แอร์เย็นมาก...แต่คุณภพที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับให้ความรู้สึกหนาวเย็นกว่าอีก...นั่นคือสิ่งที่เปียกปูนคิดในระหว่างการเดินทางที่แสนจะยาวนานในความรู้สึก มือก็จับเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่น ตั้งใจว่าหากคุณภพหยิบมีดหรือปีนขึ้นมาละก็ เปียกปูนคนนี้ก็จะได้รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ววิ่งตาแตกกลับบ้านทันที
ทว่าสุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด รถยนต์ของภาพสมแล่นฉิวจนถึงบ้านเปียกปูนโดยสวัสดิภาพ
" บ้านของคุณปุณธนัชอยู่แถวนี้ใช้ไหมครับ"
" ใช่ครับ ๆ"
เปียกปูนพยักหน้าหงึกๆ ชี้ไปยังตึกแถวมี่บัดนี้ปิดไฟมืดสนิทดูแล้ววังเวงอย่างบอกไม่ถูก
" บ้านผมอยู่ตรงนั้นครับ"
" ตรงนั้นไม่ได้ร้าง?"
" ไม่ร้างครับ...แค่ไฟเสียเฉยๆ"
คนน่ารักส่ายหน้า เงยหน้าตอบอีกฝ่ายทันควัน เรื่องนี้เปียกปูนไม่ได้โกหกจริงๆ นะเอ้า
" อันตรายเกินไปแล้ว"
" ครับ?"
" มันมืดเกินไปน่ะครับ"
" แถวนี้ไม่มีโจรหรอกครับ"
ยืนยันว่าโจรน่ะไม่มีหรอก มีแต่พี่ๆ สัมภเวสี...แต่ขืนพูดออกไปอีกฝ่ายต้องไม่เชื่อแน่ๆ
ในสายตาของเปียกปูน คุณสามภพ ธนโชคหิรัญ นั้นเป็นคนที่ทำงานเก่ง ภายใน้ใบหน้าที่แสนจะเด็ดขาดนั้นแฝงความดุเอาไว้ อายุก็เพิ่งจะสามสิบกว่าๆ แต่กลับครองตำแหน่งซีอีโอของบริษัทได้ ถ้าไม่เรียกว่าอภิมหาเก่งก็ไม่รู้จะเรียกว่ายังไงแล้วครับทุกท่าน
และแน่นอนว่าคนที่ทำงานเก่งมักจะแฝงไปด้วยอุปนิสัยละเอียดรอบคอบเสมอ เหล่าพนักงานบริษัทจึงมองว่าคุณภพน่ะเป็นมนุษย์ที่แสนจู้จี้ ใบหน้าด็ไม่ค่อยยิ้มอย่างมนุษย์มนาคนอื่น ขีดเส้นแย่งความสัมพันธ์กับพนักงานบริษัทเอาไว้อย่างชัดเจน
' หล่อแต่กินไม่ได้ ' นั่นคือฉายาที่เหล่าสาวๆ ทั้งหลายตั้งให้ด้วยความเสียดาย
แต่กับเปียกปูนนั้นกลับเป็นความกลัวอย่างบอกไม่ถูก เวลาที่ดูหนังของพวกมนุษย์ ฆาตกรโรคจิตก็มักขะมีบุคลิกเงียบๆ เสมอ จึงทำให้เปียกปูนเผลอทึกทักเอาเองในใจไปว่าหรือว่าคุณภพจะเป็นแบบนั้นกันนะ แต่พออีกฝ่ายยิ้มให้ก็เผลอหัวใจเต้นแรงไปชั่วขณะ
ก็คุณภพน่ะเวลายิ้มดูดีจะตายไปนี่ ถึงแม้เวลายิ้มนิ่งๆ จะน่ากลัวก็เถอะ
รถยนต์คันสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าลง จนในที่สุดมันก็จอดนิ่งอยู่กับที่
" ขอบคุณครับ"
เปียกปูนยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม เตรียมลงจากรถเพื่อเข้าบ้าน แต่กลับมีบางอย่างรั้งเอาไว้อยู่
" เอ๊ะ..."
เหงื่อตกผุดขึ้นมาจามกรอบหน้าทั้งที่ภายในรถเปิดแอร์เย็นฉํ่า หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทำไมถึงลงรถไม่ได้กันล่ะ...นี่เปียกปูนคนนี้โดนอะไรเข้าแล้วหรือเปล่า!
" คุณ..."
มือหนาจับเข้าที่ไหล่ของเปียกปูนดังหมับ ยิ่งทำให้ร่างบางสดกุ้งโหยง
" ลืมปลดเซฟตี้ครับ"
ได้ยินเสียงดังแกร๊กพร้อมกับสายเข็มขัดนิรภัยที่กลับไปอยู่จุดเริ่มต้น หน้าของเปียกปูนแตกดับเพลิง แทบอยากพนมมือกราบแล้วกลิ้งลงจากลง โธ่ ก็ลงรถเมล์ไม่มีเข็มขัดนิรภัยนี่นา
" ขอบคุณนะครับ"
คนน่ารักก้มศีรษะปลกๆ ให้อีกฝ่าย ความอับอายแล่นขึ้นมาบนใบหน้าจนแทบจะกลายเป็นลูกมะเขือเทศแดงแจ๋ เอ่ยขอโทษซํ้าไปซํ้ามาราวกับว่าตนเองได้ทำความผิดครั้งใหญ่ แล้วรีบลงตากรถเพื่อให้อีกฝ่ายรีบกลับบ้าน
" เดินทางปลอดภัยนะครับ"
" รีบเข้าบ้านเถอะครับ มันอันตราย"
รถของคุณภพแล่นออกไปไกลแล้ว...แต่ยังมีพ่อมดตนหนึ่งยืนนิ่งอยู่กับที่ ตบแก้มของตัวเองแปะๆ กลิ่นนํ้าหอมของคุณภพติดตัวมาด้วยเพราะอีกฝ่ายขยับมาปลดเข็มขัดให้
เปียกปูนกะพริบตาปริบๆ เหลือบมองเจ้านกฮูกตัวสีขาวที่บินมาเกาะบนไหล่ เอียงคอมองเจ้านายของตัวเองที่บัดนี้ยังแก้มแดงเป็นผลเชอร์รี่สุก
" ไม่มีอะไรหรอก แต่ห้ามเล่าให้คุณแม่ฟังนะ"
" ..."
" สัญญานะ!"
" กลับมาแล้วเหรอลูก"
" กลับมาแล้วครับ"
" วันนี้กลับดึกจังเลยน้องปูน"
" ปูนทำโอทีน่ะสิ"
" ละครภาคคํ่าฉายไปแล้ว เพิ่งจะมาเนี่ยนะ เจ้าลูกคนนี้นี่"
" ทำงานดึกจะได้มีเงินเยอะไป ไงครับบ"
ดวงตากลมโตมองแม่ของตัวเองที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่หน้าทีวีซึ่งฉายละครโทรทัศน์ช่องพ่อมดแม่มดอยู่
" วันนี้เรื่องอะไรฉายเนี่ย"
" เรื่องบุพเพไสยเวทไงลูก ผู้จัดเขาอุตส่าห์ไปติดต่อช่องสามเพื่อขอรีเมกเวอร์ชั่นแม่มดเลยนะ"
" โธ่ ก็ปูนไม่ได้ติดละครสักหน่อย"
เปียกปูนไม่ได้แต่บ่นกระปอดกระแปด ถอดรองเท้าแล้วเก็บใส่ตู้ ก่อนที่เจ้านกฮูกคู่ใจจะบินไปเกาะที่โซฟาเพื่อดูละครต่อ
" เอ๊ะ ทำไมได้กลิ่นแปลกๆ"
ทันใดนั้นเองเปียกปูนก็ชะงักกึก ลมหายใจขาดห้วงไปชั่งขณะเพราะคำพูดของแม่
" กลิ่นอะไรอะ ปูนไม่ได้ติดรถใครมาเลยนะ จะมีนํ้าหอมติดตัวมาได้ยังไงเล่า!"
" แล้วจะเสียงดังทำไมเนี่ย...เดี๋ยวไม้กวาดก็ตื่นหมดหรอก คุณแม่ได้กลิ่นนํ้าหอมเฉยๆ อาจจะมาจากจดหมายของพ่อมดสงขลาก็ได้นี่คะ"
" เดี๋ยวนี้ก่อนส่งจดหมายเขาต้องพรมนํ้าหอมด้วยเหรอ..."
" เพื่อผลทางการค้าไงล่ะคะ ผงวิเศษเหม็นจะตายไปลูก พรมเบอเบอร์รีก่อนส่งมาสักหน่อย คุณแม่ว่าเยี่ยมไปเลย"
เอาที่แม่สบายใจเลยก็แล้วกัน...ฝ่ายทางคุณแม่เองก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อเพราะไม่ได้สนใจมากนัก มีแต่เปียกปูนนี่ละที่ทำตัวเลิ่กลั่กตามประสาคนมีชนักติดหลัง รีบวางข้าวเพื่อไปอาบน้ำอาบท่า
" ว่าแต่กินอะไรมาหรือยังคะ คุณแม่ทำแกงเขียวหวานใบโรสแมรีเอาไว้"
" โอ๊ะ ปูนมีขนมจากพี่ๆ ชาวมนุษย์แล้วครับ"
" เฮ้ น้องปูนของคุณแม่เนี่ย...เป็นพ่อมดเสน่ห์แรงจังเลยน้า ไม่ได้แอบเอาขวดนํ้ามันกุหลาบไปดีดใส่คนในบริษัทใช่ไหม
" ไม่เคยทำสักหน่อย"
ริมฝีปากสีสดบ่นมุบมิบ แล้วหยิบขนมปังขึ้นมาเคี้ยวตุ้ย
" หมูหยองโลกมนุษย์สุดยอด"
" กินเสร็จแล้วแปรงฟันด้วยนะน้องปูน"
" ปูนไม่ลืมหรอกคุณแม่ อายุยี่สิบห้าแล้วนะ"
" แต่คุณแม่อายุสี่ร้อยกว่าปีนะคะ"
ถ้อยคำตอบโต้จากมารดานั้นทำให้เปียกปูนยิ้มแหย รีบกลืนขนมปังลงท้องก่อนจะหนีไปอาบน้ำอย่างเนียนๆ
" ปูนขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
คนน่ารักยืนถ่องคาถาไก้สักพักประตูวงแหวนห้าแฉกก็ถูกเปิดแสงสีฟ้าสว่างจ้าสาดไปทั่ว ห้องหนึ่งเขียนเอาไว้ว่าเป็นห้องของแม่ ส่วนอีกห้องนั้นมีป้ายวงแหวนแขวนเอาไว้ว่าห้องของเปียกปูน
" ฝันดีนะคะน้องปูน"
ไม่รอช้า เปียกปูนรีบวิ่งเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนเองทันที
โป๊ก!
" โอ้ย!"
ทันใดนั้นเองที่วงแหวนสีฟ้ากลับหายวับ ทิ้งเปียกปูนเอาไว้กับผนังสีขาวแสนธรรมดา และแน่นอนว่าเสียงโขกนั้นดังพอที่จะทำให้นกฮูกและแม่ของเขาสดุ้ง ลุกพรวดขึ้นมาดูอาการกันยกใหญ่
" น้องปูน!"
ฮูก!
" อูยยย เจ็บๆ"
มือน้อยลูบศีรษะของตัวเองที่เริ่มปวดแปลบ คิดว่าอีกไม่นานคงจะบวมปูดเป็นลูกมะนาวแน่ๆ
ว่าแต่ทำไมจู่ๆ เวทมนตร์ถึงหายไปล่ะ เกิดมายี่สิบห้าปียังไม่เคยเกิดขึ้นแท้ๆ
" ซุ่มซ่ามจังลูก ทำไมถึงไม่รอให้เวทมนตร์เซตตัวก่อนล่ะ"
ครั้นเมื่อดูแล้วเห็นลูกชายของตัวเองยังดีอยู่ถึงได้เบาใจขึ้น ทำการรักษาศีรษะที่บวมให้เหลือแค่รอยสีแดงจางไป
" เอ...ปูนไม่เคยพลาดเลยนะ"
เปียกปูนงุนงงกับตัวเองเข้าไปทุกที ลองทำการเสกวงแหวนเพื่อเข้าห้องอีกรอบ
" แปลกจัง...ทำไมเวทมนตร์ถึงไม่ออกมากันล่ะ"
" น้องปูนท่องคาถาผิดหรือเปล่าคะ"
ฝ่ายทางคุณแม่เองได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความปลงตกดีดนิ้วแค่เพียงหนึ่งครั้ง วงแหวนสีฟ้าก็โพล่ขึ้นมาทันใด
" ปูนไม่ใช่พวกความจำสั้นเสียหน่อย เอ...แปลกจริงไปนะ"
คนน่ารักส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทว่าสุดท้ายก็ทึกทักไปว่าคงจะเป็นเพราะเพลียกับงานมากเกินไป
" ปูนขอตัวเข้าไปอาบน้ำนอนก่อนนะครับ"
" จ๊ะ รีบเข้านอน คุณแม่ดูละคะจบ ปรุงเวทมนตร์ทำความสะอาดเสร็จก็เข้านอนแล้วละ"
ท่อนขาเพรียวก้าวเข้าห้องนอนของตนอย่างช้าๆ หลังจากที่เข้ามาด้านในแล้วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
" แปลกชะมัด อยู่ๆ ก็กลายเป็นคนไม่มีเวทมนตร์ไปซะงั้น เอาละ! หลอดเปิดไฟให้หน่อยครับ"
เงียบฉี่อีกแล้ว...ดวงตากลมโตจ้องมองฝ่ามือตัวเองที่บัดนี้ยังคงไม่มีสัญลักษณ์ขึ้นมาแม้แต่น้อย นาทีนั้นเองที่เขาค้นพบเกี่ยวกับสัจธรรมบางอย่าง
" เดี๋ยวก่อน ไม่หรอกน่า"
เปียกปูนเดินไปยังโต๊ะหนังสือ ซึ่งมีหม้อปรุงยาและนํ้ามนตร์รักษาที่ปรุงเอาไว้วางอยู่ จริงๆ ในวันนี้จะต้องกลายเป็นสีม่วงอ่อน
" เดี๋ยวสิ ทำไมถึงกลายเป็นนํ้าเปล่าไปได้ล่ะ"
ริมฝีปากสีสดเอ่ยถามกับตัวเอง ขยี้ตาก็แล้ว เอามือปิดตาแล้ว ดึงออกก็แล้ว ทำไมถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลยล่ะ
" เปิดไฟให้หน่อยครับ"
"..."
" แม่! ปูนใช้เวทมนตร์ไม่ได้!"
และในวันนั้นเอง ละครเรื่องบุพเพไสยเวทของคุณแม่ก็ต้องถูกขัดจังหวะอีกครั้ง เหตุเพราะเสียงตะโกนลั่นห้องของลูกชายตัวเอง เดือดร้อนนกฮูกและไม้กวาดอีกสิบอันที่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะกรูกันเข้าไปดูลูกชายหัวแก้วแหวนของบ้านนี้กันจ้าละหวั่น...
POONTANAT: พี่ๆ ทุกคนครับ
POONTANAT: วันนี้ปูนไม่สบาย คิดว่าคงไปทำงานไม่ไหว
POONTANAT: ปูนแจ้งพี่มด HR ไว้แล้ว ขอโทษที่ทำให้ลำบากด้วยนะครับ
ABC: น้องปูนนน
ABC: ไม่ค้องคิดมากนะคะ
ABC: กินยาแล้วนอนพักผ่อนน้า
ไปกินเตี๋ยวเป็ดที่หน้าปากซอย: พักผ่อนเว้ยน้อง
ไปกินเตี๋ยวเป็ดที่หน้าปากซอย: หายไวๆ
เลขเด็ดงวดนี้ 47: หายไวๆ จ้า
เลขเด็ดงวดนี้ 47: รีบกลับมานะ ป้าๆ เขาคิดถึง
ABC: ปากกก
ABC: ปากเบ้ออะไร
ไปกินเตี๋ยวเป็ดที่หน้าปากซอย: 555
ไปกินเตี๋ยวเป็ดที่หน้าปากซอย: เรียกอยู่ได้ๆ
Jay: อ้าว น้องปูนป่วยเหรอ
ABC: ใช่ค่ะพี่เจย์ อดกินขนมเลย
Jay: ไม่เป็นไร หายป่วยเมื่อไหร่พวกเรามาจัดงานเลี้ยงให้น้องปูนกันดีกว่า
ABC: เอาสิๆ
ABC: ถ้าน้องปูนหายป่วยไปกินเลี้ยงกัน
Samphop Yothapaisankul: คุณเอ รบกวนมาหาผมที่ห้องด้วยครับ
READ 25
ABC: ค่ะ คุณภพ
และใช่...ทันทีที่รู้ว่าตัวเองใช้เวทมนตร์ไม่ได้ เปียกปูนคนนี้ก็ธาตุไฟเข้าแทรก เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อน นอนซมอยู่บนที่นอน ครางกระซิกๆ เหมือนลูกหมาเปียกนํ้า เดือดร้อนแม่แท้ๆ ของตัวเองที่ต้องรีบปรุงยาเพื่อรักษา เกณฑ์เหล่าไม้กวาดที่พักผ่อนให้อย่างขะเขม้น นกฮูกสีขาวตัวเบิ้มเกาะอยู่บนหัวเตียง จ้องมองเจ้าเปียกปูนที่นอนซมอยู่ด้วยความสงสาร
ฮูก!
" อะไรกันเนี่ย หรือเราจะเป็นเด็กที่เก็บมาจากถังขยะ"
ริมฝีปากสีสดบ่นอุบอิบอย่างคืดไม่ตก หัวก็ปวดตุบๆ เพราะดันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
" น้องปูนเพ้อใหญ่แล้ว มาทานยาปรุงสมุนไพรของคุณแม่เร็วค่ะ"
ดูเหมือนว่าคุณแม่ของเขาจะหูดีมากกว่าที่คิด เพราะจู่ๆ คุณแม่มดวัยสี่ร้อยปีก็โพล่ออกมาจากผนัง ในมือมีถ้วยข้าวต้มสมุนไพรกลิ่นหอมฉุย เจ้าหล่อนถอนหายใจปนเอ็นดูเปียกปูนที่บัดนี้นอนห่มผ้าอยู่บนเตียง คลุมจนถึงคอ นํ้าตาคลอเบ้าเพราะตกใจกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ๆ
" ถ้าคุณพ่อรู้ว่าน้องปูนตัดพ้อแบบนี้คงน้อยใจแน่ กว่าจะมีลูกกันได้อายุก็ปาเข้าไปสามร้อยปลายๆ"
" ขอโทษครับ"
เปียกปูนลุกขึ้นมานั่งอย่างเจี๋ยมเจี้ยม ในหัวนึกไปถึงบิดาของตัวเองที่ในตอนนี้กำลังทำงานอยู่อีกฝั่งของโลกเวทมนตร์ ป่านนี้คงจะจามฮัดชิ้วใหญ่แล้วแน่ๆ
" ว่าแต่ครั้งนี้คุณพ่อไปนานจังเลย"
" เพราะองค์การนาซ่ามาขอให้ทางฝั่งเวทมนตร์ช่วยคำนวณฤกษ์ปล่อยยานอวกาศน่ะลูก พ่อมดประเทศไทยน่ะเก่งไม่แพ้พ่อมดฝั่งตะวันตกเลยละ"
คุณแม่ของเปียกปูนตอบลูกชายด้วยสีหน้าเจือรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไม้กวาดที่ยืนเรียงกันเป็นแถวเพื่อรอรับคำสั่งถัดไป
" พักผ่อนได้จ๊ะ"
ถึงจะได้รับคำสั่งแบบนั้น แต่เหล่าไม้กวาดก็ยังคงยืนยันว่าจะดูแลเปียกปูนอยู่ดี และพากันเข้ามาล้อมรอบเตียงจนคนบนเตียงถึงกับจามออกมา
" ดูเหมือนว่าพี่ๆ ไม้กวาดต้องอาบน้ำก่อนนะครับ อาบเสร็จแล้วค่อยมาหาเปียกปูนนะ"
คนน่ารักกล่าวกับเหล่าไม้กวาดด้วยนํ้าเสียงออดอ้อน แล้วมองตามพี่ๆ ไม้กวาดที่กำลังกระโดดโหยงๆ เข้าห้องน้ำ จากนั้นก็มีเสียงดนตรีดังขึ้นพร้อมกับเสียงนํ้าจากฝักบัวที่เปิดเอง
" ว่าแต่น้องปูน..."
หลังจากที่เหล่าไม้กวาดแบกย้ายกันไปอาบนํ้า จู่ๆ มารดาของเข่ก็ทำท่าคล้ายว่าจะลำบากใจ ใบหน้าของเจ้าหล่อนฉายแววจริงจังขึ้นมาจนเปียกปูนขนลุกซู่
" เมื่อคืนคุณแม่ไปเปิดตำรามาด้วยค่ะ เกี่ยวกับเรื่องเวทมนตร์ของน้องปูนหายตอนอายุยี่สิบห้า เปิดตำราเสร็จแล้วก็ส่งจดหมายนกพิราบไปหาแม่มดฝั่งขอนแก่นด้วย"
" คุณน้าพิลัยหรอครับ"
" น้ารัมภาจ๊ะ น้าพิลัยเขาติดภารกิจเจรจาเส้นทางค้าขายกับท่านพญานาคอยู่
" เป็นยังไงบ้างครับ ปูนเป็นอะไรมากหรือเปล่า"
" เอ...จะเป็นมากก็ใช่แหละ"
บัดนี้ใบหน้าของเปียกปูนซีดเผือก จ้องมองมารดาของตัวเองด้วยท่าทางสิ้นหวัง มือข้างที่ตักข้าวสมุนไพรก็ชะงักค้างอยู่อย่างนั้นไม่กล้าตักมันเข้าปากสักที
" ทุกคนคิดว่าน้องปูนน่าจะโดนคำสาปความรัก
นะ"
" คำสาป...ความรัก?"
ใบหน้าของเปียกปูนเต็มไปด้วยคำถาม เขาทวงคำพูดของคุณแม่ด้วยท่าทางสงสัยเสียเต็มแก่
" ปูนจะโดนคำสาปได้ยังไงล่ะ คุณพ่อคุณแม่รักปูนขนาดนี้แท้ๆ"
" มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ"
คุณแม่ของเปียกปูนถอนหายใจเสียงดังเฮือก ก่อนที่จะสบตาเปียกปูนด้วยท่าทางจริงจัง
" น้องปูนฟังคุณแม่นะคะ ถ้าเราอายุยี่สิบห้าแล้วยังไม่มีแฟน... คุณแม่คิดว่าน้องปูนคงจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ไปตลอดชีวิตแล้วละ"
" อะไรนะ! ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ตลอดชีวิต?"
แน่นอนว่าคำตอบของมารดาค่อนข้างที่จะทำให้เปียกปูนนั้นช็อกสุดขีด ร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
" แล้วเรื่องนี้เนี่ย...คุณแม่ว่าน่าจะเกี่ยวกับการที่คุณแม่ไปขอลูกกับเทพฝั่งฮินดูแน่ๆ"
คุณแม่ของเปียกปูนกำมือไว้บนตัก ยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมให้ลูกชาย
" ก็ลองมาหลายตำราแล้วไม่เวิร์กนี่นา สุดท้ายคุณแม่กับคุณพ่อเก็บกระเป๋าไปมุมไบซะเลย พอขอท่านเสร็จก็ดันอธิษฐานไปว่า ขอให้ลูกชายได้พบรักไวๆ จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนคุณพ่อกับคุณแม่...เพราะฉะนั้นน้องปูนต้องรีบหาแฟนให้ได้ก่อนที่ตัวเองจะอายุยี่สิบหกนะลูก"
" แต่อีกสามเดือนปูนจะอายุยี่หกแล้วนะ..."
" เอ...หรือคุณแม่ควรส่งจดหมายไปที่กระทรวงเวทมนตร์ต่างประเทศเพื่อขอพักผ่อนการแก้บนดี แต่แม่มดกับพ่อมดอินเดียช่วงนี้ก็วุ่นๆ เสียด้วยสิ เขากำลังปรึกษากันเรื่องสร้างเทวาลัยเพิ่ม คุณแม่ว่ากว่าจะดำเนินเรื่องได้คงจะกินเวลาเป็นปี"
" เป็นปีเลยเหรอครับ..."
" เป็นปีเลยแหละ เพราะฉะนั้นน้องปูนลูก"
ใบหน้าของเจ้าหล่อนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
" อายุยี่สิบห้าเมื่อไหร่เขาบอกให้หาแฟนด่วนๆ ไม่อย่างนั้นจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ตลอดชีวิตนะลูก"
" ไอ้เขาที่ว่าเนี่ย...มันใครกันล่ะแม่"
" ก็ท่านๆ ที่แม่ไปขอนั่นแหละ อีกอย่าง..."
เปียกปูนสบตามารดาด้วยความขัดเขิน แน่นอนว่าเครื่องรสนิยมทางเพศของเขาน่ะผู้เป็นแม่ต้องรู้อย่สงแจ่มแจ้ง
" วันเดือนปีเกิดก็ต้องตามนี้ รูปหล่อ อกผายไหล่ผึ่ง ดูภูมิฐาน"
ทันทีที่แม่มดสาวดีดนิ้งดังเป๊าะ จู่ๆ ภาพของเปียกปูนที่เคยอัพลงเฟซบุ๊คก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
" เนี่ยๆ คนนี้เข้าตำราเลย คนที่ยืนข้างน้องปูน"
ตายละหว่า...อยู่ๆ ก็รูเสึกหน้ามืดขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ
แน่นอนว่าคำพูดของคุณแม่กำลังทำให้เปียกปูนขนลุกซู่ ชี้ไปที่ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิท ก่อนจะถามด้วยนํ้าเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
" คุณแม่หมายถึงคนนี้?"
" ก็ใช่น่ะสิคะ ดูโหงวเฮ้งแล้วผ่านเลยน้า"
" เดี๋ยว นั่นมันเจ้านายปูนเอง!"
" คนนี้แหละ! ไปอ่อยยังไงก็ได้ให้ติด ไม่งั้นอดขี่ไม้กวาดตลอดชีวิตนะเอ้า"
" คุณแม่!"
ถ้าขี่ไม้กวาดไม่ได้นี่เรื่องใหญ่เลยนะ เรื่องอื่นยังพอว่า แต่หากพี่ๆ ไม้กวาดจะไม่ได้เที่ยวด้วยกันแล้วนี่ บอกเลยเปียกปูนน่ะทนไม่ได้
" คุณแม่...ปูนต้องจีบเขาจริงๆ เหรอ คุณแม่ไม่คิดว่าคุณภพเหมือนผู้ร้ายในละครหลังข่าวเหรอครับ"
" เอ...เหมือนเหรอคะ คุณแม่ไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นเลย"
คุณแม่เปียกปูนขมวดคิ้ว คล้ายกับว่าอยากจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับไม่พูดออกมาเสียอย่างนั้น
" แม่คิดว่าเขาเป็นคนดี มาส่งน้องปูนถึงบ้านด้วยนี่นา"
" เขาก็ใจดีครับ...แต่เดี๋ยวก่อนนะ"
ดวงตากลมโตจ้องมองมารดาของตัวเองด้วยท่าทางตกใจอย่างปิดไม่มิด ก็เปียกปูนยังไม่ได้เล่าให้คุณแม่ฟังเลยนี่นา!
คนน่ารักหันไปทางเจ้านกฮูกสีขาว จ้องอย่างคาดคั้น ครั้นเมื่อเห็นว่านกฮูกด้วยเหงื่อตก หันหน้าหนีไปทางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเปงตก
" อะไรกัน ทั้งๆ ที่สัญญาว่าจะไม่บอกแท้ๆ"
" โมเมสัญญาเอาคนเดียว พี่นกฮูกไม่นับหรอกนะคะ"
แม่มดคนสวยลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยักหน้าให้แก่เหล่าไม้กวาดที่ยืนสงบบริเวณมุมห้อง เนื้อตัวใสกิ๊งเพราะอาบน้ำถูสบู่เรียบร้อย
" ฝากดูแลน้องปูนหน่อยนะคะ คุณแม่ต้องไปดูบุพไสยเวทย้อนหลังก่อน"
ทันทีที่วงแหวนสีฟ้าหายไปจากห้อง เปียกปูนก็หันไปมองพี่ๆ ไม่กวาดตาละห้อย
" ปูนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกพี่ๆ ดังนั้นปูนจะพยายามจีบคุณภพให้ติดนะครับ"
มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าแอพพลิเคชันชอปปิ้ง ก่อนที่จะเลือกดูหมวดหนังสือเพื่อเตรียมตัวศึกษาภาคทฤษฎีก่อนปฎิบัติจริงอย่างเร่งด่วน
' คู่มือการจีบผู้ชายอันตราย เล่มที่1'
' เมื่อฉันเคยมีแฟนเป็นคนคุก'
' ฆาตกรโรคจิตกับมุมมองเกี่ยวกับความรัก'
' วิธีเอาตัวรอดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย'
เฮ้อ เปียกปูนก็ได้แต่หวังว่าคุณภพจะเป็นคนดีอย่างที่คุณแม่ว่าเอาไว้นะ ไม่อย่างนั้นละก็...จากที่จะได้เป็นแฟนเขา จะกลายเป็นได้ไปอยู่ในช่องแช่แข็งแทนน่ะสิ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 9
Comments