หวนกลับมาพบ
"ท่านแม่"เสียงที่เรียกของเหมยลี่ที่รีบเข้ามาหาผู้เป็นดั่งมารดา เมื่อสาวใช้มารายงานว่านายหญิงของเรือนอาการล้มป่วยหนักกว่าเดิม พอดีกับท่านหมอประจำตัวที่ได้มาอาศัยอยู่ที่จวนเพื่อติดตามอาการเพื่อที่จะรักษาได้ทันท่วงที
"ท่านหมอเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ"นางที่เอ่ยอย่างกังวล เพราะกับนั่งกุมมือสตรีวัยกลางคนที่มีสีหน้าซีดเซียว
"ฮูหยินน้อยเชิญด้านนอกเถิดขอรับ"ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกมา
"อะไรหรือท่านหมอ ทำไมถึงต้องมาคุยด้านนอก"นางไม่อยากคิดในแง่ลบ การที่ท่านหมอเรียกออกมาด้านนอกมักมีเรื่องที่หนักพอสมควร
"เรียนฮูหยิน ไม่สามารถที่จะรักษาได้แล้วขอรับ ไม่สามารถยื้อเวลาไปได้มากกว่านี้ได้แล้ว"ท่านหมอได้เพียงก้มหน้าไม่สามารถสบตากับคนตรงหน้าได้
เหรินเหมยลี่ที่เริ่มเข่าอ่อนเซไปด้านหลังยังดีที่สาวใช้เดินตามออกมาจึงช่วยประคองไว้ได้ทัน
"เมื่อวานท่านยังแข็งแรงคุยกับข้าได้อยู่เลย จะเป็นเช่นนี้ได้ยังไง"เหมยลี่นั้นยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังห่างไกลจากท่านแม่ ทั้งที่ยังยิ้มให้นางและเอ่ยชวนไปไหว้พระอยู่เลย หยดน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะเอ่ยสิ่งใด ท่านหมอผู้นี้เคยเป็นหมอหลวงอันดับหนึ่งเลยนะ ทำไมกันไม่มียาเทวดามารักษาได้เลยหรือ
"ลี่เอ๋อร์"เสียงเรียกแผ่วเบาเอ่ยหาลูกสะใภ้
"เจ้าคะ ข้าอยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ"เหมยลี่รีบเข้ามาพร้อมกุมมือบางนั้นอย่างทะนุถนอม นางร่ำไห้พร้อมมองหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่ควรจะมีอายุยืนมากกว่านี้ นางแต่เข้ามาครั้งแรกก็พบว่าท่านแม่ป่วยมาตลอด อาการที่ไม่ใช่โรค แต่เป็สภาพจิตใจที่แตกสลายและไม่อยากมีชีวิตอยู่ นางค่อยอยู่เคียงข้างมาตลอดแม้ว่าไม่ใช่แม่แท้ๆแต่ก็เหมือนแม่คนที่สองของนาง ตลอดสองปีที่อยู่ที่นางหวังว่าจะช่วงบรรเทาอาการช่ำใจนี่ได้ แต่ตนกลับไร้ความสามารถที่จะให้คนตรงหน้ามีชีวิตอยู่ พึ่งท่านจะเอ็นดูตนเพียงใดก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของท่านให้อยู่ต่อได้เลยหรือ
"ไม่ร้อง"เสียงหวานละมุนเอ่ยปลอบลูกสะใภ้คนงาม
ในยามราตรีที่หลับไหล ดวงจันทร์เต็มดวง ท่ามกลางเขตกองทัพ ที่ไร้แสงเทียนแต่ยังมีกระโจมหนึ่งที่มีใครบางคนที่ยังคงนั่งเขียนรายงานบนโต๊ะที่ยังกองพะเนินรอให้จัดการ ร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหล่าถอดมองเอกสารในมือวันนี้ควรจะเป็นคืนที่ปกติธรรมดาคืนหนึ่ง แต่กลับมีเสียงม้าที่ดังอยู่ภายนอก ก่อนที่จะมีทหารรีบเข้ามารายงานว่ามีจดหมายจากฮูหยิน สิ้นนั้นสร้างความแปลกใจไม่น้อย เพราะภรรยาไม่เคยส่งจดหมายมาหา และคงไม่เร่งด่วนขนาดใช้ม้าเร็วมาถึงที่นี่ ‘หลี่หนิงเหอ’รีบเปิดจดหมายก่อนจดหมายในมือจะร่วงหล่นด้วนบนพื้น และหันไปสั่งทหารให้เตรียมม้าในทันที จดหมายที่กล่าวถึงท่านแม่ที่กำลังจะล้มป่วยหนัก เมื่อมาเร็วมาถึงชายหนุ่มไม่รีรอรีบควงม้าออกไป การเดินทางจากต่างเมืองไปที่เมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มโดยไม่หยุดพัก จากที่อยู่ชายแดนก็มาถึงได้ในเร็ววัน
เสียงม้าที่วิ่งเข้ามาในเมืองหลวงก็เวลาฟ้าสางพอดี ชายหนุ่มควงมาถึงหน้าจวนมีบ่าวนั้นรอรับม้า หลี่หนิงเหอรีบวิ่งมาที่ห้องของมารดาเห็นเหล่าเครือญาติที่ต่างพากันมายืนรออยู่แล้ว ทำให้เขาหน้าถอนสี รีบจ้ำเท้าเข้ามาด้านใน เห็นร่างมารดาที่นอนอยู่เพราะกับฮํหยินเอกที่กุมมือร่ำไห้อยู่ แต่พอเห็นบุตรชายแท้นั้นมาถึง เหรินเหมยลี่จึงถอยออกมา ก่อนที่จะเดินออกมาทิ้งไว้เพียงเขาทั้งสองคนได้มีเวลาร่วมกัน
"ท่านแม่"บุรุษที่ร่างกายกำยำนั้นค่อยมานั่งแทนที่ภรรยาพร้อมนำมือเกาะกุมมือน้อย ๆ ของผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินเสียงที่กำลังรอคอยหญิงวัยกลางคนจึงลืมตาขึ้น ทอดมองบุตรชายเพียงคนเดียวที่มีใบหน้าคล้ายบิดาอยู่หลายส่วน
"มาแล้วหรือ เหอเอ๋อร์" นางค่อยนำมือนั้นจับดวงหน้าบุตรชายที่ก้มตัวให้มารดาจับสะดวก
"ขอรับท่านแม่ ข้าอยู่นี่แล้วใยท่านแม่ถึงมานอนอยู่เช่นนี้เล่าออกไปเดินชมสวนกับข้าไม่ดีกว่าหรือ"เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มปนเศร้า
"นั้นสินะ เจ้ามาที่ไรข้ามักพาเจ้าดูสวนที่ลี่เอ๋อร์ปลูกเสมอ"รอยยิ้มอละเสียงหัวเราะในลำคอ"เหอเอ๋อร์แม่ขอโทษที่อยู่กับเจ้าไม่ได้นานกว่านี้"หลี่หลิวหมิงจับมือบุตรก่อนจะลูบเบา ๆ
"ท่านแม่ใยท่านจากข้าไปเร็วนัก"เขาเอ่ยพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลริน แม้เป็นบุรุษที่ผ่านสงครามมากมาย การเห็นคนที่ตนรักจากไปเป็นหนที่สอง ขนาดฮ่องเต้ผู้เย็นชายังเสียน้ำตาให้ไทเฮาและเขาจะเหลืออะไร
"เหอเอ๋อร์ แม่ไม่สามารถอยู่กับเจ้าได้ได้แล้วจริง ๆ "
"ท่านแม่"เขาเอ่ยเรียกมารดา ถึงท่านหมอจะเคยบอกแล้วยาที่ให้เป็นแค่ซื้อเวลาเท่านั้น หากวันไหนที่มารดาไม่อยากมีชีวิตวันนั้นก็คือจุดสิ้นสุด แต่ทำไมถึงมาเร็วยิ่งนักเล่า
"ปล่อยแม่ไปเถอะนะ"คำที่เอ่ยหาใช้คำบอกลา ความเจ็บที่จุกในอกประโยคที่มารดาเอ่ยทำให้เหมือนมีดาบพันเล่มปักลงมากลางใจ ก่อนที่มารดาจะเอ่ยอีกครั้ง"แม่รักลูกมากนะจง..ใช้ชีวิตที่เหลือ..ให้..ดี.."สิ่งเสียงนั้นมือที่กุมมือหนาค่อย ๆ ร่วงหล่น พร้อมดวงตาที่ปิดสนิท
เสียงด้านในที่เงียบไปเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ในทันที เหรินเหมยลี่ได้ร่ำได้โดยมีไป๋ฮวาลูกพี่ลูกน้องของสามีค่อยปลอบประโลม ความเศร้าเสียใจนี่ยังคงดำเนินไปจึงงานศพและวันสุดท้ายที่ฝังหลี่ฮูหยินใหญ่การจัดงานเพียงเครือญาติ การจากไปที่สงบแล้วไม่มีสิ่งใดค้างคาใจ จนผ่านไปหลายวันที่งานศพนั้นจบ เหรินเหมยลี่ที่ยังคงเศร้ากับการจากไปกระหันทันและคิดว่าต่อไปนางจะทำสิ่งใดต่อเพราะการแต่งงานที่ไม่เคยอยู่ร่วมกับสามี ตลอดสี่ปีของนางก็มีแต่แม่สามีเท่านั้น วันนี้เองท่านพี่กำลังจะกลับไปที่ค่ายตามเดิมแล้ว นางก็ได้แต่กังวลว่าเขาจะเอายังไงกับนาง สี่ปีนี่ความห่างเหินของเราสองก็มีมากขึ้น เป็นสามีภรรยาแต่ไม่เคยได้มีโอกาสพูดคุยกันสักครั้ง มีเพียงแค่เงียบใส่กันและยิ่งงานศพนางก็ไม่รู้ว่าจะปลอบสามีอย่างไรเพราะนางเองก็เศร้าเสียใจไม่แพ้กัน และความห่างเหินนี่อีก เลยทำให้มีแต่ความเงียบงัน จนทุกย่างจบลงจากนี้ไม่รู้ว่าจำอย่างไรต่อ แต่ยังไม่ทันจะกล่าวอะไรต่อกันก็มีทหารจากต่างแดนมาพาตัวสามีนางไปออกศึกกระหันทันเมื่อพบว่าตอนนี้ศัตรูเคลื่อนพลกันแล้ว และดูท่าเขาต้องไปร่วมรบไม่รู้เลยว่าจะได้เจอกันอีกปีใด และนั้นคือครั้งสุดท้ายที่ได้พบ
...****************...
...สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ ...
...วันนี้มีเรื่องมาลงอีกแล้วจากการตัดสินใจคิดว่า ลงดีหรือเปล่า เพราะเรื่องยังแต่งไม่จบ แต่ไฟหมดมาหลายวัน🥲...
...จากประสบการณ์จากตัวเองที่ลองแต่งจบและลง หรือแต่งไปลงไปนั้น...
...พบว่าการแต่งจบก่อนลงของไรท์ ทำให้มีความรู้สึกกังวลและคิดมาก แต่งนิยายไม่สนุก กว่าจะลากให้จบได้ก็หลายเดือนเลย ขอบอกว่าตอนนั้นหมดไฟมากๆ แต่ก็พยายาม...
...ส่วนการแต่งไปลงไปนั้น ดีกว่าแต่จะมีข้อเสียเปรียบเยอะ แต่ถือว่าทำให้มีกำลังใจจากนักอ่านค่ะ ว่าแต่ละตอนดีหรือแย่ยังไงทำให้ไฟยังมีและขยันกว่าแต่งจบก่อนลง...
...เพราะฉะนั้นไรท์จึงทำการแต่งสด พยายามอัพให้ได้ทุกวันหรือวันเว้นวันให้ได้แม้จะมีงานประจำก็ตามค่ะ ...
...ขอฝากนิยายเรื่อง หวนกลับมาพบ ด้วยนะคะ เป็นนิยายแนวอบอุ่นหัวใจ ไม่ดราม่าค่ะ ฝากเอ็นดู ลูก ๆ ของไรท์ด้วยนะเจ้าคะ😘...
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments