Chapter 3

...ไม่ว่ายังไง...

...ฉันสัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องเธอเอง...

...บรรณวัชร...

นักรบฟีนิกซ์ที่นอกเหนือจากความสามารถในการรบแล้ว ยังมีอีกเรื่องเป็นที่เล่าขานสืบมาหลายรุ่นนั้นคือคู่ครองของนักรบฟีนิกซ์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผูกวิญญาณ อันหมายถึงมีการผูกจิตกับคู่แท้ซึ่งพวกเขาไม่มีทางรู้ล่วงหน้าว่าเป็นใคร นอกจากจะได้เห็นหน้ากันเท่านั้นถึงจะรู้ และพวกเขาความสนใจทุกอย่างจะมาอยู่กับคู่ที่ตัวเองผูกจิตเพียงผู้เดียว เสมือนเป็นทุกอย่างของชีวิตเลยก็ว่าได้ แปลอีกนัยคือพวกเขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองด้วย เป็นเหตุให้นักรบฟีนิกซ์หลายคนโดยเฉพาะรุ่น ๆ จะค่อนข้างหวาดกลัวต่อการผูกวิญญาณพอสมควร และอีกสิ่งหนึ่งที่การันตีได้เลยว่า นักรบฟินิกซ์จะไม่มีวันให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายคู่ตัวเองเด็ดขาด ดั่งคำที่ว่าไว้ "นกฟีนิกซ์จะปกป้องคุ้มครองคู่ของมัน" แต่จะมีนักรบฟีนิกซ์ไม่กี่คนที่ได้รับสัญญาณบางอย่างว่ากำลังจะพบคู่ผูกวิญญาณ บางก็เห็นเป็นภาพนิมิตหรือบางทีได้ยินเสียง

ลักษณะแบบนี้เรียกว่า โซลเมท ซึ่งมันจะนำพาให้นักรบฟีนิกซ์เจอกับคู่ผูกวิญญาณของตนเอง ทว่าน้อยคนมากที่จะเจอปรากฏการณ์โซลเมท หนึ่งในนั้นก็คือบรรณวัชรที่ได้ยินเสียงโซลเมทครั้งแรก คือสมัยที่เขาอายุเพียงหกขวบและจู่ ๆ เสียงของโซลเมทก็หายไป จนมาได้ยินอีกครั้งเมื่ออายุย่างเข้าวัยรุ่นซึ่งรอบนี้มันมาเป็นภาพเคลื่อนไหวในแบบมุมมองบุคคลที่หนึ่ง บรรณวัชรไม่มีวันลืมเลือนความเจ็บปวดของโซลเมทที่ถูกกลั่นแกล้งโดยกลุ่มเด็กเกเร เขาในตอนนั้นสื่อสารกับเธออีกครั้งและเธอก็ได้ยินเสียงเขาเช่นกัน นับแต่นั้นเขาก็พูดคุยกับเธอทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน ครั้งสุดท้ายที่บรรณวัชรได้ยินเสียงโซลเมทคือก่อนอายุย่างสิบสาม คำมั่นสุดท้ายที่เขาเคยให้ไว้ ไม่เคยถูกหลบเลือนไปตามกาลเวลา

......... ฉันจะตามหาเธอให้พบ ........

...🔫🔫🔫🔫🔫🔫🔫...

บรรณวัชรนำเรื่องที่เกิดขึ้นมาเล่าให้เพื่อนทั้งห้าฟัง ทุกคนต่างตื่นเต้นแทนเขาราวกับจะไปทำภารกิจเสียเอง เขาไม่รอช้ารีบจัดเตรียมสัมภาระต่าง ๆ และรีบไปรายงานตัวกับนิติพงศ์ที่รอเขาอยู่ จากนั้นทั้งสองก็พากันมาสมทบกับพันเอกคริสและร้อยเอกไบรอัน ซึ่งรออยู่ที่ลานจอดเครื่องบิน อีธานกับมีอาขึ้นเครื่องไปแล้ว จึงเหลือแค่กลุ่มพันเอกคริสเท่านั้น หยางเสี่ยวฟงและพวกสหกรรมตามมาส่งบรรณวัชรกับนิติพงศ์ พร้อมกับคำอวยพรขอให้ทั้งสอง รวมทั้งทีมพันเอกคริสโชคดีกับภารกิจที่กำลังจะมาถึง ระหว่างนั้นหยางเสี่ยวฟงก็ได้แยกตัวมากับนิติพงศ์ ถือว่าผิดวิสัยของอีกฝ่ายมากในฐานะที่เขารู้จักกันมานาน

[นับเงิน นายช่วยอะไรหน่อยได้ไหม] หยางเสี่ยวฟงพูดผ่านโทรจิต ราวกับไม่ต้องการให้ใครรู้บทสนทนาต่อจากนี้

[อะไรหรือเพื่อน ว่ามาเลย] นิติพงศ์ถาม

[ฉันรู้สึกได้ว่าเรดฟิลด์ปกปิดบางอย่างเกี่ยวกับ B.S.A.A และเรื่องภารกิจเคลื่อนย้ายครอบครัววินเทอร์ด้วย]

คำพูดของหยางเสี่ยวฟงทำให้นิติพงศ์หันขวับมามอง เขารู้นิสัยของหยางเสี่ยวฟงดีหากไม่มีอะไรสะดุดตาละก็ จะไม่พูดอะไรมั่วซั่วเป็นอันขาดและพอไตร่ตรองดูอีกที ตัวของนิติพงศ์เองก็ยอมรับว่าก็สงสัยเหมือนกันว่าพันเอกคริสมีปัญหาอะไรกับต้นสังกัด จนถึงกับไม่คิดจะบอกเรื่องเอายุวชนทหารจากฟรอนเทียร์ติดตามไปด้วย อย่างไรก็ตามเสียงของทหารคนหนึ่งในทีมของพันเอกคริสก็ตะโกนเสียงดังว่า "นิติพงศ์! เครื่องจะออกแล้วถ้านายชักช้า เราจะให้นายเกาะปีกนกตามเครื่องบินละกัน" พอได้ยินแบบนั้นนิติพงศ์จึงหันมาพูดผ่านโทรจิตว่า [นายไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันไม่ปล่อยไว้แน่] ทหารหนุ่มวิ่งขึ้นมาบนเครื่องบินเป็นคนสุดท้ายโดยเขามานั่งข้าง ๆ บรรณวัชรที่ดูจะตื่นเต้นพอสมควรเพราะนี่จะเป็นครั้งแรก ที่เขาต้องมาทำภารกิจคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนทั้งห้าติดตามมาด้วย สี่นาทีต่อมาเครื่องก็พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าในที่สุด บรรดาเหล่าลูกทีมของพันเอกคริสต่างพากันนอนหลับพักเอาแรง ยกเว้นเพียงบรรณวัชรที่ยังนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ เช่นเดียวกับนิติพงศ์ที่ยังจดจ่อกับงานบางอย่างที่บรรณวัชรไม่ได้สนใจนัก

"พี่ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" บรรณวัชรหันมาพูดนิติพงศ์ที่นั่งข้าง ๆ

"อืม" นิติพงศ์รับคำ

เด็กหนุ่มปลดล็อกคาดเข็มขัดนิรภัยออกและเดินไปที่ห้องน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับรถจิ๊ปจอดอยู่และพอเขาเดินไปได้สักพัก เขาก็เหมือนได้ยินเสียงคนกำลังมีปากเสียงกัน บรรณวัชรจำได้ว่านี่เป็นเสียงของอีธานกับมีอา ด้วยความสงสัยเขาจึงแอบย่องเบาไปหลบอยู่ด้านหลังรถจิ๊ป เขาชะเง้อหน้าออกมาเล็กน้อย สองสามีภรรยาดูเหมือนกำลังโต้เถึยงบางอย่างอยู่ คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับลูกสาวของทั้งสองคน ด้วยความที่อยู่ระยะไกลเล็กน้อยทำให้บรรณวัชรจำใจความยังไม่ค่อยได้ เขาจึงพยายามขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดหนึ่งเพื่อที่จะได้ยินให้ชัด พร้อม ๆ กับไม่ทำให้เกิดเสียงดังจนอีกฝ่ายได้ยิน และพอเด็กหนุ่มอยู่ในตำแหน่งที่ได้ยินชัดเจนขึ้น เขาก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหน

"ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณจะกังวลอะไรมากมาย มันผ่านมาหลายปีแล้วนะอีธาน" มีอาพูดอย่างเหลืออด "ตอนที่โรสเกิด เราสัญญากันแล้วว่าจะไม่คิดถึงมันอีก" อีธานที่ได้ยินเขาก็สวนกลับใส่ภรรยาทันที

"ถามจริง ! คุณคิดว่าเราจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในหลุยเซียน่า ได้จริง ๆ เหรอมีอา พวกนั่นพยายามจะทำอะไรบางอย่างกับคุณ... ตอนที่... โรสยังอยู่ในท้อง มันบอกว่าลูกของเราได้รับพรจากเทพีวาร์ดา ผมก็ไม่รู้ว่าคืออะไร"

บรรณวัชรสะดุดตรงชื่อของเทพีนาม วาร์ดา หากจำไม่ผิดพระนางคือเทพีแห่งดวงดาว ส่วน "โรส" น่าจะเป็นชื่อของลูกสาวพวกเขา ปัญหาคืออะไรกำลังกวนใจอีธานจนถึงขั้นวิตกกังวลขนาดนี้ และแล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าภารกิจของทีมพันเอกคริสคือพาครอบครัวนี้ไปหลบภัย เพราะเคยถูกคุกคามโดยพวกอินูมินารอสมาก่อน จะว่าไปกลุ่มอินูมินารอสก็เคยปะทะกับหน่วยรบพิเศษ SAS มาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนพวกมันมีกี่คนแต่ที่รับประกันได้คือประวัติของแต่ละคน ก็ล้วนไม่ธรรมดาเลยทั้งสิ้นบางคนเลวยิ่งกว่าเดรัจฉานเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากอีธานจะฝังใจกับเรื่องราวในอดีตที่ต้องเผชิญหน้ากับอินูมินารอส ทว่าขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจมีอาที่ต้องทิ้งอดีตเลวร้ายไว้ข้างหลังเพื่อเดินหน้าต่อ คำถามต่อมาของบรรณวัชรคือทำไมพวกอินูมินารอสจึงตามล่าครอบครัววินเทอร์ พวกเขามีความเกี่ยวข้องยังไงกับเทพีวาร์ดากันแน่ หรือบรรพบุรุษของทั้งสองจะเคยเป็นนักบวชที่เคารพบูชาเทพีวาร์ดา

"พอได้แล้วอีธาน ฉันเหนื่อยกับเรื่องนี้เต็มทีแล้ว.... ฉันแค่อยากให้โรสมีชีวิตเหมือนกับเด็กคนอื่น แต่คุณกลับทำมันพังหมดเลย!" เสียงของมีอาแสดงถึงสิ่งที่อดทนอดกลั้นกับความวิตกกังวลของสามีมานาน ซึ่งดูเหมือนฝั่งของอีธานจะรับรู้ด้วยเช่นกัน

"มีอา ! คุณคิดว่ามีแค่คุณคนเดียวหรือไง ผมก็อยากให้โรสมีชีวิตปกติเหมือนกันนะ !" อีธานไม่ยอมอ่อนข้อเช่นกัน

แน่นอนว่ามันจะยิ่งทำให้มีอาเดือดดาลมากขึ้น

"ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงก็คงไม่ทำให้มันยุ่งยากแบบนี้หรอก !"

พูดจบมีอาก็ผลักตัวอีธานออกไปและเดินหายเข้าไปในห้องพักส่วนตัว เสียงปิดประตูอาจทำให้ฝั่งทีมของพันเอกคริสสะดุ้งตื่นได้ ด้านอีธานที่โดนภรรยาพูดกระแทกหน้าใส่ เขาก็ไม่สามารถต่อล่อต่อเถียงกับมีอาต่อได้ อีธานจึงทำได้แค่พ่นลมหายใจและเดินแยกไปอยู่อีกห้องหนึ่งแทน บรรณวัชรนิ่งอยู่สองนาทีเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครแล้ว เด็กหนุ่มจึงแยกตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว เสร็จแล้วบรรณวัชรก็เดินกลับมาสมทบกับนิติพงศ์และคนอื่น ๆ เป็นอย่างที่บรรณวัชรคิดเอาไว้ไม่มีผิดเสียงทะเลาะของสองสามีภรรยาวินเทอร์ มันดังมาถึงฝั่งของนิติพงศ์จนลูกทีมของพันเอกคริสสะดุ้งตื่นกันหมด บรรณวัชรไม่พูดอะไรและเดินมานั่งที่เดิมของตัวเองและเลือกที่จะไม่พูดอะไร

[ไปนานจังนะ แอบฟังผัวเมียทะเลาะกันหรือไง บรรทัด] นิติพงศ์ถามผ่านโทรจิต

[เสียงดังขนาดนี้คงเรียกว่าแอบฟังไม่ได้แล้วล่ะครับพี่] บรรณวัชรพูด

[เฮ้อ... น่าเห็นใจคุณวินเทอร์นะ ที่ต้องเจอประสบการณ์เลวร้ายแบบนั้น จะจิตตกก็ไม่ใช่เรื่องแปลก]

แวบหนึ่งบรรณวัชรอยากบอกนิติพงศ์เรื่องเทพีวาร์ดา แต่ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ เขากลับเปลี่ยนใจเลือกที่จะไม่พูด

...🔫🔫🔫🔫🔫🔫🔫...

สนามบินกองทัพอากาศ ประเทศซาเรส

หลังจากที่ต้องนั่งนานอยู่บนเครื่องบินนานถึงแปดชั่วโมง ในที่สุดบรรณวัชรก็ได้เหยียดแข้งเหยียดขาและเดินลงจากเครื่อง เขาหันไปมองอีธานกับมีอาที่ยังไม่มองหน้ากันเหมือนเดิม สงสัยจะยังโกรธกันอยู่เพราะเธอเดินผ่านสามีไปราวกับอีธานไม่มีตัวตน ทีมพันเอกคริสเลือกที่จะไม่สนใจเขาได้เดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่กำลังรออยู่ นิติพงศ์เรียกให้บรรณวัชรมาช่วยยกสัมภาระขึ้นรถจิ๊ปที่ขับออกมาจากเครื่องบิน ในเสี้ยววินาทีนั้นมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแม้แต่บรรณวัชรก็ตั้งตัวไม่ทัน แวบหนึ่งเขาเหมือนจะได้ยินเสียงลมหายใจของใครสักคน มันเหมือนอยู่ใกล้ ๆ เขามากทั้งที่ความจริงมีแค่บรรณวัชรกับนิติพงศ์สองคนเท่านั้น นาทีต่อมาก็มีภาพของบางอย่างผุดขึ้นในจิตใต้สำนึก

ภาพของเด็กสาวกำลังนั่งเล่นผมอยู่ตรงไหนสักแห่ง บรรณวัชรคิดว่าเธอน่าจะอยู่ในสนามบิน และแม้จะเห็นหน้าไม่ชัดเจนแต่บรรณวัชรมั่นใจว่า เธอน่าจะอายุไล่เลี่ยกับเขา คิดว่าคงจะรอใครสักคนแต่แล้วเสียงของนิติพงศ์ดังขึ้น "ไอ้บรรทัด! เป็นอะไรของแกเนี่ย เรียกตั้งนานหูดับหรือไง" บรรณวัชรสะดุ้งได้สติและพบว่า เขายังอยู่ท้ายรถจิ๊ปและยังขนสัมภาระไม่เสร็จ สีหน้าอันมึนงนบนสีหน้าของบรรณวัชร ทำให้นิติพงศ์พอจะคาดเดาบางอย่างได้ เพราะเขาก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน ฝั่งพันเอกคริสที่ได้ยินเสียงโวยวายของนิติพงศ์ จึงเดินมาหาทั้งสองด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"ทุกอย่างเรียบร้อยไหม หนุ่ม ๆ" พันเอกคริสถาม

"เรียบร้อยครับ เจ้าบรรทัดมันแค่เหนื่อยนะครับ คงจะเบลอ ๆ" นิติพงศ์อธิบาย

เมื่อขนย้ายสัมภาระขึ้นท้ายแล้วนิติพงศ์และบรรณวัชร เดินไปสมทบกับพวกพันเอกคริสที่พึ่งคุยกับเจ้าหน้าที่มา ภายหลังทั้งสองจึงรู้ว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่ของ B.S.A.A. ซึ่งทำงานประสานกับพันเอกคริสโดยตรง เธอได้รายงานกับอีกฝ่ายว่าทันทีที่พันเอกคริสส่งคำสั่งมา เธอก็รีบไปรับตัว โรสแมรี่ วินเทอร์ ลูกสาวของอีธานและมีอา ซึ่งกำลังเรียนหนังสืออยู่ ตอนนี้รออยู่ที่ประตูทางออกพร้อมบอดี้การ์ดคุ้มกันสามคน พันเอกคริสจึงบอกให้พาเธอมาที่ลานจอดรถ เจ้าหน้าที่หญิงพยักหน้ารับทราบและคว้าวิทยุสื่อสาร เพื่อให้พาตัวเด็กสาวมาที่ลานจอดรถ เวลาผ่านไปสี่นาทีบอดี้การ์ดเดินมาพร้อมกับเด็กสาวคนหนึ่ง เธอไว้ผมยาวเลยหัวไหล่สีทองบลอนด์จาง สวมเสื้อแจ็ดเก็ตแบบเดียวกับอีธาน และสวมหมวกแก๊ปสีดำ

"พ่อคะ แม่คะ" เด็กสาวคนนั้นวิ่งไปสวมกอดมีอากับอีธาน

"เด็กคนนั่นคือ..." บรรณวัชรหันมาถามร้อยเอกไบรอัน ซึ่งยืนอยู่ข้างขวามือของเขา

"โรสแมรี่ วินเทอร์ ลูกสาวของอีธานกับมีอา วินเทอร์"

...🔫🔫🔫🔫🔫🔫...

เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!