" น้องปูนนน"
" หายแล้วเหรอ"
" สวัสดีครับ ขอโทษที่ป่วยนะครับ"
" จะขอโทษทำไมกันเล่า มานี่เลย"
เฮ้อ...ดีใจจังที่ทุกคนไม่โกรธ เปียกปูนยิ้มออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นพี่ๆ ในแผนกก็กรูเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง กองขนมจากเดิมก็มีมากพอสมควรอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
" ดีใจจริงๆ ที่ปูนกลับมา"
พี่คนนี้ใช้กระดาษทิชชู่ชับน้ำตาที่หยดติ๋งๆ ก่อนที่จะหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนพลางยกนิ้วโป้งกูดจ็อบมาให้
" ใช่ๆ เมื่อวานน้องปูนน้อยไม่สบาย คุณภพก็ดันอารมณ์ไม่ค่อยดีอีก ทำหน้ายักษ์ตั้งแต่เช้าแน่ะ"
" เจอคนโหด แถมยังขาดรอยยิ้มน้องปูนมาหล่อเลี้ยงจิตใจอีก"
" เออ ว่าแต่เมื่อวานเห็นเดินเข้าห้องเชือดของคุณภพเป็นแถวเลยนี่"
หะ...ห้องเชือด!
ทันทีที่ได้ยินคำว่าห้องเชือดเปียกปูนก็พลันหน้าซีดเผือก หันซ้ายหันขวาเพื่อนับจำนวนเพื่อนในแผนกว่ามีใครหายไปบ้าง
" ตายยกตี้อะกูบอกเลย เข้าไปกี่คนๆ ก็โดนยิงทิ้งหมด"
โดนยิงทิ้ง!
แก้มสีขาวที่ปกติมักจะมีสีแดงเรื่อฉาบอยู่ทั้งสองข้าง บัดนี้กลับขาวซีเจนดูคล้ายกับพวกแวมไพร์ในหนังเรื่องทไวไลท์
" ตายดิ เลือดออกปากกันทุกคน แต่เดี๋ยวก่อน...ทำไมปูนหน้สซีดจังวะ"
" เปล่าครับ ไม่ได้เป็นไร"
เปียกปูนละครลํ่าละลักตอบเพื่อนร่วมแผนก ในหัวไพล่นึกถึงเรื่องโคนันตอนคนดีฆาตกรรมคนในบริษัท มือน้อยยื่นไปสะกิดแขนพี่เอที่โต๊ะกันยิกๆ
" พี่เอ เมื่อวานมีคนตายที่บริษัทเราเหรอครับ"
" ฮะ! ว่าไปนั่น ไม่มีนะคะ เราไปเอาข่าวมาจากไหน"
เอ้า แล้วทำไมพี่เอถึงไม่ตั้งใจฟังล่ะ เปียกปูนขมวดคิ้วด้วยความเครียดขึง พยายามคีปลุคจริงจังท่ามกลางกองขนม
" เมื้อกี้พี่เจนเล่าว่าเมื่อวานมีคนโดนคุณภพเรียกไปห้องเชือดด้วยครับ"
" อ๋อ ก็นึกว่าเรื่องอะไร"
ทันทีที่ได้ยินชื่อของสามภพ พี่เอก็หัวเราะออกมาดังลั่น
" ตายสิคะน้องปูน ศพนี่เกลื่อนกลาดเลย เมื่อวานแกหงุดหงิดมาจากไหนก็ไม่รู้ บางออกจากห้องมาถึงกับร้องให้ก็มี"
พี่เอ...ทำไมถึงมองว่าเป็นเรื่องปกติล่ะ
เปียกปูนนั่งลงด้วยความสับสน ยกมือกุมขมับพลางนึกถึงวิธีป้องกันตัวสมัยที่เขาได้เรียนรู้มาจากท่านชาละวัน
" ท่านี้จระเข้ฟาดหางนะลูก"
" มนุษย์เนี่ย น่ากลัวอย่างที่หลายๆ คนบอกเอาไว้จริงๆ ด้วย"
" น้องปูนพูดว่าอะไรนะคะ"
" ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่พี่เอ...แล้วตอนนี้ศพอยู่ไหนล่ะ"
" ฮะ! หมายถึงคนที่โดนคุณภพดุน่ะเหรอคะ"
พี่เอใช้ปลอกปากกาจิ้มคาง ก่อนจะร้องอ๋อ
" กลับไปทำงานละคะ แถมยังต้องทำโอทีสามวันอีก ก็นะใครใช้ให้ทำงานลวกๆ กันล่ะ อีกไม่กี่วันต้องเอาโพรเจกต์ไปเสนลูกค้าแล้วแท้ๆ"
" เอ๊ะ แล้วที่บอกว่าโดนเชือด..."
" เปรียบเปรยว่าโดนดุจนตายไงคะ"
" อ๋อออ แบบนี้นี่เอง"
เปียกปูนโล่งใจขึ้ตมาอย่างบอกไม่ถูก ไอ้เราก็นึกว่าคุณภพจะเป็นคนไม่ดีแบบในละครหลังข่าวจริงๆ
พ่อมดน้อยพยักหน้าหงึกๆ เมื่อความกังวลที่มีต่อสถานการณ์ลดลงมามากโขก็แกะกล่องป๊อกกี้แล้วหยิบเจ้าแท่งขนมปังเคลือบไวต์ช็อกโกแลตขึ้นมาเคี้ยวกร้วมๆ
สรุปว่าเป็นแค่การเปรียบเปรยนี่เอง แต่มนุษย์นี่น่ากลัวจริงๆ เลย คำเปรียบเปรยแต่ละอย่างดูโหดร้ายอย่างไรก็ไม่รู้
" น้องปูน ทำไมถึงทานข้าวน้อยจัง อาหารไม่อร่อยเหรอคะ"
" เอ๊ะ เปล่านะครับ"
" หรือเพราะเพิ่งหายไข้กันนะ"
" ไม่ใช่แบบนั้นครับพี่เอ"
" คนเพิ่งหายป่วยยังไงก็ต้องกินให้มาก เอาสเต็กพี่ไปชิมไหม"
" หรือน้องปูนอยากกินอะไร บอกพี่เจ้าของร้านได้เลยนะ"
ไม่ใช่แบบนั้นหรอก...สิ่งที่ทำให้ปูนกระเดือกอาหารไม่ลงเป็นเพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าต่างหากเล่า...
ว่าแล้วก็ขอย้อนความสักหน่อย ตอนที่เปียกปูนล้มหมอนเสื่อ เหล่าพี่ๆ ที่บริษัทก็พากันถามไถ่ด้วยเป็นห่วง และตกลงกันว่าจะพาเปียกปูนไปเลี้ยงข้าวหลังจากที่หายดีแล้ว ดังนั้นหลังเลิกงานวันนี้ทุกคนในแผนกจึงรีบเก็บข้าวของลงกระเป๋า แล้วรีบหาร้านอาหารที่ถูกใจเพื่อไปนั่งชิลหลังจากทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวัน
แน่นอนว่าถ้าหากแค่มีพี่ๆ ในแผนกเปียกปูนก็คงจะไม่เกร็งกิเดสก๊ะขนาดนี้หรอก แต่บังเอิญว่าในระหว่างที่กำลังจัดเรื่องการเดินทางแบ่งผู้โดยสารขึ้นรถ ใครคนหนึ่งก็เอ่ยปากถามทุกคนด้วยนํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
' นี่พวกเราลืมชวนคุณภพหรือเปล่าว่ะ แกเป็นหัวหน้าพวกเรานี่ '
' ใช่ๆ ชวนแล้วบอกว่าฉลองเนื่องในโอกาสเปียกปูนหายป่วยก็แล้วกัน '
เดี๋ยวๆ ต้องบอกถึงขนาดนั้นเลยเรอะ...
' ถ้าอย่างนั้นทักแชตคุณภพเร็ว'
หลังจากนั้นเหล่าสาวๆ ก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวออกมายกใหญ่ ส่งข้อความผ่านไลน์กลุ่มจนโทรศัพท์สั่นครืดๆ ไม่หยุด
' คุณภพบอกจะตามไปตอนหนึ่งทุ่ม อยากกินอะไรก็สั่งเลย เดี๋ยวแกจ่ายให้ '
' โหยยย ถ้าไม่ติดว่าดูน่ะ กูจะอ่อยเช้าอ่อยเย็น '
' พูดอะไรไม่เกรงใจผัวเลยสักนิด เอ้า พวกเราไปกันเถอะ '
ตัดภาพมาที่ตอนนี้ เหล่าพนักงานในแผนกต่างดื่มเบียร์พูดคุยกันอย่างครื้นเครง ทิ้งความประหม่าที่มีต่อหัวหน้าไปจนหมดสิ้น จะมีก็เพียงเปียกปูนนี่ละที่นั่วจ๋องอยู่ฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ตรงข้ามเป็นสามภพที่กำลังรับประทานอาหารด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เหมือนกระดูกข้อต่อจะหลุดออกมาเลย ไม่สิ นํ้าดี กระเพาะลิ้นปี่ของเปียกปูนตอนนี้น่าจะไปรวมกันอยู่ข้างล่างหมดแล้วละ
คนน่ารักใช้ช้อนส้อมเขี่ยอาหารไปมาด้วยความเกร็ง แผนการจีบในหัวก็กระเจิงไปเสียหมด ได้แต่ช้อนตามองสามภพราวกับพวกพังพอนระวังนักล่า
ว่าแต่คุณภพเวลาแต่งตัวไม่เป็นทางการนี่ก็หล่อดีเหมือนกันนะ
ดวงตากลมโตจ้องมองคนในเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท แขนเสื้อถูกพับขึ้นมาจนถึงศอก กระดุมสองเม็ดบนถูกปลดออก ทรงผมที่ปกติปล่อยก็เซตเข้าทรงเล็กน้อย ข้างจานมีแก้วเบียร์ที่พร่องไปมากกว่าครึ่ง
แต่งหล่อมาเพื่อใครกันล่ะนั่น ถ้าจำไม่ผิดตอนเช้าสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวนี่นา
ราวกับรู้ความคิดของอีกฝ่าย อยู่ๆ สามภพก็ตวัดสายตามองเปียกปูน ทำเอาพ่อมดน้อยต้องหันหนีอย่างเลิ่กลั่ก แก้มค่อยๆ กลายเป็นสีแดงที่ถูกจับได้
เขาละอยากจะขอบคุณตัวเองที่เวทมนตร์ยังไม่กลับมาจริงๆ ขืนเผลอเสกนกเต็มร้านอาหารคงจะวุ่นวายแน่ๆ พ่อครัวคงจะไล่เปียกปูนออกนอกร้าน จากนั้นเขาก็คงไม่กล้ามาเหยียบที่นี่อีก
พ่อมดน้อยนึกถึงตัวเองในสภาพที่มีนกเกาะอยู่เต็มตัว ถูกพ่อครัววิ่งไล่พร้อมกับเคาะกระทะเป๊งๆ ขายขี้หน้าพ่อมดคนอื่นแย่เลยนะแบบนั้น
" จะทานอะไรครับ"
" ครับ?"
ทันทีที่ได้ยินสามภพเอ่ยถาม เปียกปูนก็กระเด้งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ
" ชอบหรือเปล่า"
สามภพชี้ไปยังจานไก่ทอดที่วางอยู่มุมโต๊ะอีกฝั่ง เมื่อเห็นว่าเปียกปูนยังคงอึดอักไม่นอยพูดอะไรออกมาสักทีก็เลิกคิ้ว
" ก็...ชอบครับ"
" แล้วอันนี้ล่ะ"
" สปาเก็ตตี้ซอสครีมกุ้ง? ชอบเหมือนกันครับ"
" ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ?"
" อือ..."
คนน่ารักขยับตัวยุกยิก ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่าย เอ่ยคำตอบออกมาด้วยท่าทางเอียงอาย
" ชอบกินซาลาเปาไส้ครีมครับ กับข้าวหน้าหมูตุ๋น"
ทั้งสองเมนูคือเมนูโปรดของเปียกปูน สมัยละอ่อนเจ้าตัวต้องข้ามนํ้าข้ามทะเลไปยังศาลเจ้าจีนเพื่อทำภารกิจกับคุณแม่ และข้างๆ ศาลก็มีร้านอาหารเปิดอยู่
เจ้าของร้านก็คือน้าไต่กิ๊กแม่มดชาวจีน ทำอร่อยจนแทบจะมีลำแสงพุ่งออกปาก จากนั้นทั้งสองเมนูจึงกลายมาเป็นของโปรดเปียกปูนโดยปริยาย ว่างเมื่อไหร่ก็มักจะบินไปยังเมืองจีนเพื่อซื้อกลับมาตุนในช่องฟรีซเสมอ น้อยคนนักที่จะรู้รสนิยมอาหารของเขา วันนี้มีคนรู้เพิ่มขึ้นมาแล้วนอกจากคุณแม่ คุณพ่อ พี่นกฮูก และพี่ๆ ไม้กวาด
หลังจากได้ยินคำตอบ สามภพก็ไม่ได้แสดงท่ามีอะไรออกมา ทำเพียงจ้องมองเปียกปูนด้วยแววตาเรียบนิ่ง
" ร้านนี้อาหารจะเป็นแนวฟิวชัน"
" ใช่ครับ..."
" ทานไปก่อน เดี๋ยวครั้งหน้าค่อยไปร้านอาหารจีน"
" ไปกินซาลาเปาไส้ครีมกับข้าวหมูตุ๋นเหรอครับ"
" ครับ"
" ไปครับๆ"
เปียกปูนทำตาลุกวาว หยิบเฟรนช์ฟรายด์เข้าปากอย่างสบายใจเมื่อรู้รอบหน้าจะได้กินของโปรด ไม่ทันได้เอะใจกับคำพูดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด
" ชอบหรือเปล่า"
" เฟรนช์ฟรายด์เหรอ ชอบครับ"
เปียกปูนตัวน้อยพยักหน้าหงึกๆ มองคุณภพที่บัดนี้เลิกรับประทานอาหารแล้ว อีกฝ่ายยกเบียร์ขึ้นจิบ ดวงตาสีนํ้าตาลเข้มยังคงไม่ละไปจากเปียกปูนเลยแม้แต่นิด
" เปล่าครับ"
" ?"
" คุณภพพพ เติมเบียร์กันครับๆ อย่าให้ขาดตอนสิ"
เปียกปูนหันมองตามเสียงก็เห็นพี่ในแผนกคนหนึ่งเดินเข้ามาหยิบแก้วเบียร์ของสามภพไปเติมให้อย่างถือวิสาสะ ท่าทางคงจะเมามากแล้วแน่ๆ
" ไม่ต้องเติมให้เยอะนะครับ"
" อะ ก็ด้ายยย"
โห้ อะไรกันเนี่ย
คนน่ารักส่ายหน้าช้าๆ หัวใจดวงน้อยเผลอกระตุกวูบไปพักใหญ่
ว่าแต่ทำไมจู่ๆ คุณภพก็ดูหล่อขึ้นมาเสียอย่างนั้นล่ะ หรือว่าเบียร์มันส่งต่อความเมาผ่านระบบบลูทูธมาถึงเขาได้
" เอาละ เปียกปูน วันนี้ต้องเริ่มสู้แล้วนะ"
" จ้าๆ ว่าแต่ก่อนที่จะเริ่มสู้เนี่ย คุณแม่ว่าน้องปูนรีบทายโจณกให้หมดก่อนดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวไปสายแล้วอาจจะหาแฟนยากขึ้นก็ได้นะคะ"
" โธ่คุณแม่ อย่าเพิ่งขัดปูนสิครับ"
" ไม่ได้ขัดซะหน่อย"
เปียกปูนรู้ดีว่าคำพูดของมารดานั้นค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงยึดตัวขึ้นนั่งหลีงตรงแหน็ว รีบกินโจ๊กจนเกลี้ยงชามในเวลาอันรวดเร็ว
" หมดแล้วครับ"
มือน้อยยื่นชามโจ๊กสะอาดหมดจดอวดคุณแม่ ข้างหลังมีพี่ไม้กวาดที่กำลังสั่นครืดๆ อนุมานได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะกำลังชมเชยเปียกปูนในใจ
" เก่งมากค่ะ"
" ปูนไปทำงานก่อนนะครับคุณแม่"
คนน่ารักลุกขึ้นยืนพลางหยิบไม้กวาดขึ้นมาถือด้วยความเคยชิน
" น้องปูน ถ้ายังขี่ไม้กวาดไม่ได้ก็ไปที่ท่าอากาศยานแม่มดก่อนนะคะ หรือให้คุณแม่เรียกแกร๊บพ่อมดดี"
" วันนี้ปูนไปที่ท่าอากาศยานก็ได้ครับ เพราะขึ้นรถเมล์คงจะไปไม่ทันแหงๆ"
เปียกปูนเอ่ยปากออกมาด้วยนํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียดาย เพราะอยากจะดูฝีไม้ลายมือของกระเป๋ารถเมล์สักหน่อย ก็ท่าอากาศยานน่ะเขาเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่ น่าเบื่อจะตายชัก
" ถ้าอย่างนั้นระวังตัวด้วยนะคะ คุณแม่เสกวงแหวนให้แล้วน้า"
" เจอกันตอนเย็นนะครับคุณแม่ ฝากบอกรักคุณพ่อด้วยนะครับ"
" ได้จ้า"
คนน่ารักโบกมือบ๊ายบายคุณแม่อย่างร่าเริง จากนั้นก็ยกมือไหว้พี่ๆ ไม้กวาด ก่อนที่จะเปิดประตูออกจากบ้าน
ทันทีที่เท้าเหยียบลงพื้น ทัศนียภาพก็พลันแปรเปลี่ยนไปในทันที จากถนนหนทางบนโลกมนุษย์ก็แปรเปลี่ยนเป็นพื้นหญ้าสีเขียวขจี ตามทางโรยด้วยกรวดสีขาว ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนเส้นทางในเรื่องอันเซลแอนด์เกรเทลตอนทิ้งเศษขนมปังไม่มีผิด
เปียกปูนฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ขณะก้าวเท้าไปตามเส้นทางที่พ่อมดรุ่นเก๋าได้ปูทางไว้ให้
" น้องปูนนน ไปไหนนน"
ชายหนุ่มได้ยินเสียงเอคโค่ที่ดังมาจากพ่อมดนักซิ่งขาประจำจึงเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้าพร้อมกับยกมือไหว้พี่วินซึ่งสวมเสื้อกั้กสีส้มแปร๋น จากนั้นจึงชี้บอกว่ากำลังจะไปขึ้นรถอีกฝั่ง พวกเขาทั้งคู่จึงไม่มีเวลาเอายปากทักทายกันมากนัก
ส่วนอีกฟากนั้นคือป้ายสถานีรถเมล์ติดปีก ไม่มีคนขับและกระเป๋ารถเมล์อย่างโลกมนุษย์หรอก เหตุเพราะค่าบริการต่างๆ ถูกชำระด้วยภาษีพ่อมดแม่มดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นสวัสดิการอย่างหนึ่งที่ได้มาฟรีๆ เช่นเดียวกัน
มีพนักงานแม่มดคนหนึ่งนอกกรนครอกอยู่ที่ช่องขายตั๋ว เป็นอันรู้กันว่านานๆ ทีเจ้าหล่อนจะตื่นขึ้นมาให้บริการสักครั้ง ก็นะ อายุยายแก่ขึ้นหลักพันแล้วนี่
ดังนั้นเปียกปูนจึงชินแล้วกับการที่ต้องบริการตนเอง คนน่ารักสอดบัตรประชาชนพ่อมดเข้าไปในตู้อิเล็กทรอนิกส์สีขาว รออยู่สักพักหน้าจอก็ปรากฏออกมา
' โปรดเลือกเส้นทางออกรถของท่าน หากเลือกจากเส้นทางที่บันทึกไว้แล้วกดหนึ่ง หากต้องการปักหมุดสถานที่ให้ม่ กรุณากดสอง '
เปียกปูนจิ้มที่ปุ่มเส้นทางเดิม จากนั้นกรอกความประสงค์ไปว่าเขาต้องการลงบริเวณดาดฟ้า
ตู้สีขาวสั่นครืดคราดได้สักพักก็คายตั๋วออกมา เวลาเดียวกันนั้นเองก็มีรถเมล์ติดปีกเข้ามาจอดเทียบที่สถานีพอดี
" ขอให้วันนี้คุณยายนอนหลับอย่างมีความสุขนะครับ"
เปียกปูนยกมือไหว้แม้ว่าคุณยายแกจะไม่ตื่น ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถเมล์เมื่อมันส่งสัญญาณว่าใกล้ออกรถแล้ว
" อ้าวน้องปูน"
" สวัสดีครับลุงโท"
ดวงตากลมโตจ้องมองพ่อมดที่รู้จักด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนที่จะขออนุญาตนั่งเก้าอี้ที่อยูาถัดออกมาไม่ไกลนัก
" วันนี้ไม่ขึ้นรถเมล์โลกมนุษย์ไปทำวานเหรอลูก"
" วันนี้ปูนออกช้าเลยกลัวไปไม่ทันครับ"
" ลุงไม่ค่อยเห็นเราที่ถนนเส้นขี่ไม้กวาดเท่าไหร่ ก็ยังคิดอยู่ว่า คงจะติดใจรถเมล์โลกมนุษย์เข้าแล้วละ"
ถ้อยคำหยอกของลุงโทนั้นทำให้เปียกปูนหัวเราะแหะๆ พยักหน้าหงึกๆ ด้วยความตื่นเต้น
" ที่โลกมนุษย์มีแต่ของน่าตื่นตาตื่นใจทั้งนั้นเลยครับ"
" นั้นสินะ พอได้ลงไปครั้งหนึ่งแล้ว โลกเวทมนตร์ของพวกเราก็ดูจืดชืดอย่างบอกไม่ถูก"
นั่นเป็นครั้งแรกที่สองพ่อมดต่างวัยรู้สึกเห็นพ้องต้องกัน
รถเมล์ติดปีกค่อยๆ บินขึ้นฟ้า ผ่านก้อนเมฆและไฟจราจร มีพ่อมดหนุ่มคอยตรวจตราความเรียบร้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
" เมื่อสองวันก่อนมีพ่อมดขี่ไม้กวาดชนกันที่สี่แยกด้วย"
" อ้าว ทำไมชนกันได้ล่ะครับ"
" น่าจะเพราะไฟจราจรไม่ดีน่ะลูก โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรมาก พ่อมดแีกคนเหมือนแกจะขี่ตรวมาจากเชียงใหม่"
" ไม่ได้แต่งไม่กวาดใช่ไหมครับ..."
เปียกปูนกำลังนึกถึงพวกอันธพาลที่ทำทรงผมโมฮอกแต่งไม่กวาดให้มีเสียงดัง เวลาขี่ก็เสียงแกรกๆ ตามาหลังตลอด สร้างความน่ารำคาญให้แก่พ่อมดแม่มดตนอื่นอย่างเป็นมาก
" เป็นคนธรรมดาชนกันนี่ล่ะ"
นั่งคุยกันเพลินๆ อีกสักพักรถเมล์ติดปีกก็ส่งสัญญาณว่าได้ถึงจุดหมายที่เปียกปูนระบุไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มือน้อยยกมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา ครั้นเมื่อเห็นว่าตัวเองน่าจะมาถึงไวกว่าพนักงานคนอื่นจึงแย้มรอยยิ้มอย่างมีความสุข
" ปูนไปทำงานก่อนนะครับ"
" โชคดีๆ"
พอลงจากดาดฟ้าแล้วไปสแกนบัตรเข้างานด้านล่างก่อนละกัน คนน่ารักแพลนสิ่งที่จัทำก่อนเป็นอันดับแรกภายในหัว ก่อนจะหันซ้ายกันขวาดูว่ามีใครอยู่บริเวณนี้บ้างหรือเปล่า ที่ต้องระวังมากที่สุดก็คงจะเป็นป้าแม่บ้านนี่ละ เผลอเป็นไม่ได้ต้องขึ้นมาคุยโทรศัพท์บนนี้ตลอด
โอเค...ไม่มีคนอยู่ เปียกปูนกระโดดลงจากรถเมล์ แล้วยืนมองรถติดปีกค่อยๆ บินหายลับไป กลายเป็นเจ้านกตัวกระเปี๊ยกแทนด้วยเวทมนตร์พรางตา
เปียกปูรก้มลงสำรวจความเรียบร้อยของตนเอง ครั้นเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าหนาผมก็เป๊ะก็ถอนห่ยใจออกมาด้วยความโล่งอก เปิดประตูดาดฟ้าแล้วย่องเข้าลิฟต์ลงไปสแกนบัตรเข้างานตามที่ตั้งใจไว้
เอ...ว่าคุณภพมาทำงานหรือยังนะ
เพราะเป็นมกพ่อฝึกรัก เปียกปูนจึงไม่มีวิทยายุทธ์ในการจีบคนเท่สไหร่ สกิลร้อยแปดมารยาจึงเท่ากับศูนย์ หลังจากที่ติ๊ดบัตรเข้างานแล้วก็มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวตู้กดเครื่องดื่ม
" คุณภพน่าจะมาแล้ว เอากาแฟไปให้ดีกว่า"
เวลาผ่านไปสักพักเปียกปูนก็พยักหน้าหงึกๆ สนับสนุนคำพูดของตน ก่อนจะกดเลือกเมนูที่ตู้เต่ากรรเชียงด้วยความดี้ดี (ความอยากจีบคณภพด้วยกาแฟน่ะมีสักสามสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์นั้นเป็นเพราะความอยากเล่นตู้เครื่องดื่มของเปียกปูนเองล้วนๆ)
กริ๊ก...
ในที่สุดกาแฟหอมกรุ่นในแก้วกระดาษก็อยู่ในมือของเปียกปูน กลิ่นของกาแฟคั่วหอมจนเขาเริ่มอยากชิมขึ้นมาตงิดๆ คิดเอาไว้ในใจแล้วว่าหากเอาไปให้คุณภพแล้วละก็...เขาจะลงมากดให้ตัวเองบ้าง
แต่ก่อนที่จะขึ้นไปที่ห้องทำงานของคุณภพ เปียกปูนจำเป็นที่จะแวะเอาของไปเก็บที่โต๊ะของตัวเองก่อน คนน่ารักสับขาเดินเร็วๆ ไปยังแผนกของตนด้วยความเร่งรีบ แล้วค่อยๆ ย่องเข้าไปดูว่ามีใครมาถึงบ้างหรือยัง
" เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ"
คลับคล้ายคลาว่าจะเห็นคนที่ไม่ควรเห็น ดังนั้นเพื่อความแน่ใจ เปียกปูนจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูให้ชัดๆ อีกรอบ
" คุณภพตัวจริงนี่นา"
เบื้องหน้าของเปียกปูนขณะนี้คือสามภพ ในมือของอีกฝ่ายนั้นถือถุงขนมบางอย่างเอาไว้อยู่ เขาค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะของเปียกปูนอย่างทะนุถนอม
" สวัสดีครับคุณภพ"
อยู่ๆ เปียกปูนก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อเห็นอีกฝ่าย ทั้งยืนตัวตรงแหน็วคล้ายกับพวกนักโทษเวลาโดนผู้คุมให้เข้าแถวตรวจเสื้อผ้าอย่างไรอย่างนั้น
ฮึบไว้เจ้าเปียกปูน ฮึบบบ
" คุณปุณธนัช?"
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ในวันนี้ภาพลักษณ์ของคุณภพในสายตาของเปียกปูนแตกต่างไปจากเดิม ชุดสูทสีดำที่มักสวมใส่อยู่ตลอดก็เหลือเพียวแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด พับแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอก ไม่ต่างอะไรจากเมื่อวานตอนเย็น
จะว่าอย่างไรดีนะ จากปกติที่หล่ออยู่แล้ว พอเปลี่ยนการแต่งกายนิดหน่อยก็ฮอตปรอทแตกขึ้นมาเชียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงความน่ากลัวไว้ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
" สวัสดีตอนเช๋าครั่บ"
เพราะไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างพวกเขานั้นอึดอัด เปียกปูนจึงทักคุณภพออกไป แต่เสียงที่หลุดออกมากลับเป็นโทนนักร้องเสียงเพี้ยน หลังพูดจบก็แทบอยากเอาหน้ามุดดินหนี ยิ่งเห็นคุณภพจ้องมาทางตนนิ่งๆ ก็ยิ่งรู้สึกประหม่ามากขึ้นไปอีก
โธ่ เขาไม่ได้ตั้งใจพูดเสียงเหน่อสักหน่อย
เปียกปูนมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเลยไม่เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรหรือคิดอย่างไรอยู่กันแน่ คนน่ารักเอาแต่ล็อกโฟกัสสายตาอยู่ที่รองเท้าและพื้นพรมของบริษัท จนกระทั่งได้ยินเสียงของคุณภพนั่นแหละถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง
" ซาลาเปาไส้ครีม"
" ครับ?"
" วางอยู่บนโต๊ะครับ"
" ซาลาเปาทำไส้ครีม!"
เมื่อได้ยินชื่อเมนูโปรด ดวงตาของพ่อมดน้อยก็ลุกวาวด้วยความตื่นเต้น มองสามภพด้วยท่าทางราวกับแมวยักษ์เวลาเจอแซมอน
" ร้านอยู่ตรงทางผ่านพอดีน่ะครับ"
" ขอบคุณนะครับ ผมไม่ค่อยได้กินซาลาเปาไส้ครีมตอนเช้าเท่าไหร่ ร้านอยู่แถวไหนเหรอครับ"
คนน่ารักถามด้วยความลิงโลด คิดในใจเอาไว้แล้วว่าจะแวะซื้อกืนทุกเช้า แต่คุณภพกลับชะงักกึกเสมือนไม่มีสัญญาณตอบรับ สักพักถึงเอ่ยปากตอบคำถามด้วยนํ้าเสียงจริงจัง
" ร้านเปิดตอนเช้าแค่วันนี้ครับ"
" อ้าว ไหรเป็นงั้นอ่ะ"
เปียกปูนพึมพำออกมาด้วยความเสียดาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แค่ได้กินของโปรดตอนเช้าก็ทำให้มีแรงทำงานไปทั้งวันแล้วละ
" ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ผมจะกินให้หมดเลย"
" ค่อยๆ ทานครับ ไม่ต้องรีบ"
สามภพยกมือขึ้นดูนาฬิกา ครั้นเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่ชาวออฟฟิศจะเข้างานแล้วจึงได้ขอตัว
" ขึ้นไปทำงานก่อนนะครับ"
" เดี๋ยวก่อนครับ"
" มีอะไรเหรอครับ"
ในที่สุดก็ถึงเวลามอบกาแฟ...ซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญมากพอสมควร
เปียกปูนก้าวขาที่สั่นระริกเข้าไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะช้อนตาขึ้นมอง พร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว
" กาแฟครับกาแฟ"
มือที่จับแก้วกาแฟไว้สั่นน้อยๆ เพราะความประหม่า รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังถูกส่งเข้าโรงเชือดอย่างไรอย่างนั้น
สามภพมองกาแฟในมือของอีกฝ่าย สักพักก็พยักหน้า
" ได้กดตู้เต๋ากรรเชียงแล้วนี่ ดื่มกาแฟแล้วอย่าลืมดื่มนํ้าเยอะๆ ด้วยนะครับ"
" ครับ? เดี๋ยววว...ไม่ใช่แบบนั้น..."
สามภพเดินจากไปแล้ว...ทิ้งเปียกปูนเอาไว้กับแก้วกาแฟที่ยื่นค้างเติ่งกลางอากาศ และซาลาเปาไส้ครีมร้อนๆ ที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงานเช่นเดิม
" อ้าวน้องปูน วันนี้มาทำงานเช้าจัง ว่าแต่ซื้ออะไรมากินด้วยเนี่ย"
" เอ่อ...ซาลาเปาครับ ซาลาเปาไส้ครีม"
เปียกปูนตอบพี่ร่วมแผนกด้วยท่าทางสับสน ตอนที่นั่งดื่มกาแฟพร้อมกับซาลาเปาก็ยังไม่หายสงสัยเลยด้วยซํ้า
งงนิดหน่อย ไม่เข้าใจมากๆ อันที่จริงเปียกปูนต้องจีบคุณภพด้วยกาแฟนี่ แล้วไหงเช้านี้เขาถึงได้ซาลาเปาจากคุณภพแทนล่ะเฮ้ย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments