษแม่ของตนด้วยสีหน้ามุ่ยคิ้วชนกันและเบ่งหน้าเหมือนจะร้องไห้ตามอีกคน
"...."จันผาเงียบมองลูกชายที่กำลังน้ำตาคลองเบ้าแล้วมองมาอย่างไม่พอใจ ทำไมเธอกลายเป็นผู้ร้ายไปเสียแล้วละ?
"ฮึก..."
"ไม่ๆ...นนท์อย่าร้อง ภพอยู่นี้ไง โอ่ๆ''
"น้าจะกลับมาจริงๆหรอ...." เด็กน้อยถามกลับด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ใบหน้าถูกดึงเข้าไปซบอยู่ตรงอกของเจ้าลูกชายตัวดีที่ทั้งลูบหน้าลูบหลังปลอบเพื่อน
"จริงสิจ๊ะ เนียน้าดาหลาบอกอาเองเลยนะ"
จันผามองเด็กน้อยทั้งสองด้วยแววตาอ่อนโยนและกังวลใจ มองดูลูกชายตัวน้อยของตนยืนปลอบเพื่อนใหม่ด้วยท่าทางเงอะงะ
เอามือลูบๆใบหน้าเด็กน้อยอีกคนหวังเช็ดน้ำตาให้ แต่กลับเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่ายแทน เห็นแล้วทั้งเอ็นดูและสงสารในเวลาเดียวกัน
"นนท์ไม่ต้องร้องนะ ภพอยู่นี้ไง"จันผายิ้มให้กับคำปลอบขวัญเพื่อนของลูกชายช่างสรรหาคำมาพูดได้ดีจริงเชียว
เธอหวังเพียงว่า อานนท์ จะอยู่กับเธอได้อย่างสบายใจ เธอได้ฟังเรื่องราวของเด็กคนนี้มาไม่น้อย มันเป็นเรื่องราวชีวิตที่ซับซ้อนเกินกว่าเธอจะเข้าใจได้จริงๆ เด็กวัยนี้ทำไมถึงน่าสงสารได้ขนาดนี้กัน
ตอนนี้เธอทำได้เพียงมองลูกชายตนเองปลอบขวัญเพื่อนใหม่อย่างใส่ใจ ขนาดเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมงยังหวงกันได้ขนาดนี้ อีกไม่นานเธอคงกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วละมั้ง จันผาได้เพียงคิดและยิ้มตามความคิดนั้นของเธอด้วยความขบขำในใจ
~3 เดือนต่อมา~
"แฮ่! เจอตัวแล้ว"
"....!!!''
"หาตั้งนาน...มาหลบอะไรอยู่กับหญ้า"
"ภพ...อย่าเล่นแบบนี้"
"ทำไมละ"
"เราตกใจหมด"
"ฮ่าๆๆ ก็นนท์ขี้ตกใจแบบนี้ไง ภพเลยแกล้ง"
"หืม? ไรเหรอนนท์"
"เราให้....." พิภพก้มมองดูมือน้อยๆที่แบะมือของตนออกมาตรงหน้าของเขาด้วยความสงสัยและงุกงง เมื่อสิ่งที่เพื่อนตรงหน้าแบออกมาคือความว่างเปล่า
"ไม่เห็นมีอะไรเลย นนท์แกล้งภพหรอ!"
"ดูดีๆสิ..."
"ก็ดูแล้วมันไม่มีอะไร นนท์แกล้งภพชัดๆเลย"
พริบ!
"อะ!...."อยู่ๆจากฝ่ามือที่เคยว่างเปล่าของเพื่อนเขาก็ปรากฏดอกไม้สีแดงสดสวยขึ้นมาชู่ดอกและใบอย่างสวยงามก่อนมันจะถูกยืนส่งมาให้เขา
"นนท์ทำได้ยังไง"
"สวยไหม?"
"อืม สวยสิสวยมากเลย"
"แม่เราสอนมา"
"โอ้! นั้นก็ดอกกุหลาบที่แม่เราปลูกไว้"
"...."
"แถมยังห่วงมากด้วยนะ"
ทันทีที่พิภพพูดจบเด็กน้อยอีกคนทำได้เพียงอ้ำอึ้งมองหน้าเพื่อนของตนก่อนมันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นซีดสลับกันไปมาดูน่าตลกไม่น้อย
"...ทำไงดีภพ อาจันจะโกรธนนท์มากไหม"
"ชู่~ ก็อย่าให้รู้สิ"
"แล้วดอกไม้นี้จะทำยังไง"
"อะไร ก็นนท์ให้ภพแล้ว ก็เป็นของภพสิ" เด็กชายรีบขว้าดอกกุหลาบสีแดงที่เพื่อนให้มาไว้ในมือทันทีเหมือนกลัวว่ามันจะหายไป มองดูดอกไม้ดอกนั้นด้วยแววตาวิบวับ ภาพจำที่มันปรากฏขึ้นตรงหน้ามันทั้งสวยและน่าตื่นเต้นมากจน อยากได้มันเก็บไว้กับตัวนานๆเลย
"แล้วภพจะทำยังไงกับมันล่ะ"
ทั้งคู่นิ่งมองดอกกุหลาบในมือนิ่ง ถึงมันจะสวยมากแต่ท่าถือออกไปด้วย แม่ต้องรู้แน่ๆ พิภพทำหน้ามุ่ยคิ้วชนเข้าหากัน ท่าทางคลุกคิดเลียนแบบผู้ใหญ่
"นนท์....ภพจำได้ว่าเคยเห็นแม่เอาดอกกุหลาบที่พ่อเคยให้ใส่ไว้ในหนังสือเล่มใหญ่เท่านี้อ่ะ"
ก่อนจะหันกลับมาทำท่าทางบอกขนาดเล่มหนังสือที่เคยเห็นด้วยมือน้อยๆทั้งสองข้างของตนเองเพื่อนตัวน้อยมองท่าทางแบบนั้นด้วยความมึนงงและกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด
"นนท์อย่ากลัว แม่เราไม่ได้ดุขนาดนั้นสักหน่อย นี้ภพจะช่วยปิดแม่ให้ เราไปหาดูหนังสือมาทับดอกไม้ไว้ดีกว่า"
"ท่าทำแบบนั้นมันก็จะไม่สวยแล้วสิ"
"ไม่รู้ๆ ดีกว่าโดนแม่ตีนะ"
"อ้าว...ไหนบอกอาจันไม่ดุไง ภพหลอกเราอีกแล้วอะ"
"ถ้าแม่ไม่รู้ก็ไม่โดนดุไง" พิภพพูดจบ อานนท์ทำหน้าหงอยลงทันที มันเป็นเพราะเขาเด็ดดอกไม้มาเลยทำให้ภพต้องปกปิดอาจันไว้ให้แบบนี้
"....."
"นี้...เอาดอกไม้เก็บแบบที่นนท์ทำเมื่อกี้สิ จะดายไม่มีใครเห็นไง"
"อืม...ดาย"
"ไปกัน!"
"เดียวสิ ภพ!!"
ยังไม่ได้เก็บดอกไม้เลย!
เด็กน้อยพิภพไม่ฟังเสียงงอแงของเพื่อนแม้แต่น้อย เอามือจับหมับเข้าที่มืออีกฝ่ายแล้วเด็กทั้งสองจูงมือกันวิ่งเข้าบ้านท่าทางดูซุกซนไม่น้อยอีกคนฉุดกระชากพร้อมวิ่ง ส่วนอีกคนท่าทางทุกลักทุกเล ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด
ภายในห้องอาหารของบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยสมาชิกภายในครอบครัว โต๊ะที่เคยมีเก้าอี้ว่างอยู่บ้างก็เริ่มจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามา บนโต๊ะอาหารประดับประดาไปด้วยอาหารหลากหลาย และมีรสไม่จัดนัก เพราะสมาชิกกว่าครึ่งโต๊ะ ยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยวัยซนกันทั้งนั้น
"ภพลูก อยากเรียนอนุบาลมั้ย?"
จันผาถามขึ้นเมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอให้ลูกเรียนที่บ้านกับอาจาร์ยที่จ้างมาสอน อีกเหตุผลที่อาจทำให้ลูกของเธอไม่มีเพื่อนและเข้าสังคมได้ยาก แต่การเรียนที่บ้านมันทำให้เธอมั่นใจในความรู้ที่ลูกเธอได้รับและความปลอดภัยที่ไม่ต้องกังวลมากนัก
"แม่บอกเรียนที่บ้านก็ได้นิคับ"
"นั้นมันตอนที่นนท์ยังไม่มาไง พวกลูกจะได้มีเพื่อนกันด้วย"
"ไม่เอา ภพมีนนท์เป็นเพื่อนก็พอแล้ว ภพไม่อยากตื่นเช้าด้วยอะ" เด็กชายทำหน้ามุ้ยเมื่อคิดว่าตนต้องมาตื่นเช้าไปโรงเรียน
"แล้วนนท์ว่าไงละลูก ก่อนหน้านั้นอาได้ข่าวว่าเคยเรียนอนุบาลมาแล้วปีหนึ่งใช่มั้ย นนท์จะว่ายังไงท่าอาจะให้เรียนที่บ้านกับภพเขาไปก่อน ขึ้น ป.1 ค่อยไปเรียนกันทั้งคู่"
"นนท์ได้หมดคับอาจัน"
"เด็กดี..."
ก่อนทุกคนจะกินข้าวกันปกติ พิภพเหลือบไปเห็นฮอทดอกในจานของเพื่อนที่กำลังหยิบขึ้นมากัดเข้าปากดังต๊อกเพราะความกรอบของหนังและความนุ่มของมันที่ละลายในปาก ใบหน้าเจ้าตัวดูมีความสุขกับการกินของในมือตอนนี้มาก ภพจ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาแวววาว ไม่รู้เพราะอะไร พอนนท์กินแล้วมันดูน่ากินขึ้นมากเลย
"นนท์..."
"หืม?.."
"อ้า...." พิภพมองฮอทดอกที่เหลือในมือของนนท์ เพื่อเป็นการบอกใบ้และอ้าปากตัวเองกว้างๆให้เพื่อนเข้าใจ อานนท์มองภาพนั้นก่อนจะยื่นซ้อมที่เสียบฮอทดอกในมือเข้าปากเพื่อนไปอย่างว่าง่าย
"อืม~ อร่อย"
"ตาภพ! ลูกจะไปแย่งนนท์เขากินทำไมกัน บนโต๊ะก็ออกจะเยอะแยะ" แต่ทุกอย่างกลับอยู่ในสายตาของแม่เขามาตลอด ทำให้ทันทีที่พิภพได้ฮอทดอกครึ่งซีกนั้นเข้าปาก เสียงดุของแม่จึงตามมา
"ก็นนท์กินน่าอร่อยกว่านิ"
"ตายแล้วเจ้าลูกคนนี้!"
"เอาน่าคุณ เด็กมันสนิทกันก็ดีแล้ว คุณมาค่อยดูสมุทรเถอะ ลูกกินเลอะเทอะไปหมดแล้วนั้น" เสียงของพ่อเหมือนระฆังช่วยชีวิต จากที่แม่ของเด็กชายจะได้ดุอะไรเขาได้มากกว่านี้ กลับต้องหันไปสนใจลูกชายอีกคนที่กำลังทำการยกถ้วยข้าวตัวเองลอยเหนือหัวก่อนจะคว่ำชามข้าวลงเหนือหัว
"ตายจริง! สมุทรลูก เอาช้อนตักข้าวดีๆสิ จะไปยกราดใส่หัวตัวเองแบบนั้นทำไมละลูก"
"หึๆ ก็คุณมัวแต่ดุเจ้าภพ ลูกคุณตักข้าวกินไม่ได้เลยยกถ้วยราดหัวตัวเองไปแบบนั้น"ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาเสียงหวาน
"ประเด็นคือคุณเห็นแล้วทำไมไม่ห้ามลูก!~"จันผาหันไปดุสามีตัวเองเสียงแข็ง นี่ก็อีกค่อยแต่จะตามใจลูกตัวเองอยู่นั้น
"นนท์ หมุดอยากเล่นโจรสลัด"
"...."
อานนท์มองเด็กน้อยวัยสามขวบเศษที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกับเพื่อนตัวเองอยู่ไม่น้อยแถมเดินยังไม่ค่อยคล่องดี กำลังพยายามวิ่งเข้ามาหาตนด้วยใบหน้ายิ้มหวาน มือน้อยๆจับหมับเข้าที่มือข้างซ้ายของตน เหมือนพยายามจะลากเขาไปเข้าบ้านของเล่นที่มีรูปทรงเป็นเรือขนาดใหญ่ลายไม้ มีเสาติดธงลายหัวกะโหลกอีกต่างหาก
นนท์ยังคงมองเรือลำนั้นด้วยแววตาว่างเปล่า ตั้งแต่เกิดมาจนอายุ 5 ขวบของเล่นที่มากที่สุดที่เคยได้เล่น มีเพียงรถจักรยานสี่ล้อที่แม่ซื้อให้ก่อนเสียไปเท่านั้น
แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่เดือน ทำมุมมองการเล่นของเด็กน้อยเปิดโลกใบใหม่ได้หลายใบกันเลยทีเดียว
"นนท์มาซิ มาเล่นกะหมุด หมุดมีดาบโจรสลัดด้วยนะ"
"...."
"นนท์!!!"
"....!!!"
"แง้!..."
เด็กน้อยสมุทรสะดุ้งสุดตัวก่อนจะเข้าไปกอดอานนท์ด้วยความตกใจกลัว จนคนโดนกอดไว้แน่นต้องมองคาดโทษพี่ชายตัวดีของน้องอย่างช่วยไม่ได้ แต่อีกฝ่ายกลับวิ่งหน้าตื่นเข้ามาพร้อมตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่นห้อง
" เสียงดังทำไมภพ น้องตกใจหมด"อานนท์เอ่ยถามเสียงดุ
"แม่กลับมาแล้วนนท์ กลับมาแล้ว!!"พิภพยิ้มหวานกลับตอบเพื่อนที่มีน้องชายตัวเองเกาะเอวไว้ด้วยความสดใส เจ้าตัวเมื่อเห็นพี่ชายจ้องมองจึงได้ปล่อยเอว
"อาจันกลับมาแล้วเหรอ?"
"นนท์เร็วสิ ไปกันเร็ว!"อย่าไม่ทันได้คำตอบ ฝ่ามืออุ่นนุ่มก็ดึงลากเพื่อนตัวเองไป
"เดียวสิภพ! รีบไปไหน!"
"ฮืออ~หมุดจะไปด้วย...เฮียเอาหมุดไปด้วยนะ"
จันผามองภาพเด็กทั้งสามที่วิ่งจูงมือกันดุกดิกมาหาตนด้วยความเอ็นดู สายตาทั้งสามจ้องมองมาทางตนที่กำลังนั่งเก้าอี้นวมนุ่มเอนผิงหลัง มือทั้งสองข้างประคองทารกน้อยในมือด้วยความรักใคร่ ส่วนทารกน้อยแฝดอีกคนอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อที่กำลังเห่อลูกไม่ใช่น้อย เด็กทั้งสามค่อยๆเดินเข้ามาหาตนด้วยสายตาที่เป็นประกายวิบวับ
"แม่คับ..."
"ม๊า~ "
"เด็กๆ เข้ามาสิจ๊ะ มาดูน้องเร็ว"
ทั้งสามนั่งมองเด็กตัวน้อยในอ้อมอกของหญิงสาวด้วยความระมัดระวัง ใบหน้าจิ้มลิ่มในห่อผ้าขาวดูแตกสลายได้ง่ายๆท่าไม่ระวัง
"ภพจับแก้มน้องได้มั้ย?"พิภพหันไปถามแม่ตัวเองตาแวววาว
"หมุดจะเล่นกับน้อง"ในขนาดที่เสียงเล็กอีกเสียงก็ตามมากับพี่ชาย
"ใจเย็นนะลูก น้องยังตัวเล็กอยู่ รอน้องโตอีกนิดนะแม่จะให้จับให้เล่นกับน้องได้เต็มที่เลย"หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน ทั้งคู่พยักหน้ารับอย่ารวดเร็ว ก่อนที่พิภพจะวิ่งไปหาพ่อที่มีน้องแฝดตัวเองอยู่ในอ้อมกอด แต่อีกฝ่ายกลับยืนอบอุ้มน้องชายตัวน้อยของเขาขึ้น ทำให้ยื่นหน้ามองไม่ถึง
"แม่!! พ่อไม่ยอมให้ผมดูน้อง!"
"คุณธาตุ เอาลูกลงให้พี่ชายเขาดูกันหน่อยสิคะ จะหลงอะไรขนาดนั้นกัน"
"โถ่คุณก็ ผมได้อุ้มแค่ไม่กี่ชั่วโมงเองนะ"
ให้ตายสิ เธออยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด ว่าลูกพูดยากแล้ว คนพ่อพูดยากกว่าเป็นไหนๆ นี้ก็คนที่สามที่สี่เข้าไปแล้ว จะเห่อลูกทุกคนที่เกิดเลยหรือไง
ตกดึกภายในคฤหัสถ์ศาตนันท์คงเงียบสงบไรเสียงรบกวนใดๆ ภายในห้องนอนห้องหนึ่ง มีเสียงของเด็กชายเจ้าของห้องที่แชร์ห้องร่วมกับเพื่อนคนสนิทตัวเอง ถึงแม้เจ้าของบ้านจะให้ห้องเดี่ยวส่วนตัวไป เด็กชายตัวน้อยก็โดนเพื่อนตัวดีของตนลากมานอนด้วยกันอยู่ดี
"นนท์..นนท์"
"อืมม~ภพ ทำไมยังไม่นอนละ"
"ชู่~เบาสิ นนท์ตื่นเร็ว"
"หืม? ตื่นไปไหน นี้ดึกแล้ว''
"ตามภพมาเร็ว..."
"ภพ~"
เด็กน้อยจำต้องลุกขึ้นคลานลงจากเตียงอย่างงัวเงียตามเพื่อนไป ก่อนอีกฝ่ายจะหันกลับมาจูงมือเพื่อนให้เดินตามตนไปอย่าช้าๆ
"เราแอบเข้ามาดูจะดีเหรอภพ เดียวอาจันก็ดุเอาหรอก"
อานนท์พูดขึ้นเมื่อที่ๆเพื่อนของตนพามากลับเป็นห้องของเด็กอ่อนที่เด็กทั้งสองกำลังนอนหลับอย่างดีอยู่ในที่นอนเด็กนุ่มนิ่มมีรั้วกันไม่ให้เด็กทารกข้างในตกลงมา
"ก็พ่อน่ะสิไม่ยอมให้ดูน้องบ้างเลย อุ้มอยู่คนเดียว เนี่ย! นนท์มาดูกับภพไง นนท์เองก็ยังไม่ได้เห็นหน้าน้องชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ"
"ไม่เป็นไร นนท์ไม่ต้องดูก็ได้ภพ" เด็กเกิดใหม่ใครๆก็อยากดูกันทั้งนั้น แทนที่จะให้คนในครอบครัวได้ใกล้ชิด แทนคนนอกแบบเขาที่ดูอยู่ห่างๆ มันเหมาะสมกว่าไม่ใช่เหรอ?
"หืม~ ไม่ได้! น้องเราก็เหมือนน้องนนท์นั่นแหละ" พิภพทำหน้าไม่พอใจกับคำพูดของเพื่อนตนที่ตอบตัวเองมาแบบนั้น
"...." อานนท์นิ่งเงียบไปกับคำพูดนั้นของเพื่อน เขาทำได้เพียงมองทารกน้อยทั้งสองที่มีใบหน้าจิมลิ่นทั้งสองหลับตาพริ้ว หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ
"นนท์ไม่คิดแบบนั้นเหรอ..." พิภพถามซ้ำขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตนไม่พูดอะไรกลับมาเลย ได้แต่ยืนมองน้องชายทั้งสองของเขาอยู่อย่างนั้น
"คิดสิ...น้องของภพน่ารักจะตาย"อานนท์พูดออกมาพร้อมเงื้อมมือแตะปลายเท้าของทารกเบาๆ สัมผัสถึงไออุ่นของร่างน้อยในที่นอนเด็กอ่อนได้เป็นอย่างดี
"น้องของพวกเราสิ..." พิภพหันมาย่ำเสียงดุใส่อานนท์ ทั้งคู่สบตากันอยู่แบบนั้นสักพักเด็กชายอานนท์ก็เหมือนจะยอมแพ้ให้กับลูกตื้อของเพื่อนที่เหมือนสื่อความหมายให้เขายอมรับการเป็นพี่ชายร่วมกันเดียวนี้
"อืม...น้องของเราน่ารักจะตายเนอะ~"อานนท์หันไปยิ้มแฉ่ตอบเพื่อน พิภพจึงพยักหน้ารับอย่างพอใจ
"เราต้องปกป้องด้วยกันนะ"
"อืม...."
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 10
Comments