Chapter 2

...คนบางคนยอมเสียเวลา...

...เกือบจะครึ่งชีวิตเพื่อไล่ตามหา...

...สิ่งที่มันไม่มีทางเป็นจริง...

...พันเอกคริส...

เสียงนาฬิกาได้ปลุกให้ บรรณวัชร หรือ บรรทัด สะดุ้งตื่นขึ้น เขาคว้าแว่นตามาสวมใส่และมองดูนาฬิกาข้างเตียง ตอนนี้มันเป็นเวลาตีห้าครึ่งกำลังจะหกโมงเช้า คงด้วยความเคยชินทำให้เขามักเผลอตั้งเวลาปลุกทั้งที่วันนี้คือวันหยุด บรรณวัชรหันไปมองรอบห้องดูเหมือนว่าเสียงนาฬิกาของเขา จะไม่ได้ทำให้เพื่อนอีกห้าคนของเขาสะดุ้งตื่นเลย คาดว่าเมื่อวานคงจะฝึกหนักกันอย่างหนักไม่ใช่น้อย หากลองฟังเสียงกรนที่ดังมาจากเตียงที่ สหกรรม หรือ ไตเติ้ล นอนอยู่มันก็บ่งบอกความเหน็ดเหนื่อยได้อย่างดี ตอนนี้บรรณวัชรพบว่าเขานอนอิ่มแล้วและคงจะทนฟังเสียงกรนไม่ไหว จึงตัดสินใจลุกจากเตียงแล้วค่อย ๆ เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะไปอาบน้ำ เมื่อเขาคว้าผ้าขนหนู ยาสีฟัน สบูและเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนแล้ว ก็มีเสียงทักจากด้านหลังของเขา

"นายตื่นแล้วเหรอ บรรทัด" มันเป็นเสียงของ ภวัต หรือ ไฮไลท์ ที่กำลังขยี้หน้าตัวเองให้ตาสว่าง

"ใช่" บรรณวัชรตอบ "นาฬิกาของฉันทำนายตื่นสินะ"

ภวัตโบกมือไป-มาเชิงว่าไม่เป็นไร "ช่างมันเถอะ ฉันหลับไม่สนิทเท่าไหร่เพราะเสียงกรนไอ้ไตเติ้ลนะ"

ทั้งสองพากันเดินออกจากห้องเพื่อไปยังห้องอาบน้ำรวม บรรณวัชรไม่แน่ใจว่าวันหยุดเขาอยากทำอะไร จะกลับไปบ้านก็คงไม่ได้เพราะตอนนี้ พันเอกทวี และ วรรณวิศา พ่อแม่ไม่ได้อยู่บ้านไปเที่ยวต่างเมืองราว ๆ สามอาทิตย์ ซึ่งบรรณวัชรคิดว่ามันเป็นเรื่องดีเพราะที่ผ่านมาพ่อก็ไม่ค่อยมีเวลาให้แม่เลย ที่พันเอกทวีก็กำลังวางแผนจะเกษียณราชการทหาร ทันทีที่เขาพ้นสภาพยุวชนทหารมาเป็นทหารชั้นประทวน ระว่างทางบรรณวัชนกับภวัตก็เจอกับ หยางเสี่ยวฟง ทหารรุ่นพี่ผู้ซึ่งมารับหน้าที่ฝึกพวกเขาตั้งแต่ก้าวเท้ามาอยู่ทีมจู่โจม ทีมดาร์คเนสส์วอริเออร์ เป็นหนึ่งในทีมจู่โจมที่สังกัดอยู่ใน หน่วยรบ SAS เด็กหนุ่มทั้งสองไม่รอช้าต่างทำความเคารพอีกฝ่ายทันที หยางเสี่ยวฟงแค่พยักหน้ารับและพูดว่า "ตามสบายเลย ตื่นเช้าจังนะพวกนายเนี่ย" พวกเขาแค่ยิ้มรับและขอตัวที่จะไปอาบน้ำ ทว่าหยางเสี่ยวฟงรั้งไว้แค่บรรณวัชรคนเดียว เด็กหนุ่มหันมามองรุ่นพี่ด้วยความสงสัย

"หลังนายทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว มาเจอฉันที่ห้องประชุมเล็ก" หยางเสี่ยวฟงพูด

"วันนี้เหรอครับ" บรรณวัชรพูดพลางขมวดคิ้ว "แต่นี่วันหยุดไม่ใช่เหรอครับ"

"มีคนอยากเจอนาย"

"ใครครับ"

หยางเสี่ยวฟงไม่ตอบและเดินจากไปเสียดื้อ ๆ ตามนิสัยของรุ่นพี่คนนี้ ไม่ใช่คนที่จะบอกรายละเอียดต่าง ๆ ในพื้นที่สาธารณะ บรรณวัชรจึงไม่อาจได้รับคำตอบที่ตนสงสัยในตอนนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจเดินตามภวัตไปเข้าไปข้างในห้องอาบน้ำแล้ว ระหว่างที่ทั้งสองกำลังชำระร่างกายกันนั้น บรรณวัชรเล่าเรื่องที่หยางเสี่ยวฟงนัดให้มาเจอห้องประชุมเล็กให้เพื่อนฟัง ด้านภวัตคิดว่าอาจจะเป็นภารกิจเดี่ยวที่จะทดสอบวัดฝีมือหรือเปล่า ตามธรรมเนียรของหน่วยรบ SAS จะมีการมอบภารกิจเดี่ยวให้กับนักรบในสังกัดไปทำ เพื่อพิสูจน์ฝีมือของตนเองว่าคู่ควรที่จะเป็น นักรบฟีนิกซ์ ที่ได้รับพรจากลูกแก้วทั้งสิบสามลูก อันเกิดจากการเผาไหม้ของเทพนกฟีนิกซ์ทั้งสิบสามตน อันได้แก่ สีน้ำเงิน สีแดง สีดำ สีเทา สีทอง สีเขียวมรกต สีฟ้า สีม่วง สีแสด สีเงิน และอีกสามลูกที่มีความพิเศษมากกว่าลูกอื่น ๆ คือ ลูกแก้วมนตรา ลูกแก้วสุริยะ และลูกแก้วจันทรา

ลูกแก้วทั้งหมดถูกเรียกขานว่า ลูกแก้วฟีนิกซ์ ซึ่งจะมอบขุมพลังให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติและเหมาะสม ในการที่จะได้ครอบครองพลังของเทพนกฟินิกซ์ ในทุก ๆ ปีของวันที่ยี่สิบสองพฤษภาคม บรรดาเด็ก ๆ ที่มีอายุครบหกขวบหรือกำลังจะย่างเข้าหกขวบ จะถูกส่งมายังวิหารนกฟินิกซ์ซึ่งเป็นที่บรรจุลูกแก้วทั้งสิบสามลูก โดยผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องรักษาจะถูกเรียกว่า นักบวชฟีนิกซ์ จะทำหน้าที่นำผ่านเด็ก ๆ มายังลานกว้างที่รายล้อมไปด้วยลูกแก้วฟินิกซ์ เด็กคนใดที่ได้รับพรจากลูกแก้วแล้วจะถูกส่งไปอยู่กองพันฟินิกซ์ ซึ่งเป็นกองทัพของนักรบฟินิกซ์โดยเฉพาะ จุดเด่นของนักรบฟีนิกซ์คือพวกเขาจะมีพลังเยียวยาบาดแผล ไม่ว่าแผลนั้นจะสาหัสหนักหนาแค่ไหนมันก็ถูกรักษา และหายเป็นปลิดทิ้งในเวลาไม่นาน และยังมีโทรจิตไว้ติดต่อหากันได้อีกด้วยเพราะขุมพลังอีกอย่างคือ พวกเขามีจิตที่เชื่อมถึงกันและกันสามารถรู้ชื่อของอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องถามชื่อ ด้วยความพิเศษนี้ทำให้เหล่านักรบฟีนิกซ์รุ่นใหม่ ถูกฝึกเข้มข้นกว่าทหารทั่วไปถึงสิบเท่า

สำหรับกองพันฟีนิกซ์จะมีอยู่ทั้งหมดเก้ากองพัน โดยหนึ่งกองพันมีสี่กองร้อยและหนึ่งกองร้อยจะมีสิบหมวด นอกเหนือจากกองพันฟีนิกซ์แล้วยังมีสองหน่วยรบพิเศษ ที่แยกออกมาอีกหน่วยรบนี้จะมีการฝึกแบบเดียวกับหน่วยรบพิเศษอื่น ๆ เพียงแต่จะมีความเข้มข้นกว่าห้าเท่า มีชื่อว่า หน่วยรบ SAS หน่วยรบฟินิกซ์ และ หน่วยรบอาร์ทิสส์ ซึ่งบรรณวัชรกับภวัตอยู่หน่วยรบ SAS สังกัดอยู่ทีมจู่โจมชื่อว่า "ทีมดาร์คเนสส์วอริเออร์" ลูกแก้วที่มอบพรให้กับบรรณวัชรเป็นสีแดง และเขายังได้เป็นลูกทีมปฏิบัติการพิเศษของหยางเสี่ยวฟง ที่ใช้ชื่อทีมว่า แองกรีธันเดอร์ ทว่าถึงกระนั้นบรรณวัชรก็พบว่าตนเองเหมือนแกะดำ มันก็เพราะเพื่อนทั้งห้าคนของเขาล้วนถนัดวิชาต่อสู้ระยะประชิด แต่ตัวเขานี่สิกลับเป็นคนเดียวเป็นสกิลหรือทักษะที่เรียกว่า อัศวินมือปืน แถมปืนที่เขาใช้มันก็รุ่นโบราณอายุกว่าสองร้อยปี มันเป็นปีนมรดกจากตาทวดที่เสียชีวิตไปนานแล้ว ถึงกระนั้นบรรณวัชรก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าแม้จะรุ่นโบราณ แต่มันกลับยังมีประสิทธิภาพในการใช้งานอยู่ ประกอบกับมันคือของต่างหน้าของตาทวดเขาเลยเลือกมันเป็นอาวุธประจำกายต่อไป

"นายกังวลใช่ไหม บรรทัด" ภวัตถามหลังจากที่ชำระร่างกายเสร็จแล้ว

"แล้วนายล่ะ ไม่กังวลบ้างเหรอ... ถ้ามันถึงคิวของนาย" บรรณวัชรถามกลับ

ภวัตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ "กังวลสิ แต่ฉันต้องทำให้มันเต็มที่ตามกำลังของฉัน"

ทั้งสองเดินลงมากินอาหารที่โรงอาหารของกองพันตามปกติ รอบนี้บรรณวัชรเลือกกินพายไส้เนื้อกับไข่ดาวราดซอสมะเขือเทศ สามนาทีต่อมาเพื่อนอีกสี่คนของเขา ต่างพากันมาสมทบกับทั้งสองที่โต๊ะซึ่งมีที่นั่งครบหกพอดี ระหว่างกินอาหารเช้าเมื่อบรรณวัชรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เพื่อน ๆ ตื่นเต้นแทนเขาไม่ว่าจะเป็นสหกรรม ซึ่งเจ้าตัวอิจฉาบรรณวัชรเล็กน้อยเพราะนึกว่าภารกิจเดี่ยวจะเป็นของตนคนแรกในกลุ่ม เช่นเดียวกับ พีรวัฒน์ หรือ จินเบ เพื่อนจอมบ้าพลังอีกคนตื่นเต้นไม่แพ้กัน ราวกับภารกิจเดี่ยวนี้จะเป็นของเขาเสียเองอย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเพียงการคาดเดาของพวกเขาทั้งหก เพราะคนที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ได้คงมีแต่หยางเสี่ยวฟงเท่านั้น

...🔫🔫🔫🔫🔫🔫...

บรรณวัชรแยกทางกับพวกภวัตที่ได้อวยพรขอให้เขาโชคดี เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในตึกทำการ สืบเนื่องจากมันเป็นวันหยุดบรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบเหงา แต่ก็ยังมีคนเข้ามาทำงานอยู่เรื่อย ๆ เขาเลือกที่จะขึ้นบันไดไปทางขวามือ ห้องประชุมเล็กที่หยางเสี่ยวฟงใช้ประจำอยู่ชั้นสองไม่ไกลมาก บรรณวัชรเดินอย่างเชื่องช้าผิดวิสัยของเขาโดยสิ้นเชิง เด็กหนุ่มขยับแว่นตาและไล่ความคิดไร้สาระออกไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะไปหลงเชื่อคำพูดเกินจริงของสหกรรมได้ขนาดนี้ เมื่อตั้งสติได้บรรณวัชรก็เคาะประตูห้องประชุมเล็กสามครั้ง มีเสียงตอบกลับมาว่า "เข้ามาเลย" ประตูเปิดอ้าออกและพอบรรณวัชรเดินเข้ามา จึงพบว่าหยางเสี่ยวฟงไม่ได้อยู่ตามลำพังกลับมีชายวัยฉกรรจ์สามคนอยู่ด้วย โดยคนหนึ่งบรรณวัชรคุ้นหน้าอยู่ นิติพงศ์ นิเวศวัตร หรือ นับเงิน รุ่นพี่อีกคนจากทีมดาร์คเนสส์วอริเออร์ และยังเป็นผู้ถือสกิลอัศวินมือปืนเหมือนกับบรรณวัชร แต่อีกฝ่ายจะเน้นปืนอานุภาพรุนแรง

ทว่ากับชายวัยฉกรรจ์สองคนที่ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นทหารแน่นอน ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่อายุน่าจะสามสิบกว่า บรรณวัชรจำได้ว่าเมื่อวานเขาคือครูฝึกที่มาช่วยฝึกฝนให้กับทหารที่มีสกิลอัศวินมือปืนนั้นเอง แต่กับอีกคนเขายอมรับว่าไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย หยางเสี่ยวฟงให้เด็กหนุ่มนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม บรรณวัชรนั่งลงอย่างว่าง่ายแม้จะยังฉงนใจอยู่ไม่น้อย จากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออกอีกครั้งรอบนี้เป็นผู้ชายกับผู้หญิง ซึ่งดูจากการแต่งตัวของทั้งสองน่าจะเป็นพลเรือนและคงเป็นสามี-ภรรยากัน มันยิ่งทำให้บรรณวัชรมึนงงหนักขึ้นไปอีกว่านี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน ด้านหยางเสี่ยวฟงก็เหมือนจะรู้ความคิดของเด็กหนุ่ม

"ใจเย็น ๆ บรรทัด ฉันรู้ว่านายคงจะสับสนและอยากรู้ว่ามันมีเรื่องอะไรใช่ไหม" หยางเสี่ยวฟงถาม

บรรณวัชรแค่หยักหน้าตอบเท่านั้น

"โอเค ก่อนอื่นฉันขอแนะนำนายให้รู้จักกับ พันเอกคริส เรดฟิลด์ และ ร้อยเอกไบรอัน โดโนแวน จากองค์กร B.S.A.A. พวกเขาถูกเชิญให้มาเป็นครูฝึกชั่วคราวของที่นี่" หยางเสี่ยวฟงแนะนำ

"อันที่จริงอยากแก้ข่าวว่าโดนบังคับให้มามากกว่า" ร้อยเอกไบรอันพูดติดตลกและมองไปที่นิติพงศ์

หยางเสี่ยวฟงยักไหล่ก่อนจะหันไปทางสองสามีภรรยาที่อยู่ถัดไป

"แล้วสองคนนี้..." หยางเสี่ยวฟงหันหน้าไปทางพันเอกคริส ซึ่งก่อนที่พันเอกคริสจะเปิดปากพูดก็ถูกตัดบทขึ้นเสียก่อน

"ฉันชื่อ อีธาน วินเทอร์ ส่วนนี่ภรรยาของฉันชื่อ มีอา วินเทอร์ เรามาเพราะเรื่องลูกสาวของเรา" ชายชื่ออีธานกล่าว

"งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณวินเทอร์และคุณนายวินเทอร์ คิดว่าผู้พันเรดฟิลด์คงจะบอกคุณสองคนแล้วว่าผมเป็นใคร ดังนั้นจึงเหลือแค่หมอนี้คนเดียว" ว่าแล้วหยางเสี่ยวฟงก็เดินไปตบบ่าบรรณวัชรเบา ๆ "แนะนำตัวหน่อย บรรทัด"

บรรณวัชรลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนตัวตรงทั้งที่ไม่จำเป็นก็ได้

"ผมชื่อ บรรณวัชร กล้วยไม้ หรือจะเรียกผมว่า บรรทัด ก็ได้ครับ" บรรณวัชรกล่าวแนะนำตัวเอง

เมื่อผ่านการแนะนำตัวไปแล้วก็ถึงเวลาอันสมควร ที่พันเอกคริสต้องชี้แจงให้กับบรรณวัชรฟังว่าตอนนี้ทาง B.S.A.A ได้มอบหมายภารกิจคุ้มครองความปลอดภัยให้กับครอบครัววินเทอร์ ซึ่งพวกเขาคาดการว่ากลุ่มอาชญากรใต้ดินนามว่า อินูมินารอส กำลังตามล่าพวกเขาอยู่โดยเฉพาะกับลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา จากนั้นพันเอกคริสก็แสดงพิกัดการเดินทางให้บรรณวัชรดู พร้อมอธิบายว่าครอบครัววินเทอร์อาศัยอยู่ที่ประเทศซาเรสในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ หน้าที่ของทีมพันเอกคริสคือพาครอบครัวไปหลบภัยที่ศูนย์ใหญ่ของ B.S.A.A ประจำประเทศซาเรส เวลาการเคลื่อนพลจะเริ่มเวลาหนึ่งทุ่มของวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ถ้าหากบรรณวัชรตอบตกลงเขาจะได้ขึ้นเครื่องเดินทางไปยังซาเรสในวันนี้ เด็กหนุ่มที่ได้ยินก็ถึงกับนั่งแข็งเป็นรูปปั้นทันที ไม่คิดไม่ฝันว่าสิ่งที่ภวัตพูดไว้จะเป็นจริง.... เขาคือคนแรกในกลุ่มเพื่อนที่ได้รับภารกิจเดี่ยว!

"ผมมีคำถามครับ" บรรณวัชรพูดขึ้น ถึงแม้จะดีใจแต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่

"ว่ามาเลยทหาร" พันเอกคริสอนุญาต

"คือมันเป็นภารกิจของ B.S.A.A. ไม่ใช่เหรอครับ การเอาผมไปร่วมภารกิจด้วยอาจจะไม่ดี..."

"เรื่องนั้นนายไม่ต้องกังวล ทั้งหมดมันเป็นการตัดสินใจของฉันเองล้วน ๆ ไม่ต้องสนใจ B.S.A.A. หรอก ฉันจะรับผิดชอบเอง" พันเอกคริสตัดบทโดยที่บรรณวัชรพูดยังไม่จบ

หยางเสี่ยวฟงหันมาทางบรรณวัชร "ถ้านายไม่สะดวกใจจะรับภารกิจนี้ ฉันก็ไม่ตำหนินายนะแต่คงต้องหาคนอื่นไปแทน"

"ไม่จำเป็นหรอกเสี่ยวฟง ฉันไปแทนได้นะ" นิติพงศ์พูดขึ้น

"แหม ใจคอนายจะไม่แบ่งภารกิจ B.S.A.A. ให้คนอื่นเลยไง" หยางเสี่ยวฟงพูด

"ประสบการณ์ฉันมีมากกว่าว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

บรรณวัชรที่ได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงได้ตัดสินใจแบบนั้น แต่เขาก็ทำไปแล้วด้วยการพูดเสียงอันดังว่า

"ผมทำครับ ภารกิจนี้ผมขอรับครับ !"

...🔫🔫🔫🔫🔫🔫🔫🔫...

ฮอต

Comments

Beerus 🎉

Beerus 🎉

หิวอ่านอีกเลย แอดเขียนเรื่องเยอะๆ หน่อยนะ!

2024-02-27

1

ทั้งหมด
เลือกตอน

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!