บทที่3 ขี่ม้า

เช้าวันใหม่ที่แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อวานเลย เล็นลืมตาขึ้นทีละนิด และก็พบว่าตัวเขายังคงอยู่ในห้องๆเดิม และเมื่อมองทุกสิ่งรอบๆกายนั้น องค์หญิงรินก็นอนหลับพริ้มอยู่ข้างๆเขา เอนหัวมาซบไหล่เขาราวกับเขานั้นเป็นหมอนชั่วคราว เล็นมองภาพนั้นแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู

เท่าที่เขาจำได้ เมื่อวานองค์หญิงตัวน้อยของเขาร้องไห้จนผล็อยหลับไป แต่เขาก็ยังร้องเพลงกล่อมให้ไม่หยุดจนผล็อยหลับไปด้วยอีกคน ในห้องที่มีแต่ตู้หนังสือ โต๊ะทำงาน และเก้าอี้นวมนี้คงจะไม่มีที่ให้พวกเขานอน ถ้าจะถามว่าเมื่อคืนพวกเขานอนตรงส่วนไหนของห้อง ขอตอบว่า นอนที่พื้น…แต่ไม่ใช่ล้มตัวนอนไปบนพื้น แค่นอนเอาหลังพิงผนังห้อง ก็กลายเป็นที่หลับที่นอนที่สบายได้แล้ว

องค์หญิงรินยังคงอยู่ในห้วงนิทรา จังหวะการหายใจที่สม่ำเสมอบอกถึงว่าตัวเธอหลับสนิท ภายใต้เสื้อตัวนอกของเล็นที่อุตส่าห์ถอดมาให้เป็นผ้าห่มแทนชั่วคราว เล็นค่อยๆลุกโดยพยายามไม่ให้องค์หญิงตื่น

 

“……………” ไม่ว่าจะมองอีกกี่ทีกี่ที ภาพองค์หญิงตอนหลับนี่ก็…น่ารักสุดๆไปเลย

 

“ชักบ้าแล้วเล็น นั่นองค์หญิงนะ องค์หญิง” เล็นขำในความคิดของตัวเองพลางส่ายหัวเบาๆที่ตัวเองคิดอะไรงี่เง่า เพราะการที่ข้ารับใช้ชมเจ้านายคงจะเป็นการที่ไม่เหมาะสม เด็กหนุ่มผมสีทองเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงความเงียบ…

 

 

 

…………………………………………………………………….

 

 

 

                “อือ...” ผ่านไปซักพักรินเริ่มรู้สึกตัว ร่างขององค์หญิงขยับตัวเล็กน้อย เมื่อไล่อาการสะลึมสะลือจากการตื่นนอนไปได้แล้ว รินกวาดสายตาไปทั่วห้อง ห้องนี้ยังคงเป็นห้องเดิม ห้องที่เธอเผลอร้องไห้แล้วหลับไป ทั้งเก้าอี้นวม โต๊ะ หนังสือบนชั้นวาง และกองเอกสาร ทุกอย่างเหมือนเดิม ตั้งอยู่ที่เดิม ไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน

 

 

...แล้วเล็น???

 

เสื้อของเล็นยังอยู่ที่เธอ ถึงจะไม่รู้ว่าข้ารับใช้คนสนิทไปไหน แต่ให้เดาๆเอาคงจะไม่พ้นไปจัดการเรื่องอาหารเช้าให้เธอแน่ รินจับเสื้อของเด็กหนุ่มที่ยังอุตส่าห์ถอดทิ้งไว้ให้เธอเป็นผ้าห่มหนาๆให้ความอุ่น แล้วสูดกลิ่นหอมจากผ้า กลิ่นประจำตัว’ของเล็น’ ยังหอมติดจมูกไม่หายตนไม่อยากละจากกลิ่นนี่ไปเลย

 

 

 

แอ๊ด…

 

 

เสียงเปิดประตูทำให้เธอสะดุ้ง หันกลับไปมองแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียง ก็พบกับร่างที่คุ้นเคยในชุดสูทตัวใหม่แต่สีเดิมเหมือนตัวเก่า ร่างนั้นออกจะแปลกใจที่พบว่าเธอตื่นแล้ว

 

                “องค์หญิง ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ?” เล็นถาม 

                “ม่ะ ไม่ ไม่รู้สิ” ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้ตอบตะกุกตะกักนัก คำตอบนั้นทำให้ข้ารับใช้คนสนิทถึงกับงง

                “งั้นหรอขอรับ” แต่เล็นก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ถือถาดอาหารที่จัดเตรียมอย่างดีไปวางที่โต๊ะทำงาน “องค์หญิงจะทานที่นี่ หรือที่ห้องอาหารขอรับ?”

                “หะ ห้อง ห้องนี้แหล่ะ”

                “…”

 

เล็นสังเกตได้ถึงความผิดปกติขององค์หญิงตัวน้อย ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองไปรอบๆตัวองค์หญิงจนทำให้เธอตัวสั่นอย่างกลัวๆ  พลันสายตาก็ไปหยุดที่อะไรบางอย่าง…เสื้อสูทสีเหลืองที่เขาใส่เมื่อวานถูกองค์หญิงกอดอย่างลืมตัว…

 

                “ชอบเสื้อของกระผมหรือขอรับ” เล็นถามด้วยรอยยิ้มที่ยากนักจะได้เห็น ทำรินหน้าแดงซ่าน ปล่อยเสื้อในมือ

                “เปล่าซักหน่อย ฉันก็แค่หนาว…เลยหยิบมาห่มเท่านั้นแหล่ะ”

เล็นหัวเราะในลำคอเบาๆจนรินมองค้อน “ถ้าชอบ เดี๋ยวกระผมจะให้คนสั่งตัดแล้วส่งไปให้องค์หญิงนะขอรับ”

                “ก็บอกว่าไม่ชอบไง ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่เอา!”

คำค้านที่เรียกเสียงหัวเราะจากเล็นได้เป็นอย่างดี แต่เสียงหัวเราะที่ไม่ค่อยจะได้ฟังก็หยุดลงไปซะก่อนเพราะถูกใครบางคนมองค้อนจนต้องก้มหัวขอโทษ “ขออภัยที่เสียมารยาทขอรับ”

รินส่งเสียงหึในลำคออย่างโมโห แล้วเดินไปนั่งบนเก้าอี้นวมตัวเดิมที่เคยนั่งเมื่อวาน แต่ก่อนที่มือบางจะจับมีดและส้อม เสียงหนึ่งก็ขัด

               

“องค์หญิงจะไม่อาบน้ำก่อนหรือขอรับ?”

“เล็น!!!”

“ขออภัยขอรับ”

 

ไม่รู้ว่าวันนี้เล็นเป็นอะไรถึงได้พูดมากผิดหัวผิดตา    นั่นคือสิ่งที่รินคิด   ทั้งที่ปกติเล็นจะแค่ทำตัวนิ่งๆเงียบๆ ทำตามคำสั่งเธอโดยไม่พูดขัดแทรก วันนี้ดูท่าจะอารมณ์รื่นเริงเป็นพิเศษ

 

                “วันนี้วันสำคัญอะไรหรือไง” เล็นชะงักทันทีที่ถูกถาม มององค์หญิงที่นั่งเท้าคางอย่าง งงๆ

                “องค์หญิงคิดอย่างนั้นหรือขอรับ?”

                “ใช่ ตกลงวันสำคัญอะไรล่ะ” รินถามด้วยใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้ม จนแทบจะเรียกว่าบูดได้เลย

                “องค์หญิงจำไม่ได้หรือขอรับ?”

                “…อ้อๆ ฉันจำได้แล้ว วันนี้มันวันก่อตั้งราชอณาจักร วันครบรอบวันตายของกระต่ายเดซี่ที่ฉันเคยเลี้ยงตอนเด็กๆ กับวันถอนวัชพืชแห่งชาติใช่ไหม”

น้ำเสียงประชดนั้นทำให้เขาขำออกมาจนโดนค้อนอีกครั้ง เป็นครั้งที่3หรือ4ของวันไม่รู้ รินทำหน้าบูดบึ้งอย่างไม่พอใจที่ถูกหัวเราะ

 

“แล้วตกลงมันวันอะไร คงไม่ใช่วันเกิดนายหรอกนะ”

เล็นส่ายหน้า

“เปล่าขอรับ วันนี้น่ะ…” เล็นเหลือบมองการกระทำขององค์หญิง “โจเซฟินอายุครบ18ปีแล้วขอรับ”

 

ว่าแล้วส้อมที่กำลังตักอาหารเข้าปากก็หยุดชะงัก ดวงตาสีฟ้ากลมโตแทบจะหันกลับมาโดยอัตโนมัติ จากใบหน้าที่ตกใจอยู่ในช่วงแรกก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างดีใจ รินลุกขึ้นจากโต๊ะ

               

                “เล็น พาฉันไปเร็ว!”

 

มือของเขาถูกกระชากจนเกือบจะทรงตัวไม่อยู่ ร่างขององค์หญิงตัวเล็กวิ่งนำไปอย่างร่าเริง เล็นที่มองการกระทำนั้นอยู่ตอนแรกก็งงๆแต่ซักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างเอ็นดู

 

               

องค์หญิง รู้ไหมครับว่าเวลาท่านยิ้มน่ะ มันสวยกว่าทุกสิ่งบนโลกเสียอีก…

 

 

 

 

…………………………………………………………………….

 

 

คอกม้า

 

 

 

                “โจเซฟิน~ โจเซฟิน~ โจเซฟิน~ โจเซฟิน~”

 

คำ3พยางค์ที่องค์หญิงของเขาพูดซ้ำไปซ้ำมาอย่างอารมณ์ดีจนแทบจะเรียบเรียงออกมาเป็นเพลง รินฮัมเพลง ‘Josephine’ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสต่างกับก่อนจะมาถึงคอกม้าเสียอีก

 

                “โจเซฟิน~ โจเซฟิน~ โจเซฟิน~ อา ตื่นเต้นไหมเล็น โจเซฟินจะ18แล้ว เท่านี้มันก็แก่ขึ้นอีกปีแล้วเนอะ”

 

เล็นพยักหน้ารับเบาๆให้รินที่หัวเราะอย่างชอบใจ

 

                ‘โจเซฟิน’ เป็นม้าสายพันธ์พาโลมิโน่(Palomino) มันมีลำตัวสีครีมสะอาดผิดกับม้าอื่นๆทั่วไปเพราะได้รับการดูแลอย่างดี ตั้งแต่แผงคอที่ถูกหวีเรียบจนสลวย เกือกเท้าที่มีคนเอาใจใส่เปลี่ยนให้ทุกครั้ง อาหารอย่างหรูไม่ขาดไม่เกิน ที่สำคัญ โจเซฟิรยังเป็นม้าตัวโปรดของรินซะด้วย

                โจเซฟินเปรียบเหมือนเพื่อนอีกคนขององค์หญิงริน แม้จะต่างกันแต่รินกลับชอบโจเซฟินมากกว่าใครๆ และหวงโจเซฟินเอามากๆ เพราะมันคือม้าที่เธอได้เป็นของขวัญเมื่อตอน6พรรษา(ตอนนั้นโจเซฟินพึ่งอายุ10ปี ก็โตเต็มวัยแล้ว) ตอนยังเด็กรินชอบร้องขอพระราชินีองค์ก่อนหรือเสด็จแม่ของริน….ให้เธอได้ขี่โจเซฟินเที่ยวรอบเมือง แต่เพราะองค์ราชินีทรงเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ จึงรับสั่งว่าให้องค์หญิงรินขี่ม้าได้ปีละครั้ง ซึ่งจะต้องเป็นวันที่14 พฤศจิกายน วันเกิดของโจเซฟินนั่นเอง

                ถามว่าทำไมเขาจึงดีใจและอารมณ์ดีในวันนี้เป็นพิเศษ นั่นก็เพราะ…วันนี้เขาจะได้เห็น รอยยิ้มขององค์หญิง จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรล่ะ…

 

 

                “องค์หญิง เปลี่ยนชุดก่อนดีไหมขอรับ” เล็นทัก “ใส่กระโปรงขี่ม้า กระผมว่า…”

                “ไม่เอา ฉันขี้เกียจ”

                “ขอรับ แต่ว่า…”

                “โหย จะเซ้าซี้อะไรนักหนาเนี่ยเล็น”

                “ขออภัยขอรับ”

                “เฮ้อ ช่างเถอะๆ” รินตอบปัด “วันนี้เห็นว่าเป็นวันดี วันเกิดของโจเซฟินที่รัก…ฉันจะไม่ขัดใจนายซักวัน”

 

เล็นแอบเห็นองค์หญิงของเขาอมยิ้ม นั่นทำให้เขายิ้มไปด้วย จนรินมองค้อน

 

                “ยิ้มอะไร”

                “เปล่าขอรับ”

                “เห็นชัดๆว่ายิ้ม”

                “งั้นหรือขอรับ หึหึหึ” เล็นหัวเราะ “องค์หญิง งั้นเชิญไปเปลี่ยนชุดได้เลยครับ”

 

รินสะบัดหน้าหนีล้วเดินตามนางกำนัลสองสามคนไปเปลี่ยนชุด หลายนาทีต่อมาเธอก็กลับมาในชุดขี่ม้าเต็มรูปแบบ อย่างเช่น เสื้อไรดิงค์เชิ้ต(Riding Shirt)lสีขาว กับกางเกงจ๊อดเพิส(Jodpurs)สีเข้ม และอุปกรณ์เสริมอย่างอื่น เช่น ไรดิงค์บู๊ต(Riding Boot) Equestrian Gloves หรือถุงมือสำหรับขี่ม้านั่นเอง  

                เส้นผมสีทองถูกมัดไว้เป็นหางม้า จนคนมองแล้วมองอีกกี่ทีกี่ทีก็ยังชทความงามไม่หมด จนรินต้องกระแอมเบาๆ “เสร็จแล้วใช่ไหม? ฉันจะขี่โจเซฟินได้หรือยัง”

“ขอรับ…” เล็นรับก่อนจะชะงัก “องค์กหญิงยังไม่ได้ใส่หมวกนี่ขอรับ”

“โอ้ย ช่างเถอะ ไม่ต้องใส่ไอ้หมวกนั่นก็ได้”

“แต่ว่า…”

 

หมวกขี่ม้าหรือRiding Helmet เป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งในการขี่ม้าพื้นฐาน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขี่บาดเจ็บไม่ว่าจะกรณีใดๆ หมวกนี้ควรจะสวมทุกครั้งที่ขี่ม้า แต่ก็ยังมี เด็กดื้อ บางคนที่ไม่ยอมใส่

               

                “ม้าพร้อมแล้วขอรับองค์หญิงริน” คนดูแลม้าวัยชราเดินเข้ามาบอกด้วยกริยาน้อบน้อม รินพยักหน้าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินตามชายชรานั้นไปโดยไม่ลืมหันมามองเล็น

 

                “มาสิ จะมัวยืนนิ่งอะไรตรงนั้น นายเป็นข้ารับใช้ของฉันนะ”

                “ขอรับ”

 

 

ทันทีที่มาถึงคอกพิเศษ ม้าโจเซฟินแทบจะกระโดดออกมาจากคอกทันทีที่เห็นหน้าองค์หญิงตัวน้อย รินยิ้มและหัวเราะเดินไปลูบแผงขนที่สวยงามของโจเซฟิน และกอดเพื่อให้หายคิดถึง จากนั้นไม่นาน การขี่ม้ารอบเมืองก็เริ่มขึ้น…

 

 

ซะเมื่อไหร่…

 

 

                “เล็น!!! ฉันบอกว่าจะขี่ม้ารอบเมืองไง ไม่ได้อยากมาขี่ในสนามซะหน่อย!!!”

 

เสียงโวยวายขององค์หญิงน้อยดังไปทั่วจนข้าราชบริพารนางกำนัลทั้งหลายต้องหันมามอง ก็จะพบกับร่างเล็กๆขององค์หญิงที่นั่งอยู่บนอานม้า และข้ารับใช้คนสนิทที่เฝ้าอยู่ไม่ห่าง

 

                “ตอนนี้ในเมืองกำลังชุลมุลนกันอยู่ เกรงว่าให้ออกไปขี่ตอนนี้ยังไม่เหมาะสมขอรับ”

                “ก็ฉันอยากขี่~!!!”

                “ไม่ได้ขอรับ”

                “เล็น !!!”

 

               

               

“นี่ๆ หล่อนว่าไหม เวลาองค์หญิงรินอยู่กับท่านเล็นน่ะ นิสัยจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย”

                “นั่นสิ ตอนอยู่กับคนอื่นจะทำตัวหยิ่ง โอหัง โอ้ย ฉันเห็นแล้วหมั่นไส้”

                “แต่พอมาอยู่กับท่านเล็น คิกคิก องค์หญิงรินดูน่ารักขึ้นเนอะ”

                “เหมือนเด็กเล็กๆเลย คิกคิก”

 

 

ไม่รู้ว่า ‘องค์หญิงริน’ จะได้ยินคำนินทาของพวกนางกำนัลหรือไม่ แต่ก็ช่างมันเถอะ…

 

               

“ยังไงก็ไม่ได้ขอรับ”

                “ชิ” รินทำหน้าบึ้ง “อะไรๆก็ไม่ได้ เล็นเคยตามใจอะไรฉันบ้างไหม”

 

เคย…มากเลยล่ะขอรับ…

 

                “เอาเป็นว่าองค์หญิงขี่ในสนามไปเถอะขอรับ” รินทำหน้าเหมือนจะค้าน “พร้อมนะครับ”

 

รินสะบัดหน้าหนีแล้วส่งเสียงร้องฮึในลำคอ ก่อนจะตวัดขาส่งตัวเองขึ้นไปบนอานม้า แต่ก็ยังทุลักทุเลอยู่บ้างจนเล็นต้องมาช่วยพยุง แต่รินก็ไม่ยอมให้เขาช่วยง่ายๆ กว่าจะได้ขึ้นมานั่งบนเจ้าม้าผู้เลอโฉมก็กินเวลาไปนานทีเดียว

 

                “จะให้กระผมขี่ตามไปด้วยไหมขอรับ”

เล็นเสนอ ที่นี่มีม้ามากมายไม่ใช่แค่โจเซฟินตัวเดียว เล็นเองก็ชอบขี่ม้าไม่ต่างไปจากองค์หญิงของเขา เพียงแต่ว่าโอกาสจะได้ขี่ม้าครั้งหนึ่งก็มีไม่มาก ส่วนใหญ่จะได้ขี่พร้อมๆกับริน  และอีกอย่าง จะให้องค์หญิงขี่ม้าไปคนเดียวโดยไม่มีใครประกบก็อันตรายอยู่

 

                “ไม่ต้อง” รินปฏิเสธ “ให้ข้ารับใช้ทำนู่นทำนี่ให้อยู่เรื่อยมันจะไปใช้ได้ได้ยังไง”

                “…” ทำไมดื้อจังเลยนะขอรับองค์หญิงเนี่ย

                “เอ้อ จริงสิ ถ้าว่างมากนัก ก็ไปเตรียมบริชออชอร่อยๆให้ฉันจะดีกว่านะ” รินกวักมือทำท่าเหมือนไล่จนเด็กหนุ่มแอบทอดถอนหายใจ “ไม่ต้องมาแอบถอนหายใจเลยนะเล็น”

 

พอโดนตำหนิเล็นก็ปิดปากเงียบทันทีจนเป็นที่พอใจแก่เด็กสาวร่างเล็ก มือบางลูบแผงคอม้าตัวโปรดอย่างหลงใหล โจเซฟินเองก็เหมือนจะชอบที่ผู้ขี่มันทำแบบนี้   รินยิ้มอย่างสนุกสนานและร่าเริง 

 

                “วันนี้เรามาเล่นกันให้สนุกกันเถอะนะ โจเซฟิน !”

 

โจเซฟินส่งเสียงร้องเหมือนรับคำ ภาพระหว่างม้ากับผู้ขี่…สัตว์กับเจ้านาย…ภาพที่เกิดจากมุมน่ารักๆขององค์หญิงที่ไม่ค่อยมีโอกาสให้ใครได้เห็นนัก คนดูดูแล้วก็ยิ้มตามไปด้วย

 

                “ฝากองค์หญิงด้วยนะ โจเซฟิน…” เล็นพูดพลางลูบแผงคอของโจเซฟิน ม้าสาวเชิดหน้าขึ้นเหมือนกำลังบอกว่า ‘แน่นอนอยู่แล้ว’ รินค้อนเล็น

               

“อย่ามาจับโจเซฟินของฉันนะ”

                “ขอทรงประทานอภัยขอรับ”

 

มือบางกระตุกสายบังเหียน ม้าสาวโจเซฟินออกตัวอย่างไม่รวดเร็วนักแต่ก็ไม่ช้าเกินจนน่าเบื่อ มันวิ่งไปรอบๆสนามที่กว้างขวาง แม้จะยืนอยู่ไกลแต่ก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะชัดเจน

 

 

                “ฮ่า ๆๆ”

 

 

แม้จะรวบผมเอาไว้แล้ว แต่เส้นผมสีทองสลวยก็ยังปลิวไปตามสายลม เสียงฝีเท้าของม้าสีครีมดังสม่ำเสมอไม่ช้าไม่เร็ว เพราะฉะนั้นจึงลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุตกลงมาไปได้หน่อย

 

                “ท่านเล็นขอรับ”

 

เสียงทุ้มแก่ๆทำให้เล็นละสายตาจากองค์หญิงจอมเอาแต่ใจหันมามองชายแก่วัย60กว่าๆในชุดที่เป็นทางการสีเขียวแก่

 

                “มีอะไรงั้นหรือท่านเซเฟอร์?”

                “ใกล้จะได้เวลาประชุมแล้วนะขอรับ แต่ดูท่าองค์หญิงรินจะไม่ได้สนใจการประชุม…” ชายแก่นามเซเฟอร์พูดเสียงเรียบพลางใช้สายตาดุจดังเหยี่ยวเหลือบมององค์หญิงผู้ถูกกล่าวถึง น้ำเสียงแสดงอาการไม่พอใจอยู่มาก คำพูดจึงออกมาในแนวประชดประชัน

                “กระผมอยากจะให้ท่านช่วยดึงสติองค์หญิงรินด้วยขอรับ”

                “ขอรับ…?” เล็นมองชายตรงหน้าอย่างแปลกใจ “ขออภัยนะขอรับ แต่กระผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดท่าน…”

                “กระผมหมายถึง ให้ท่านเล็นน่ะดัดนิสัยที่ไม่ได้เรื่องขององค์หญิงด้วยขอรับ” เซเฟอร์พ่นหายใจออกมาอย่างเคืองๆ “การจะเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดินแห่งนี้จะต้องมีความรับผิดชอบ ไม่เหลวไหล ใส่ใจในทุกๆเรื่อง มั่นคง แน่วแน่ ไม่หวั่นไหว กระผมเกรงว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอณาจักรนี้คงจะไม่เจริญ”

                “กระผมเข้าใจขอรับ” เล็นยิ้มบางๆ “แต่องค์หญิงรินเหนื่อยมาก เกรงว่าคงจะต้องขอเลื่อนการประชุม”

                “อะไรนะขอรับ?” เซเฟอร์ทวนเสียงสูง “นี่ความทุกข์ยากของประชาชนมันไม่มีความหมายอะไรเลยรึ?”

                “ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ กระผมคิดว่าเราประชุมกันมามากแล้ว และองค์หญิงก็ไม่ได้ไม่สนใจประชาชนนะขอรับ ท่านเหนื่อยและอยากพักผ่อน หวังว่าท่านเซเฟอร์คงจะเข้าใจ…”

                “ขอรับ กระผมเข้าใจ” ขุนนางชรากัดฟันแน่น “งั้นกระผมต้องขอตัว”

 

เล็นโค้งตัวให้ตามมารยาท  จนกระทั่งร่างของชายชราคนนั้นเดินกระฟัดกระเฟียดหายลับตาไป เด็กหนุ่มจึงหันมาให้ความสนใจแก่องค์หญิงอีกครั้ง

 

ท่าทางมีความสุขแบบนั้น ไม่อยากให้ใครมาทำลายไป…

 

“เล็น ฉันเหนื่อยแล้ว”

 

เสียงขององค์หญิงดังมาแต่ไกล เล็นสาวเท้าเข้าไปหาบริเวณที่โจเซฟินหยุดอยู่ องค์หญิงดูท่าทางจะขี่ม้าจนเหนื่อยมาก

 

                “ฉันจะลงเลยนะ ขี้เกียจนั่งแล้ว”

 

ยังไม่ทันเล็นจะพูดอะไร ร่างของเด็กสาวก็กระโดดลงมาจากหลังม้าทันทีแต่คงจะเสยหลักจนเกือบล้ม มือหนาคว้าตัวองค์หญิงน้อยเอาไว้แน่น ทำให้สูดกลิ่นหอมจากเสื้อผ้าของใครบางคนอย่างไม่ได้ตั้งใจ

 

                “....................”

                “....................”

 

เด็กทั้งสองต่างคนต่างเงียบ  จนได้ยินเสียงของลม ซักพักเล็นเริ่มรู้สึกตัวเพราะได้ยินเสียงโวยวายของนางกำนัลที่ตกใจและเริ่มแห่มาดู ทำให้เขารีบวางตัวองค์หญิงลงอย่างเบามือที่สุด

               

                “คราวหน้าระวังหน่อยนะขอรับ” เล็นเตือนเสียงเบา แต่ดูเหมือนคนฟังจะสติไม่อยู่กับที่ซะแล้ว สงสัยเป็นเพราะช็อค…ก็นะ ตกจากหลังม้าน่ะ ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ทุกคนอยากจะลองเผชิญเองหรอก เล็นพยายามดึงสติรินแต่ดูเหมือนจะไร้ผล จนเขาต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่นางกำนัลทั้งหลายแหล่ที่ต่างมาหอบพยุงองค์หญิงใหญ่ และบอกว่าจะพาองค์หญิงปพัก แถมยังบอกเขาอีกด้วยว่า ไม่ต้องรบกวนผู้ชายอย่างท่านเล็นหรอกเจ้าค่ะ

 

            ก็นะ เรื่องผู้หญิงๆน่ะ จัดการกันเองเถอะ…

 

แต่เล็นจะรู้ไหมนะว่าองค์หญิงน้อยของเขาไม่ได้ตกใจเพราะเรื่องนั้น?

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!