เมื่อแม่นางสุ่ยหนิงเซียน ได้เดินทางออกไปแล้วผมจึงได้หันมาหาฉีหมิงพร้อมบอกว่า
" ท่านเองก็ไปจัดการธุรของท่านเถอะ ข้าเองว่าจะไปหา สหายข้าเช่นกัน "
ฉีหมิงที่ได้ยินอย่างนั้นจึงถามขึ้นมาอย่างร้อนรนทันที ที่รู้ว่าจะต้องแยกจากร่างบาง
" เจ้าจะไปที่ใดรึ " ฉีหมิงเอ่ยถามขึ้น
" ข้าจะไปแจ้งข่าวให้กับสหายข้าที่สำนักเทพกระบี่ แคว้นฉี จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนด้วย " ผมตอบไป
" ข้าอยากไปด้วย ข้าไม่อยากให้เจ้าไปคนเดียว " ฉีหมิงตอบ
" แล้วงานท่านเล่าท่านอ๋อง " ผมถามออกไป
ก่อนที่ฉีหมิงจะได้ตอบอะไร ก็มีองครักษ์เงาเข้ามารายงานว่า
" ท่านอ๋องพะย่ะค่ะฮ่องเต้ทรงเรียกท่านอ๋องให้เข้าเฝ้า
พะย่ะค่ะ "
" ให้ข้าเข้าเฝ้าเรื่องอะไร" ฉีหมิงเอ่ยถาม
" เรื่องท่านเซียนในป่าทมิฬแล้วก็เรื่องบุรุษที่กินลูกไม้
พะย่ะค่ะ "
ฉีหมิงได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
" ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปได้ " ฉีหมิงเอ่ยตอบ
เมื่อองครักษ์เงาได้ออกไปแล้วร่างสูงจึงได้หันมาพูดกับร่างบางว่า " ชิงเอ๋อเจ้าจะเดินทางตอนนี้เลยงั้นรึ "
"ข้าว่าจะออกเดินทางภายในอีก 7 วันข้างหน้า" ผมตอบออกไป
" ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปที่สำนักดาราทมิฬกับข้าก่อนได้หรือไม่" ร่างสูงเอ่ยถามร่างบางด้วยสีหน้าอ้อนวอน
" ก็ได้ข้าจะไปที่สำนักดาราทมิฬพร้อมกับท่านก็ได้จะได้ถือโอกาสไปส่งเด็ก 2 คนนี้ด้วยข้าก็อยากจะไปดูว่าสำนักดาราทมิฬที่เป็นถึง 1 ใน 4 สำนักใหญ่จะเป็นยังไง "
ผมตอบออกไปยืดยาว
"งั้นพวกเราไปกันเถอะ" ฉีหมิงกล่าว
" แล้วจะไปกันยังไงล่ะ" ผมถามออกไปก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า
" งั้นพวกเราก็ขี่กระบี่ไปแล้วกันพวกเจ้ากลัวความสูงหรือไม่"
ผมหันกลับไปถามเด็กน้อยทั้งสอง
" ไม่กลัวขอรับ " เด็กน้อยทั้งสองตอบพร้อมกัน
" งั้นก็ดี " ผมพูดออกไปก่อนที่จะเรียกใช้วิญญาณยุทธ เรียกกระบี่ออกมา แล้วขยายให้ใหญ่พอที่จะขึ้นไปยืนบนนั้นได้
เหตุการณ์นั้นสร้างความตกใจให้กับทั้ง 3 คนเป็นอย่างมาก
" ชะ ชิงเอ๋อ นี่มันอาวุธวิเศษอันใดกัน " ฉีหมิงอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
" หึหึ ข้าไม่บอกท่านหรอก เอาล่ะขึ้นมาได้แล้ว " ผมตอบฉีหมิงไป ตอนที่จะร้องบอกให้ทุกคนขึ้นมา เมื่อได้ขึ้นมาแล้วก็ได้ออกตัวไปในทันทีตามทางที่ฉีหมิงบอก
" ทักษะที่ 3 กระบี่เร็วดุจปีกกระบี่บิน "
ผมพูดจบกระบี่ก็ทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงสำนักดาราทมิฬผมก็ได้บังคับกระบี่ลงจอดที่ลานกว้างของสำนักดาราทมิฬ
เมื่อมาถึงสำนักแล้วฉีหมิงก็ได้พาทุกคนเข้าไปที่ห้องโถงสำนักทันที ด้านในมีเหล่าผู้อาวุโสของสำนักกำลังนั่งรออยู่
"คารวะท่านประมุข " ผู้อาวุโสทุกคนกล่าวขึ้นพร้อมกัน
" ทุกคนตามสบายเถอะ " ฉีหมิงเอ่ยขึ้นก่อนจะมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาว่า
" ท่านประมุขเรียกพวกเรามารวมกันมีเรื่องอันใดหรือ"
"ตอนนี้พวกพรรคมารกำลังซ่องสุมกำลังคนเพื่อโจมตีและยึดครองทั้ง 5 แคว้น และยังมีเหล่าบรรดาตระกูลใหญ่ในแต่ละแคว้นเข้าร่วมด้วย ที่ข้าเรียกพวกท่านมาประชุมกันในวันนี้เพื่อต้องการจะบอกเรื่องนี้ให้รับรู้และเตรียมการสืบเรื่องราว "
" อะไรนะพรรคมาร หรือท่านประมุข" ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวขึ้น
" ใช่แล้วท่านผู้อาวุโสสูงสุดตอนนี้พรรคมารมันได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้วและในแคว้นของพวกเรายังมีตระกูลใหญ่ที่เข้าร่วมกับพรรคมารอีกด้วย" ฉีหมิงเอ่ยตอบ
" มีคนของตระกูลใหญ่เข้าร่วมกับพรรคมารด้วยหรือเป็นตระกูลใดกัน " อาวุโส 3 เอ่ยถามขึ้น
"เป็นตระกูลเฟย " ฉีหมิงตอบแล้วพูดต่อว่า
" แต่เรายังไม่มีหลักฐานเพราะฉะนั้นพวกท่านต้องจับตาดูตระกูลเฟยไว้ให้ดี "
" ขอรับท่านประมุข " ผู้อาวุโสในห้องโถงต่างเกิดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ทั้งหมดจะหันไปมองบุรุษร่างบางในชุดอาภรณ์สีขาวที่ใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าและเด็กชาย 2 คนที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะถามท่านประมุขของตนออกไปว่า
" แล้วสามคนนี้คือผู้ใดหรือขอรับท่านประมุข "
" เด็ก 2 คนนี้คือลูกของแม่นางสุ่ยหนิงเซียนที่เป็นบุตรสาวคนรองของประมุขตระกูลสุ่ยแห่งแคว้นอี้ที่โดนฆ่าล้างตระกูลเมื่อ 3 เดือนก่อน และคนที่แจ้งข่าวเรื่องพรรคมารให้กับข้าก็คือแม่นางสุ่ยหนิงเซียน "
ฉีหมิงพูดออกไปอย่างยืดยาว จนสร้างความตกใจให้กับเหล่าผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก และก่อนที่จะได้หายตกใจนั้นก็ได้ยินเสียงประมุขของตนเอ่ยขึ้นมาอีกว่า
" ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆข้านั้น พวกท่านคงจะเคยได้ยินข่าวเรื่องท่านเซียนที่อยู่ภายในป่าเทวะทมิฬแล้วใช่หรือไม่คนผู้นี้ก็คือท่านเซียนที่อยู่ในป่าทมิฬ "
" สวัสดีข้ามีนามว่า ไป๋ชิง" ผมพูดทักทายออกไปโดยไม่ได้สนใจบรรยากาศรอบข้างเลยสักนิด
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 68
Comments